ตอนที่แล้วChapter 699 สภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ย่อมหล่อเลี้ยงไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่ต่างกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 701 งานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกร

Chapter 700 ภูผาทมิฬ


ทางทิศใต้ของจังหวัดจงจุน มีเทือกเขาที่ใหญ่ยักษ์ที่เป็นหน้าผาชันลงไป เพราะว่าหน้าผาดังกล่าวเป็นสีดำ ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าเกิดขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงเรียกว่ามันภูผาทมิฬ.

ภูผาทมิฬนั้นไม่ใช่สถานที่พิเศษอะไร หนำซ้ำยังดูธรรมดาอีกด้วย.

จนกระทั่งเมื่อหมื่นปีที่แล้ว ราชันย์มารนำกองกำลังของเขาเข้ามาปะทะกับนิกายฝ่ายธรรมะที่นี่.

จวบจนถึงตอนนี้ ทุก ๆ วันก็จะมีคนแวะเวียนมายังภูผาทมิฬ เพื่อมาค้นหาร่องรอยการต่อสู้ของนิกายราชันย์มารกับนิกายฝ่ายธรรมะ!

“น่าเสียดายที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในยุคนั้น ไม่เช่นนั้นคงได้ดูการต่อสู้ที่แผ่นดินสะท้านปฐพีสะเทือนเป็นแน่.”

“ในอดีต ยอดฝีมือนิกายฝ่ายธรรมมะร่วงหล่นจากสวรรค์มากมาย ทว่าฝ่ายมารเองก็เสียหายอย่างหนักเช่นกัน.

ผู้ฝึกยุทธ์สองคนที่พูดคุยแลกเปลี่ยน ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในยุคอดีต.

“เจ้านิกาย.”

ในเวลานั้น เสียง ๆ หนึ่งที่ดังขึ้น “ที่นี่คือภูผาทมิฬอย่างงั้นรึ? ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สถานที่พิเศษอะไรเลยไม่ใช่รึ?”

ทั้งสองที่ได้ยินเสียง ก่อนที่จะหันหน้ามองกลับไป.

ปรากฏผู้ฝึกยุทธ์กว่า 20 คนในชุดที่ดูฉูดฉาด ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่.

ชายผู้นำในชุดสีขาว ดูมีอายุ 20 ปี แผ่กลิ่นอายที่ดูน่าเกรงขามออกมา.

ใคร?

จุนซ่างเซียวนั่นเอง.

แม้นว่าจะดูธรรมดา อย่างไรก็ตามเขาที่เป็นเจ้านิกายมาหลายปี กลิ่นอายสูงศักดิ์ที่ แผ่ความน่าเกรงขามมานั้นก็มากขึ้นเรื่อย ๆ.

หลี่ชิงหยางเอ่ย “ภูผาทมิฬนั้นธรรมดา แต่เพราะนิกายธรรมมะและนิกายมารได้มาต่อสู้กัน จึงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก.”

เรื่องที่เกิดมาหมื่นปีแล้ว เขาเองก็ได้ยินมาเล็กน้อย.

ซูเซียวโม่เอ่ยถาม “ศิษย์พี่รอง ได้ยินมาว่าราชันย์มารคนเดียว สู้กับยอดฝีมือสิบคน เป็นเวลานานแต่ไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะได้อย่างงั้นรึ?”

“ไม่ผิด.”หลี่ชิงหยางเอ่ย.

ซูเซียวโม่เอ่ย “ราชันย์มารแข็งแกร่งจริงๆ!”

ผู้ฝึกยุทธ์สองคนที่มาก่อน ได้ยินต้องขมวดคิ้วไปมาทันที.

ราชันย์มารที่เป็นเหมือนกับมารร้าย เจ้าคนนี้คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล่าวชื่นชม.

ซูเซียวโม่ที่หยุดอยู่พื้นที่สูง กวาดตามองภาพบรรยากาศที่กว้างใหญ่ พลางถอนหายใจ “น่าเสียดายไม่ได้อยู่ในยุคนั้น ไม่เช่นนั้นแล้วคงจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของราชันย์มารแน่นอน.”

“สหายน้อย.”

ผู้ฝึกยุทธ์ที่ยืนไกลออกมาอดรนทนไม่ได้ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ราชันย์มารถือเป็นหายนะของแผ่นดิน ถือเป็นมารร้ายที่ทุกคนต้องกำจัด กับคนเช่นนี้มีแต่ต้องสาปแช่ง จะไปชื่นชมได้อย่างไร!”

บรรพบุรุษนิกายฝั่งธรรมะที่ตกตายไปกันมากมายในการต่อสู้ครั้งนั้น ตอนนี้กับมีคนมาชื่นชมราชันย์มาร จะให้พวกเขาทนมองอยู่ได้อย่างไร.

“ฮึ.”

ซูเซียวโม่ที่เบ้ปากให้.

จุนซ่างเซียวหาได้สนใจชาวยุทธ์เหล่านั้น เขาที่ก้าวไปด้านหน้า แผ่จิตสัมผัสออกไปปกคลุมทั่วภูผาทมิฬ.

จากบันทึกของเจ้านิกายรุ่นแรกนิกายปิศาจมังกรทมิฬเขียนไว้ชัดเจน ว่าวิชาดื่มโลหิตพบที่ถ้ำภูผาทมิฬ  ทว่า...ที่นี่ไม่เห็นมีถ้ำ!

“หืม?!”

ในเวลาต่อมา จิตสัมผัสของเขาที่พบเข้ากับม่านพลังบางอย่าง.

ค่ายกล?

จุนซ่างเซียวที่มุ่งสมาธิ ตรวจสอบม่านพลังรอบ ๆ ที่ขยายยาวออกไป.

บางทีค่ายกลนี้ผ่านมานานหลายปีแล้ว อาจจะเสียพลังป้องกัน และเริ่มพังทลายลงชั่วขณะจากฝีมือของเขา.

นี่คือค่ายกลปิดแยก ปิดถ้ำแห่งหนึ่งเอาไว้ ทว่าด้านในนั้นไม่มีสิ่งใดแล้ว.

อย่างไรก็ตาม แท่นศิลาที่อยู่ใจกลางนั้น มีฝุ่นเกราะเต็มไปหมดเห็นชัดเจนว่ามันพังทลายไปแล้ว.

อธิบายได้ว่ามีบางอย่างที่เคยมีอยู่ที่นี่ ตอนนี้มีใครบางคนนำไปแล้ว.

จุนซ่างเซียวที่พอจะคาดเดาได้ “สิ่งที่ถูกนำไปนั้นก็คือแท่นศิลาวิชาดื่มโลหิต ที่เจ้านิกายปิศาจมังกรทมิฬนำไปสินะ?”

“มีความเป็นไปได้สูง.”ระบบกล่าว.

จุนซ่างเซียวที่เฝ้ามองรอบ ๆ หลังจากไม่มีสิ่งใดเป็นประโยชน์แล้ว ก็เก็บจิตสัมผัสคืนกลับมา.

เขาที่พบถ้ำที่ภูผาทมิฬ พบร่องรอยบางอย่างแล้ว แต่กับเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังเป็นอย่างมาก.

“เฮ้อ.”

จุนซ่างเซียวที่ถอนหายใจ กล่าวออกมาว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์เลย.”

“หืม?”

ในเวลาต่อมา จิตสัมผัสของเขาก็ปะทะเข้ากับม่านพลังอีกแห่ง ทำให้เขาเผยท่าทางประหลาดใจออกมา “มีถ้ำซ้อนอีกแห่งอย่างงั้นรึ?”

ถอดความ!

ฟู่ ฟู่-

จิตสัมผัสที่แผ่ออกมา แทรกเข้าไปด้านใน!

“วูซซซซ!”

ในเวลาต่อมา ม่านพลังที่สองที่ถูกทะลวง ด้านในนั้นมีถ้ำขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมีแท่นศิลาอยู่ด้วย.

บนแท่นศิลานั้น มีกล่องสีดำ ที่มีลวดลายอักขระ ที่ดูเหมือนว่าจะมีอายุไม่น้อย.

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวที่กระโดดพุ่งไปยังทิศทางดังกล่าวทันที.

ท่าทางของชาวยุทธ์ก่อนหน้านี้เองก็ตกใจเช่นกัน.

จู่ ๆ ก็กระโดดลงไปอย่างงั้นรึ?

หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อ ตลอดจนศิษย์คนอื่น ๆ หาได้สนใจ ต้องไม่ลืมว่าเจ้านิกายนั้นทรงพลังมาก ถึงแม้นว่าจะล่วงหล่นลงไปด้านล่าง ก็ไม่มีทางเป็นอะไร.

......

“กึก!”

ด้านล่างภูผา จุนซ่างเซียวที่ร่อนลงพื้น ก่อนที่จะเข้าไปในถ้ำที่สอง และไปหยุดที่ด้านหน้าแท่นศิลา.

ในเวลานั้นเขาพอคาดเดาได้ว่าถ้ำก่อนหน้านี้ ต้องมีกล่องเช่นกัน ทว่าถูกนำไปแล้ว นอกจากนี้คงจะเป็นเจ้านิกายปิศาจมังกรทมิฬนำไป.

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวที่โบกมือ เปิดกล่องออกมา.

“ฟู่ ฟู่ ---”

พลังสีดำที่แผ่ออกมาจากกล่อง ก่อนที่จะสลายหายไปทันที.

“ไม่มีอันตราย.”

จุนซ่างเซียวที่วางใจ ทว่าก็ยังโคจรเกราะพลังวิญญาณปกคลุมร่างเอาไว้.

ภายในกล่องสีดำนั้นมีตำราที่มีชื่อว่า พระสูตรเชื่อมมาร.

“วิชาบ่มเพาะอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่โบกมือนำตำราออกมา ด้านในนั้นตำรายังค่อนข้างใหม่.

บนนั้นมีอักษรที่เขียนด้วยลายมือมากมาย กระจายเต็มไปหมด และมีเนื้อหาส่วนหนึ่งเอ่ยออกมาว่า คนกลุ่มหนึ่งทรยศต่อราชันย์มาร ต้องการชิงพระสูตรเชื่อมมาร ข้าต้องการปกป้อง ดังนั้นจึงได้ติดตั้งค่ายกลไว้ที่ภูผาทมิฬ เพื่อปกปิดสถานที่แห่งนี้เอาไว้.

เขียนด้วยลายมือไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก.

จุนซ่างเซียวที่พอจะบอกได้ว่า อีกฝ่ายนั้นเขียนอย่างเร่งรีบ.

ทรยศ?

หรือว่าจะเป็นสมาชิกที่เหลือรอดของนิกายมารที่แยกตัวออกไป?

จุนซ่างเซียวที่จ้องมองวิชาพระสูตรเชื่อมมาร “นี่คือวิชาบ่มเพาะของราชันย์มารอย่างงั้นรึ?”

ก่อนหน้านี้หมื่นปี เขาคือผู้มีอำนาจที่กล้าเป็นศัตรูกับผู้คนทั้งแผ่นดิน วิชาของอีกฝ่าย จะได้มาง่าย ๆ ขนาดนี้เลยรึ?

เหมือนกับการละเล่นของเด็ก ๆ!

“ไม่ใช่ ไม่น่าจะใช่.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ค่ายกลนี้แม้แต่ข้ายังพบง่าย ๆ แล้วคนอื่น ๆ จะไม่พบได้อย่างไร?”

เพื่อที่จะสืบหาสมาชิกที่รอดชีวิตที่แยกตัวออกไปของนิกายมาร ทำให้ได้รับพระสูตรเชื่อมมารมา แต่เพราะมันได้มาง่ายจนเกินไป ทำให้เจ้านิกายจุนเต็มไปด้วยความสงสัย.

อย่างไรก็ตาม เจ้านิกายปิศาจมังกรทมิฬ ก็พบเข้ากับถ้ำแรกแล้วอย่างชัดเจน.

ทำไมเขาไม่พบที่นี่ นำไปเพียงแค่วิชาดื่มโลหิตอย่างงั้นรึ?

ยิ่งคิด ก็ยิ่งสับสน.

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา ก่อนที่จะเก็บพระสูตรเชื่อมมารเข้าไปในแหวนมิติและจากมา.

เขาที่แผ่จิตสัมผัสออกไป รอบ ๆ ทั้งด้านในและด้านนอก ไม่พบกับค่ายกลอื่นอีก จากนั้นก็คืนกลับขึ้นไปด้านบนรวมตัวกับศิษย์ของเขา.

“ชิงหยาง.”

จุนซ่างเซียวที่ส่งเสียงผ่านวิญญาณ “ด้านล่างภูผามีค่ายกล เจ้าพบหรือไม่?”

“ค่ายกล?”

หลี่ชิงหยางที่งงงวย ก่อนตอบ “ไม่.”

“ไม่อย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ตะลึงงัน.

มีเพียงแค่เขาที่พบอย่างงั้นรึ?

ไม่ใช่แค่เพียงหลี่ชิงหยาง.

ศิษย์นิกายนิรันดรคนอื่น ๆ ที่แผ่จิตสัมผัสออกไป ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครพบสิ่งใด.

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “ค่ายกลในภูผาทมิฬ หรือว่ามีแค่ใครบางคนที่สามารถพบได้หรือไม่?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด