ตอนที่แล้วตอนที่ 85 เสาหลัก?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 87 ผนึกเต๋าสวรรค์

ตอนที่ 86 รังของลัทธิเซียนมาร (ฟรี)


ตอนที่ 86 รังของลัทธิเซียนมาร

กู่ตงที่กลายเป็นหมอกดำได้กลับมาถึงที่ซ่อนของตนแล้ว

จากนั้น เขาหยิบเม็ดยาออกมาแล้วกลืนลงไป

หลังยาเม็ดนี้เข้าไปในช่องท้อง อาการบาดเจ็บของกู่ตงก็หายไปอย่างรวดเร็ว

ไม่เพียงเท่านั้น แขนที่ขาดของเขาก็งอกใหม่ในเวลาอันสั้น

เพียงไม่กี่ลมหายใจ แขนใหม่ก็งอกขึ้นโดยสมบูรณ์

แต่มันขาว และบอบบางดูไม่สมดุลกับแขนสีเข้มอีกข้างหนึ่ง

ซูหยางรู้สึกว่าต้องช่วยกู่ตงแก้ไขสิ่งนี้ เพราะมันอาจทำให้อีกฝ่ายเสียชีวิตด้วยโรคย้ำคิดย้ำทำ

ใช่แล้ว ไปกันเถอะ ในเมื่อรู้ที่อยู่แล้วที่เหลือก็เป็นเรื่องง่าย

ในระหว่างทาง ซูหยางกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าควรเก็บชายคนนี้เอาไว้สักพักดีไหม?

ในฐานะผู้ฝึกฝนปีศาจระดับสูง คนๆ นี้ต้องมีเส้นสายกับผู้ฝึกฝนปีศาจคนอื่นๆ อย่างแน่นอน

เช่นนี้ เขาจะรู้จักที่ซ่อนของผู้ฝึกฝนปีศาจคนอื่นๆ หรือไม่?

ซูหยางเริ่มรู้สึกสนใจ หากกู่ตงรู้จักผู้ฝึกฝนปีศาจคนอื่น ๆ และรู้ที่ซ่อนของคนเหล่านั้น หลังเขาทำลายลัทธิเซียนมาร กู่ตงจะเลือกหนีไปหาคนพวกนั้นหรือไม่?

ถ้าอีกฝ่ายเลือกที่จะไปหา ซูหยางก็จะสามารถค้นหาได้อย่างง่ายดายว่าผู้ฝึกฝนปีศาจคนอื่นๆ ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

ดี นี่เป็นความคิดที่ดีจริงๆ เหลือแค่ต้องลองดู

“เหล่ากู่ รอข้าอยู่ที่นี่สักพัก เดี๋ยวข้าจะกลับมา”

ซูหยางพูด และโดยไม่รอคำตอบจากกู่ซิ่ว เขาก็กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไป หายไปจากสายตาของกู่ซิ่วในทันที

ซูหยางมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของกู่ตงอย่างรวดเร็ว

ตามตำแหน่งของกู่ตงในเวลานี้ ด้วยความเร็วของกู่ซิ่วจะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง

แต่สำหรับซูหยาง แค่สิบลมหายใจก็พอแล้ว

เหนือเทือกเขาอันกว้างใหญ่

ลำแสงสีรุ้งหยุดอยู่บนท้องฟ้า

จากนั้น ร่างของซูหยางก็ถูกเปิดเผย และด้วยเจตจำนงดาบที่แผ่ออกไป ซูหยางสามารถตรวจจับผู้ฝึกฝนปีศาจที่ซ่อนอยู่ด้านล่างได้อย่างง่ายดาย

มีทั้งหมด 674 คน

พวกเขาทั้งหมดมีความผิดในโทษฐานก่ออาชญากรรมร้ายแรง

เหตุผลที่พวกเขาถูกเรียกว่าผู้ฝึกฝนปีศาจก็เพราะการฝึกฝนของพวกเขานั้นเป็นอันตรายต่อผู้คน

มิฉะนั้น คงไม่มีใครมาสนใจว่าพวกเขาจะฝึกฝนอย่างไร และอยู่ที่ไหน

เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์ที่เห็น นี่ควรเป็นที่ตั้งของลัทธิเซียนมาร

คาดว่าผู้ฝึกฝนปีศาจส่วนใหญ่ของลัทธิเซียนมารอยู่ที่นี่

สำหรับผู้ที่อยู่ข้างนอก คงต้องค่อยหาทางจัดการในภายหลัง

แต่เพื่อให้กู่ตงรู้ตัว และหลบหนีไป เขาก็ต้องเล่นใหญ่ และทำให้เกิดเสียงดังเอาไว้

ถ้าอย่างนั้น เขาก็ไม่สามารถเหวี่ยงดาบเดียวแล้วทำให้ทุกสิ้นพินาศได้

“งั้นก็ต้องไปต่อสู้กันข้างใน”

ทางเข้าลัทธิเซียนมาร

สาวกสองคนกำลังเฝ้าประตูด้วยความเบื่อหน่าย

ทันใดนั้น ประตูหินที่ปิดอยู่ถูกดูบังคับให้เกิดออกด้วยกำลัง

บูม!!!

หลังจากเกิดเสียงระเบิด ประตูหินก็แตกออกเป็นชิ้นๆ

เจตจำนงดาบพุ่งเข้าไป และสาวกสองคนที่เฝ้าประตูก็ถูกสังหารก่อนที่พวกเขาทันได้ส่งเสียงใดๆ

ซูหยางเดินเข้ามา มองไปรอบๆ อย่างผ่อนคลายราวกับอยู่ที่บ้าน

มันไม่เหมือนกับการรีบเร่งเข้าไปในฐานที่มั่นของผู้ฝึกฝนปีศาจเพียงลำพัง

เมื่อเกิดเสียงดัง โดยธรรมชาติแล้วเหล่าคนที่อยู่ข้างในก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ

ในไม่ช้าพวกเขาก็เข้าหาซูหยาง

“เจ้าเป็นใครกัน? กล้าดียังไงมาเย่อหยิ่งที่นี่!”

เสียงมาถึงก่อนตัวคน ดังก้องกังวาน

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่อีกฝ่ายปรากฏตัว และก้าวเข้าไปในเขตแดนดาบของซูหยางก็พบจุดจบไม่ต่างจากสองคนแรกมากนัก

นั้นคือ การถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ด้วยเจตจำนงดาบ

ขณะที่ซูหยางก้าวเข้าไปลึกขึ้น เหล่าผู้ฝึกฝนปีศาจก็ปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

ในเวลาเดียวกันก็มีคนตายภายใต้เงื้อมมือของเขามากขึ้นเช่นกัน

เมื่อมองดูคนเหล่านี้ที่มีบาปอยู่เหนือหัว ซูหยางไม่มีความเห็นอกเห็นใจใดๆ แม้แต่น้อย

การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้ได้ปลุกกู่ตงที่กำลังพยายามฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เกิดอะไรขึ้น?

จากนั้นเขาก็ออกไปเพื่อดูสถานการณ์

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น วิญญาณของเขาก็แทบหลุดออกจากร่าง

สาวกจำนวนนับไม่ถ้วนของลัทธิเซียนมารเสียชีวิตอย่างอนาถ และมีคนๆ หนึ่งกำลังเดินสบายๆ ในทะเลเลือดท่ามกลางภูเขาซากศพ และค่อยๆ เดินมาหาเขา

ซูหยาง!

เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!

เมื่อภาพของหวังเฉิงเฟิง และเจ้าวังหยินเยว่ที่ถูกสังหารปรากฏขึ้นในใจ ขาของกู่ตงก็สั่นเทา จากนั้น เขาก็หันหลังกลับ และวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้าจะหนีไปไหน? เจ้าคิดว่าจะรอดไปได้งั้นรึ”

คำพูดของซูหยางเหมือนกับเสียงของปีศาจที่คุกคามถึงชีวิต กู่ตงจึงแปลงกายเป็นหมอกดำ และเร่งความเร็วเพื่อหนีออกไป

เขาเร็วมากก็จริง

แต่ซูหยางเร็วกว่า

ดาบถูกเหวี่ยงออกไป และพุ่งตรงไปทางกู่ตง

แต่ความสามารถในการหลบหนีของกู่ตงยังคงดีอยู่ เขาประสบความสำเร็จในการหลีกเลี่ยงการถูกโจมตีถึงตาย และสูญเสียแขนไปเพียงข้างเดียวเท่านั้น

นี่คือ ความตั้งใจของซูหยางเช่นเดียวกัน แม้จะหลีกเลี่ยงความตายไปได้ แต่ก็ต้องได้รับบาดเจ็บ ไม่งั้นอีกฝ่ายอาจจับพิรุธได้

แต่หากอีกฝ่ายเลี่ยงไม่ได้ล่ะ งั้นก็ให้ตายไป ถ้าไร้ประโยชน์เกินไปก็ไม่ควรเก็บไว้

หลังกู่ตงกลายเป็นหมอกดำ เขาก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และหายไปในพริบตา

แม้ว่าซูหยางจะสามารถไล่ล่าด้วยวิชาแสงจรัสได้ เมื่อนั้นกู่ตงก็ไม่มีโอกาสหลบหนี แต่เขาก็ไม่ได้ทำ

คนๆ นี้ยังมีประโยชน์อยู่ ดังนั้นซูหยางจะให้อีกฝ่ายมีลมหายใจไปอีกสักพัก

หากต้องการค้นหาผู้ฝึกฝนปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ก็สะดวกกว่าถ้ามีคนนำทาง

ในเมื่อ กู่ตงจากไปแล้ว

คนที่เหลือก็ไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิต

ซูหยางเดินอยู่ท่ามกลางพวกเขา

ผู้ฝึกฝนปีศาจที่ก้าวเข้าสู่เขตแดนดาบของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

ปรมาจารย์ ยอดปรมาจารย์ จอมยุทธ์

ไม่มีใครได้รับการยกเว้น

เมื่อเห็นว่าซูหยางน่ากลัวแค่ไหน ผู้ฝึกฝนปีศาจบางคนก็อดไม่ได้ที่จะตะโกน

“รีบไปเรียกเจ้าลัทธิมาเร็วเข้า ไม่เช่นนั้นพวกเราจะตายกันหมด”

นี่คือคำกล่าวของผู้ฝึกฝนปีศาจบางคนที่ยังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

แต่ผู้ฝึกฝนปีศาจบางคนรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก

เรียกเจ้าลัทธิ?

จะเรียกยังไง เจ้าลัทธิหนีไปแล้ว!

เพียงไม่นาน ซูหยางก็สังหารผู้ฝึกฝนปีศาจทั้งหมดของลัทธิเซียนมาร

ไม่เหลือใครที่มีชีวิตอยู่เลย

"เสร็จซะที"

น้ำเสียงของซูหยางผ่อนคลาย แต่เมื่อจับคู่กับดินแดนที่นองไปด้วยเลือดรอบตัว มันน่ากลัวถึงขีดสุด

[ เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต +63,440 ]

เห็นได้ชัดว่าลัทธิเซียนมารนี้เป็นกองกำลังของผู้ฝึกฝนปีศาจที่แข็งแกร่งกว่าสำนักกลั่นโลหิต ไม่มีใครทราบว่าอยู่มานานแค่ไหน และมีผู้เสียชีวิตในมือพวกเขาไปกี่คน

มีสาวกมากกว่า 600 คน และมอบเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตให้มากกว่า 60,000 ดวง

ผู้ที่มีส่วนร่วมมากที่สุดคือ ยอดปรมาจารย์ และจอมยุทธ์

หลังจากระดับบาปเกิน 100 มูลค่าจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า

บาประดับ 100 จะให้เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต 1,000 ดวง

แม้ว่าสิ่งนี้จะน่าพึงพอใจมาก แต่ซูหยางก็เกิดคำถามหนึ่งขึ้นมา หลังจากเจตจำนงดาบเกินระดับ 100 แล้ว จำนวนการแกว่งดาบจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าหรือไม่?

แม้ว่าเขาจะยังอยู่ห่างจากระดับ 100 อยู่บ้าง แต่เขาก็ต้องไปถึงจุดนั้นในซักวันหนึ่ง การคิดคำนึงถึงเรื่องนี้ไว้ก่อนไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้ ควรขัดเกลาร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นเอาไว้ ตราบใดที่ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งพอ และความเร็วในการแกว่งดาบสูงพอ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใดเลย

ยอดปรมาจารย์ของลัทธิเซียนมารนั้นได้มอบเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตนับพัน

สำหรับจอมยุทธ์ของลัทธิเซียนมาร พวกเขาได้มอบเจตจำนงแห่งสรรพชีวิตตั้งแต่ 5,000 ขึ้นไป

เพื่อให้ฝึกฝนมาถึงระดับนี้ได้ต้องผ่านการฆ่าผู้คนมานับไม่ถ้วน

ต้าเซี่ยก่อตั้งขึ้นมากว่า 400 ปีเท่านั้น

ผู้ฝึกฝนปีศาจเหล่านี้ที่เป็นยอดปรมาจารย์หรือจอมยุทธ์อาจอยู่มานานกว่าต้าเซี่ยเสียอีก

จำนวนผู้เสียชีวิตนั้นก็ยิ่งจากนับไหว

ซูหยางไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว สิ่งที่แน่นอนคือ คนเหล่านี้สมควรตาย

หลังจากจัดการกับศัตรูทั้งหมดแล้ว ซูหยางก็เริ่มทำความสะอาดสนามรบ

แต่เขาไม่ได้ค้นศพทีละศพ

แต่ใช้เจตจำนงดาบกวาดออกไป ของแปลกๆ ทั้งหมดในกระเป๋าของคนเหล่านี้ รวมถึงแหวนมิติ และถุงมิติก็บินออกมา

เขากองพวกมันไว้รวมกัน หลังจากนี้ค่อยให้กู่ซิ่วมาคัดแยกพวกมันอีกครั้ง

สินสงครามถูกยึด

แต่ยังเหลือของที่อยู่ในคลังสมบัติของลัทธิเซียนมาร

คลังสมบัติถูกปกป้องด้วยค่ายกล และการป้องกันของมันแข็งแกร่งมากจนต้องใช้เวลาพอสมควรในการเปิดแม้ว่าจะเป็นจ้าวยุทธ์ก็ตาม

แต่ซูหยางทำลายค่ายกลด้วยดาบเดียวเหมือนเคย

ท้ายที่สุดแล้ว มันสามารถหยุดยั้งจ้าวยุทธ์ได้เท่านั้น และเขาก็ไม่ใช่จ้าวยุทธ์

หลังจากเปิดคลังสมบัติ พลังวิญญาณภายในก็ปะทะเข้าใส่ใบหน้าของซูหยาง

เมื่อเดินเข้าไปดู มีของดีมากมาย

อาวุธ เม็ดยา คัมภีร์ทักษะ ทักษะลับ ชุดเกราะ สมบัติวิเศษ พืชวิญญาณ และสมุนไพร

นอกจากนี้ยังมีหินวิญญาณ และหินวิญญาณโลหิตจำนวนมาก

มีของทุกชนิดให้เลือกสรร

เมื่อซูหยางเห็นสิ่งที่อยู่ตรงกลาง เขาก็ประหลาดใจ และพูดว่า

"หืม?"

“พืชวิญญาณระดับก่อตั้งรากฐานขั้นสูง ดอกจันทร์ม่วง!”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด