ตอนที่แล้วบทที่ 25 : ความอยากรู้อยากเห็นของมู่ซีเหยา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 27 : เจ้าเคยเห็นเคยเห็นผู้ที่อยู่ในระดับอาณาจักรปราการสวรรค์ครอบครองเจตนาดาบขั้นที่สามหรือไม่?

บทที่ 26 : ผู้นำตระกูลเย่ว์​ตกตะลึง​


บทที่ 26 : ผู้นำตระกูลเย่ว์​ตกตะลึง​

ตามปกติ​แล้ว​, การที่ข่าวคราวของเย่หวู่ชางได้เเพร่กระจาย​ไปถึงเมืองหลวงของราชวงศ์ต้าเซี่ย มันก็ไม่ควรจะส่งผลอะไรมากนัก

เเต่ในยามนี้, การต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัชทยาทได้มาถึงช่วงเวลาขัดแย้งถึงขีดสุด….ทุกสิ่งทุกอย่าง​จะเเตกต่างออกไปอย่างมาก

เเละตามแนวทางปกติในศึกสืบทอดบัลลังก์, ผู้ฝึกตนที่อยู่ในอาณาจักรพระราชวังสีม่วงจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปแทรกแซงจนกว่าจะถึงช่วงเวลาสำคัญ

ท้ายที่สุดแล้วผู้ฝึกตนในอาณาจักรพระราชวังสีม่วงแต่ละคนนั้นหายากมาก…..เเถมแต่ละคนยังทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ

หากพวกเขาได้รับอนุญาตให้สามารถทำอะไรก็ได้อย่างอิสระ ความแข็งแกร่งของราชวงศ์ต้าเซี่ยอาจจะลดลงหลายขั้น (ตีกันตายหมด)​

เมื่อไม่มีการแทรกแซงจากผู้ฝึกตนอาณาจักรพระราชวังสีม่วง…..ผู้ฝึกตนอาณาจักรปราการสวรรค์จึงกลายเป็นที่โปรดปรานสำหรับเหล่ารัชทายาทโดยธรรม​ชาติ​

ไม่ต้องพูดถึงคนอย่างเย่หวู่ชางที่สามารถสังหารผู้ฝึกตนครึ่งก้าวอาณาจักรพระราชวังสีม่วงได้ด้วยทักษะดาบอันน่าสะพรึงกลัวของเขา

แม้ว่าผู้อาวุโสสูงสุด​ของนิกายดาบสังหารวารีจะสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปบ้างเนื่องจากอายุขัยของเขากำลังจะหมดลง…..หากแต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังมิควรถูกมองข้าม

ดังนั้น, ความจริงที่ว่าเย่หวู่ชางสามารถจัดการอีกฝ่ายได้….นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาเเข็ง​เเก​ร่​งมากเพียงใด

ด้วยเหตุนี้, เหล่าองค์ชายทั้งหลายจึงได้เริ่มจัดเตรียมคนมาเจรจา​ต่อรองกับตระกูลเย่

อย่างไรก็ตาม, ทุกวัน​นี้ตระกูลเย่ยังคงวางเป็นกลาง…..ซึ่งนี่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่อย่างใด

แต่น่าเสียดาย, ถึงอย่างนั้นเหล่าองค์ชายทั้งหลายก็ยังคงพยายามเอาชนะใจตระกูลเย่

และนั่นก็มากพอให้เย่หวู่ชางเกือบจะเดาสาเหตุของการมาถึงของผู้นำตระกูลเย่ว์ได้แล้ว

มันคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการขอให้ช่วยเหลือ​องค์ชายสิบสี่ซึ่งเป็นผู้ที่ตระกูลเย่ว์ให้การสนับสนุน…..เพื่อให้ได้บัลลังก์

ยามเขาฟังข้อเรียกร้องของเย่ว์ไห่ ….เย่หวู่ชางก็ยิ้มน้อยๆอยู่ในใจ เเละไม่ได้สนใจ​คำพูด​ของอีกฝ่ายเท่าไหร่​

แม้ว่าเขาจะมีความสามารถมากกว่าองค์ชายคนอื่นๆเพียงเล็กน้อย….แต่น่าเสียดายที่เย่หวู่ชางไม่สนใจในสิ่งเหล่านั้น

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่าการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์

ยามนี้เขาสนุกกับการเล่นโปกเกอร์กับเย่หวู่ชางและจ้าวชิงเกอมากกว่า

แม้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ในภายภาคหน้าอาจจะต้องการชำระบัญชีกับตระกูล​เย่…..แต่ถ้าถึงตอนนั้น, เย่หวู่ชางก็ไม่รังเกียจที่จะเปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่ให้เหล่าราชวงศ์​

“ข้าขอบคุณสำหรับ​ความปรารถนาดีของตระกูลเย่ว์….หากแต่ยามนี้ตระกูลเย่ของข้ายังอ่อนแอยิ่งนัก”

“เราจึงไม่ต้องการไปข้องเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อชิงตำบัลลังก์…..ความตั้งใจขององค์ชายสิบสี่ ข้าซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเย่ย่อมเก็บไว้ในใจ, หากไม่มีเรื่องอื่นแล้วท่านผู้นำตระกูลเย่ว์โปรดกลับไปเถิด!”

เมื่อได้ยินเสียงตอบรับอัน​เฉยเมยของเย่หวู่ชาง….แม้แต่เย่ว์ไห่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญเล็กน้อย

“ผู้นำตระกูลเย่ ขออภัยที่ข้าต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา…..แต่ตระกูล​ในต้าเซี่ยไม่อาจหลุดพ้นจากราชวงศ์, มันคงจะเป็นการดีกว่าที่เจ้าจะไม่ขัดพระบัญชา!”

“แม้ว่ายามนี้ท่านจะวางตัวเป็นกลาง ……เเต่ท่านไม่กลัวรึหากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังค์​เเล้วเขาจะไม่หันคมดาบมาใส่ตระกูลท่าน?”

“ในราชวงศ์ต้าเซี่ย คนของราชวงศ์ไม่อาจถูกล่วงเกินได้!”

เมื่อได้ยินคำพูดที่ดูเหมือนเป็นการข่มขู่

ดวงตาของเย่หวู่ชางก็หรี่ลงอย่างไม่ใคร่พอใจนัก

“ท่านผู้นำตระกูลเย่ว์ ท่านกำลังพูดในนามหรือองค์ชายสิบสี่….หรือท่านกำลังจะสอนข้าผู้เป็นผู้นำตระกูลเย่กันแน่”

ด้วยคำพูดเหล่านี้ บรรยากาศรอบนอกถึงกับเย็นลงในชั่วพริบตา

เเต่ยามนี้เย่ว์ไห่ไม่คิดจะถอยกลับอีกแล้ว​, เขาจ้องมองตรงไปที่เย่หวู่ชางด้วยสีหน้าเย็นชา…..ไร้ซึ่งความเคารพแต่อย่างใด

เย่หวู่ชางนั้นแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ตระกูลเย่ว์ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะแตะต้องได้

เเละในแง่ของความแข็งแกร่งโดยรวม…..ตระกูลเย่ว์นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่านิกายดาบสังหารวารีเสียอีก

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็เป็นอัจฉริยะ ……เเละในยามนี้เขาอยู่ในระดับอาณาจักรพระราชวังสีม่วง

ในช่วงรุ่งโรจน์ ความแข็งแกร่งของเขาเทียบได้กับผู้อาวุโสของนิกายดาบสังหารวารี

แม้แต่ในยามเข้าสู่เมืองหลวง, ก้าวเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจในราชวงศ์ต้าเซี่ย…..เขาก็ยังมีอำนาจบางอย่างอยู่ในมือ

ดังนั้น, ภายใต้ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ …..เขาย่อมโกรธเคืองกับท่าทีหยิ่งผยองของเย่หวู่ชาง เเละไม่คิดสำรวมกิริยาอีกต่อไป

เมื่อเห็นว่าเย่ว์ไห่กล้าท้าทายเขา, ร่องรอยของการเยาะเย้ย​ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่หวู่ชาง

โดยไม่มีการลังเลอีกตค, เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ว์ไห่

บูมมมมมม!

ทันใดนั้น, เย่ว์ไห่ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังระเบิด เเละหนังศีรษะของเขาก็รู้สึกด้านชาทันที​

ดวงตาของเย่หวู่ชางทำให้เขารู้สึกถึงสัตว์ร้ายที่ดุร้ายในสมัยโบราณ

ดูเหมือนว่าด้วยการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเพียงเท่านี้ มันก็ทำให้เขารู้สึก​เหมือนได้เผชิญหน้า​กับกลิ่นอายเเห่งความ​ตาย

เเต่เขายังไม่เชื่อและต้องการพยายามขัดขืน​

อย่างไรก็ตาม, ในยามนี้เจตนาดาบอันน่า​สะพรึงกลัว​ก็ลอยวูบวาบผ่านดวงตาของเย่หวู่ชาง

อึก!

โดยไม่มีเวลาตอบสนอง เย่ว์ไห่สั่นสะท้าน​ไปทั้งตัว

ครู่ต่อมา, ดวงตาของเขาก็เลื่อนลอย ใบหน้าของเขาซีดเผือด, เเละมีเลือดสดไหลออกมาจากมุมปาก

หากแต่เขาเพิกเฉยต่ออาการบาดเจ็บของตนเองอย่างสิ้นเชิง และจ้องมองไปที่เย่หวู่ชางอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง

เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความแข็งแกร่งของเย่หวู่ชางจะน่ากลัวถึงเพียงนี้

ในช่วงเวลาที่เจตนาดาบของเย่หวู่ชางปรากฏขึ้น…..เขารู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้เขาแค่เอื้อม

เเละเมื่อมองดูดวงตาอันเย็นชาของเย่หวู่ชาง เย่ว์ไห่ก็รู้สึกว่าลมหายใจของเขาเริ่มติดขัด

เขาไม่สงสัยเลยว่าหากเขาไม่ใช่ลุงของเย่ว์รู่ชวง….ป่านนี้เขาคงได้ตายไปแล้ว

ยามนี้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึก​เสียใจอย่างสุดซึ้ง

นี่เขาทำอะไรลงไป?.....เขากล้าที่จะกระตุกหนวดอัจฉริยะที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่าง​ไร!

ในเวลาเดียวกัน, ทันทีที่เย่หวู่ชางเปิดเผย​เจตนา​ดาบของตน….ชายวัยกลางคนที่เดินออกมาข้างนอกก็หยุดกะทันหันและมองไปยังทิศทางของเย่หวู่ชาง พร้อมพึมพำออกมา

“น่าสนใจ, สถานที่ห่างไกล​เช่นนี้กลับซ่อนพญามังกรเอาไว้…..เจตนาดาบขั้นที่สามระดับสูง​สุด, ไม่ธรรมดา​เลยจริงๆ!”

เจตนาขอดาบขั้นที่สามนั้นหายากมาก แม้แต่ในสถานที่อย่างเมืองโบราณชางหยวนเองก็เช่นกัน

สังเกต​ได้จากการฝึกฝนของมู่ซีเหยา…..เเม้เเต่อัจฉริยะชั้นยอด​อย่างนางก็บรรลุได้เพียงเจตนาดาบขั้นที่สองเท่านั้น

……..

ในห้องโถงด้านใน

หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความเงียบ ไปสักพัก….ในที่สุด​เย่ว์ไห่ก็เป็นคนแรกที่ทำลายบรรยากาศนี้

เขาเปลี่ยนทัศนคติก่อนหน้าพลางพูดว่า

"เรื่องวันนี้เป็นการตัดสินใจของข้าเเต่เพียงผู้เดียว…..ข้าหวังว่าผู้นำตระกูลเย่จะยังคงไว้ไมตรีต่อตระกูล​เย่ว์​!"

เมื่อได้ยินสิ่งนี้, ความตึงเครียดของเย่หวู่ชางก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ท้ายที่สุดแล้ว คนผู้นี้ก็เป็นลุงของเย่ว์รู่ชวง…..เว้นเสียงแต่เย่ว์รู่ชวงและตระกูลเย่แตกหักกัน, ไม่งั้นก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่เขาจะหักสัมพันธ์กับตระกูล​เย่ว์​

ยิ่งไปกว่านั้น, มารดาของเย่ว์รู่ชวงยังคงอยู่กับตระกูลเย่ว์

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาพยักหน้าและพูดว่า "ไม่เป็นไร, ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ผู้นำตระกูลเย่ว์สติไม่สมบูรณ์พร้อมนัก เราจะหารือเรื่องนี้กันอีกทีภายหลังดีหรือไม่?"

นี่เป็นการปฏิเสธเย่ว์อย่างไม่สุภาพ……แต่ ณ จุดนี้ เย่ว์ไห่ไม่กล้าโกรธเคืองอีกต่อไป

เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และทั้งสองฝ่ายก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง

ไม่นานหลังจากนั้น เย่ว์รู่ชวงก็ส่งคนมาเชิญพวกเขา

เมื่อเห็นดังนั้น, พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องโถงหลักโดยทันที

……………………….

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด