ตอนที่แล้วบทที่ 6 วางดาบลงก่อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 ตำราล้ำค่าวายุและอัศนี

บทที่ 7 ปีศาจวานรเฒ่า


บทที่ 7 ปีศาจวานรเฒ่า

"ข้าจะฆ่าเจ้า..."

เฉินจี้ส่งเสียงตะโกนและคำรามราวกับสัตว์ร้าย

เสินอี้เพียงตบหน้าของเขาด้วยฝัก ทำให้เกิดเสียง "แปะ" ที่คมชัด ซึ่งทำให้อีกฝ่ายต้องตะลึง

“หยิบดาบขั้นมา แล้วยืนนิ่งๆ การตะโกนคำหยาบไม่มีประโยชน์ถ้าเจ้าแพ้ เจ้ามีคนแก่ที่ยืนหยัดเพื่อเจ้าหรือเปล่า?”

เฉินจี้งงไปหมด เมื่อเห็นดาบของเขาถูกเตะกลับมา

อีกฝ่ายเก็บดาบและหันหลังไป หมายความว่าในสายตาของเสินอี้ เขาไม่ใช่ภัยคุกคาม

เฉินจี้คิดเสมอว่าเขาคือคนที่ซ่อนตัวตนที่แท้จริงไว้มากที่สุดในจวนเจ้าเมืองทั้งหมด หลังจากการสนทนาส่วนตัวกับผู้บัญชาการแผนกปราบปีศาจ ทั้งวิสัยทัศน์และความสามารถของเขาเหนือกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ มากมาย

เหตุผลที่เขาต้องทนรับอารมณ์จากเสินอี้ ก็เพราะว่าเวลาที่ให้ตัวเองเติบโตนั้นยังน้อยเกินไป

 

หากมีเวลามากเพียงพอละก็...

แต่ความจริงกลับตีเขาด้วยหมัดอันหนักหน่วง

เมื่อกี้นี้ หากเขาไม่ได้มองผิด ท่าฟาดดาบที่ดูสุ่มสี่สุ่มห้าของเสินอี้ มันกลับแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของวิชาดาบปราบปีศาจ  มันคือความสมบูรณ์แบบที่เป็นเหมือนสัญชาตญาณมากกว่าท่วงท่า

การโจมตีของคู่ต่อสู้เร็วกว่า แรงกว่า และคุ้นเคยกับวิชานี้มากกว่า! มันจึงสามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย

"แต่...แต่อตั้งแต่ 'แผนกปราบปีศาจ' สอนวิชานี้มา มันไม่ถึงสามปีด้วยซ้ำ เขาจะฝึกฝนวิชานี้จนสำเร็จได้อย่างไร?"

เฉินจี้เก็บดาบพลางพึมพำกับตัวเอง

เสินอี้เดินไปหาพวกเจ้าหน้าที่ที่นอนกองอยู่บนพื้น "คนอยู่ที่ไหน?"

จางต้าหูอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน เขาพยายามเอ่ยประโยคให้สมบูรณ์แต่ก็ไม่สำเร็จ

"คน...คน...คน..."

 

หัวหน้าของเขาคนนี้ เก่งเรื่องดื่ม กิน เล่น และนอนกับผู้หญิง แต่เมื่อไหร่กันที่เขาเริ่มเล่นวิชาดาบได้

เสินอี้ถอนหายใจ เตะจางต้าหูจนกระเด็นออกไปครึ่งเมตร

"ข้าถามเจ้าว่าคนอยู่ที่ไหน!"

เรื่องราวที่ร่างเก่าของเขาทำ มันช่างมากมายซะเหลือเกิน!

เข้าใจได้ว่า เสินอี้เปรียบเสมือนนายหน้า โดยได้รับเงินเดือนจากจวนเจ้าเมือง และตอบสนองความต้องการของปีศาจทุกชนิดอย่างสุดใจ

แตกต่างจากกลุ่มปีศาจเตียวภายใต้คำสั่งของราชาเตียวขนเหลือง พวกมันมีจิตใจเรียบง่ายมากจนไม่มีความปรารถนาอื่นใดนอกจากกินคน

อีกด้านหนึ่งมีปีศาจวานรเฒ่ากลุ่มหนึ่งที่กระหายความงาม และชอบเด็กสาวที่ยังไม่โตเต็มที่ แต่พวกมันกลับมีความรุนแรงโดยธรรมชาติ และเด็กสาวที่ส่งไปรุ่นก่อนๆ พวกนางกลับเสียชีวิตภายในไม่กี่เดือน เนื่องจากพวกมันมีความต้องการทางเพศมหาศาล

ในครั้งนี้ เกิดความขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย

 

ร่างเก่าของเขาเตรียมเด็กสาวไว้ให้ปีศาจวานรเฒ่าหกคน ล้วนเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์ หนึ่งในนั้นคือเด็กสาวตระกูลหลิว

แต่แล้ว ปีศาจสุนัขก็หมายปองเด็กสาวตระกูลหลิวเช่นกัน

ด้วยความสิ้นหวัง ร่างก่อนของเขาจึงต้องหันมาสนใจน้องสาวของเฉินจี้ ถึงแม้ว่านางจะอายุมากเกินไปสักหน่อย แต่รูปร่างหน้าตาของนางนั้นดีกว่าเด็กสาวผอมโซขาดสารอาหารกลุ่มนั้นมาก

“ช่างเป็นเดรัจฉานจริงๆ”

เสินอี้ส่ายหน้า ดวงตาของเขาแหลมคมขึ้นมาก

เขาคิดว่าชาติที่แล้วเขาผ่านความยากลำบากมาจนชิน มองโลกในแง่ร้าย จนกระทั่งได้มาอยู่ในยุคสมัยที่วุ่นวายนี้ เขาจึงได้รู้ว่าความทุกข์นั้นก็มีระดับของมัน

จางต้าหูสังเกตเห็นว่าหัวหน้าของเขาโกรธจริงๆ ไม่ได้เสแสร้งทำเป็นให้เด็กหนุ่มแซ่เฉินดู

เขาลูบท้องแล้วลุกขึ้นจากพื้นนำทางให้ทุกคน

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฉินจี้ก็ติดตามไปอย่างใจจดใจจ่อ

 

หลังจากเดินออกจากจวนเจ้าเมือง ผ่านถนนไปสองสาย จางต้าหู่ก็หันกลับมาและเข้าไปในโรงน้ำชาตรงหัวมุม ในทุ่งผักหลังห้องน้ำ เด็กผู้หญิงหลายคนที่ถูกมัดแน่นถูกปกคลุมไปด้วยโคลนและหายใจไม่ออก เห็นได้ชัดว่าพวกนางหิวมาก…

“พวกยายแก่ในหอนางโลมยังไม่มีโอกาสแต่งตัวให้พวกนาง โดยรวมอาจจะดูไม่สวย แต่ถ้าทาแป้งแต่งหน้าสักหน่อยก็ยังพอได้อยู่”

มีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาอธิบายสองสามประโยค กลัวว่าหัวหน้าจะรังเกียจพวกตนที่เกียจคร้าน

พูดได้อีกครึ่งประโยคก็ถูกจางต้าหูผลักออกไป “ใต้เท้า นี่คือใบสัญญาขายตัวที่พ่อแม่ของพวกนางลงลายมือชื่อไว้ ครบถ้วนทุกคน พวกนางถูกพ่อแม่ขายมา พวกข้าเองก็สงสาร แต่มันไม่มีทางเลือกจริงๆ…”

เสินอี้หยิบกระดาษมาดู เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ไปซื้อข้าว แป้ง หมู และเกลือเร็ว รีบไป!"

"ขอรับ!"

จางต้าหูรีบหันหลังกลับ เขาติดตามใต้เท้าเสินมานานหลายปี รู้ดีว่าอีกฝ่ายมีวิธีการโหดเหี้ยม ลูกน้องที่เคยตั้งคำถาม ล้วนจบลงด้วยการเป็นอาหารของปีศาจ

อย่าถามอะไรที่ไม่ควรถาม!

 

"ข้าหมายถึง...ซื้อนะ"

เสียงเตือนเย็นชาดังขึ้นจากด้านหลัง จางต้าหูตัวแข็งทื่อ หันกลับมาเผชิญหน้ากับดวงตาใสๆ ของเสินอี้ มันไม่มีความโหดเหี้ยมเหมือนแต่ก่อน ไร้ซึ่งวี่แววของการคุกคาม

แต่ไม่รู้ทำไม จางต้าหูรู้สึกกระเพ่ะปัสสาวะหดตัว ขาสองข้างหดเกร็งโดยไม่รู้ตัว "ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ข้าน้อยจะใช้เงินซื้อ ขอใต้เท้าโปรดวางใจ"

เสินอี้หันกลับมามองที่ข้างหน้าอีกครั้ง

ใบหน้าเฉินจี้เต็มไปด้วยความมืดมน เขาไม่พูดอะไร ยื่นมือไปแก้เชือกที่มัดเด็กสาวคนหนึ่ง

มีคำกล่าวที่ว่า สวยหรือไม่สวย มันขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบ

ท่ามกลางเด็กสาวผิวดำผอมแห้งเหล่านี้ ร่างกายที่ผอมเพรียวของเฉินจินหยู แม้จะดูอ่อนแอ แต่ก็ไม่มีกลิ่นอายของการขาดสารอาหาร แม้จะเปื้อนโคลน แต่ก็ยังไม่อาจปกปิดผิวขาวละเอียดของนางได้

นางเพิ่งถูกจับตัวมา ใบหน้าจึงยังไม่ซีดเซียวเหมือนกับคนอื่นๆ

บนใบหน้างดงามของนาง กลับมีแววของหญิงสาวที่อ่อนหวานและน่าทะนุถนอม

ด้วยรูปโฉมเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่ร่างเก่าของเขาจะหลงใหล

มีพี่ชายเป็นเจ้าหน้าที่ ชีวิตของนางก็ย่อมดีกว่าหญิงสาวคนอื่นๆ

เฉินจี้กัดฟันแน่น ประคองน้องสาวให้นั่งลงบนหิน โดยปกติแล้ว หากใครกล้าทำร้ายน้องสาวของเขา เขาคงเดือดดาล ชักดาบออกมาฟันโดยไม่ลังเล

แต่ตอนนี้ เขาเพียงแค่ระบายความโกรธในใจอย่างเงียบๆ เท่านั้น

“…”

 

เสินอี้ละสายตา ก้มลงปลดเชือกให้เด็กสาวคนอื่นๆ ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาใช้หลังมือแตะหน้าผากของพวกนางทีละคน

อากาศช่วงนี้หนาวเย็น ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาคงยุ่งยากแน่ๆ

โชคดีที่พวกนางแค่หิวโหยและกระหายน้ำ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรน่ากังวล

 

"ใต้เท้าเสิน..." เด็กสาวคนเล็กสุดในกลุ่มดูมีอายุเพียงสิบสองหรือสิบสามปี แต่ตอนนี้เสียงของนางสั่นเครือ

เสินอี้ยิ้มอย่างขำขัน ชื่อเสียงอันเลวร้ายของร่างเก่านี้ แม้แต่เด็กเล็กขนาดนี้ยังรู้จักเลย

เขาใช้หัวแม่มือเช็ดคราบโคลนบนใบหน้าของอีกฝ่าย ลูบหัวเบาๆ "พักสักครู่ เดี๋ยวข้าจะส่งพวกเจ้ากลับบ้าน"

ไม่นานนัก เหล่าเจ้าหน้าที่ก็กลับมาพร้อมกับถุงใหญ่ถุงเล็ก

เสินอี้ลุกขึ้น ยืนมองเฉินจี้ที่นั่งยองๆ อยู่ เขากำลังกำมือแน่นจนแทบจะจิกลงในเนื้อด้วยความโกรธ เสินอี้ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย "กลับกันได้แล้ว ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานนะ"

พูดจบ เขาก็พาเหล่าเด็กสาวเดินออกจากโรงน้ำชา

“พวกเจ้าคนอื่นกลับไปที่จวนก่อน ของก็วางไว้ตรงนี้ เดี๋ยวข้าให้เขาหิ้วไปเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของเสินอี้ เฉินจี้แทบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ เจ้าคิดอะไรอยู่? กล้าดียังไงมาขอให้ข้าทำงานเป็นจับกัง ทั้งที่เจ้าปฏิบัติต่อน้องสาวข้าแบบนี้?

 

เฉินจินหยูรู้สึกมึนงง นางกัดริมฝีปากเบาๆ อาจจะเพราะนางโตกว่าเด็กสาวคนอื่นๆ เลยดูสงบนิ่งกว่าท่ามกลางความหวาดกลัว “พี่ชาย ข้าไม่เป็นไร พี่ไปทำธุระของพี่เถอะ”

นางเข้าใจนิสัยของพี่ชายดีที่สุด ในสถานการณ์แบบนี้ แม้แต่นางเองก็ยากที่จะโน้มน้าวเขา

ดังนั้น นางยิ่งต้องไม่แสดงความตื่นตระหนก เพราะนอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ยังอาจสร้างปัญหาเพิ่มเติมได้อีก

“รีบหน่อย เดี๋ยวฟ้าจะมืดซะก่อน” เสินอี้ตะโกนสั่งเสียงดัง

คำพูดที่ไร้เยื่อใยทำให้หัวใจของเฉินจินหยูหดหู่ลง สายตาที่มองเฉินจี้เต็มไปด้วยความกังวล

แต่นางไม่คาดคิดว่าพี่ชายของนางจะลุกขึ้นยืนอย่างเฉื่อยชา และยกข้าวสารแบกบนบ่าของเขาจริงๆ "ตามมา เมื่อข้าเลิกงาน ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน"

เมื่อเห็นเช่นนั้น เฉินจินหยูตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะมองออกไป ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด