ตอนที่แล้วบทที่ 21 สังหารปีศาจแล้วกลับเมือง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23 การปรับปรุงรอบด้าน

บทที่ 22 เขตแดนของปีศาจ


บทที่ 22 เขตแดนของปีศาจ

"เจ้าคิดจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน?"

เมื่อเสินอี้เห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็รู้สึกหิวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เขาเอื้อมมือไปหยิบโหรวเจียหมัว แต่ถูกนิ้วขาวนวลของอีกฝ่ายตีเบาๆ

หลินไป๋เว่ยหยิบหมั่นโถวให้เขา "ฉันจะสร้างเพิงเล็กๆ ที่สวนด้านหลัง และข้าจะพยายามไม่รบกวนเจ้า ส่วนเรื่องจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน...คงประมาณหนึ่งเดือน?"

นางเองก็ไม่แน่ใจ...

เสินอี้รับหมั่นโถวมา สีหน้าของนางเขาอ่านไม่ออก

ผู้หญิงคนนี้พูดอะไรไม่เคยจริง ชีวิตดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่จริงๆ แล้วถูกตระกูลหลินส่งออกไปข้างนอกคนเดียวหลายปีก่อน ตอนกลับมาไม่รู้ไปเรียนวิชาอะไรมา นางถึงกล้าออกจากเมืองไปปราบปีศาจร้ายเพียงลำพัง

ตอนแรกเขาคิดว่านางเป็นมือใหม่ที่ไร้เดียงสา

แต่หลังจากอยู่ด้วยกันสักพัก เสินอี้ก็พบว่านางมองการณ์ไกล  ท่าทางและการกระทำของนางเหมือนเคยผ่านความยากลำบากมา ไม่ใช่คนงี่เง่าที่ไม่รู้จักความสูงต่ำของฟ้าดิน

ที่สำคัญที่สุดคือ นางไปยั่วยุปีศาจจิ้งจอกที่ลึกลับเหล่านั้น แต่สุดท้ายยังสามารถรอดชีวิตกลับมาได้?

ร่างเก่าของเขาขังนางไว้ในบ้าน ดูเผินๆ เหมือนได้เปรียบ แต่จริงๆ แล้วในสายตาของเสินอี้ นี่คือการแส่หาความตาย

ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผย เจ้าหน้าที่ธรรมดาคนหนึ่งจะรับมือกับความโกรธของตระกูลหลินได้อย่างไร?

ปีศาจจิ้งจอกไม่ฆ่านางทิ้ง เหตุผลคืออะไร!?

เสินอี้คิดไม่ออก หรือไม่ก็แค่ไม่อยากคิด เขาพูดอย่างใจเย็นว่า "ไม่ได้"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลินไป๋เว่ยไม่ได้แปลกใจ แต่กลับหัวเราะคิกคัก "ทำไมล่ะ เจ้าไม่ใช่คนอยากให้ข้าเป็นนางบำเรองั้นเหรอ ทำไมเปลี่ยนใจซะล่ะ?"

ตอนที่เขาเจอนางครั้งแรก สีหน้าหื่นกามของเขานั้นไม่ใช่การเสแสร้ง

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มกลับเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

ชั่วครู่ต่อมา  ดวงตาสีดำและสีขาวของเขาก็ฉายแววเยาะเย้ย

หลินไป๋เว่ยหยุดกิน ใช้ปลายนิ้วเช็ดเศษแป้งที่มุมปาก นางมองกลับไป ความน่ารักบนใบหน้านางค่อยๆ เลือนหาย ภายใต้สีหน้าเยาะเย้ยของเสินอี้

 

"เฮ้อ..."

นางปัดผมข้างแก้ม ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ทันใดนั้น ออร่าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

หลินไป๋เว่ยนั่งตัวตรง ดวงตาเรียวแหลมของนางฉายแววเฉียบคมขึ้น "ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าที่เป็นเพียงผู้น้อยและรับใช้ปีศาจ แต่ทำไมถึงได้ไปยั่วยุพวกมัน"

นางเหลือบมองไปที่เสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของชายหนุ่ม แล้วพูดว่า "รู้สึกไม่ดีเลยสินะที่ต้องแกล้งทำเป็นใจเย็น?   ร้อนรนเพราะอยากรู้วิธีเข้าถึงการหลุดพ้นแล้วล่ะสิ?"

หลินไป๋เว่ยพูดตรงๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา นางนั่งไขว่ห้างจัดการชายเสื้ออย่างไม่รีบร้อน แววตาเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง

"เรียกข้าว่าอาจารย์ ข้าจะช่วยเจ้าก้าวเข้าสู่ประตูแรกของการฝึกตน เจ้าคิดว่าไง?"

ก่อนหน้านี้นางรีบร้อนเกินไป ทำให้ชื่อวิชาที่แต่งขึ้นดูหยาบๆ  แต่วันนี้นางเตรียมตัวมาอย่างดี ยังไงก็ต้องทำให้ชายหนุ่มคนนี้ทึ่งให้ได้ หึหึ...เรื่องนี้มันน่าตลกจริงๆ

สีหน้าหลินไป๋เว่ยมั่นใจเต็มเปี่ยม

นางเงียบมองชายหนุ่ม

ทันใดนั้น นางก็เห็นเสินอี้ยกมือขึ้นอย่างแผ่วเบา ถอดดาบที่เอวออกแล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ

"ข้ารู้ว่าเจ้าออกเดินทางไปเรียนรู้วิชา"

น้ำเสียงของเสินอี้เย็นเยียบลงทีละน้อย "เจ้าเรียนอะไรมาล่ะ ร้องงิ้วงั้นเหรอ?"

เขาใช้ห้านิ้วกดทับบนฝักดาบ หลินไป๋เว่ยรู้สึกทันทีว่าตัวเองถูกรังสีอำมหิตกลืนกิน นางอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย  "เจ้า...เจ้าจะทำอะไร?"

"ข้าไม่สนใจเจ้า"

เสินอี้ส่ายหน้า "แต่ข้าสนใจสำนักของเจ้ามากกว่า"

"ข้าบอกแล้วไงว่าไม่มีสำนัก"

หลินไป๋เว่ยยังพยายามอธิบาย แต่เสินอี้ก็ล้วงเอาผ้าห่อเล็กๆ ออกมาจากอก วางไว้ข้างฝักดาบแล้วคลี่ออก เผยให้เห็นลูกบอลเนื้อที่สั่นระริกอยู่ข้างใน

"พิสูจน์คุณค่าของเจ้า"

เสินอี้นั่งนิ่งเฉย ดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่ดาบและลูกบอลเนื้อบนโต๊ะก็แสดงออกถึงท่าทีของเขา

เลือกหนึ่งในสองอย่าง ขออย่าเล่นละคร เขาไม่มีความอดทนเหลือแล้ว

"......"

หลินไป๋เว่ยจ้องมองลูกบอลเนื้อ ปลายนิ้วที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด

นางอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า "แก่นแท้ปีศาจ? เจ้าไปเอาของแบบนี้มาจาก..."

ยังพูดไม่จบ นางก็หันกลับไปมองเสื้อผ้าเปื้อนเลือดของอีกฝ่าย คำตอบนั้นชัดเจน

"แก่นแท้ปีศาจอายุประมาณสี่ร้อยปี ของปีศาจสุนัขขนเหลือง?"

หลินไป๋เว่ยกำหมัดแน่น ปิดบังความประหลาดใจไว้ในใจ ชายคนนี้ตอนเช้ายังออกไปพร้อมกับหมั่นโถว แต่ตอนกลางคืนกลับมาพร้อมกับแก่นแท้ปีศาจขอบเขตเริ่มต้น

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มือปราบเมืองไป๋อวิ๋นเก่งกาจขนาดนี้"

นางเหลือบมองชายหนุ่ม พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "โดยทั่วไปแล้ว แก่นแท้ปีศาจระดับนี้สามารถใช้เป็นส่วนผสมหลักของโอสถรวบรวมปราณ หรือใช้เป็นส่วนประกอบในการกลั่นยาน้ำระดับสูง... ในกรณีที่จำเป็น เราสามารถกลืนกินและกลั่นโดยตรงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนได้ แต่มันจะมีกากตะกอนเยอะ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการบ่มเพาะ"

"แน่นอน ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ผู้ฝึกตนที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเริ่มต้นไม่สามารถใช้ได้... ประโยคนี้ข้าพูดความจริง" หลินไป๋เว่ยพูดอย่างจริงจัง

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสินอี้พยักหน้า แล้วเก็บแก่นแท้ปีศาจกลับไป

อือ...ตรงกับที่เขาคาดเดาไว้

ถ้าอีกฝ่ายยังคงพูดจาไร้สาระ ดูถูกว่าเป็นยาพิษ เสินอี้คงต้องพิจารณาเรื่องชักดาบออกมาจริงๆ

แต่ที่น่าแปลกใจคือ หลินไป๋เว่ยสามารถจำได้ว่าแก่นแท้ปีศาจคือของใคร แสดงว่านางรู้จักปีศาจทั้งหมดรอบบริเวณเมืองไป๋อวิ๋นใช่ไหม?

"เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้ แต่ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระหว่างเจ้ากับปีศาจจิ้งจอก   และข้าก็จะไม่ถามเรื่องตัวตนของเจ้าเช่นกัน"

เสินอี้เก็บของเรียบร้อยแล้วพูดต่อว่า "แลกกับเงื่อนไขนี้ ข้าต้องการตำราฝึกวิชาขอบเขตเริ่มต้นสองเล่ม"

"ขวานผ่าเขาดอกท้อ ดาบสังหารปีศาจไร้เทียมทาน..."   หลินไป๋เว่ยเพิ่งตั้งนิ้วขึ้น นางก็รู้สึกถึงสายตาเย็นชาของชายหนุ่ม นางจึงเบ้ปากและเก็บนิ้วกลับ "ตอนนี้ข้าไม่มีตำรา รอข้าได้รับการช่วยเหลือแล้วค่อยให้เจ้า"

"ได้"

เสิ่นอี้ไม่ได้กดดัน

เขาไม่ชอบเอาไข่ใส่ตะกร้าใบเดียว แผนกปราบปีศาจนั้นดี แต่หากสามารถสร้างความสัมพันธ์กับสำนักต่างๆ บนยุทธภพ และรับข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกฝนวิชาเพิ่มเติม มันย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

"เมืองไป๋อวิ๋นฆ่าราชาปีศาจสุนัขขนเหลืองตาย ปีศาจตัวอื่นจะโกรธไหม?" เสินอี้ตัดสินใจถามเรื่องนี้

หลินไป๋เว่ยหยิบหมูเค็มขึ้นมา แล้วกัดลงไป "อืม"  เคี้ยวไปพลางพูดไปพลาง อย่างไม่ชัด "แม้ว่าปีศาจจะแบ่งเป็นกลุ่มๆ แต่ท่าทีต่อราชสำนักนั้นเหมือนกันหมด พูดตามตรง เจ้าไม่ควรฆ่าปีศาจสุนัขขนเหลือง  มันเหมือนแหวกหญ้าให้งูตื่น"

"หมายความว่ายังไง?" เสินอี้เริ่มรู้สึกสนใจ

"ปีศาจตัวนี้เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตเริ่มต้น ส่วนหยวนทงเทียน(วานรผ่านฟ้า) ที่อยู่บนภูเขาตะวันออกมาหลายปี มันไม่ยอมออกมาก็เพราะเตรียมตัวทะลวงผ่านขอบเขตเริ่มต้นขั้นสมบูรณ์ ซึ่งเรื่องนี้ควรจะน่ากลัวมากที่สุด"

หลินไป๋เว่ยหน้าแดงก่ำ พยายามกลืนหมูเค็มลงคอ จากนั้น นางถอนหายใจยาวๆ กล่าวต่อว่า "ยังมียายเฒ่าเกล็ดเขียว เมื่อร้อยกว่าปีก่อนมีข่าวลือว่ามันเป็นปีศาจร้ายขอบเขตวารีหยก(อวี๋เย่จิ้ง)  ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะรายงานต่อราชสำนัก เชิญขุนพลจากแผนกปราบปีศาจมาสักสองสามคน เพื่อจัดการกับปีศาจงูเฒ่า ลิงแก่  และสุนัขขนเหลืองก่อน หลังจากนั้นพวกมันคงหนีหัวซุกหัวซุน"

เสินอี้ฟังอย่างตั้งใจ แต่พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดต่อ "แล้วปีศาจจิ้งจอกล่ะ?"

หญิงสาวกลอกตา

นางจัดการอาหารจนหมดแล้ว ตบเบาๆ ที่หน้าอกอวบอิ่ม "ฮ้าว...ข่าง่วงแล้ว ไปนอนก่อน"

เสินอี้กลับมานั่งที่ขอบเตียง กุมมือคำนับ "ขอบคุณสำหรับคำเตือน"

หลินไป๋เว่ยเดินไปที่สวนหลังบ้านอย่างช้าๆ  มองเสินอี้ด้วยหางตา "ยังมีสำนึกอยู่บ้าง"

เมื่อนางมาถึงสวนหลังบ้านที่เงียบสงัด

ความสบายใจในดวงตาของนางลดลง ใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความซับซ้อน

อย่าดูถูกคำพูดของนางที่ดูถูกราชาปีศาจสุนัขขนเหลือง นั่นคือปีศาจในขอบเขตเริ่มต้นเชียวนะ  เขาเป็นเพียงมือปราบธรรมดา ไม่มีอาจารย์คอยสอน แม้แต่วิชาก็ยังต้องหาวิธีเอาจากคนแปลกหน้าอย่างนาง แม้จะมีโชคช่วยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่น่าจะมาถึงขนาดนี้ได้

แต่ถึงอย่างนั้น เขากลับสามารถสังหารราชาปีศาจสุนัขขนเหลืองได้นี่สิ!

หากเขาสามารถบ่มเพาะอย่างถูกต้อง อนาคตของเขาคงไม่ธรรมดา

คนที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้ หากตายในเมืองไป๋อวิ๋นที่เต็มไปด้วยน้ำเน่า นั่นคงเป็นการสูญเสียของโลกนี้จริงๆ

น่าเสียดายที่ตอนนี้นางเองก็เอาตัวแทบไม่รอด ไม่มีแรงไปคิดถึงเรื่องอื่นอีกแล้ว...

อา...ข้าหิวจัง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด