ตอนที่แล้วบทที่ 11 เมืองชิงถาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 อาณาจักรต้าหลัว

บทที่ 12 เกิดมาพร้อมกับคุณธรรมอันยิ่งใหญ่


“อ่า ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะ...”

ร่างเล็กรีบถอยออกจากอ้อมแขนของเขาพร้อมขอโทษไม่หยุดหย่อน

ฉินจวินอดไม่ได้ที่จะมองดูคนร่างเล็กที่เข้ามาชน กลายเป็นเด็กผู้หญิงที่มีใบหน้าสกปรก อายุประมาณสิบสี่หรือสิบห้าปีสวมเสื้อผ้าสีเทาเก่าๆ หน้าตาดูตื่นกลัวอะไรสักอย่างราวกับกระต่ายน้อย

“ไม่เป็นไร” ฉินจวินมองดูนางก่อนมองออกไปไม่สนใจ จากนั้นเขาก็พาต้าจี๋และคนอื่นๆ เดินเข้าในเมืองต่อ

ตอนนี้ยังไม่มีอะไรดึงดูดความสนใจของทุกคน

“ออกจากเมือง ห้าเหรียญทองแดง”

ทหารคนหนึ่งหยุดหญิงสาวธรรมดาสามัญคนนั้น ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ เด็กหญิงในชุดสีเทาสกปรกก็เบิกตากว้างขึ้นก่อนบ่นพึมพำเบาๆ  “ห้าเหรียญทองแดง เมืองชิงถานมีกฎเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร ข้าไม่เห็นรู้”

“มีหลายอย่างที่เจ้ายังไม่รู้ ออกไป ถ้าไม่มีเงินก็อย่าหวังได้ออกจากเมือง” ทหารคนนั้นตวาดใส่นางด้วยความโมโหทำให้เด็กสาวตกใจมากจนไม่มีทางเลือกอื่น นางได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโกรธแล้วเดินจากไปกับสีหน้าไม่เต็มใจนัก

ขณะที่นางเดินเข้าไปในตรอก เด็กสาวก็กระทืบเท้าด้วยความโมโหก่อนพึมพำกับตนเองต่อว่า “คานบนเอียง คานล่างย่อมไม่ตรง* ให้ตายเถอะ แล้วข้าจะออกไปยังไงดี...”

อีกด้าน ฉินจวินและคนอื่นๆ ตัดสินใจจะพักกันยังเมืองชิงถานก่อนหนึ่งคืน พวกเขาพากันเดินเข้าไปในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งหลังเดินทางมาทั้งวันอย่างเหน็ดเหนื่อย

ฉินจวินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจกับสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินระหว่างทาง เขาพบว่าเมืองชิงถานมีความคล้ายคลึงกับเมืองจีนสมัยโบราณมาก แม้แต่เสื้อผ้าของพลเรือนก็เหมือนกัน

สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้คนต่างพูดภาษาจีนเช่นเดียวกับเขา ซึ่งไม่รู้ว่าโลกนี้กับโลกที่เขาจากมามีความสัมพันธ์กันอย่างไร

หากเป็นไปได้เขายังคงอยากกลับไป เพราะสุดท้ายยังมีบ้านในโลกนั้นและการหายตัวไปของเขาต้องทำให้พ่อกับแม่เสียใจมากแน่นอน

“ต้าจี๋ เราพักด้วยกัน” ฉินจวินเอ่ยขึ้นอย่างยุติธรรม

“ไม่ได้หรอกนายน้อย ต้าจี๋ต้องนอนกับข้า กลางคืนข้าไม่กล้านอนคนเดียว” ฉางเฉียนเฉียนรีบกอดแขนของต้าจี๋แล้วพูด ทำให้ปากของฉินจวินถึงกับกระตุกสั่นระริกด้วยความแค้นใจ

บัดซบ!

ก้างขวางคอจริงๆ

ฉินจวินอดทนต่อความอยากที่จะวิ่งหนีก่อนส่งสายตาอ้อนวอนไปยังต้าจี๋ นางยกมือปรามเขาพร้อมกล่าว “นายน้อย ข้าควรไปกับนาง”

ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของนางทำให้เขารู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที แม้ความภักดีของนางจะอยู่ที่เก้าสิบเต็มร้อย ก็ไม่ได้หมายความว่านางต้องเต็มใจอุทิศชีวิตให้กับเขาไปเสียทั้งหมด แม้บางทีความภักดีเต็มร้อยอาจจะได้ผล แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป

ท้ายที่สุด ระบบก็ไม่ได้กำหนดว่าความภักดีที่เต็มร้อยจะไม่สูญเสียไป ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าบังคับนางเพราะความภักดีที่อาจลดลงจนทำให้นางหนีไป แต่ครั้นเมื่อเขาได้นึกถึงและพิจารณาจากท่าทีของนางที่มีต่อเขา ฉินจวินรู้สึกว่ายังมีหวัง

เมื่อเป็นเช่นนั้น ฉินจวินจึงต้องจำใจพักกับเจ้าสุนัขเสี้ยวเทียน ต้าจี๋พักกับฉางเฉียนเฉียนและฉางห่าวพักกับตัวเอง

หลังมื้อเย็น ฉินจวินพาเจ้าสุนัขเสี้ยวเทียนออกเดินเล่นในตลาด ส่วนต้าจี๋กับฉางเฉียนเฉียนเลือกที่จะพักอยู่ในหอนอนไม่ขอติดตามพวกเขาไป

“มีถังหูลู่ขายด้วย”

“ผ้าไหมและผ้าซาตินดีที่สุด เชิญเข้ามาเลือกดูได้เลย”

“วันนี้สาวงามทุกคนจากหอนางโลมพร้อมแล้ว เชิญเลยทางนี้”

“ขนมเปี๊ยะ ขนมเปี๊ยะโรยงา ทำสดๆ พิเศษจากซินเจียงตอนเหนือ”

ในยามค่ำคืน เมืองชิงถานจะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟหลายพันดวง ถนนหนทางก็มีชีวิตชีวามากจนทำให้ฉินจวินกับเจ้าสุนัขเสี้ยวเทียนลังเลที่จะกลับ

ในบรรดาของต่างๆเหล่านั้น สิ่งที่ทำให้ฉินจวินสนใจมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นหอนางโลม เอิ่ม แค่อยากรู้เฉยๆ

ในฐานะคนสมัยใหม่จากโลกปัจจุบัน ฉินจวินไม่เคยเห็นความเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เมืองต่างๆ ในโลกที่เขาจากมา ถนนและตรอกซอกซอยมักเต็มไปด้วยเสียงของลำโพงหรือดนตรีต่างๆที่ดังกึกก้องวุ่นวายมาก

แต่เขาสังเกตเห็นสิ่งหนึ่ง ว่าแม้หลักๆ แล้วมนุษย์ในโลกนี้จะแข็งแกร่งขึ้นจากการขัดเกลาพลังลมปราณและปลูกฝังความเป็นอมตะ แต่ในเมืองชิงถานกลับมีผู้บ่มเพาะไม่มากนัก แม้แต่ความทรงจำของร่างนี้ เขาก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากพอ เนื่องจากช่วงเวลาที่เขามีชีวิตก่อนหน้ามักใช้ไปกับความสนุกสนาน ดังนั้น ความทรงจำของเขาจึงไม่ช่วยอะไรฉินจวินเลย

“เมื่อข้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ ไม่ว่าใครก็จะสามารถขัดเกลาพลังปราณและปลูกฝังความเป็นอมตะได้”

ฉินจวินเริ่มจินตนาการ นึกภาพถึงคนทั่วไปในอาณาจักร ที่ใครก็สามารถเป็นผู้บ่มเพาะได้ อาณาจักรเฉียนเยว่จะแข็งแกร่งแค่ไหน

บางทีเขาอาจเหนือกว่าคนในจักรพรรดิก็ได้

“นายน้อย ตรงหน้าเราท่าทางจะมีเรื่อง”

ทันทีที่เสียงของเจ้าสุนัขเสี้ยวเทียนเอ่ยขึ้น ฉินจวินก็กลับสู่ความเป็นจริง เขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นกลุ่มคนรายล้อมเป็นวงกลมใหญ่อยู่มุมถนน เป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกยุคจริงๆ ที่ชอบดูความตื่นเต้น แม้แต่ในโลกแห่งการบ่มเพาะความเป็นอมตะ

ซึ่งเขาเองก็เช่นกัน เขาเดินตรงไปข้างหน้าพร้อมกับเจ้าสุนัขเสี้ยวเทียนอย่างรวดเร็ว

“จุ๊จุ๊ ชายผู้นี้น่าสงสารจริงๆ อยากทดสอบเพื่อชื่อเสียงของตัวเองแต่กลับทำให้คนตระกูลเฉิงไม่พอใจ”

“ใช่ มันยากจริงๆ ที่คนธรรมดาสามัญจะก้าวหน้าได้”

“คืนนี้เฉินซูหลี่มีปัญหาแน่”

“ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เป็นถึงลูกนอกสมรสของเจ้าเมืองเลยนะ น่าเสียดายที่ไม่มีใครเห็นหัว ภรรยาเจ้าเมืองก็มักจะส่งคนไปทำเรื่องลำบากให้เขาและก็ไม่ใช่หน้าที่ที่ท่านเจ้าเมืองจะเข้าไปยุ่งได้ด้วย”

“เพราะเหตุนี้ไง เฉินซูหลี่ถึงถูกตระกูลเฉิงรังแก กองกำลังของเจ้าเมืองกับตระกูลเฉิงก็มักมีเรื่องบาดหมางและต่อสู้กันอย่างเปิดเผย ซึ่งเป็นความลับมานานกว่าหนึ่งหรือสองวันแล้ว”

ผู้คนกำลังพูดคุยกัน หลังจากที่ฉินจวินเบียดเสียดผ่านฝูงชนเข้าไป เขาก็เห็นชายหนุ่มร่างผอมนอนกองอยู่กับพื้น ใบหน้าขวาของเขาแดงและบวมมีเลือดออกที่มุมปากอย่างกับถูกใครตบ

ตรงหน้าชายหนุ่มร่างผอมมีชายหนุ่มรูปงามในชุดสะอาดตา ด้านหลังเขามีผู้ติดตามสองคน ซึ่งทั้งสองอยู่ในระดับที่สามของอาณาจักรกลั่นลมปราณ

“เฉินซูหลี่ เจ้ากล้านักหรือ ข้าสั่งให้เจ้าขอโทษแต่กลับปฏิเสธ ตอนนี้ได้นอนบนพื้นเหมือนหมาเป็นไงล่ะ”

ชายหนุ่มรูปงามเยาะเย้ยด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม ชายหนุ่มร่างผอมที่รู้จักกันในชื่อเฉินซูหลี่ได้แต่กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด พอเขาจะลุกขึ้นยืนชายหนุ่มรูปงามคนนั้นก็เตะกระแทกเข้าที่หน้าอกจนทำให้เขาล้มลงกับพื้นอีกครั้ง

“ถ้าเจ้าเก่งนักก็ยืนขึ้นมา”

ฉินจวินถึงกับขมวดคิ้วที่ได้เห็นการกระทำนั้น เขารู้สึกทนไม่ได้กับพฤติกรรมที่เย่อหยิ่งและอวดดีของชายหนุ่มรูปงามคนนี้เสียจริง

ทันใดนั้นเอง ร่างเล็กก็แทรกตัวออกมาจากฝูงชนหยุดอยู่ตรงหน้าเฉินซูหลี่ ก่อนตะโกนออกไปอย่างกล้าหาญ

“เฉิงเจี๋ย เจ้าทำเกินไปแล้วนะ รังแกพี่ใหญ่ข้าอีกครั้ง ระวังข้าจะให้ท่านพ่อจัดการกับตระกูลเฉิงของเจ้า”

ฉินจวินรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้ดูคุ้นตายิ่งนัก พอลองเพ่งมองดูนางให้ดีอีกที นางคือหญิงที่ชนเขาเมื่อตอนกลางวันขณะเข้าเมืองวันนี้ไม่ใช่หรือ

“โอ้ นี่เจ้า คุณหนูใหญ่สกุลเฉิน เฉินเหมี่ยวอินงั้นหรือ ทำตัวสกปรกเช่นนี้น่าสงสารเจ้าเมืองจริงๆ” เฉิงเจี๋ยพูดด้วยความประหลาดใจพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจจนหญิงสาวในชุดสกปรกมอมแมมตัวสั่นด้วยความโกรธ

“น้องหญิง หลีกไป นี่ไม่ใช่ธุระของเจ้า” เฉินซูหลี่ลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมดึงเฉินเหมี่ยวอินไปด้านหลังเขา

“ติ๊ง! ค้นพบอัจฉริยะผู้มีศักยภาพ ซึ่งเกิดมาพร้อมกับความชอบธรรมอันยิ่งใหญ่”

ขณะนั้นเอง เสียงระบบก็ดังขึ้นในหัวของฉินจวิน เขาอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “อะไรคือความชอบธรรมโดยกำเนิด”

“มีอัจฉริยะทุกประเภทในโลกอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ต้องปลูกฝังความเป็นอมตะเท่านั้น แต่เนื้อแท้ของบุคคลนี้เกิดมาพร้อมความชอบธรรมและอุปนิสัยเที่ยงธรรมอันยิ่งใหญ่ ที่ในโลกนี้ หากผู้มีอำนาจมีความชอบธรรมนั้นจะยิ่งประสบความสำเร็จทางด้านวิชาการและการเมืองที่เหนือกว่าคนทั่วไป เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น คนพวกนี้จะสามารถปกครองโลกได้ นอกจากนี้ เมื่อความชอบธรรมที่ยิ่งใหญ่ถูกกระตุ้น มันก็จะสามารถยับยั้งวิญญาณชั่วร้ายได้เช่นกัน”

ฟังดูยอดเยี่ยมจริงๆ

พอได้ยินอย่างนั้นนัยน์ตาของฉินจวินก็เป็นประกายขึ้นทันที เป้าหมายของเขาคือการเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ สำหรับเขาแล้ว คนที่มีความสามารถปกครองโลกนั้นคุ้มค่าแก่การแสวงหาอย่างแน่นอน

แล้วยังสามารถทำให้วิญญาณชั่วร้ายหวาดกลัวได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“เป็นไปได้ไหมที่ระบบตำนานจะสามารถสัมผัสถึงพรสวรรค์ได้” ฉินจวินอดไม่ได้ที่จะถามในใจต่อ

“ใช่ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่กำหนดเท่านั้น ที่สุดแล้ว จุดประสงค์หลักของระบบตำนานคือการช่วยให้โฮสต์เติบโต และคอยแจ้งเตือนใครก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อโฮสต์”

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด