ตอนที่แล้วChapter 471 เยือนวังเมียวฮัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 473 เกิดอะไรขึ้น.

Chapter 472 อาวุโสผู้แปลกประหลาด


จุนซ่างเซียวที่ถูกจัดแจงพักยังห้องทิศตะวันตก.

ที่นี่เป็นพื้นที่แยกออกมา ที่มีเพียงเขาคนเดียว เป็นเหมือนดั่งโลกสันโดษ.

บรรยากาศไม่เลว พลังวิญญาณเองก็สมบูรณ์แบบ.

จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้อง ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบคราว ๆ กล่าวออกมาเบา ๆ “ควรค่าเป็นนิกายระดับสี่.”

ระหว่างที่กล่าว จิตสัมผัสของเขาที่ล่องลอยแผ่กระจายไปรอบ ๆ.

วังเมี่ยวฮัวนั้นใหญ่มาก สิ่งก่อสร้างนับว่าใหญ่โต กับความหรูหราโอ่อ่าเช่นนี้ ถือว่าเป็นนิกายที่มีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา.

และจำนวนศิษย์ของพวกเขาก็มีจำนวนไม่น้อย.

จิตสัมผัสที่สัมผัสได้เวลานี้ มีอยู่ราว ๆ 20,000-30,000 คน.

เพราะว่าพวกเขาที่รับเพียงแค่ศิษย์สตรี จำนวนของพวกเขาจึงอาจจะถือว่าไม่มากนัก.

แม้นว่าศิษย์วังเมี่ยวฮัวจะไม่มากเมื่อเทียบกับนิกายระดับเดียวกัน ทว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นไม่ธรรมดาเลย พวกเขามีศิษย์ระดับอาจารย์ยุทธ์อยู่ทั่วทุกหนแห่ง แม้แต่บรรพชนยุทธ์เองก็มีอยู่ไม่น้อย.

ที่ห้องโถงด้านนอกนั้น มียอดฝีมือระดับกษัตริย์ยุทธ์อยู่หลายคน ดูจากชุดแล้ว ควรจะเป็นอาวุโส.

นิกายระดับห้าเองก็ยังมีระดับกษัตริย์ยุทธ์.

นิกายระดับสี่มีกษัตริย์ยุทธ์มากมายก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร.

จุนซ่างเซียวเอ่ยเสียงเบา “เจ้าวังซีที่มีระดับบรรพชนยุทธ์เท่านั้น ควบคุมกษัตริย์ยุทธ์จำนวนมากได้อย่างไร?”

ในความเห็นของเขา ซีจิงเสวียนที่เป็นสตรี ดวงตาที่มองไม่เห็น การที่สามารถดูแลนิกายระดับสี่นี้ นับเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมาก.

ระบบเอ่ย “ไม่คิดว่ามีคนมากมายที่มีความสามารถมากว่าโฮสน์ อย่างงั้นรึ?”

“......”

จุนซ่างเซียวที่ไม่สนใจ ยังคงตรวจสอบพื้นที่รอบ ๆ ทว่ามีหลายแห่งที่มีค่ายกลปิดกั้น ไม่สามารถตรวจสอบได้.

ระบบเอ่ย “การที่มาอยู่ในนิกายอื่น ตรวจสอบพื้นที่ของพวกเขาโดยพลการ ไม่ใช่ว่าเป็นการกระทำที่ไร้มารยาทหรอกรึ?.”

“มันก็ใช่.”

จุนซ่างเซียวที่เก็บจิตสัมผัสกลับมา.

ในเวลานั้น กษัตริย์ยุทธ์ของวังเมี่ยวฮัวที่รู้สึกราวกับว่ามีคนกำลังตรวจสอบพื้นที่ของตน ได้ปล่อยจิตสัมผัสออกมา พุ่งตรงมายังเขา เผยกลิ่นอายไม่เป็นมิตรออกมา.

“เอิ่ม....”

จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางกระอักอ่วนออกมาทันที.

ดูเหมือนว่าอาวุโสของวังเมี่ยวฮัวเห็นเขาเป็นแขกจึงไม่ได้เอาเรื่อง เพียงแค่เตือนเล็กน้อย ก่อนเก็บจิตสัมผัสไป.

“เจ้าสำนักจุน.”

เหม่ยเอ๋อเอ่ย ด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย.“เจ้าวังเชิญ.”

......

ภายในห้องโถงวังเมี่ยวฮัว.

อาวุโสแปดคนที่นั่งอยู่ด้านล่างบัลลังก์.

ทั้งคนล้วนแต่มีอายุด้วยกันทั้งหมด หลายคนมีรูปร่างเหมือนหญิงชราอายุห้าสิบปี ทว่าบางคนก็เหมือนหญิงวัยกลางคน ยังมีความงามอยู่ ทว่าแผ่กลิ่นอายระดับกษัตริย์ยุทธ์แทบทั้งหมดออกมา.

จุนซ่างเซียวทีเพิ่งก้าวเดินเข้ามานั้น จิตสัมผัสของทุกคนก็กดทับลงมา ทำให้หน้าผากของเขาหลั่งเหงื่อที่เย็นเยือบออกมา.

การที่เขาแผ่จิตสัมผัสออกไปอย่างไร้เหตุผล สำรวจนิกายคนอื่นอย่างไร้มารยาท แน่นอนว่าย่อมทำให้คนเหล่านี้ไม่ค่อยพอใจนัก.

“เจ้าสำนักจุน.”

หญิงชราด้านขวามือ ถัดจากที่นั่งของเจ้าวัง เอ่ยออกมาเบา ๆ “เป็นคนหนุ่มที่มีอนาคตไกล.”

นางมีนามว่าจางซุนฟางฮัว เวลานี้เป็นอาวุโสใหญ่ของวังเมี่ยวฮัว มีความแข็งแกร่งกษัตริย์ยุทธ์ขั้นปลาย ดูแลธุรกิจภายในสำนัก ถือว่าเป็นคนที่มีอำนาจคนหนึ่ง.

และอาวุโสสองเองก็มีระดับกษัตริย์ยุทธ์ขั้นปลายเช่นกัน.

นางนั่งอยู่ทางด้านซ้ายของอาวุโสใหญ่ มีนามว่าเหลิงซิงเยว่ เป็นสตรีวัยกลางคนที่งดงามทีเดียว.

ทว่าสายตาของนางที่จ้องมองเจ้าสำนักจุนนั้น ดูไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า “ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักจุนมาเยี่ยมเยือนในครั้งนี้ มีเรื่องอะไรอย่างงั้นรึ?”

เจ้าวังไม่ได้บอกพวกเจ้ารึว่า นี่คือการเยี่ยมเยือนกลับ ทำไมต้องสอบถามข้าด้วย น่าโมโหจริง ๆ.

จุนซ่างเซียวที่บ่มในใจ ทว่าก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “นานมาแล้วได้ยินมาว่าวังเมี่ยวฮัวนั้นงดงามเป็นกองกำลังที่ยอดเยี่ยมในยุทธ์ภพ วันนี้มาเยือนต้องการเปิดหูเปิดตา.”

“ข้ายังคิดว่ามาท้าประลองซะอีก.”จางซุนฟางฮัวเอ่ย.

เหลิงซิงเยว่เอ่ยออกมาอีก “เจ้าสำนักจุนครั้งแรกก็ไปท้าประลองสำนักเห่าฉี จากนั้นก็ท้าทายนิกายเซิ่งชวน หลังจากนั้นยังทำลายสี่สำนักมารมนทลฮวยหยางอีก ดูเหมือนว่าจะอาละวาดไปทั่วเลย.”

ความเห็นของคนทั้งสองนี้คืออะไร? ดูเหมือนว่าจะเอ่ยกล่าวเหน็บกันไม่หยุดเลยอย่างงั้นรึ?

คนเหล่านี้ ฝึกฝนวิถียุทธ์มานานหลายปี โสดอยู่บนคานทองจนผิดปรกติ เลยมีนิสัยเหมือนกับมิกจ้อซื้อไถ่รึอย่างไร?

(มิกจ้อซือไถ่ เป็นเจ้าสำนัก ง้อไบ๊รุ่นที่ 3 สืบทอดต่อจาก ก๊ยเซียง จากนิยาย ดาบมังกรหยก)

จุนซ่างเซียวที่ยกมือขัดหลัง เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “เป้าหมายสำนักไท่กู่เจิ้งนั้น คนอื่นไม่หาเรื่องข้า ข้าก็ไม่หาเรื่องคนอื่น คนเหล่านั้นถูกกำจัดไป ล้วนแต่ต้องโทษตัวเองทั้งนั้น.”

เหล่าอาวุโสวังเมี่ยวฮัวต่างก็เผยแววตาเหยียดหยัน.

นี่ไม่ใช่ท่าทางเหน็บแนมที่มีมาตั้งแต่เกิด ทว่าคนของวังเมี่ยวฮัวนั้นปรกติแล้วจะต่อต้านบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นบุรุษคนใหน ต่างก็แสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา.

สำหรับนักรบเกรียนคีย์บอร์ด เช่นเขา จุนซ่างเซียวมั่นใจที่จะโต้คารมณ์กับทุกคน 300 รอบก็ยังได้ มาเลย.

“เจ้าสำนักจุน.”

จางซุนฟางฮัวเอ่ยออกมาเล็กน้อย “วังเมี่ยวฮัวนั้นไม่ต้อนรับบุรุษ ดังนั้น ทางที่ดีวันนี้โปรดกลับลงเขาไปเถอะ.”

จุนซ่างเซียวที่รู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที.

เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เปิ่นจั้วได้รับเชิญมา แม้แต่เจ้าวังซียังไม่ได้พบ ท่านก็เริ่มไล่คนกลับแล้ว นี่คือการต้อนรับของวังเมี่ยวฮัวอย่างงั้นรึ?”

บิดาเห็นว่าเจ้าเป็นสตรี จึงไม่ได้ถือสา นี่กับไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยรึ?

จางซุนเฟิงฮัวที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าสำนักจุน โปรดระวังท่าทาง และคำพูดของเจ้าด้วย.”

“คำพูดของเปิ่นจั้วเป็นอะไร.”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวด้วยอารมณ์ “ฟังแล้วไม่รื่นหูอย่างงั้นรึ?.”

“บังอาจ!”

เหลิงซิงเยว่ที่ตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชา.

เหล่าอาวุโสต่างก็จ้องมองมายังเขาด้วยความโกรธ.

บรรยากาศในห้องโถงที่กลายเป็นอึมครึมขึ้นมาทันที.

เหล่ากษัตริย์ยุทธ์จำนวนมากที่จ้องมองด้วยความโกรธ เจ้าสำนักจุนกับไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย แม้แต่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าวังซี วังเมี่ยวฮัวของท่านไม่ต้อนรับเปิ่นจั้ว เช่นนั้นเปิ่นจั้วขอลา.”

“ฟิ้ว!”

จากนั้น เขาที่สะบัดแขนเสื้อหันหลังเดินจากไป.

“เจ้าสำนักจุน โปรดรอสักครู่.”

จากประตูทางเข้าห้องโถงอีกฝั่ง เสียงของซีจิงเสวียนที่ดังขึ้น.

ก่อนที่จะเห็นนางสวมกระโปรงยาวที่สะอาด ก้าวออกมาอย่างแช่มช้อย โดยมีเหม่ยเอ๋อพยุงแขนของนาง.

นางทีมีความงามอันโดดเด่น ตอนนี้แต่งหน้าบาง ๆ ทำให้นางดูราวกับเทพธิดามาเยือนโลกมนุษย์.

“เจ้าวัง!”

เหล่าอาวุโสที่ก่อนหน้านี้เผยท่าทางอหังการสูงส่ง ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นทันที แม้แต่แสดงความเคารพออกมา แววตาที่เผยความหวาดหวั่นออกมาด้วย.

“อาวุโสทุกท่าน.”

ซีจิงเสวียนที่ก้าวมานั่งบนบัลลังก์ ก่อนที่จะเอ่ยเสียงเบาเชิงตำหนิ “เจ้าสำนักจุนนั้นเป็นแขกที่มีเกียรติที่เปิ่นกงเชิญมา ไม่ควรที่จะเสียมารยาท.”

“ทราบแล้ว.”

ทุกคนที่กล่าวตอบรับทันที.

กลุ่มกษัตริย์ยุทธ์ ที่หวาดกลัวบรรพชนยุทธ์ ทำให้จุนซ่างเซียวเผยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก ลอบคิดในใจ “สตรีผู้นี้ไม่สามารถตัดสินได้เพียงแค่สิ่งที่เห็น.”

“เจ้าสำนักจุน.”

ซีจิงเสวียนเผยยิ้ม “ล่วงเกินเมื่อครู่นี้ เปิ่นกงต้องขออภัยแทนพวกนางด้วย โปรดอย่าได้ถือสา.”

อาวุโสใหญ่และคนอื่น ๆ ที่ขมวดคิ้วไปมา.

นางได้ยินจากปากของเหม่ยเอ๋อแล้ว เจ้าวังนั้นใส่ใจเจ้าเด็กคนนี้มาก ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นจริงตามนั้น.

“ใช่แล้ว.”

จุนซ่างเซียวที่หันหลังกลับมา เอ่ยออกมาว่า “หากสุภาพเช่นเจ้าวังซี เปิ่นจั้วย่อมต้องเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรเช่นกัน.”

ทันทีที่ซีจิงเสวียนนั่งลง จากที่เห็น ดูเหมือนว่านางจะไม่ใส่ใจเหล่าอาวุโสนัก หนำซ้ำยังแผ่กลิ่นอายที่สูงศักดิ์ออกมาอีกด้วย.

ต้องไม่ลืมว่านางคือเจ้าวังนิกายระดับสี่ แน่นอนว่านางย่อมมีศักดิ์ศรีในฐานะเจ้าวัง.

จุนซ่างเซียวที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ลอบครุ่นคิด “ดูนางแตกต่างกับที่อยู่ที่เทือกเขาหัวซานเลย.”

“เจ้าสำนักจุน.”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “ได้ยินมาว่าภายในจังหวัดซีเหนียนหยางนั้นไม่ค่อยสงบ ไม่ใช่ว่ามนทลชิงหยาง สำนักไท่กู่เจิ้งของท่านเองก็ได้รับผลอย่างงั้นรึ?”

กล่าวได้ว่า.

ท่าทางของนางที่เผยออกมา ดูเป็นคนละคนเลยทีเดียว!

“ได้รับผลเหมือนกัน.”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวพลางถอนหายใจ “เมื่อไม่นานมานี้ มนทลเจิ้นหยางก็ได้บุกเข้ามาเช่นกัน.”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมมีเวลา มาเยือนวังเมี่ยวฮัวของข้าอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่กวาดตามองเหล่าอาวุโส ก่อนเอ่ยออกมาว่า “เจ้าวังซี เปิ่นจั้วมีเรื่องสำคัญ ไม่รู้ว่าจะเอ่ยเพียงลำพังกับท่านได้หรือไม่?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด