ตอนที่แล้วChapter 620 ก่อตั้งสาขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 622 นิกายไป่เหอเซิ่งมาเยือน

Chapter 621 ไม่ว่าจะเป็นใคร ผู้ใด จะต้องไม่มีทางกล้า


เมื่อสาขาของนิกายนิรันดรเปิดขึ้น เพียงไม่นานก็สร้างความสนใจกับผู้คนมากมาย! เพราะประกาศและเงินเดือนที่พวกเขามอบให้.

ยกตัวอย่าง!

พวกเขาที่รับเสมียน 50 คน แต่ละคนจะได้เงินเดือน 10,000 เหรียญ!

และจ้างผู้พิทักษ์สาขา 10 คน ระดับบรรพชนยุทธ์ขั้นปลายเงินเดือน 5 ศิลาวิญญาณ กษัตริย์ยุทธ์ได้รับเงินเดือน 10 ศิลาวิญญาณธรรมชาติ.

เงื่อนไขนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัด หรือ ผู้ฝึกยุทธ์จากตระกูลหรือสำนักนิกายใด ๆ ก็ได้

นอกจากนี้ หากว่าทำงานเป็นที่พึงพอใจ ยังมีโอกาสรับเป็นศิษย์นิกายนิรันดรอีกด้วย.

เพียงแค่ประกาศนี้ประกาศออกมา ก็สร้างความสนใจต่อผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดเป็นอย่างมาก.

“หากได้รับการคัดเลือก ก็ไม่ต้องลำบากออกไปเสี่ยงภัยด้านนอกแล้ว ทำไมไม่ลองดูล่ะ!”

“ไป ไป พวกเราไปลงทะเบียนกัน!”

ในเวลานั้น สาขาต่าง ๆ ของนิกายนิรันดร ก็มีคนมากมายเข้าไปสมัคร มีบรรพชนยุทธ์ขั้นปลายนับไม่ถ้วน แม้แต่ระดับกษัตริย์ยุทธ์ยังมีด้วย.

พวกเขาไม่ได้สนใจเงินเดือนแต่อย่างใด ทว่าสิทธิในการเข้าร่วมนิกายนิรันดรนั้นเป็นสิ่งที่ล่อใจเป็นอย่างมาก.

ที่จริงมีผู้ฝึกยุทธ์มากมายวางแผนจะเข้าร่วมนิกายทันที ทว่าเมื่อสอบถาม ก็พบว่านี่คือนิกายประเมินสามA การรับสมัครศิษย์ ย่อมเลือกคนที่มีพรสวรรค์สูงและมีอายุน้อยเป็นธรรมดา.

ตอนนี้เพียงทำงานให้กับนิกายนิรันดร ไม่เพียงแค่ได้รับเงินเดือน ยังมีโอกาสเข้าร่วมนิกายด้วย ทำไมจะไม่ลองล่ะ.

“เจ้านิกาย.”

ลี่ลั่วฉิวที่ก้าวเข้ามารายงาน “ที่สาขาต่าง ๆ มีบรรพชนยุทธ์มากมายเข้ามาสมัครและยังมีกษัตริย์ยุทธ์ถึงสิบคน.”

“ไม่เลว ไม่เลว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ลองตรวจสอบหากพวกเขา ทำงานได้ดี ก็รับเข้านิกายมา.”

“อืม.”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “เพิ่งได้รับข่าวมาว่า คนของนิกายไป๋เหอเซิ่งกำลังเดินทางมาเยี่ยมเยือน.”

“โอ้ว?”

จุนซ่างเซียวเผยท่าทางประหลาดใจ “พวกเขามาอย่างงั้นรึ?”

จากนั้นไม่นาน ก็มีจดหมายของนิกายไป๋เหอเซิ่งส่งมา.

สัญญาสามปียังมาไม่ถึง กับมานิกายนิรันดร ต้องการมาตรวจสอบพวกเขาก่อนอย่างงั้นรึ?

“จะอย่างไรสัญญาสามปีก็ใกล้เข้ามาแล้ว.”

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา กล่าวเสียงเบา “พวกเขาต้องการอะไรกัน?”

ลี่ลั่วฉิวเอย “บางทีคงต้องการสืบข้อมูลของพวกเรา.”

จุนซ่างเซียวเผยยิ้ม “ข้อมูลนิกายนิรันดร คิดว่าหาได้ง่าย ๆ อย่างงั้นรึ?”

......

ตูมมมมม!

ตูมมมมม!

ในห้องฝึกฝน เซียวจุ้ยจื่อที่ต่อยออกไปยังเครื่องทดสอบ พลังของเขาที่เปลี่ยนไป ร่างกายของเขาที่เปียกโชกด้วยเหงื่อ.

เขาที่ฝึกฝนทุกวัน และทดสอบพลังทุกวันด้วย แม้แต่เพิ่มขึ้นจินเดียว เขาก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก.

กับประสบการณ์เลวร้ายที่เขาเคยได้รับ เขาย่อมเข้าใจว่าพลังนั้นมีค่ามากมายขนาดใหน.

เซียวจุ้ยจื่อนั้นรู้สึกขอบคุณเจ้านิกายเป็นอย่างมาก.

หากไม่มีเจ้านิกาย ก็คงไม่มีเขาในวันนี้.

ด้วยความซาบซึ้ง เขาที่พร้อมจะสละชีพเพื่อนิกาย นั่นก็คือเป้าหมายของเซียวจุ้ยจื่อ.

“จุ้ยจื่อ.”

จุนซ่างเซียวที่อยู่ด้านหน้าประตู เอ่ยออกมาว่า “อาวุโสนิกายไป่เหอเซิ่ง กำลังนำศิษย์มาเยือนนิกายพวกเรา.”

เซียวจุ้ยจื่อที่ตื่นตกใจ.

เขาที่ปาดเหงื่อ เอ่ยออกมาเบา ๆ “นางเองก็มาอย่างงั้นรึ?”

“อืม.”

เกี่ยวกับข้อมูลที่ได้มาล่าสุด มู่หรงซินเองก็เดินทางมาด้วย.

เซียวจุ้ยจื่อที่ส่ายหน้าไปมา “นางต้องการมาทำให้ข้าต้องอับอายอีกรึ?”

เขาไม่เคยลืมหลายปีก่อน เมื่อพลังบ่มเพาะถดถอยกลายเป็นดั่งคนพิการ มู่หรงซินก็นำคนเข้ามาในตระกูลเซียวพร้อมกับถอนหมั้นกับเขา.

“ประมุขตระกูลเซียว พวกเรามาในครั้งนี้ เพื่อต้องการจะบอกว่า ข้าที่ต้องการให้ศิษย์ของข้าถอนหมั้นกับทายาทสายตรงของตระกูลท่าน หากต้องการเหตุผล ก็ต้องบอกว่า เขาไม่คู่ควร.”

“ก็จริงว่าเขามีพรสวรรค์รากวิญญาณสุดยอด ถือว่ามีอนาคตสดใส ทว่ากับพรสวรรค์เช่นนี้สามารถหาได้มากมายในนิกายไป่เหอเซิ่งของพวกเรา ดังนั้นวันนี้ การหมั้นหมายจะถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ.”

อาวุโสนิกายไป่เหอเซิ่งที่มายังตระกูลเซียว ว่ากล่าวดูแคลนมากมายหลากหลาย ทำร้ายจิตใจเซียวจุ้ยจื่ออย่างรุนแรง ทำให้เขากำหมัดแน่นจนเลือดออก.

เขาไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ กับมู่หรงซิน จะยกเลิกการหมั้นหมายก็หาได้แยแส.

หากแต่พวกเจ้ากับทำตัวสูงส่ง เห็นข้าเป็นมดปลวกไม่อยู่ในสายตาเลยสักนิด!

และอีกอย่าง ทำไมถึงต้องเหยียบย่ำซ้ำเติมกันด้วย!

“อะไรนะ?”

“เจ้าเด็กนี้ไม่มีรากวิญญาณแล้ว พลังบ่มเพาะถดถอยอย่างงั้นรึ?”

เมื่ออาวุโสนิกายไป่เหอเซิ่งรับรู้สถานการณ์ของเซียวจุ้ยจื่อ ความอหังการยิ่งมากขึ้นกว่าเดิมอีก.

“ไม่มีรากวิญญาณ ไม่มีพลังบ่มเพาะ ก็ไม่ต่างจากขยะ แน่นอนว่าไม่คู่ควรกับศิษย์น้องมู่หรงแม้แต่น้อย.”

“ศิษย์น้องการถอนหมั้น เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว ไม่เช่นนั้นแต่งกับขยะ ชีวิตนี้คงพังทลายเป็นแน่.”

เหล่าศิษย์นิกายไป่เหอเซิ่งหลายคนที่ก่อนหน้าเงียบ เพราะว่าพรสวรรค์ด้อยกว่าเซียวจุ้ยจื่อ ตอนนี้รู้ว่าอีกฝ่ายไร้รากวิญญาณและพลังบ่มเพาะ ต่างก็เริ่มกล่าวเหยียดหยันดูแคลน แม้แต่ยั่วยุให้ทุกคนในตระกูลเซียวโกรธเกรี้ยว.

คนของนิกายไป่เหอเซิ่งที่ดูแคลน แม้แต่นำความอับอายมากล้นมาให้กับเขา.

“อาวุโสเฉิง.”

ประมุขตระกูลเซียวที่ยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเรายอมรับการถอนหมั้น.”

นิกายระดับสองกับตระกูลเซียว ต่อหน้ายักษ์ใหญ่ แน่นอนว่าไม่กล้าขัดขืนอยู่แล้ว.

“นี่หนึ่งหมื่นเหรียญเงิน.”

อาวุโสนิกายไป่เหอเซิ่งที่เต็มไปด้วยความโอหัง “เป็นค่าชดเชยการถอนหมั้นก็แล้วกัน.”

ต่อหน้าทุกคนประมุขตระกูลเซียวที่รับตั๋วเงินสองใบมา เซียวจุ้ยจื่อที่แทบทนไม่ไหวที่จะพ่นโลหิตออกมา.

“ขอโทษด้วย.”

ก่อนที่มู่หรงซินจะจากไป นางก็เอ่ยคำพูดสองสามคำออกมา.

แม้แต่จะจากไป ยังกล่าวหยันข้าอีกรึ?

เซียวจุ้ยจื่อที่กำหมัดแน่น เล็บที่จิกเข้าเนื้อ โลหิตไหลซึม ไม่รู้สึกถึงความเจ็บแม้แต่น้อย.

เพราะว่าความเจ็บปวดของเขาก็คือหัวใจที่ถูกย่ำยีศักดิ์ศรีไม่มีเหลือ.

หลังจากที่ตระกูลไป่เหอเซิ่งจากไป ตระกูลเซียวก็เปิดประชุมทันที ก่อนที่จะลงโทษเซียวจุ้ยจื่ออย่างหนักจนหมดสติไป.

ในวันนั้น.

ไม่มีใครรู้ว่าเซียวจุ้ยจื่อเป็นหรือตาย.

จวบจนเขาได้สติ ก็รับรู้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากตระกูลแล้ว.

เขาที่ถูกบดขยี้ศักดิ์ศรีจากนิกายไป่เหอเซิ่ง ถูกไล่ออกจากตระกูล จิตใจของเขาพังทลาย ร่อนเร่ไร้หลักแหล่งด้านนอกตลอดห้าปี.

ใช้ชีวิตที่ไม่ต่างจากตายไปแล้ว.

กลายเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี จิตใจที่พังทลายไม่ต่างจากตายทั้งเป็น.

เพียงแค่คิดถึงเรื่องในอดีต เซียวจุ้ยจื่อก็ต้องกำหมัดแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวไปมาเล็กน้อย.

ถอนหมั้น.

พอยอมรับได้!

ทว่าการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีนั้น ไม่มีบุรุษคนใหนยอมรับได้!

ดังนั้นเซียวจุ้ยจื่อไม่สามารถอภัย มู่หรงซินได้ เพราะว่าพบหน้านางแต่ละครั้ง ต้องคิดถึงกลุ่มคนที่มาบดขยี้ศักดิ์ศรีของเขาในครั้งนั้นเป็นดังแผลเป็นที่ไม่มีวันหาย.

จุนซ่างเซียวที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปอีก.

แม้นว่าเขาจะไม่ได้เป็นพยานในการถอนหมั้นครั้งนั้น ทว่าก็พอคาดเดาได้ว่า นิกายระดับสองนำมู่หรงซินมาถอนหมั้น พวกเขาคงจะกล่าวคำพูดดูแคลนทำให้อับอายมากมายขนาดใหนออกมา.

ดังนั้น เมื่อครั้งก่อนสตรีคนนั้นมาเยือนนิกายนิรันดร เขาได้ให้เซียวจุ้ยจื่อสร้างสัญญาสามปี เพื่อที่จะพิสูจน์ แสดงพลังที่แข็งแกร่งนำศักดิ์ศรีของตัวเองคืนกลับมา.

“ทำให้อับอายรึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ยด้วยสายตาเย็นชา “ศิษย์นิกายนิรันดร์ของข้า ไม่ว่าจะเป็นใคร ผู้ใด จะต้องไม่มีทางกล้า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด