ตอนที่แล้วบทที่ 170 แม่นม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 172 เผ็ด

บทที่ 171 ชีวิตประจำวัน


สุดท้ายฉินชิงก็ตรวจชีพจรให้ฮองเฮา เมื่อแน่ใจแล้วว่าฮองเฮาจะค่อยๆ ดีขึ้นจึงกลับวัง

หลังจากกลับตำหนักจงชุ่ยแล้วก็เห็นเสวี่ยถวนนอนอาบแดดอยู่นอกประตู จึงอุ้มเสวี่ยถวนขึ้นมาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้โยกด้านนอก ลูบแมวไปด้วยพลางคิดถึงเรื่องของฮองเฮาและสนมเยว่ไปด้วย

"เจ้าว่าในวังหลังแห่งนี้สิ่งใดถึงจะเป็นเรื่องจริง? ได้รับความโปรดปราน? อำนาจ? ตำแหน่ง?"

เสวี่ยถวนหรี่ตามองแล้วส่งเสียงร้องเหมียวอย่างเกียจคร้านออกมา

เห็นเสวี่ยถวนไม่ต้องคิดอะไร ในแต่ละวันแค่ทำตัวน่ารักก็มีคนเลี้ยง ส่งข้าวส่งน้ำให้ สิ่งที่ต้องทำทุกวันก็มีแค่กินข้าว นอน อาบแดด สามอย่างนี้เท่านั้น

บางครั้งฉินชิงจึงคิดว่าถ้าได้เป็นแมวคงจะโชคดีมาก ไม่ต้องมีเรื่องเหล่านี้มากวนใจ แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าหากได้มีชีวิตเช่นแมวจริงๆ คงจะน่าเบื่อมาก

เสวี่ยถวนเป็นแมว นี่คือชีวิตของมัน มันไม่มีทางหาประสบการณ์มากกว่านี้ได้แล้ว แต่ฉินชิงคิดว่าตนไม่ใช่เช่นนี้แน่นอน

การไม่รับรู้อะไรเลยคือความสุขอย่างหนึ่ง ส่วนการรู้ทุกเรื่องก็ไม่ได้เป็นความสุขอีกแบบหนึ่งเช่นกันหรือ

ในฐานะที่เป็นมนุษย์ผู้ครองทุกสิ่งอย่างในโลกนี้ ฉินชิงยังคงดีใจที่ตนเกิดมาเป็นคน ได้มีโอกาสรู้และเห็นสิ่งสวยงามมากมาย

ได้สัมผัสความรู้สึกที่แตกต่างมากขึ้น ได้รู้เรื่องราวมากขึ้น ได้รู้จักโลกมากขึ้น

บางครั้งฉินชิงก็รู้สึกว่าชีวิตของนางคล้ายกับเสวี่ยถวน โลกของเสวี่ยถวนคืออยู่ในตำหนักจงชุ่ย ส่วนโลกของฉินชิงก็คือวังหลวงในกำแพงสี่เหลี่ยมแห่งนี้

แต่ถ้าอยากได้อะไรตอบแทนก็ต้องยอมจ่ายก่อน ฉินชิงต้องการให้ตระกูลฉินสงบสุข อยากให้คนในครอบครัวของตัวเองมีชีวิตที่ดีในต้าเหลียงต่อไป ดังนั้นฉินชิงจึงยอมทิ้งโลกภายนอกเข้ามาในวัง

แม้ว่าในสายตาของคนบางคนจะคิดว่าการเข้าวังนั้นเท่ากับการสูญเสียอิสระ แต่ถ้าเทียบกับอิสระ ฉินชิงยอมเลือกครอบครัว เลือกมิตรภาพดีกว่า

ชาติก่อนอิสระของนางถูกจำกัด ส่วนชาตินี้นางก็ยอมแลกอิสระที่มีอยู่อย่างจำกัดกับครอบครัวและมิตรภาพที่นางคิดว่าสำคัญ

ยิ่งไปกว่านั้น ชาติก่อนนางไม่เคยได้รับความรัก จนชาตินี้นางคิดว่านางอาจจะได้สัมผัสกับความรักแล้ว

เหลียงอี้เป็นฮ่องเต้ ในรัชสมัยนี้เขาถูกกำหนดให้มีสตรีมากกว่าหนึ่งคน แต่ฉินชิงรู้สึกว่าความรู้สึกที่เหลียงอี้มีให้นางนั้นมันคือของจริง

และตอนนี้ฉินชิงก็คิดว่ามันเพียงพอแล้ว หรือบางทีอาจเป็นเพราะฉินชิงขี้ขลาด ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะต่อต้านโลกใบนี้

แต่ฉินชิงรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองดี แม้ว่าจะทะลุมิติมาในกองทัพใหญ่ นางก็ไม่ใช่คนที่มีรัศมีของตัวเอกโดยกำเนิดแบบนั้น ไม่ใช่เด็กสาวที่จะหว่านเสน่ห์ให้ชายหนุ่มมากมายได้ นางไม่มีความสามารถมากพอที่จะแต่งงานกับคนทั้งโลก

ดังนั้นจะบอกว่าฉินชิงขี้ขลาดก็ไม่เป็นไร และสถานการณ์ตอนนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ฉินชิงไม่ได้คิดแค่ว่าฮองเฮาเข้าวังมาได้อย่างไร? สนมเยว่เข้าวังมาได้อย่างไร? และสนมโหลวเข้าวังมาได้อย่างไร?

ในโลกนี้มีคนและเรื่องราวมากมาย ตอนนี้ฉินชิงรู้สึกสนใจมากว่าสตรีที่ถูกผูกมัดอยู่ในวังหลวงภายในกำแพงสี่เหลี่ยมแห่งนี้มีเรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่

เหตุใดพวกนางถึงต้องต่อสู้แย่งชิงกันในวังหลังแห่งนี้?

อำนาจ? ตำแหน่ง? ความโปรดปราน? บ้านสกุลเดิม?

ไม่รู้ว่าวันนี้ฉินชิงเป็นอะไรจึงคิดเรื่องราวมากมายขนาดนี้ แต่ดูจากท่าทางของเสวี่ยถวน มันเหมือนไม่รู้อะไร ยังคงนอนอยู่ในอ้อมกอดของนาง

ฉินชิงลุกขึ้นแล้ววางเสวี่ยถวนลงบนเก้าอี้ด้วยรอยยิ้ม

จะคิดอะไรให้มากมาย? กลับเข้าตำหนักไปคิดว่าเที่ยงนี้จะกินอะไรดีกว่า

เมื่อเดินเข้ามาในตำหนักด้านใน ฉินชิงจึงถามหยินผิงว่า

"หยินผิง อาหารเที่ยงวันนี้ห้องครัวเตรียมอะไร? ข้าหิวแล้ว ตื่นตั้งแต่เช้า ตอนเช้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย"

"เหนียงเหนียง ห้องครัวกำลังทำอยู่เพคะ ไม่นานเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ถ้าเหนียงเหนียงหิว เสวยขนมไปก่อนดีหรือไม่? ขนมโก๋มันเทศไส้พุทรากวนทำเสร็จใหม่ๆ เหนียงเหนียงอยากจะเสวยรองท้องหน่อยไหมเพคะ?"

"ก็ได้ เอามาเถอะ ไปบอกห้องครัวเล็กด้วยว่าวันนี้ขออาหารเผ็ดๆ"

"เพคะเหนียงเหนียง บ่าวจะไปสั่งเดี๋ยวนี้"

หยินผิงหมุนตัวออกไป ไม่นานก็ยกถาดขนมสีขาวออกมาจากห้องน้ำชาด้านข้าง

ฉินชิงมองขนมในถาดนี้ เป็นขนมรูปทรงต่างๆ มีทั้งทรงกลม ทรงสี่เหลี่ยม ทรงดอกเหมย ลวดลายบนขนมยังเป็นลวดลายดอกไม้ที่ถูกประทับด้วยแม่พิมพ์

ดูสวยงามมาก ไม่รู้ว่ากินแล้วจะเป็นอย่างไร นี่คือครั้งแรกที่ฉินชิงกินขนมโก๋มันเทศไส้พุทรากวน ไม่รู้ว่าไส้พุทรากวนจะอร่อยขนาดไหน

หลังกัดไปหนึ่งคำ ผิวนอกของขนมคงจะเป็นมันเทศ และไส้ข้างในก็เป็นพุทรากวน สัมผัสที่ได้คือนุ่มละมุนลิ้น เหนียวกำลังพอดี รสชาติหอมอร่อย กินแล้วก็ได้รสชาติหวานเล็กน้อย

อร่อยมาก ขนมชิ้นนี้ฉินชิงรู้สึกว่ามันหวานน้อยไปนิดหน่อย แต่เพราะความหวานน้อยนี้แหละจึงเป็นเอกลักษณ์ของขนมชิ้นนี้

เพราะต้องการให้คนได้หวนนึกถึงรสชาติที่ติดอยู่ตรงปลายลิ้น การดึงดูดต่อมรับรสของคนคือหน้าที่ของอาหารอร่อย

ฉินชิงกินขนมและจิบน้ำชาที่หยินผิงชงให้ สบายใจยิ่งนัก

เมื่อฉินชิงกินขนมไปได้พอประมาณแล้ว หยินผิงก็มารายงานว่า

"เหนียงเหนียง คนของห้องครัวมารายงานว่าอาหารเที่ยงเตรียมเสร็จแล้ว ไม่ทราบว่าเหนียงเหนียงจะเสวยเลยหรือไม่เพคะ?"

"กินตอนนี้เลยแล้วกัน ข้าหิวแล้ว จัดขึ้นโต๊ะเลยเถอะ"

"เพคะเหนียงเหนียง"

มองพระอาทิตย์ที่อยู่ด้านนอก ฉินชิงคิดว่าวันนี้ตนกินข้าวเร็วกว่าปกติ การใช้สมองทำให้เสียพลังไปเยอะมาก

อาหารบนโต๊ะส่วนใหญ่เป็นอาหารรสเผ็ด อย่างเช่นไก่ผัดพริก ต้มปลาใส่ผักดอง ต้มยำกุ้ง หมูเส้นผัดกระเทียมใส่พริก และไก่ผัดพิทักษ์วัง ส่วนอาหารที่มีรสเผ็ดไม่พอนั้นไม่มีคุณสมบัติมาแข่งขันในวันนี้ จึงไม่ได้ถูกยกขึ้นมาบนโต๊ะอาหาร

ฉินชิงรู้สึกว่ากินอาหารรสเผ็ดก็ต้องกินให้ถึงใจ วันนี้อยากกินเผ็ดก็ต้องเป็นอาหารรสเผ็ดชั้นยอด เหลืออาหารที่ไม่ใช่รสเผ็ดไว้สักจานสองจาน เวลาเผ็ดจนทนไม่ไหวก็สามารถเอามาแก้เผ็ดได้

ถึงอย่างไรฉินชิงก็ไม่ใช่คนทางตะวันออกเฉียงใต้ ไม่สามารถกินอาหารรสเผ็ดจัดๆ ได้ ดังนั้นจึงไม่อยากจะทรมานตัวเอง กินเพื่อความอร่อย ไม่ใช่กินเพื่อทรมานตัวเอง

ส่วนหยินผิงที่มองอาหารในวันนี้ของฉินชิงก็เตรียมผ้าเช็ดหน้าและชานมเอาไว้ข้างๆ เพื่อจะได้มอบให้ฉินชิงได้ทันที

ฉินชิงมองไปยังอาหารบนโต๊ะ จานแรกที่กินก็คือไก่ผัดพริก อาหารจานนี้เหมาะสมกับชื่อ ก็คือพริกและไก่ แต่ฉินชิงรู้สึกว่ามันควรจะเปลี่ยนตำแหน่งเป็นพริกผัดไก่ ไก่คือเครื่องเคียง และพริกก็คืออาหารหลัก

อาหารจานนี้เป็นสีส้มมันวาว ดูจากสีแล้วก็รู้ว่าไม่ควรไปล่วงเกิน อีกอย่างบนเนื้อไก่ทุกชิ้นก็เต็มไปด้วยพริก

ไม่ใช่อาหารประเภทที่เห็นเป็นพริกแต่จริงๆ แล้วไม่เผ็ดเลยอะไรพวกนั้น แต่มันคือพริกที่เผ็ดจริงๆ

ทันทีที่เอาเข้าปาก ฉินชิงก็ถูกไก่ผัดพริกจานนี้แย่งต่อมรับรสไป น้ำลายไหลออกมาในปากอย่างบ้าคลั่ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด