ตอนที่แล้ว182. มิวส์ (2/3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป184. ชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของกระต่าย (1/3) (ฟรี)

183. มิวส์ (3/3) (ฟรี)


หลังจากที่นักบุกเบิกชาวมนุษย์ของดาวเคราะห์ต้นกำเนิดได้ค้นพบลักษณะพิเศษของมิวส์

พวกเขาก็ถือว่ามิวส์เป็นสมบัติอันล้ำค่า

พวกเขาจับมิวส์ทั้งหมดมาขายให้กับชนชั้นสูงบนดาวต่างๆ

ในช่วงแรก ชนชั้นสูงคนสำคัญของโลกไทเทเนียมโพลรู้สึกภูมิใจที่มีมิวส์เป็นคนรัก

มิวส์มีรูปลักษณ์ที่สร้างความหลงไหลคลั่งไคล้ให้กับเหล่าชนชั้นสูงผู้เสื่อมโทรม

จนสามารถเติบโตเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาในสังคมมนุษย์ได้

มาในหนึ่ง ชนชั้นสูงผู้ยิ่งใหญ่สองคนของโลกต้นกำเนิดขัดแย้งกันเรื่องหญิงสาวชาวมิวส์คนหนึ่ง

จนก่อสงครามอันเลวร้ายขึ้นมา

สงครามในครั้งนั้นไม่เพียงแต่ทำให้ทรัพยากรทั้งหมดบนโลกต้นกำเนิดหมดไปเท่านั้น

แต่การทำลายล้างอันเกิดจากสงครามยังทำให้ขีดความสามารถทางเทคโนโลยี

ของดาวเคราะห์ต้นกำเนิดถดถอยอีกด้วย

ดาวแม่อันเป็นต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เสื่อมถอยลงอย่างสมบูรณ์

สงครามดังกล่าวทำให้โลกต้นกำเนิดมีผู้ล้มตายหลายร้อยล้านคน

อารยธรรมถดถอยลง ทุกคนต่างต้องการหาที่ระบายอารมณ์

ปรากฎว่าหญิงสาวชาวมิวส์ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา

และคำว่านารีพิฆาตก็ได้รับความนิยมในโลกต้นกำเนิด

ในอีกร้อยปีถัดมา คำว่ามิวส์ก็ปรากฏขึ้นในสงครามอีกหลายครั้ง

ผู้มีอำนาจต่างจงใจโยนความผิดให้มิวส์ และสื่อก็ทำตามเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ผู้คนยังชื่นชอบเรื่องราวของนารีพิฆาตเป็นพิเศษ

เมื่อผ่านไปช่วงหนึ่ง ในโลกมนุษย์ คำว่ามิวส์ก็มีความหมายเดียวกับภัยพิบัติ

ทุกคนเหยีนดหยามมิวส์ แม้ว่าจะมีคู่ของชนชั้นสูงและคนรักมิวส์

แต่พวกเขาก็จะแอบคบกันแบบลับๆ ไม่กล้าเปิดเผยให้ใครรู้

เมื่อถ้ามีคนรู้แล้วชื่อเสียงของชนชั้นสูงก็จะถูกทำลาย

มิวส์กลายเป็นเป้าหมายของความโกรธเกรี้ยวของทุกคน

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มิวส์จำนวนมากที่ถูกขายมาเป็นสินค้าจากดาววารีชาด

ก็ไม่สามารถกลับไปยังดาววารีชาดเพื่อตายในดินแดนบรรพบุรุษได้อีก

นอกจากมิวส์ที่แต่งงานกับมนุษย์แล้ว

มิวส์สายเลือดบริสุทธิ์ก็เกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว

หลังจากได้อ่านเรื่องราวของมิวส์แล้ว หนิงซีก็มองไปที่นิโก้อย่างเห็นใจ

มิวส์เคยอาศัยอยู่อย่างอิสระเสรีบนดาววารีชาด

แต่ถูกนักล่าอาณานิคมนำมาขายเป็นสินค้า

จนกลายเป็นผู้ลี้ภัยเร่ร่อนในกาแล็กซี

จนถึงท้ายที่สุด พวกเขายังถูกใช้เป็นข้ออ้างของมนุษย์ในการก่อสงคราม

และถูกรุมประนามสาปแช่ง

เมื่อเห็นหนิงซีละสายตาจากหนังสือมามองดูเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ

ในที่สุดนิโก้ก็สบโอกาสที่จะถาม

“ดูเหมือนเจ้าจะไม่กลัวข้าจริงๆ เจ้าอยู่ใกล้ข้ามานานกว่าแปดชั่วโมงแล้ว หากเจ้าเชื่อข้า เจ้าอย่าได้กระทำการหรือมีกิจกรรมที่เป็นอันตรายใดๆ ในช่วงเวลานี้”

“ถ้าเจ้าอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอย่างเงียบๆ โชคร้ายก็จะทำให้เจ้าแค่ล้ม เหยียบอุจจาระ หรือเตะมุมโต๊ะเท่านั้น แม้ว่าจะไม่น่าพอใจ แต่ก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต”

หนิงซีไม่สนใจ เขาเอื้อมมือออกไปแล้วพูดอย่างจริงจัง

“สวัสดีนิโก้ ข้าชื่อหนิงซี ข้าโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ ยินดีที่ได้พบ”

นิโก้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ยังคงยื่นมือออกมาจับมือกับหนิงซี

เขาพูดอย่างเขินอายว่า

“นับตั้งแต่ข้าเรียนรู้วิธีดูแลตัวเองเมื่ออายุได้ห้าขวบ ไม่มีใครกล้าแตะต้องข้าเลย เจ้ากล้ามาก ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้าไม่มีความกลัวหรือความไม่ชอบข้าเลย”

หนิงซีรับรู้ได้ว่านิโก้ไม่ปฏิเสธเขา ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนแผน

เขาเก็บหนังสือไว้และพูดอย่างมั่นใจว่า

“ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องโชคลาง ข้าเชื่อในตัวเองเท่านั้น ค่อนข้างยากที่จะพบคนรุ่นเดียวกับข้าในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เจ้าอยากไปทานอาหารกับข้าไหม”

นิโก้ถูกความมั่นใจในตนเองของหนิงซีระบาดใส่

เขายิ้มและพูดว่า

“ข้าก็หวังเช่นนั้น ยินดีที่ได้รู้จัก”

ทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปยังโรงอาหารของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

เด็กน้อยหวังฟู่เดินตามหลังพวกเขาไปโดยเว้นระยะห่างหนึ่งเมตร

เพื่อประหยัดเงิน สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจึงมีอาหารให้เพียงสองมื้อต่อวัน

มื้อเช้ามื้อหนึ่งและมื้อเย็นอีกหนึ่งมื้อ เวลาทานอาหารมีเพียงครึ่งชั่วโมง

ดังนั้นหนิงซีและอีกสองคนจึงต้องเร่งเดิน

หนิงซีเดินตามทางเดินไปยังโรงอาหาร

ใครจะรู้ว่าจู่ๆ หน้าต่างข้างๆทางเดินก็เปิดออก

ปัง

หนิงซีหลบไม่ทัน หน้าของเขาก็กระแทกเข้ากับบานหน้าต่าง

จนมองเห็นดาวและปวดจมูก มีของเหลวสีแดงไหลออกมาจากจมูก

นิโก้ระวังตัวเป็นอย่างดีโดยรักษาระยะห่างจากหนิงซีมากกว่าหนึ่งเมตร

หวังฟู่ยื่นผ้าสีเทาให้เขาแล้วพูดว่า

“ท่านสามารถเชื่อในตัวเองได้ แต่ท่านต้องเชื่อในโชคลางด้วย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด