ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 419 วัดต้าหลัวยอมจำนน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 421 หกหาง

MDB ตอนที่ 420 แว่วเสียงพระพุทธองค์


หลินจินหวงแหนคนรอบข้างเขา และไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเป็นสัตว์ปีศาจหรือสัตว์วิเศษ หลินจินจะไม่ยอมให้พวกเขาถูกรังแกหรือถูกฆ่าเด็ดขาด ถ้าความโกรธของเขาถูกจุดขึ้นมาเมื่อไหร่ หลินจินก็จะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อตอบโต้กลับอย่างแน่นอน

หลินจินเริ่มตื่นตัวมากขึ้น เพราะทางวัดต้าหลัวปฏิเสธที่จะคืนวานรยักษ์ขาวให้แก่เขา

เปลวเพลิงที่แผดเผาด้านบนเริ่มแผดเผามากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เปลวไฟยังคงร้อนระอุต่อไป พระภิกษุที่มีการบ่มเพาะเพียงเล็กน้อยก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อของตัวเอง พวกเขาเริ่มไม่สามารถทนต่อความร้อนได้อีกแล้ว

*ครืน!*

ต้นไม้ที่ตายแล้วในบริเวณใกล้เคียงก็ลุกเป็นไฟ

กลุ่มควันสีเข้มลอยขึ้นมาจากจุดต่าง ๆ รอบวัดต้าหลัว และพวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนที่ชัดเจนของผู้คน

“ดับไฟเร็วเข้า!” ใครบางคนตะโกน

“ภัณฑารักษ์ ฟังข้าก่อน ถึงรุ่นน้องของข้าจะมีนิสัยดื้อรั้น แต่เขาไม่เคยโกหก มันเป็นเรื่องจริงที่จื่อหยินยังไม่กลับมา” เจ้าอาวาสพูดขึ้น

เขาพอจะเข้าใจสถานการณ์คร่าว ๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องปกติที่พระภิกษุจะเดินทางเป็นเวลาสองถึงสามเดือน

“ฮึ่ม! บางทีรุ่นพี่จื่อหยินอาจได้รับบาดเจ็บจากลิงขาว นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขายังไม่กลับมา” พระหนุ่มที่อยู่ด้านหลังอดไม่ได้ที่จะตะโกน

ดวงตาของพระภิกษุเป็นประกายเมื่อคำนึงถึงความเป็นไปได้

เนื่องจาก จื่อหยินได้ออกไปไล่ล่าสัตว์ปีศาจ หากเขาทำภารกิจสำเร็จ เขาคงจะกลับมาตั้งนานแล้ว

การหายตัวไปของเขานั้นแท้จริงแล้ว เป็นเหตุการณ์แปลกประหลาดที่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสงสัยเช่นกัน

สีหน้าของเจว่เจิ้นมืดลง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจื่อหยินได้รับอันตรายจากลิงขาวจริง ๆ?

เมื่อปล่อยให้จินตนาการของเขาโลดแล่น เขาคิดเองเออเองว่า ภัณฑารักษ์คนนี้อาจรู้อยู่แล้วว่าจื่อหยินได้รับอันตรายจากลิงขาว แต่เลือกที่จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อกล่าวหาความเท็จ เพื่อพยายามปกปิดการกระทำผิดของพวกเขา ทั้งหมดนี้เพื่อทำให้วัดต้าหลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย

มันอาจเป็นไปได้

ถ้าหากเจว่เจิ้นสามารถคิดเรื่องทำนองนี้ได้ เจ้าอาวาสก็คิดได้เช่นกัน

ทันใดนั้น พระภิกษุของวัดต้าหลัวก็มีสีหน้าไม่เป็นมิตร

“ภัณฑารักษ์ จื่อหยินไม่ได้กลับมาจริง ๆ และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องปกติเช่นกัน อาจเป็นได้ว่าเขาคือผู้เสียหายแทน และมันก็ไม่สมเหตุสมผลสำหรับท่านที่จะกดดันเราที่นี่ต่อไป ตามแนวคิดของท่าน เราควรจะขอให้ท่านปล่อยตัวจื่อหยินได้เช่นกัน”

เจ้าอาวาสรู้ว่าคราวนี้เขาต้องยืนหยัดมั่นคง ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงของวัดจะต้องย่อยยับ ยิ่งไปกว่านั้น เหตุผลก็เข้าข้างพวกเขาเช่นกัน หากพวกเขาสอบสวนเหตุการณ์เพิ่มเติม นี่อาจเป็นอุบายที่ภัณฑารักษ์ใช้กล่าวหาพวกเขา

ทางด้านหลินจิน เขาปฏิเสธที่จะเชื่อพวกเขา

เขารู้จักวานรยักษ์ขาวเป็นอย่างดี หากเขาฆ่าพระภิกษุคนนั้นไปแล้ว เขาคงจะไปช่วยชางเอ๋อร์หรือไม่ก็รออยู่ที่เมืองรี้ดต่อไป

หลินจินมั่นใจในเรื่องนี้อย่างแน่นอน

วานรยักษ์ขาวอยู่กับเขามานานจนหลินจินสามารถอ่านใจอีกฝ่ายได้ราวกับพลิกฝ่ามือ เขาไม่มีทาง 'หายไป' โดยไม่มีเหตุผลเด็ดขาด

บางทีพวกเขาอาจจะฆ่าวานรยักษ์ขาวไปแล้ว และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงไม่สามารถปล่อยตัวเขามา เพื่อหาทางพลิกสถานการณ์ วัดต้าหลัวพยายามกล่าวหาว่าหลินจินฆ่าสมาชิกของพวกเขาแทน

“วัดต้าหลัว พวกท่านคิดว่าข้าจะไม่กล้าทำลายวัดอายุนับพันปีของพวกท่านจริง ๆ หรือ?”

หลินจินกดมือลงและไฟที่ลุกโชนด้านบนก็ลงมาราวสามเมตร ยิ่งทวีเพิ่มความรุนแรงของไอร้อนมากขึ้นไปอีก

“เทพผู้พิทักษ์ทั้งสี่ จงสำแดงเดชผนึกสวรรค์ของพระพุทธเจ้า!”

เมื่อมาถึงขีดจำกัด เจ้าอาวาสก็รีบสวดบทสวด ลูกประคำมาลาในมือของเขาแตกออกและมีแสงสามดวงพุ่งออกมา นอกจากผู้พิทักษ์นกอินทรีก่อนหน้านี้แล้ว สัตว์เทพผู้พิทักษ์อีกสามตัวก็ปรากฏตัวขึ้นด้วย บางตัวสวมชุดเกราะทองและเงิน ในขณะที่บางตัวสวมชุดคลุมพระด้ายสีทอง รูปร่างหน้าตาของพวกมันไม่มีอะไรนอกจากความสง่างามและหยิ่งทะนง

เทพผู้พิทักษ์ทั้งสี่ ได้แก่ อินทรีมงกุฎ หมีแขนเหล็ก มังกรสวรรค์ และเต่าเทวทูต

เทพผู้พิทักษ์ลงมือทันที โดยเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามสร้างบาเรียสีทองด้านบน ปิดกั้นเครื่องรางเทพอัคคีเอาไว้ ในขณะที่อีกตัวมุ่งหน้ามาเพื่อจัดการกับภัณฑารักษ์

เนื่องจากเจ้าอาวาสได้ลงมือแล้ว ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจะต้องร้ายแรงอย่างแน่นอน

เทพผู้พิทักษ์ทั้งสี่นั้นมีขุมพลังอยู่เหนือระดับสี่ พูดง่าย ๆ ก็คือ พวกเขามันคือสัตว์วิเศษระดับห้าที่มีพลังวิญญาณ

เห็นได้ชัดว่าเจ้าอาวาสเป็นขุมพลังที่ทรงพลังที่สุดของวัดต้าหลัว

นอกจากเขาแล้ว พระอธิการของห้องโถงขับไล่ปีศาจ เจว่เจิ้น และพระภิกษุคนอื่น ๆ ก็ปฏิเสธที่จะถอยเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดเริ่มโต้ตอบทันที โดยถอดลูกประคำมาลาที่คอออกแล้วสวดบทสวดแบบเดียวกัน

“สัตว์ร้ายจักแปรผัน สู่แสงแห่งอิสรภาพ เหล่าเทพผู้พิทักษ์แห่งปัญญาเอ๋ย จงสังหารปีศาจให้สิ้นซาก!”

ทันใดนั้น ดาบที่สร้างจากแสงก็ฟันลงมาที่หลินจิน

ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดสองคนของวัดต้าหลัวได้ตัดสินใจที่จะเปิดการโจมตี

หลินจินโกรธมาก ตอนนี้เขาไม่สามารถนิ่งเฉยและทนต่อการโจมตีเหล่านี้ได้ เขายกแขนขึ้นและกดลงเพื่อปล่อยเครื่องรางเทพอัคคี ในขณะที่ยกอีกนิ้วหนึ่งเพื่อปล่อย 'เข็มเพลิงอัสนี' ที่เขาสร้างขึ้นก่อนหน้านี้

เข็มเพลิงอัสนียิงใส่อินทรีมงกุฎที่กำลังจะมาถึง

*โครม!!!*

ทันใดนั้นเอง พวกเขาได้ยินเสียงชนดังสนั่น

แผ่นหินบริเวณทางเข้าวัดต้าหลัวแตกเป็นชิ้น ๆ และต้นสนและต้นรอบ ๆ ก็ถูกฟ้าผ่า พวกมันก็กลายเป็นเถ้าถ่านทันที พลังระเบิดของเข็มเพลิงอัสนีลบล้างการโจมตีของอินทรีมงกุฎจนหมดสิ้น

ยิ่งไปกว่านั้น หลินจินยังเรียกใช้คัมภีร์ดาบศักดิ์สิทธิ์ โดยใช้นิ้วของเขาเป็นดาบชั่วคราว เขาตะโกนออกมา

“สังหาร!”

ดาบแสงของเจว่เจิ้นแตกสลายและดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ ราวกับว่าดาบที่มองไม่เห็นเพิ่งฟันผ่านเขา เขาล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ถ้าไม่ใช่เพราะแสงป้องกันที่เหลืออยู่ใบนร่างกายของเขา เขาคงจะถูกสังหารโดยเจตจำนงแห่งดาบ ถึงกระนั้น ลูกประคำมาลาในมือก็แตกกระจายจนหมด และเขาก็กระอักเลือดออกมา

“ท่านพระอธิการ!”

“เจว่เจิ้น!”

ฝูงชนต่างตื่นตระหนก

“พระภิกษุทั้งหลายจงฟังคำสั่งของข้า จงปกป้องวัดทุกวิถีทาง!”

เจ้าอาวาสก็กังวลเช่นกัน เมื่อรู้ว่าไม่มีทางที่จะออกไปจากเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน เขาทำได้เพียงออกคำสั่งให้ต่อสู้อย่างเต็มที่

ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงแตกจากด้านบน

บาเรียสีทองที่ได้รับการสนับสนุนจากเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามได้เริ่มแตกออกภายใต้แรงกดดันของดวงอาทิตย์ที่แผดเผา พระภิกษุของวัดต้าหลัวทุกคนรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้าเมื่อเห็นฉากตรงหน้า

“เราทนไม่ไหวแล้ว”

“ทุกคน วิ่ง!!!”

พระภิกษุชั้นสูงก็ดูอ่อนล้า แม้ว่าพวกเขาจะมีความมั่นใจในการเอาชีวิตรอดจากไฟ แต่พระภิกษุชั้นล่างและสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ของพวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

นอกจากนั้น อาคารโบราณจำนวนมาก ห้องโถง พระพุทธรูป ห้องสมุด และศาลาภายในวัดต้าหลัวจะถูกทำลายทั้งหมด หากพลังเช่น เครื่องราเทพอัคคีลงมาจริง ๆ ยอดเขาต้าหลัวทั้งหมดก็จะหายไป

ตั้งแต่นั้นมา วัดต้าหลัวก็จะถึงคราวอวสาน

“ภัณฑารักษ์ ได้โปรดพิจารณาถึงสิ่งที่ท่านจะทำอีกครั้งเถิด รุ่นพี่ของข้าจื่อหยินเป็นคนที่มีความยุติธรรมและความขยันหมั่นเพียร เขาไม่มีวันฆ่าสัตว์ปีศาจโดยไม่มีเหตุผล และลิงขาวอาจจะยังมีชีวิตอยู่ข้างนอกนั่น ต้องมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทั้งคู่ยังไม่กลับมา”

จู่ ๆ จื่อเหนียนก็ตะโกนลงมาจากบันได

เขาเป็นคนฉลาดที่เลือกที่จะไม่พูดก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขากำลังใช้บทสวดแบบพุทธที่เสริมด้วยคาถาสงบจิตใจเพื่อพยายามหยุดภัยพิบัตินี้ด้วยตัวเอง

หากพวกเขายังคงประหัตประหารกันต่อไป ทั้งภัณฑารักษ์และวัดต้าหลัวคงจะจบไม่สวยแน่นอน

เมื่อได้ยินเสียงของเขา ทุกคนก็รู้สึกถึงสายลมเย็น ๆ ที่พัดมา และจิตใจของพวกเขาก็ปลอดโปร่งขึ้นทันที

หลินจินก็ตระหนักถึงความเป็นไปได้นี้เช่นกัน แต่ถึงกระนั้น สถานการณ์ก่อนหน้านี้ก็กดดันเกินไปจนเขาไม่มีทางเลือกอื่น จนกระทั่งได้ยินเสียงของจื่อเหนียน เขาก็พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่วัดต้าหลัวอาจจะพูดความจริง

หากเครื่องรางเทพอัคคีถูกใช้งานอย่างเต็มที่ จำนวนผู้เสียชีวิตก็คงไม่หยุดอยู่ที่ร้อย

เขาจึงเสกคาถาเพื่อเรียกเครื่องรางเทพอัคคีกลับมาทันที อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ต่างจากลูกธนูที่ปล่อยจากคันศรไปแล้ว ไม่ว่าหลินจินจะทำอย่างไร เขาก็ไม่สามารถหยุดเครื่องรางเทพอัคคีได้อีกต่อไป

ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังนี้ มีเสียงดังก้องมาจากส่วนลึกของวัดต้าหลัว

“สหายจากลัทธิเต๋าเอ๋ย เจ้ามีทักษะที่ไร้ที่ติ แต่วัดต้าหลัวคือพื้นที่ฝึกฝนของเรา ดังนั้นข้าจึงอยากให้สถานที่แห่งนี้คงอยู่สืบไป”

หลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียงนั้น ใบไม้ร่วงหลายล้านใบก็ถูกลมกระโชกพัด ใบไม้รวมกันเป็นรูปมือใหญ่ซึ่งมีตราพุทธองค์อยู่ มันปิดกั้นดวงอาทิตย์ที่กำลังตกได้อย่างง่ายดาย

เครื่องรางเทพอัคคีที่เทพผู้พิทักษ์ระดับห้าสามตน ยังพบว่ายากที่จะต้านทาน ตอนนี้ถูกขัดขวางด้วยฝ่ามือนี้

หลินจินรีบกระโดดขึ้นและร่ายคาถา ‘เรียกเก็บ!’ ด้วยความตกใจ

เครื่องรางเทพอัคคีที่ถูกเผาบางส่วนปรากฏขึ้นในมือของหลินจิน และจากลูกไฟขนาดใหญ่ ภาพเงาของโกลดี้ก็ปรากฏตัวขึ้น

*แคร่ก!*

มือที่ทำจากใบไม้ที่ร่วงหล่นเริ่มถูกเผาเนื่องจากเปลวไฟที่ยังคงอยู่ในอากาศ นอกจากวัดต้าหลัวแล้ว ทุกคนในระยะไกลหลายร้อยเมตรยังมองเห็นมือที่ลุกไหม้บนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน

วิกฤติได้รับการแก้ไขแล้ว อย่างไรก็ตาม หลินจินขมวดคิ้วอย่างหนักภายใต้หน้ากากของเขากำลังจ้องมองเข้าไปในส่วนลึกของวัดต้าหลัว

พระภิกษุส่วนใหญ่ของวัดต้าหลัวก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับตัวเอง แม้แต่พระภิกษุชั้นสูงก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้

จากนั้นเสียงนั้นก็พูดอีกครั้ง

“เนื่องจากเพื่อนจากลัทธิเต๋าคนนี้เป็นแขกของข้า ซวนเจว่ ช่วยเชิญเขาเข้าวัดเพื่อคุยกับข้าที”

ทันใดนั้น พระเฒ่ารูปหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าวัด ราวกับว่าเขาปรากฏตัวออกมาจากอากาศ พระเฒ่าผู้นี้สวมชุดคลุมธรรมดามาก และอายุของเขานั้นยากที่จะบอก แต่อย่างน้อย ๆ เขาจะต้องมีอายุอย่างน้อยหนึ่งร้อยปี

หลังจากพระเฒ่าผู้นี้ปรากฏตัว เจ้าอาวาสก็ตัวสั่นด้วยความตกใจ แม้แต่พระอธิการของห้องโถงขับไล่ปีศาจก็ดูหวาดกลัว

“ทะ ท่านปรมาจารย์ ซวนเจว่!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด