ตอนที่แล้วChapter 477 มันเป็นเพียงความฝัน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 479 เจ้าสำนัก ต้องเงียบเหงาตลอดชีวิต.

Chapter 478 หากคุณเบ่งบานดั่งดอกไม้ ทุกหนแห่งก็เปรียบเสมือนฤดูใบไม้ผลิ.


ซีจิงเสวียน นำศิษย์มา 2000 คน สี่กษัตริย์ยุทธ์มา เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งไม่น้อย.

เหล่าศิษย์ชายสำนักไท่กู่เจิ้ง เวลานี้ถึงกับตาค้าง จดจ้องมองเหล่าหญิงงามมากมายที่ปรากฏตัวขึ้น.

“ศิษย์พี่ ศิษย์วังเมี่ยวฮัวนั้นงดงามจริง ๆ.”

“สำนักไท่กู่เจิ้งของพวกเรา หากว่ามีศิษย์หญิงมากมาย คงจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม.”

ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง ที่พูดคุยกันเสียงเบา.

หากว่าเหล่านายน้อยเจ้าสำราญที่เชิงเขาวังเมี่ยวฮัว รู้ว่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งได้ชื่นชมความงามของศิษย์วังเมี่ยวฮัวในระยะใกล้ ๆ เช่นนี้ คงต้องอิจฉาจนอาเจียนเป็นสายโลหิตแน่!

“เจ้าวังซี.”

ภายในห้องโถงนั้น จุนซ่างเซียวเอ่ย “จุนโหมวได้เตรียมอาหารไว้ต้อนรับทุกท่านเรียบร้อยแล้ว.”

“รบกวนเจ้าสำนักจุนแล้ว.”ซีจิงเสวียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม.

นางที่สวมกระโปรงสีฟ้า ด้วยรูปร่างที่เข้ารูปเรียวงาม ทำให้ดูงดงามเข้าไปอีกขั้น.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “หากมนทลเจิ้นหยางบุกเข้ามา จะต้องโจมตีเมืองชิงหยางก่อน ดังนั้น หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ข้าจะพาเจ้าวังซีและทุกคนเดินทางไปยังเมืองชิงหยาง.”

เขาที่ไม่ได้ต้องการให้เจ้าวังซีและคนของวังเมี่ยวฮัวอยู่ที่นี่ ต้องไม่ลืมว่าเขาเกรงว่าความลับจะถูกเปิดเผยนั่นเอง.

“อืม.”ซีจิงเสวียนเอ่ย.

ในเวลาต่อมา กลิ่นหองของอาหารที่ลอยฟุ้ง นางที่นำเหล่าอาวุโสมายังโรงอาหาร.

เหล่าศิษย์ที่เคยมายังสำนักไท่กู่เจิ้ง ดวงตาเป็นประกายวับวาวขึ้นมา.

อาหารของหลิวหวานซีนั้น เพียงแค่กินครั้งหนึ่ง ก็ยากจะลืมเลือนรสชาติได้แล้ว.

จางซุนฟางฮัว และอีกหลายคนที่เชิดหน้า ท่าทางดูสูงส่งอยู่ตลอดเวลา.

หลังจากที่ได้ที่นั่งแล้ว.

มีศิษย์ของนางที่เร่งรีบร้อนลนลานหยิบตะเกียบขึ้นมา.

จางซุนฟางฮัวที่กล่าวตำหนิเสียงเบา “ไม่เคยกินอาหารหรืออย่างไร?”

ศิษย์สตรีคนดังกล่าวที่กล่าวเสียงเบา “อาวุโสใหญ่ อาหารที่แม่ครัวสำนักไท่กู่เจิ้งทำนั้น อร่อยเป็นอย่างมาก.”

อร่อยอย่างงั้นรึ?

จางซุนฟางฮัวที่แค่นเสียงเย็นชา.

นางที่อยู่มาหลายร้อยปี มีรึที่จะไม่เคยกินอาหารดี ๆ?

นางที่หยิบตะเกียบก่อนที่จะคีบอาหารขึ้นมา.

นางที่เป็นคนเข้มงวด กำลังแสดงราวกับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญกำลังตัดสินรสชาติอาหารอยู่.

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

เหล่าศิษย์วังเมี่ยวฮัวเองก็ถือตะเกียบขึ้นมาเช่นกัน.

จางซุนฟางฮัวที่ไม่ได้กล่าวตำหนิอีกแล้ว เพราะว่าในเวลานี้ ตั้งแต่อาหารเข้าปาก ใบหน้าของนางที่ค่อย ๆเปลี่ยนไปช้า ๆ!

นางกินอาหารคำแล้วคำเล่า ยิ่งกินก็ยิ่งไม่สามารถวางมือได้เลย!

อาหารเหล่านี้อร่อยเป็นอย่างมาก.

นี่เป็นอาหารของเทพหรืออย่างไรกัน.

สำหรับยอดฝีมือที่เคยลิ้มลองอาหารมาจากทั่วโลก ลิ้นของนางนั้นควรจะยากที่จะพอใจกับอาหารทั่วไปเป็นอย่างมาก.

ทว่ากับไม่ใช่ในเวลานี้.

“เป็นอย่างไรบ้าง?”

เหลิ่งซิงเยว่ที่อยู่ใกล้ ๆ เอ่ยถาม.

จางซุนฟางฮัวที่ระงับอารมณ์ของตัวเองไว้ “เจ้าลองชิมดู.”

เหลิงซิงเยว่ที่ถือตะเกียบ และคีบอาหารใส่ปาก ใบหน้าที่งดงามของนางที่ตื่นตกใจในทันที เผยความตื่นตะลึงกับอาหารของหลิวหว่านซี!

“ทุกท่าน.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย.“อาหารธรรมดา ๆทั่วไป ทำให้ทุกคนหัวเราะแล้ว.”

“......”

จางซุนฟางฮัวและคนอื่น ๆ ที่มุมปากกระตุก.

นี่มันอาหารโคตรอร่อยเลย แต่กับบอกว่าอาหารธรรมดา ๆ แล้วที่ผ่านมาพวกนางกินอะไรกันล่ะ!

“หืม?”

เหลิงชิงเยว่ขณะที่จะกินอาหารคำต่อไป เวลานั้นสายตาของนางที่เผลอจดจ้องมองไปยังเหล่าเหว่ยที่กำลังก้าวเข้ามาจากด้านในประตู.

“ฟิ้ว!”

นางที่กระโดดผึ่งขึ้นมาทันที วางตะเกียบลงเสียงดัง ดวงตาคู่งามที่ระเบิดความโกรธออกมา ตะโกนดังลั่น “เหว่ยชิงเฟิง!”

เสียงที่ดังเป็นอย่างมาก ทำให้ทุกคนรอบ ๆ ถึงกับตื่นตกใจ.

จุนซ่างเซียวที่เงยหน้าขึ้น จดจ้องมองไปยังเหลิงซิงเยว่ ที่จ้องเขม็งไปยังเหล่าเหว่ย ลอบคิดในใจ “นี่....ชื่อเดิมของเหล่าเหว่ยอย่างงั้นรึ?”

แม้นว่าจะเข้าร่วมสำนักมาระยะหนึ่งแล้ว เขาเองก็ไม่รู้ชื่อจริงของอีกฝ่าย.

เหล่าเหว่ยที่จ้องมองเหลิงซิงเยว่ ขณะที่เผยความประหลาดใจออกมา.

ก่อนเผยยิ้มอย่างอ่อนโยน กล่าวออกมาว่า “แท้จริงเจ้าได้เข้าร่วมวังเมี่ยวฮัวนี่เอง.”

“เหล่าเหว่ย.”

จุนซ่างเซียวที่ส่งเสียงผ่านวิญญาณ “สตรีผู้นี้ ท่านรู้จักอย่างงั้นรึ?”

“อืม.”

เหล่าเหว่ยที่กล่าวตอบ “นางคือหวานใจคนที่ 35 ของข้า.”

คนรักเก่า?

คนที่ 35!

เจ้าสำนักจุนที่กลายเป็นโง่งมไปเหมือนกัน.

เหล่าเหว่ย!

เจ้าเกินไปแล้ว นี่มีถึง 35 คนเลยรึ? ว่ากล่าวเช่นนี้ ไม่เห็นใจหมาโสดอย่างข้าเลย!

แววตาคู่งามของเหลิ่งชิงเย่ที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทว่าลึกเข้าไปนั้นกับมีความข่มขืนซ่อนเอาไว้ ทำให้ดูสลับซับซ้อน ดูเหมือนว่านางและเหล่าเหว่ยจะมีเรื่องราวความรักที่ลึกซึ้งต่อกันไม่น้อย.

“เหว่ยชิงเฟิง!”

นางที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พูดมาสิ ทิ้งข้าไป ก่อนหน้านี้เจ้าคงจะมีความสุขมากมายเลยสินะ.”

“ที่นี่ไม่เหมาะที่จะกล่าว.”เหล่าเหว่ยเอ่ย.

“มีปัญหาอะไรอย่างงั้นรึ?”

เหล่งซิงเยว่ที่แค่นเสียงเย็นชา กล่าวออกมาว่า “กลัวจะมีคนรู้ว่า เจ้าเป็นคนไร้หัวใจละทิ้งคำสัญญานะรึ?”

“.......”เหล่าเหว่ยที่กลายเป็นเงียบงัน.

“หัวเราะเยาะข้าเลยสิ!”

เหลิงซิงเยว่ที่กล่าวหยันตัวเอง “คาดไม่ถึงเพื่อเจ้าแล้ว คิดว่าดอกไม้แย้มบาน ผีเสื้อย่อมบินมาตอมเอง แล้วก็ทอดทิ้งข้าไป ที่จริงแล้วเจ้ากับเป็นเพียงบุรุษที่ไร้ซึ่งหัวใจ.”

ดอกไม้เมื่อแย้มบาน ผีเสื้อย่อมบินมาตอมเองนะรึ?

จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก สมองที่กำลังนึกตามเป็นฉาก ๆ.

ราวกับทิวทัศน์ในป่าเขาที่งดงาม เหล่าเหว่ยที่ยืนอยู่ด้านหน้าเหลิงซิงแยว่ ในมือที่กำลังถือช่อดอกไม้ กล่าวออกมาด้วยเสียงที่อ่อนโยน “น้องซิงเยว่ ข้าจะคิดถึงเจ้าทุกคราเมื่อยามลมหนาวที่พัดผ่าน และยามฝนที่ฝนร่วงโรย.”

อั๊ยยะ มารดาเถอะ.

มันจะโรแมนติกไปแล้ว!

เหล่าเหว่ยที่เผยความขมขื่นออกมา “ซิงเยว่ เจ้าเกลียดข้าอย่างงั้นรึ?”

“ข้าเกลียดเจ้าไปจนถึงกระดูก!”

เหลิงซิงเยว่ที่กัดฟัน ดวงตาคู่งามที่เผยความเกลียดชังมากขึ้นเรื่อย ๆ.

เหล่าเหว่ยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ขณะที่หันหลังเดินออกจากโรงอาหาร.

เหลิงซิงเยว่ที่ดูเหมือนจะไม่สนใจอาหารที่อร่อยต่อไป ไล่ตามไปในทันที.

ขณะที่ทั้งสองจากไป เหล่าศิษย์วังเมี่ยวฮัวที่กล่าวเสียงเบา “อาวุโสใหญ่ ชายชราผู้นั้นคือคนที่ทำร้ายจิตใจอาวุโสสองอย่างงั้นรึ?”

จางซุนฟางฮัวที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้อยคำหวานแต่อาบด้วยยาพิษ ที่ได้ลวงหลอกอาวุโสสองมาหลายสิบปี.”

ในเวลานั้น นางที่จ้องมองจุนซ่างเซียวอย่างไม่ตั้งใจ “คนผู้นี้อยู่ที่นี่สินะ ดูเหมือนว่าคนแบบเดียวกันก็มักจะอยู่ในรังเดียวกันนั่นแหละ.”

จุนซ่างเซียวที่พูดไม่ออก.

เรื่องของเหล่าเหว่ย ทำไมต้องมาเหน็บข้าด้วยกัน!

พี่ชายคนนี้ตั้งแต่ข้ามผ่านมาจากต่างโลก เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง แม้นว่าจะคาดหวังอยู่เล็กน้อย ทว่าก็ไม่เคยคิดออกนอกลู่นอกทางเลยนะ กับจิตใจที่ใสบริสุทธ์เช่นข้า ไฉนเลยจะมาบอกคนเช่นเดียวกันมักจะอยู่ในรังเดียวกัน!

อย่างไรก็ตาม.

กล่าวอีกอย่างหนึ่ง.

เหล่าเหว่ยดูเหมือนว่าจะเป็นสุดยอดนักรัก!

แม้แต่มีคนรักมากกว่า 30 คน กับหมาโสดเช่นข้า คงต้องหาโอกาสไปปรึกษาแล้ว!

“มา มา.”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวกับทุกคน “อย่าเพิ่งนิ่งไป เชิญทุกคนกินอาหารกันต่อดีกว่า!”

กล่าวจบเขาที่ปล่อยจิตสัมผัสออกไป จับจ้องไปยังเหล่าเหว่ยและเหลิ่งซิงเยว่ ทั้งคู่ที่เวลานี้กำลังยืนอยู่ที่สระบัว.

“ควรค่าแล้วที่จะเป็นนักรัก!”

จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ “ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้จะเหมาะที่จะพูดเรื่องรักสินะ!”

ศึกษา ต้องศึกษา!

“ซิงเยว่.”

เหล่าเหว่ยที่หยุดและเอ่ยออกมาท่ามบรรยากาศสระบัว พลางถอนหายใจ “ที่จริงแล้ว ข้าพบเข้ากับความยากลำบากไม่มีทางให้เลือก.”

“ยากลำบากอย่างงั้นรึ?”

เหลิ่งซิงเยว่ที่แค่นเสียงเย็นชา “ความยากลำบากของเจ้าเพราะว่ามีสตรีมากจนเกินไปนะสิ?”

เหล่าเหว่ยที่เงยหน้า 45 องศาขึ้นมองท้องฟ้า กล่าวด้วยความโศกเศร้า “ข้าเหว่ยซิงเฟิงสวรรค์กำหนดให้เป็นคนเร่ร่อน ไม่มีหลักแหล่งให้เจ้าพึ่งพิง เพื่อที่จะให้เจ้าอยู่อย่างปลอดภัย ดังนั้นข้าทำได้แค่เพียงจากไป แม้แต่ไม่ลังเลที่จะผิดคำมั่นที่ให้ไว้กับเจ้า.”

ท่าทาง คำพูด น้ำเสียง นี่มันฝีมือชั้นยอดชัด ๆ!

นี่ไม่ใช่นักรักแล้ว นี่มันปราชญ์นักรักแล้วล่ะ!

“แล้วที่เจ้าปล่อยให้ข้าต้องเฝ้ารอเจ้าล่ะ?”เหลิงซิงเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา.

ได้ยินคำพูดดังกล่าว จุนซ่างเซียวแทบหัวเราะออกมา.

“เฮ้อ.”

เหล่าเหว่ยส่ายหน้าไปมา “ซิงเยว่ ข้าคิดว่าเจ้าจะเข้าใจข้า สุดท้ายแล้ว.....”

เขาที่กุมหน้าอกเบา ๆ กล่าวเสียงอ่อน “หัวใจข้าเจ็บปวดจริง ๆ.”

เหลิงซิงเยว่ยังคงมีใบหน้าเย็นชา “เจ้าหวังที่จะให้คนเข้าใจตัวเอง แล้วข้าล่ะ? เจ้ารู้ใหม หลายปีมานี้ หัวใจข้าเจ็บปวดแค่ใหน?”

จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก.

ดูเหมือนว่าเส้นทางความรักจะมีทั้งความสุขและทุกข์!

“ดังนั้น.”

ระบบเอ่ย “โฮสน์ก็จงเป็นหมาโสดไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน.”

แก๊ก-

คำพูดที่ราวกับทิ่มแทงหัวใจของเขาอย่างรุนแรง.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด