ตอนที่แล้วคำนำจากผู้แปล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 ตั้งปณิธานแสวงหาความเป็นอมตะ

บทที่ 1 เซียนมาแต่ที่ใด


ณ แดนต้าเสวียน เมืองเสวียนจิง จวนไท่ซื่อ (อาจารย์ใหญ่)

หลี่ฟานถือถ้วยสุรา มองดูเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ที่มากราบอวยพรวันเกิดเต็มห้องโถง ถึงแม้บัดนี้ตนเองจะมีอายุถึง 70 แล้ว แต่ในใจก็อดภาคภูมิใจไม่ได้

ควรทราบว่า วันนี้ในจวนไท่ซื่อ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั่วแผ่นดินมาถึง 8-9 ส่วน นี่มันเกียรติยศเช่นไรกัน!

หลี่ฟานนึกย้อนไป ยามแรกที่ข้ามมายังโลกใบนี้ ก็เป็นเพียงหนึ่งในนักปราชญ์ยากจนข้นแค้น

กว่า 50 ปีมานี้ ตนเองจากไม่มีอะไรเลย จนถึงตอนนี้ได้เป็นอาจารย์ใหญ่ มีอำนาจเหนือแผ่นดินทั้งหมด เหตุการณ์มากมายในระหว่างนี้ สามารถเขียนเป็นนิยายยาวนับล้านตัวอักษรได้เลยทีเดียว

ชีวิตเช่นนี้แล้ว ยังจะแสวงหาอะไรอีกเล่า!

หลี่ฟานลูบหนวดเคราของตน ดื่มสุราอันวิเศษในถ้วยจนหมดสิ้น

"ขอถวายพรให้ท่านอาจารย์ใหญ่เจริญยิ่งใหญ่!"

บรรดาขุนนางในงานพากันอวยพรเป็นเสียงเดียวกัน

หลี่ฟานยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มหัวใจ

ทว่าพอดีกับตอนนั้นเอง ด้านนอกกลับมีเสียงร้องอุทานอย่างตกใจเกิดขึ้น

"เร็วเข้า ดูนั่นสิ! นั่นอะไรกัน!"

"ฟ้าร่วงเพลิงพวยพุ่ง นี่คือลางดี ลางดีแท้ๆ! รีบไปกราบทูลท่านอาจารย์ใหญ่เร็วเข้า!"

"ทำไมมันบินมาทางจวนอาจารย์ใหญ่ของพวกเราแล้วนะ!"

......

หลี่ฟานได้ยินเสียงตะโกนอื้ออึงจากด้านนอก ก็ย่นคิ้วเข้าหากัน

ท้องพระโรงที่เดิมทีก็ครึกครื้น กลับเงียบลงในทันที

หลี่ฟานลุกขึ้น เดินนำออกไปก่อน

ทว่ายังไม่ทันได้ตำหนิคนใต้บังคับบัญชา แสดงความไม่พอใจออกมา เขาก็ถูกภาพบนท้องฟ้าดึงดูดความสนใจเสียก่อน

แสงเงินสองแถบจากขอบฟ้าไกลโพ้น ขับเคี่ยวกันมาราวกับดาวตก พุ่งเร็วอย่างรีบร้อนมาที่นี่

"นี่มัน..." หลี่ฟานชะงักค้าง

เพียงพริบตา สองแถบแสงนั้นก็มาถึงเหนือเมืองเสวียนจิ่ง แต่กลับหยุดลงกะทันหัน

ขณะเดียวกัน เสียงหนึ่งดังกึกก้องเหมือนฟ้าผ่าจากสวรรค์ลั่นแทบแตกแก้วหูของทุกคน

"เต๋าเสวียนจื่อ! เจ้าอย่าได้รังแกข่มเหงผู้อื่นเกินไปนัก!"

......

ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างแตกตื่นงุนงง บางคนถึงกับร้องเรียกว่าเทพเซียน และหมอบคุกเข่าลงทันที

ส่วนคำศัพท์หนึ่งที่ถูกกดทับอยู่ในความทรงจำ เกือบจะถูกลืมไปแล้ว กลับผุดโผล่ขึ้นมาในสมองของหลี่ฟานอย่างฉับพลัน

"เซียน...ผู้ฝึกเซียน!" หลี่ฟานตะลึงงัน พึมพำกับตัวเอง "นี่มันเป็นไปได้อย่างไร..."

สองผู้ฝึกเซียนบนท้องฟ้านั้น แน่นอนว่าไม่สนใจความคิดของฝูงชนสามัญเบื้องล่าง

ได้ยินอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น "โข่วหง! เจ้าคิดว่าหนีมาอยู่ในดินแดนไร้เซียนแห่งนี้ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปหรือ? ยกคัมภีร์วิชาที่เจ้าได้มาวันนั้นมามอบให้ข้า มิเช่นนั้นข้ากับเจ้าต้องตายไปด้วยกัน!"

"ข้าขอหัวเราะให้กับคำพูดนั้น ก็เพราะขาดวิชาปั้นดานทอง ข้าเลยถูกกักอยู่ในขั้นสร้างฐานนานนับร้อยปี รู้ว่าอายุขัยกำลังจะหมด กระดูกแห้งผุพังอยู่แล้ว แต่กลับได้คัมภีร์ปั้นดานทองนี้มา จะเอาไปมอบให้ผู้อื่นได้อย่างไรกัน!" โข่วหงหัวเราะเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

"ก็จริงอยู่!" เต๋าเสวียนจื่อถอนหายใจ "ทางปั้นดานทองนั้น มีข้าก็ไม่มีท่าน ในโลกนี้แม้จะมีวิชาปั้นดานทองมากมาย แต่ผู้ที่ติดอยู่ในขั้นสร้างฐานยิ่งมีมากกว่านัก!"

น้ำเสียงของเต๋าเสวียนจื่อเปลี่ยนเป็นดุดันในทันที "ถ้าเช่นนั้น ในเมื่อคัมภีร์วิชาเป็นอมตะอยู่ตรงหน้า ข้าจะปล่อยเจ้าไปได้อย่างไร ข้าจะไม่รังแกข่มเหงได้อย่างไรกัน!"

โข่วหงหัวเราะลั่น "ก็แค่ทำเสร็จเรื่องนี้เท่านั้นเอง น่าขันที่พวกเราเป็นเพื่อนพี่น้องร่วมทางกันมาร้อยปี แต่วันนี้กลับต้องชักดาบใส่กันเพียงเพื่อความหวังจะมีชีวิตอยู่ต่อ!"

เต๋าเสวียนจื่อหัวเราะเย็นชา ไม่ตอบคำ

แต่โข่วหงกลับพูดขึ้นกะทันหัน "ข้ารู้ว่าสู้เจ้าไม่ได้ คงหนีไม่พ้นเคราะห์กรรมในวันนี้ ทว่าที่นี่มีคนธรรมดามากมายถึงเพียงนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะสามารถทนทานต่อหมอกพิษระหว่างเซียนกับมนุษย์ที่เข้มข้นขนาดนี้ได้หรือไม่!"

เต๋าเสวียนจื่อเปลี่ยนสีหน้าทันที "โข่วหง! เจ้าจะทำอะไร!"

โข่วหงเริ่มหัวเราะอย่างคลั่งแค้น "ก็แค่เพื่อหาหนทางมีชีวิตอยู่ต่อเท่านั้นเอง!"

หลี่ฟานฟังบทสนทนาของเหล่าผู้ฝึกเซียนบนฟ้า แล้วก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาในทันที แต่ยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ก็เห็นเปลวไฟสีแดงสด ระเบิดกระจายเหนือเมืองเสวียนจิ่ง

"ตูม ตูม ตูม ตูม!"

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไม่หยุดข้างหูของหลี่ฟาน ตรงหน้าของเขาพลันเต็มไปด้วยสีแดงฉาน ไม่นานนักก็เป็นลมหมดสติไป

......

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไรกัน หลี่ฟานจึงฟื้นขึ้นมาได้

ครั้งแรก เขายังงงงวยอยู่บ้าง ผ่านไปพักใหญ่ จึงนึกออกว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น

หลี่ฟานไอค่อกแค่ก พ่นเลือดสดออกมาหลายคำ ค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างตัวสั่น มองไปรอบๆด้าน

ยังคงเป็นยามค่ำคืน จวนอาจารย์ใหญ่อันหรูหราในอดีตบัดนี้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพังไปแล้ว

รอบด้านเต็มไปด้วยกลิ่นเนื้อไหม้ของศพที่ลอยคลุ้งน่ารังเกียจ

เหล่าขุนนางทั้งหลายเมื่อครู่ ต่างกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ

แม้แต่ภรรยาน้อยและบุตรชายทั้ง 5 คนของหลี่ฟาน ก็ไม่อาจรอดพ้น

ใบหน้าที่แก่ชราของหลี่ฟานไร้ซึ่งสีหน้าใดๆ ดวงตาของเขาดูเหม่อลอยไปบ้าง

ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมนานพอสมควร ก่อนที่จะลากสังขารอันอ่อนแรงเดินออกจากจวนอาจารย์ใหญ่

เมืองเสวียนจิงที่เพิ่งจะคึกคักรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่งเมื่อครู่ ในตอนนี้กลับกลายเป็นขุมนรกเพลิงและโลหิตไปแล้ว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ร่างกายพังพินาศและตึกรามบ้านช่องที่พังทลาย

คงต้องกล่าวได้ว่า หลังเคราะห์กรรมครั้งนี้ ชาวบ้านที่รอดชีวิตอยู่ คงไม่ถึง 1 ใน 100 เป็นแน่

ทั้งหมดนี้ ก็เพราะสองท่าน "เทพเซียน" สองผู้ฝึกวิชาอมตะที่ลอยลงมาอย่างกะทันหัน

หลี่ฟานหมดเรี่ยวแรง ทิ้งตัวลงนั่งอย่างไร้จุดหมายที่มุมกำแพงแห่งหนึ่ง

การได้ยินของเขาถูกทำลายไปตั้งแต่เสียงระเบิดรุนแรงเมื่อครู่แล้ว อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแล้ว

เวลานี้ เขาอยากจะหัวเราะเสียจริงๆ

โลกนี้มีเซียนได้ด้วยหรือ?

ตั้งแต่ขณะที่เขาเป็นขุนนางแล้ว ก็ใช้อำนาจในมือตามหาร่องรอยที่วิชาเซียนอาจจะมีอยู่

กระทั่งตอนที่เขาได้เป็นอาจารย์ฮ่องเต้ อยู่เหนือผู้คนนับหมื่น ก็ได้ค้นหาทั่วทั้งแผ่นดิน!

ไกลไปจนถึงทะเลน้ำแข็งทางเหนือ มหาสมุทรทางใต้ หุบเขาทางตะวันออก เทือกเขาทางตะวันตก

ทั่วทั้งแดนต๋าเสวียน ไม่มีร่องรอยของเซียนเลยแม้แต่น้อย!

แต่วันนี้ ในวัยที่เขาแก่หง่อมชราภาพแล้ว หลังจากสิ้นหวังไปหลายปี เหล่าผู้ฝึกเซียนสองคนกลับลอยลงมาจากท้องฟ้า มาปรากฏตัวต่อหน้าเขา แล้วก็มัดรวมทุกสิ่งที่เขามีให้แหลกเป็นผุยผง โดยไม่บอกกล่าวใดๆ

นี่คือเซียนหรือ?

แล้วเซียนมาจากที่ใดกัน?

ความโกรธแค้นและไม่ยอมจำนนเต็มอก ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นความมึนงงไร้ทิศทาง

ฟ้าลิขิตหยอกล้อมนุษย์!

พร้อมกันนั้น หลี่ฟานก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก

ที่ได้พิสูจน์ถึงการมีอยู่จริงของเหล่าเซียน ก่อนเขาจะสิ้นใจตาย!

ไม่อย่างนั้น ชาติหน้าของเขาคงต้องเสียเวลาไปอีก 50 ปีโดยเปล่าประโยชน์กระมัง?!

ใช่แล้ว! เขาหลี่ฟาน สามัญชนคนหนึ่ง จากเด็กหนุ่มนักปราชญ์ตอนแรก มาจนถึงเป็นอาจารย์ฮ่องเต้ปกครองใต้หล้าในวันนี้ ก็ต้องมีของวิเศษคุ้มกายอยู่แล้ว

นี่ก็เป็นเหตุผลที่เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดจากเงื้อมมือของเหล่าเซียน

"หวนเจิน!"

หลี่ฟานร่ำร้องในใจ ทันใดนั้นทิวทัศน์โดยรอบก็มืดลง เหมือนมีม่านน้ำทึบหนาปิดกั้น ดูมึนงงและไม่ชัดเจนนัก

"เมื่อจริงเป็นเท็จ เท็จก็เป็นจริงเช่นกัน”

เจ็ดตัวอักษรใหญ่สว่างวาบขึ้นในความมืด ก่อนจะกระจายตัวออกกะทันหัน กลายเป็นม่านแสงผืนหนึ่ง

"เติมพลังงานเสร็จสิ้น"

"จะเปลี่ยนฉากปัจจุบันให้เป็นเสมือนจริง และกลับสู่จุดยึดเหนี่ยวเริ่มต้นหรือไม่"

สองบรรทัดตัวอักษรเล็กๆปรากฏตามกัน

ขณะเดียวกัน ภาพต่างๆผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ฉายเต็มทั่วทั้งม่านแสงอย่างรวดเร็ว

นั่นคือชีวิต 50 ปีของหลี่ฟานในชาตินี้

หลี่ฟานมองดูตัวเองในแต่ละภาพ เหม่อลอยอยู่นาน

【หวนเจิน】

นี่คือชื่อที่หลี่ฟานตั้งให้ของวิเศษที่พกติดตัวอยู่เสมอของเขา

มันมีการทำงานเพียงหนึ่ง นั่นคือเปลี่ยนความจริงให้เป็นเท็จ เปลี่ยนสิ่งจริงให้กลายเป็นความว่างเปล่า!

สิ่งที่เรียกว่าเปลี่ยนจริงเป็นเท็จ ก็คือการเปลี่ยนทุกสิ่งที่หลี่ฟานประสบมาให้กลายเป็นประสบการณ์ในโลกเสมือน ทำให้หลี่ฟานกลับไปยังจุดยึดเหนี่ยวที่ตั้งค่าไว้ตอนแรก นั่นคือตอนที่เพิ่งผ่านมาอยู่ในโลกนี้พอดี

ที่จริงแล้ว ชาตินี้เป็นชาติที่สองของหลี่ฟานแล้ว

ในชาติแรก แม้หลี่ฟานจะมีความทะเยอทะยานใหญ่โต แต่เขาก็เป็นเพียงคนธรรมดา สอบไม่ติดหลายครั้ง จนกระทั่งอายุ 30 ก็ยอมแพ้ความคิดที่อยากจะเรียนหนังสือเป็นขุนนาง หันไปทำธุรกิจเล็กๆ เป็นเศรษฐีทั่วไป แล้วก็แต่งงานมีลูก ใช้ชีวิตอย่างธรรมดาสามัญ กระทั่งในวัยใกล้ตาย เขาถึงได้รู้ความลับของ【หวนเจิน】

จึงทำให้หลี่ฟานในชาติที่สองได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้งท่ามกลางสายลมแห่งโอกาส ไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้

ทว่าน่าเสียดาย ตอนนี้ดูเหมือนจะใช้มันผิดที่ผิดทางแล้ว

หลี่ฟานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจว่ายังไม่จบชาตินี้ในทันที ก่อนหน้านั้นเขายังมีอีกสองสามเรื่องที่ต้องทำ

หลี่ฟานปิดหน้าจอแสง กลับมาสู่โลกความจริง เขาต้องพยายามเข้มแข็งขึ้น จัดการเรื่องเก็บกวาดเยียวยาเมืองเสวียนจิงที่ถูกเหล่าเซียนโจมตีอย่างหนัก

หลังจากตามหาผู้รอดชีวิตมาได้จำนวนหนึ่ง หลี่ฟานอาศัยบารมีอันยิ่งใหญ่ที่สั่งสมมาหลายปี สามารถทำให้ประชาชนสงบลงได้บ้างในที่สุด

ถึงแม้หูของหลี่ฟานจะฟังอะไรไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังหากระดาษและปากกามาเขียนได้อยู่ ถึงจะลำบากไปบ้างในการสื่อสาร คำสั่งของเขาก็ยังคงส่งต่อกันไปได้ทีละอย่าง

ก่อนอื่น หลี่ฟานออกคำสั่งให้กองทหารรักษาการณ์ที่ภักดีซึ่งประจำการอยู่นอกเมืองรีบเร่งเข้ามาในเมืองเสวียนจิงเพื่อรักษาความสงบหลังเหตุภัยพิบัติ หลังจากนั้นก็มีคำสั่งไปยังเมืองโดยรอบให้ส่งเสบียงและข้าราชการมาที่เมืองเสวียนจิง

ตึกส่วนใหญ่ในเมืองเสวียนจิงถูกทำลายอย่างย่อยยับในชั่วพริบตา หลังจากกองทหารรักษาการณ์เข้ามาดูแลแล้ว หลี่ฟานก็ยอมไปพักอยู่ในค่ายทหารเพื่อควบคุมงานเยียวยาฟื้นฟู

และตามคำสั่งของหลี่ฟาน เสบียงและคนเก่งจากเมืองรอบข้างก็ทยอยส่งมาเมืองเสวียนจิงอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งเดือนต่อมา เมืองเสวียนจิงที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังถึงได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาบ้าง

เมื่อแผ่นดินต๋าเสวียนเริ่มตั้งหลักได้จากการโจมตีของเซียนแล้ว หลี่ฟานก็เริ่มสั่งการไปทุกหนแห่งให้ตามหาข้อมูลเกี่ยวกับเหล่าเซียนสองคนที่ปรากฏตัวในคืนนั้น

ไม่ว่าจะเป็นตอนแรกทั้งสองมาจากที่ใด หลังจากนั้นไปที่ไหน ระหว่างทางมีบทสนทนาใดกันอีกหรือไม่

น่าเสียดายที่หลังสืบข้อมูลมาหลายเดือน นอกจากจะรู้ว่าทั้งสองผู้ฝึกเซียนนี้ดูเหมือนจะโผล่ออกมาจากทางทิศตะวันออกของหุบเหวลี้ลับแห่งนั้นแล้ว ข้อมูลอื่นๆก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย

เรื่องที่หลี่ฟานคาดหวังไว้ว่าสองเซียนผู้นั้นจะสังหารกันเองจนตายทั้งคู่ก็ไม่ได้เกิดขึ้น

"แต่แรกก็ไม่ควรคาดหวังเรื่องแบบนี้หรอก" หลี่ฟานถอนหายใจในใจ "ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ชาตินี้ของข้าก็ไม่มีอะไรน่าหวงแหนอีกต่อไป"

ยืนตระหง่านอยู่ในจวนอาจารย์ใหญ่ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ หลี่ฟานเปิดใช้ 【หวนเจิน】อีกครั้ง

"จะเปลี่ยนฉากปัจจุบันให้เป็นเสมือนจริง และกลับสู่จุดยึดเหนี่ยวเริ่มต้นหรือไม่"

หลี่ฟานไม่ลังเลอีกต่อไป เลือกตอบรับ

บนม่านแสง ภาพเหตุการณ์ต่างๆนับไม่ถ้วนที่ดูเหมือนจริงนั้นหยุดนิ่งลงในเวลาเดียวกัน หลังจากนั้น การเดินหมากชีวิตอันยิ่งใหญ่ ความรุ่งเรืองร่ำรวยในชาตินี้ ก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆราวกับฟองสบู่ในความฝัน กลายเป็นดาวตกนับไม่ถ้วน พุ่งเข้าสู่ห้วงความคิดของหลี่ฟาน

ฉากแต่ละฉากผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับโคมไฟม้าวิ่งตรงหน้าของหลี่ฟาน สุดท้ายภาพก็หยุดนิ่งอยู่ที่ฉากของสองผู้ฝึกเซียนกำลังเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือดเหนือจวนอาจารย์ใหญ่

"เต๋าเสวียนจื่อ โข่วหง" หลี่ฟานเอ่ยชื่อของทั้งสองคนเบาๆ "50 ปีหลังจากนี้ ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่เมืองเสวียนจิงนี่"

"ความร่ำรวยและยศถาบรรดาศักดิ์สำหรับข้าก็เป็นเพียงเมฆลอยไป" สติของหลี่ฟานค่อยๆเลือนราง แต่เจตจำนงและเป้าหมายของเขากลับชัดเจนและมั่นคงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

"ชาติหน้า ข้าจะต้องจับเซียนให้ได้!"

แสงสว่างในความคิดค่อยๆจางหาย หลี่ฟานก็ค่อยๆตกอยู่ในห้วงนิทรา

4 2 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด