ตอนที่แล้วบทที่ 5 คลื่นลมบังเกิดบนพื้นราบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 มังกรหงส์กลืนกิน ดาบฉวัดเฉวียน

บทที่ 6 นั่งชมเหล่าเซียนโต้เถียงกัน


หุบเหวไร้ขอบเขตซูเอี๋ยน ตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของต้าเสวียน ลึกจนมองไม่เห็นก้น เหนือหุบเหวมีหมอกหนาปกคลุมอยู่ตลอดปี

ไม่มีใครรู้ว่า ใต้หุบเหวมีอะไรอยู่บ้าง สถานที่ที่แม้แต่นกบินยังไม่เคยผ่าน หลายปีมานี้ก็ยังคงเป็นพื้นที่ต้องห้ามของมนุษย์

ส่วนหลี่ฟาน ผ่านประสบการณ์การจำลองครั้งที่แล้ว ก็ได้รู้ว่าหมอกหนาเหนือหุบเหวซูเอี๋ยนจะจางหายไปครั้งหนึ่งในทุกๆสิบห้าปี วันนี้ ที่เขามาถึงหุบเหวซูเอี๋ยน ก็เพื่อจะได้เห็นกับตาตัวเองสักครั้ง

อย่างไรเสีย หากเขาเดาไม่ผิด เต๋าเสวียนจื่อและโข่วหงสองผู้ฝึกเซียน น่าจะมาถึงดินแดนไร้เซียนผ่านทางหุบเหวซูเอี๋ยนนี้

หลี่ฟานยืนนิ่งเงียบ มองไปยังหุบเหวไร้ขอบเขตที่น่าหวาดหวั่นอยู่ไม่ไกลตรงหน้า รอคอยอย่างอดทน

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร หมอกขาวหนาทึบที่แผ่ซ่านกลิ่นอายโบราณนั้น ในที่สุดก็เริ่มเปลี่ยนแปลง

"อู้ววว..."

เสียงคล้ายเสียงคำรามต่ำๆของสัตว์ประหลาดโบราณ ดังแว่วมาจากด้านล่างอย่างเลือนราง จนกระทั่งเสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนจึงได้ยินชัดเจนว่า ที่แท้นั่นเป็นเสียงลม!

หมอกขาวหนาทึบถูกปั่นป่วน ก่อตัวเป็นระลอกคลื่นซ้อนกันหลายชั้น

ต่อมาลมก็ยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ หมอกขาวจำนวนมหาศาลถูกบังคับให้พุ่งทะลักออกมาจากหุบเหวซูเอี๋ยน ราวกับน้ำตกย้อนทิศ พุ่งตรงขึ้นสู่ขอบฟ้า

ลมแรงเช่นนี้กินเวลาอยู่ราวครึ่งชั่วยาม หมอกหนาทึบซ้อนชั้นจึงค่อยจางหายไป

สีหน้าของหลี่ฟานเคร่งเครียด หยิบกล้องส่องทางไกลออกมาจ้องไปยังก้นหุบเหวซูเอี๋ยน

ในตอนแรก ก้นหุบเหวซูเอี๋ยนเป็นเพียงความมืดสนิท มองอะไรไม่ชัดเจนเลย

ค่อยๆกลายเป็นแสงสว่างเล็กๆผุดโผล่ขึ้นมาเป็นจุดๆ

ผ่านไปนานพอควร แสงสว่างที่ก้นหุบเหวซูเอี๋ยนก็เจิดจ้า ภาพฉากหนึ่งที่สลับกลับหัวกลับหางราวกับภาพลวงตาปรากฏแก่สายตาของหลี่ฟาน

ตามข่าวกล่าวกันว่า ภาพที่ปรากฏขึ้นที่ก้นหุบเหวซูเอี๋ยน แต่ละคนมองเห็นไม่เหมือนกัน

และภาพตรงหน้าของหลี่ฟานในครั้งนี้ กลับทำให้จิตใจของเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ประตูภูเขาที่ผุพังแห่งหนึ่ง สิ่งปลูกสร้างที่พังทลายกระจัดกระจายทั่ว พื้นดินและผนังที่เต็มไปด้วยร่องรอยแตกร้าว เต็มไปด้วยรอยกระแทกของดาบและวิชาเวท

ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ดูเหมือนถูกเลือดย้อมจน ปรากฏเป็นสีแดงคล้ำประหลาด

โครงกระดูกที่กระจัดกระจาย และอาวุธที่กองระเกะระกะเต็มพื้น ราวกับกำลังเล่าเรื่องภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนโดยปราศจากถ้อยคำ

หลี่ฟานตะลึงงันไปทั้งตัว หมุนกล้องส่องทางไกล แล้วก็เห็นอักษรใหญ่สี่ตัวสลักอยู่บนหน้าผาลื่นเรียบของแนวเขาอีกแห่ง

"วิถีเซียนดับสูญ"!

ทั้งสี่ตัวอักษรเป็นสีแดงเข้ม ดูเหมือนถูกเขียนขึ้นด้วยเลือดสด

แม้จะอยู่ห่างออกไปไม่รู้เท่าไร ในตอนที่มองเห็นอักษรทั้งสี่ตัวนี้ หลี่ฟานยังสามารถรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวและสิ้นหวังที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดซึ่งซ่อนอยู่ภายใน

"วิถีเซียนดับสูญ... ที่นี่ มีเคราะห์กรรมใดเกิดขึ้นกันแน่ ทั้งยุทธภพเซียนก็เกิดอะไรขึ้นกันแน่" หลี่ฟานจมดิ่งลงไปในความคิด เงียบงันเป็นเวลานาน

......

หมอกหนาจางหายไปเพียงครึ่งวัน ก็เริ่มก่อตัวใหม่อีกครั้ง หลี่ฟานกลับไปเมืองเสวียนจิง

หลังจากนั้น กาลเวลาผ่านไป อย่างรวดเร็วก็มาถึงปีที่ 50 ที่ระบุไว้

วันนี้ หลี่ฟานมีอายุครบ 70 ปี ทหารนับพันคนในเมืองเสวียนจิงต่างตั้งท่ารอคอย

"เต๋าเสวียนจื่อ! เจ้าอย่าได้แกล้งกันให้มากนัก!"

โข่วหงหันกลับมาตะโกนด้วยความโกรธจัด ลอยตัวหยุดนิ่งอยู่เหนือน่านฟ้าเมืองเสวียนจิง

ทว่ายังไม่ทันที่เต๋าเสวียนจื่อจะโต้ตอบอะไร เสียงต่างๆก็ดังแว่วขึ้นมาจากด้านล่างก่อน ก้องไปทั่วเมืองเสวียนจิง

"โข่วหงเด็กน้อย พวกข้าได้รับคำสั่งจากท่านเซียนเต๋าเสวียนจื่อ คอยเจ้าอยู่ที่นี่นานแล้ว!"

ไม่เพียงแค่เสียง แต่ยังมีกระสุนปืนกราดมาดุจฟ้าคลุมดินอีกด้วย

เมื่อไม่ทันตั้งตัว โข่วหงก็ถูกยิงเข้าอย่างจัง

"เป็นไปได้อย่างไร? เต๋าเสวียนจื่อรู้ตั้งแต่แรกแล้วหรือว่าข้าจะหนีมาที่นี่? เขากลายเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมลึกซึ้งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!" โข่วหงทั้งตกใจทั้งโกรธ

และเป็นเรื่องที่ตามมาติดๆ โข่วหงพบด้วยความตกตะลึงว่า พลังเวทย์ของเขา ในขณะที่กำลังต้านทานอาวุธวิเศษเหล่านี้อยู่นั้น ก็กำลังถูกดูดกลืนอย่างรวดเร็ว เมื่อหยั่งญาณสัมผัสออกไปกวาดมอง โข่วหงก็เข้าใจในทันที

"หมอกพิษเซียนมนุษย์!? เต๋าเสวียนจื่อ เจ้าช่างเลวทรามเสียจริง!" โข่วหงมองเต๋าเสวียนจื่อที่ตามมาทีหลังด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ราวกับเพิ่งรู้จักสหายที่คบหากันมาร้อยปีผู้นี้เป็นครั้งแรก

เต๋าเสวียนจื่อในขณะนี้กลับรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

"พวกมนุษย์พวกนี้มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงได้อ้างนามของข้าไปโจมตีโข่วหง? แถมยังใช้หมอกพิษเซียนมนุษย์ได้อีก?" เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เต๋าเสวียนจื่อเลยตกอยู่ในสภาวะสมองค้างชั่วขณะ

แต่พอมองโข่วหงที่ตกอยู่ในภาวะโกรธจัดอยู่ไม่ไกล เต๋าเสวียนจื่อก็สะดุ้งเฮือกทันที

"ที่นี่มีบางอย่างผิดปกติ! โข่วหง พวกมนุษย์พวกนี้ไม่ได้อยู่ใต้คำสั่งของข้า!" เต๋าเสวียนจื่อรีบอธิบายทันที

"อย่างไรกัน? ทำแล้วไม่กล้ารับงั้นหรือ?" โข่วหงหัวเราะด้วยความแค้นกราดเกรี้ยว "หรือเจ้ากลัวว่าเรื่องที่ใช้หมอกพิษเซียนมนุษย์จะแพร่งพรายออกไป แล้วจะถูกผู้ฝึกวิชาเซียนทั้งปวงลงโทษ? หรืออีกอย่าง เจ้ากังวลมากกว่านั้นว่าชื่อเสียงที่เต๋าเสวียนจื่อเจ้าสร้างมาร้อยปีจะพังทลายในชั่วข้ามคืน?"

เต๋าเสวียนจื่อคุ้นเคยกับอุปนิสัยของพี่น้องผู้นี้เป็นอย่างดี รู้ว่าอีกฝ่ายตอนนี้ขาดสติไปแล้ว ต่อให้ตัวเองพูดอะไร อีกฝ่ายก็คงไม่ฟังอยู่ดี

เต๋าเสวียนจื่อรู้สึกอย่างลางๆว่าตัวเองกำลังติดกับของฝ่ายนั้น

กลิ่นอายประหลาดของที่นี่ยิ่งทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายที่ไม่เล็กน้อย

การต่อสู้กับโข่วหงในเวลานี้ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาด

ดังนั้น เขาจึงยังคงพยายามอธิบายให้โข่วหงฟังอย่างใจเย็นว่า "เรารู้จักกันมาร้อยปี เจ้าเคยเห็นข้าพูดโกหกบ้างหรือ? ที่นี่ไม่ใช่ฝีมือของข้าจริงๆ..."

ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เสียงแหบเครือเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทุกทิศทุกทางอย่างกะทันหัน บังคับให้เขาต้องหยุดคำพูดลงกลางคัน

"ท่านเซียนเต๋าเสวียนจื่อ เหตุใดจึงได้หน้าไหว้หลังหลอกเช่นนี้? ไม่ใช่ตกลงกันไว้แล้วหรอกหรือ ว่าเพียงแค่พวกข้าช่วยท่านฆ่าโข่วหงที่นี่ แย่งคัมภีร์ควบแน่นแก่นทองคำของเขามาได้ ท่านก็จะนำพาคนในตระกูลของข้าออกจากดินแดนไร้เซียนนี้?" น้ำเสียงนั้นมีความน้อยใจเล็กน้อย ทั้งยังแฝงด้วยความแค้นเคืองเล็กน้อย

"คัมภีร์ควบแน่นแก่นทองคำ?!" โข่วหงและเต๋าเสวียนจื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปพร้อมกัน

"ยังจะบอกว่าไม่ใช่เจ้าอีก! นอกจากเจ้ากับข้าแล้ว ในโลกนี้จะมีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้อีกเล่า!" โข่วหงผมหงอกเคราชี้ฟู ชัดเจนว่าโกรธถึงขีดสุดแล้ว

"คนผู้นี้รู้เรื่องคัมภีร์ควบแน่นแก่นทองคำได้อย่างไร..." หัวใจของเต๋าเสวียนจื่อจมดิ่งลงไปอย่างสิ้นเชิง

ในขณะที่เสียงด้านล่างยังคงเล่าต่อไปอย่างไม่แยแส "ท่านต้องรู้ไว้ เพื่อหมอกพิษเซียนมนุษย์ที่ท่านพูดถึงนั้น พวกข้าต้องไปยั่วโมโหผู้คนทั้งปวง บัดนี้แผ่นดินเดือดด้วยความโกรธแค้นของประชาชน หากท่านเซียนไม่รักษาคำพูด นำพวกข้าออกไป กลัวว่าอีกไม่นาน คนในตระกูลของข้าก็คงต้องตายอนาถา!"

ถูกใส่ร้ายป้ายสี เต๋าเสวียนจื่อฟังจนรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจยิ่งนัก ตวาดเสียงดังว่า "เจ้าคนไร้ยางอาย หุบปากเดี๋ยวนี้!"

เขาพุ่งตัวจู่โจมไปยังต้นตอของเสียง หวังจะค้นหาตัวการเบื้องหลัง แต่กลับเห็นเพียงวัตถุทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าประหลาด เสียงนั้นดังมาจากข้างใน ซึ่งสิ่งที่คล้ายคลึงกันนี้มีอยู่ทั่วเมืองเสวียนจิง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังมีอีกมากเท่าใด!

"ระมัดระวังกันขนาดนี้เชียว..." เต๋าเสวียนจื่อรู้สึกสิ้นหวังที่สุด

"หรือว่าท่านเซียนต้องการฆ่าปิดปากพวกเราแล้วงั้นหรือ?" เสียงที่แฝงความเยาะเย้ยยังคงดังออกมาจากข้างใน

เต๋าเสวียนจื่อขบฟันจนมีเสียงดังกึกกัก คว้าวัตถุนั้นแล้วบีบให้แหลกเป็นผุยผง

และในสายตาของโข่วหง มันกลับดูเหมือนเต๋าเสวียนจื่อเมื่อโดนเปิดโปงแล้วอับอายขายหน้าจนคิดจะฆ่าคนปิดปากฉันใดฉันนั้น

โข่วหงแหงนหน้าส่งเสียงหอนยาว "เต๋าเสวียนจื่อ! เจ้ากับข้ารู้จักกันมาร้อยปี ไม่นึกว่าข้ากลับมองเจ้าผิดไปได้! เจ้าไม่ใช่หรือที่ต้องการคัมภีร์ควบแน่นแก่นทองคำ แล้วทำไมต้องใช้วิธีการต่ำช้าเหล่านี้ด้วย ข้าจะไม่หนีแล้ว หากเจ้ามีฝีมือก็เชิญมาเอาไปเถอะ!"

"วิชาเต๋า: มังกรเพลิงเกรี้ยวกราด!"

มังกรไฟที่กำลังเกรี้ยวกราดตัวหนึ่งวนเวียนรอบกายโข่วหง ส่งเสียงคำรามก้องสะเทือนฟ้า

มังกรไฟจ้องตาเขม็งไปข้างหน้า พ่นเปลวไฟสีแดงเพลิงยาวออกจากปาก มุ่งหน้าตรงไปหาเต๋าเสวียนจื่อ

เต๋าเสวียนจื่อถอนหายใจด้วยความหมดหวัง พร้อมกับถอนเสียงเบาๆ ดาบบินเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าด้านหลังของเขา กลายเป็นสายแสงสีขาวพุ่งเข้าสู้กับเปลวเพลิงสีแดง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด