ตอนที่แล้วChapter 464 กิจวัตรประจำวัน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 466 หนึ่งในระบบบ่มเพาะที่จะทำให้ก้าวสู่ขอบเขตบรรพชนยุทธ์

Chapter 465 หอเก็บประสบการณ์ขั้นที่สาม.


เถาหยวนที่อดข้าวมาหลายวัน หลังจากได้กินอาหารที่อร่อย ทำให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังโบยบินขึ้นสวรรค์!

ทว่าการที่จะให้เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง ทำให้เขารู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก.

กล่าวตามจริง เขาที่เดินไปบนระบบทหาร ไม่คิดที่จะเข้าร่วมสำนักใด ๆ อย่างแน่นอน.

ทว่าทำไมไม่รู้ การที่เขาถูกขังคุก และเจ้าสำนักจุนช่วยออกมา และได้รับการต้อนรับที่ดีเยี่ยม ก็ทำให้เขายากจะปฏิเสธได้.

“เรื่องนี้.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “คงต้องให้เวลาแม่ทัพเถาสักหน่อย.”

เขาไม่ได้กังวลว่าจะได้ผลหรือไม่ แต่ก็หวังว่าอาหารของหลิวหว่านซีจะได้ผล และให้เถาหยวนค่อย ๆ ปรับให้เข้ากับบรรยากาศของสำนักช้า ๆ.

อีกอย่าง.

ผลของธวัชสงบศึกยังคงแสดงผลอยู่.

เถาหยวนที่เห็นสำนักไท่กู่เจิ้งที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทุก ๆ เช้า เขาเห็นศิษย์ออกมาทำกายบริหารอย่างมีความสุข ก็ลอบคิดอุทานในใจ “สำนักที่คึกครื้นเช่นนี้หาได้ยากมาก.”

“แม่ทัพเถา.”

วันหนึ่ง จุนซ่างเซียวเอ่ย “หอขี่หมาป่าของข้านั้น ฝึกฝนรูปแบบทหาร สนใจไปดูหรือไม่?”

ฝึกฝนรูปแบบทหารอย่างงั้นรึ?

เถาหยวนที่ใจสั่นไปมา.

เขาที่ติดตามจุนซ่างเซียวไปยังลานกว้างหลังเขา พวกเขาที่ยืนอยู่บนยอดเขา..

ที่ด้านล่างนั้น เสวี๋ยเหรินกุยที่โบกให้สัญญาณธง กองกำลังขี่หมาป่าหนึ่งพันคนที่ฝึกเคลื่อนขบวนด้านล่าง.

“นี่มัน....”

เถาหยวนถึงกับสะดุ้ง “หมาป่าเฮอริเคน!”

จุนซ่างเซียวเผยยิ้ม “นี่คือสมาชิหอขี่หมาป่าของสำนักไท่กู่เจิ้ง เหมือน ๆ กับกองกำลังเคลื่อนที่เร็วของแม่ทัพเถา.”

แววตาของเถาหยวนที่กลายเป็นจริงจัง “ศิษย์สำนักของท่าน ขี่หมาป่าได้ยอดเยี่ยม ไม่ใช่ว่านี่คือกองกำลังเคลื่อนที่เร็วที่ไร้เทียมทานหรอกรึ?!”

จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้ม ลอบคิดในใจ “กองกำลังเหนือพยัคฆ์ของเจ้า ที่พังทลายไปเพียงแค่ถูกโจมตีครั้งเดียว”

“ฟิ้ว!”

เสวี๋ยเหรินกุยที่โบกสะบัดธง.

“ฟิ้ว!”

“ฟิ้ว!”

กองกำลังหมาป่าทั้งพัน เคลื่อนที่เปลี่ยนขบวนเป็นค่ายกล เถาหยวนที่เผยท่าทางตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก.

การบังคับของสมาชิกหอขี่หมาป่า และยังแปรขบวนสร้างค่ายกลที่ลึกล้ำ เป็นอะไรทีเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก!

หากปะทะกับกองกำลังเหนือพยัคฆ์ พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน.

และอีกอย่างหนึ่ง.

สิ่งที่เถาหยวนสนใจ เสวี๋ยเหรินกุยที่คอยชี้นำ กองกำลังขี่หมาป่านั่น.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “แม่ทัพเถา นั่นคือถางจู่หอขี่หมาป่าของข้า เป็นทหารที่เกษียณแล้ว เกี่ยวกลยุทธ์ทางทหาร หากว่าสนใจ สามารถพูดคุยกับเขาได้.”

“สนใจ!”เถาหยวนที่กล่าวตามตรง.

จุนซ่างเซียวที่รู้สึกได้โอกาสแล้ว จึงได้นำเขาเข้าไปพูดคุยกับเสวี๋ยเหรินกุย.

ทั้งสองที่ได้พูดคุยกัน พวกเขาต่างก็พูดคุยกันตลอดทั้งคืนเหมือนกัน.

เถาหยวนเป็นผู้เยาว์ที่มีอนาคตไกล แม้นว่าเขาจะเป็นยอดพรสวรรค์ ทว่าก็ยังคงห่างไกลจากแม่ทัพห้าดาว.

เพียงแค่พูดคุยกันวันเดียว ก็ทำให้เขานั้นรู้สึกชื่นชมยอมรับเสวี๋ยเหรินกุยเป็นอย่างมาก.

เสวี๋ยเหรินกุยเองก็ชื่นชมเถาหยวนเหมือนกัน.

ทั้งสองที่พูดคุยกันถูกคอ แม้แต่กอดเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน.

วันหนึ่ง ขณะพูดคุยกันอยู่นั้น.

เถาหยวนก็ยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า “ถางจู่เสวี๋ย เป็นสุดยอดแม่ทัพจริง ๆ ผู้เยาว์ได้รับประโยชน์มากมาย.”

เสวี๋ยเหรินกุยที่เผยยิ้ม “แม่ทัพเถา ถ่อมตัวไปแล้ว หากได้รับการชี้แนะจากอาจารย์ที่มีชื่อเสียง อนาคตจะต้องได้เป็นแม่ทัพห้าดาวอย่างแน่นอน.”

แม่ทัพห้าดาวรึ?

แววตาของเถาหยวนที่ลุกโชนขึ้นมาทันที.

สำหรับแม่ทัพ เขาไม่ได้สนใจที่จะตัดผ่านไปยังระดับกษัตริย์ยุทธ์ จักรพรรดิยุทธ์ หรือแม้แต่ราชันย์ยุทธ์ ในวงการทหารไม่ว่าจะเป็นใครล้วนแต่ต้องการเป็นแม่ทัพห้าดาว เพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเองทั้งนั้น.

“แม่ทัพเถา.”

เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย “ขอแนะนำด้วยความนับถือ ไป๋รุ่ยหู่ แม้ว่าจะนับว่าเป็นคนมีชื่อเสียง ทว่าความสามารถก็ยังมีจำกัด ในอนาคตข้างหน้าเจ้าย่อมเหนือกว่าเขาแน่.”

“.....”เถาหยวนที่กลายเป็นเงียบงัน.

“และอีกเรื่อง.”

เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย “เท่าที่ข้ารู้มานั้น ไป่รุ่ยหู่นั้น เป็นคนใจแคบเป็นอย่างมาก มีความริษยาสูง เหล่าคนที่มีพรสวรรค์ในมนทลเจิ้นหยางจึงมีอยู่น้อยมาก แน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับเขาเป็นแน่.”

จุนซ่างเซียวที่ปล่อยจิตสัมผัสออกมาลอบฟังด้วยเหมือนกัน ในเวลานั้นเขาที่สีคางไปมา “ถางจู่เสวี๋ย คำพูดร้ายกาจ ยอดเยี่ยมจริง ๆ.”

เถาหยวนที่กลายเป็นเงียบเช่นกัน.

นิสัยของไป่รุ่ยหู่เป็นเช่นไร มีรึที่เขาจะไม่รู้.

เสวี๋ยเหริยกุยเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “แม่ทัพเถา หากว่าเจ้าเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง ด้วยเจ้าและข้าที่ร่วมกันฝึกฝนกองกำลังหมาป่า พวกเราจะสามารถสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปชิงหยุนขึ้นมาได้!”

กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปชิงหยุนอย่างงั้นรึ?

คำพูดเหล่านี้ ทำให้ร่างกายของเถาหยวนร้อนรุ่มขึ้นมาทันที.

สำหรับเหล่าแม่ทัพแล้ว ก็หวังที่จะทำให้กองกำลังของตัวเองแข็งแกร่งที่สุดในแผนดินทั้งนั้น.

เสวี๋ยเหริยกุยที่กล่าวต่อไปอีก “แม่ทัพเถาคงจะรู้เกี่ยวกับเงื่อนไขการกลายเป็นแม่ทัพห้าดาวแล้วสินะ?”

“รู้แล้ว.”เถาหยวนเอ่ย.

การจะเป็นแม่ทัพห้าดาวนั้น จะต้องสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองขึ้นมา.

เสวี๋ยเหรินกุยในจังหวังจงจุนในอดีต เคยสร้างกองกำลังหมิงเหว่ยเหรินขึ้นมา เป็นกองกำลังที่มีความแข็งแกร่งระดับทวีป เคยได้รับตำแหน่งที่สามในการประลอง ทำให้เขาได้รับรางวัลเป็นแม่ทัพห้าดาว.

กองกำลังพยัคฆ์ขาว แม้นว่าจะมีชื่อเสียงในจังหวัดซีเหนียนหยาง ทว่าก็ถูกจัดอันดับเพียงสามดาวเท่านั้น ด้วยความสามารถที่จำกัด การจะก้าวไปถึงสี่ดาวยังยาก ไม่ต้องคาดหวังถึงห้าดาวเลย.

กองกำลังเหนือพยัคฆ์ แม้นว่าจะใช้ได้ ทว่าก็ฝึกจนถึงขีดสุดแล้ว ไม่สามารถยกระดับให้สูงกว่านี้ได้แล้ว.

ส่วนหอขี่หมาป่าถึงจะเป็นกองกำลังสำนัก ทว่าก็สามารถนับเป็นกองทัพได้ ส่วนประสิทธิภาพนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

“เจ้าสำนักบอกข้าว่า.”

เสวี๋ยเหรินกุยเอ่ย “หากแม่ทัพเถาเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง จะได้รับตำแหน่งรองถางจู่หอขี่หมาป่า.”

เถาหยวนที่เปลี่ยนเป็นเงียบ ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า “ข้าขอนำไปคิด.”

“ถูกต้อง.”

จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์.

ในความเห็นของเขานั้น เขาพอจะคาดเดาได้ว่าหัวใจของเถาหยวนเริ่มสั่นไหว เหลือแค่เวลาเท่านั้นเขาต้องเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งแน่.

เป็นความจริง.

หลังจากครุ่นคิดหนึ่งคืน เถาหยวนก็มายังห้องโถงเช้าวันถัดมา ก่อนที่จะยกมือประสาน “เจ้าสำนักจุน ข้ายินดีเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง.”

จุนซ่างเซียวที่นำแบบลงทะเบียน มาเขียนชื่อและประทับตรารับเขาเข้าสำนัก.

ในเวลานั้น ผลของธวัชสงบศึกยังคงมีผลอยู่ ทำให้เถาหยวนไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง หากว่าผลของธวัชหมดไป เกิดหนีหายจากไป คงจะเป็นเรื่องที่บัดซบมาก.

ดังนั้น เจ้าสำนักจุนจึงเอ่ยว่า “เปิ่นจั้วต้องทดสอบเจ้าชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะแต่งตั้งเจ้าเป็นรองถางจู่อีกครั้ง ก่อนอื่นเจ้าต้องไปเป็นศิษย์ปิดประตู.”

“รับทราบ.”

นับจากนั้น ที่ด้านหน้าประตู ไม่เพียงแค่มีเหออู่ตี้ยืนอยู่ ยังมีเถาหยวนด้วย.

พวกเขาที่รับหน้าที่เฝ้าประตูเฉพาะเวลากลางวัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากนัก.

“นี่คือ...”

เถาหยวนที่เห็นหน้าที่ของเขาก็เผยท่าทางไม่อยากเชื่อ “นี่คือหน้าที่ของศิษย์ปิดประตูอย่างงั้นรึ?”

......

หลังจากรับเถาหยวนแล้ว จุนซ่างเซียวก็เริ่มวางแผน รับมือมนทลเจิ้นหยางและสองนิกายภายในสามเดือน.

ต้องแข็งแกร่ง.

ต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้!

เช้าวันถัดมา จุนซ่างเซียวที่จัดเตรียมเครื่องจัดเตรียมธุระสำนัก เขาได้ส่งวัตถุดิบมากมาย ทั้งศิลาวิญญาณ เม็ดยารวมวิญญาณระดับสูง เพื่อที่จะช่วยให้ศิษย์ของเขาตัดผ่านระดับให้เร็วที่สุด!

“ถางจู่ลี่.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เรื่องภายในสำนัก ให้เจ้าจัดการชั่วคราวก่อน เปิ่นจั้วต้องการปิดด่านบ่มเพาะ.”

“อืม.”ลี่ลั่วฉิวเอ่ย.

หลังจากจัดแจงเรื่องต่าง ๆ แล้ว จุนว่างเซียวที่บ่มเพาะภายในค่ายกลรวมวิญญาณหนึ่งชั่วยาม จากนั้นก็เดินทางไปยังหอคอยเก็บประสบการณ์.

เขาไม่ได้กลั่นร่างกายในชั้นแรก ไม่ได้ฝึกฝนท่าเท้าในชั้นที่สอง ทว่าเขาก้าวขึ้นไปยังชั้นสามโดยตรงเลย.

“กึก!”

ขณะที่เก้าวเข้าไป เขาที่สัมผัสถึงพลังคุณสมบัติฟ้าดินที่ปกคลุมพื้นที่โดยรอบ.

“ฟู่!”

จุนซ่างเซียวที่พ่นลมหายใจ เอ่ยออกมาว่า “ชั้นที่สามช่วยฝึกฝนอะไรกัน?”

“โฮสน์ลองออกหมัด.”ระบบเอ่ย.

ฟิ้ว!

จุนซ่างเซียวที่เหวี่ยงหมัดออกไป กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ “ใช้พลังวิญญาณสิ้นเปลื้องขนาดนี้เลยรึ?!”

ระบบเอ่ย “การฝึกฝนในชั้นสาม โฮสน์จะใช้พลังวิญญาณไปอย่างรวดเร็วมาก ทว่าก็จะฟื้นคืนอย่างรวดเร็วเช่นกัน ชั้นนี้เป็นการกลั่นแกนวิญญาณนั่นเอง.”

“งั้นรึ?”

เพียงแค่ออกหมัดนั้น จุนซ่างเซียวที่มีแกนวิญญาณสองแกน ในนอกโลกภายนอกนั้นเขาสามารถใช้ได้พลังติดต่อกันหลายวันหลายคืนโดยไม่มีปัญหาได้ ทว่าการต่อยออกมาที่นี่สองชั่วโมง ก็ทำให้พลังวิญญาณหมดเกลี้ยง.

ฟู่ ฟู่!

จุนซ่างเซียวที่นั่งสมาธิ โคจรวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น.

พลังคุณสมบัติฟ้าดินในชั้นที่สามนั้น แผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายเขาเร็วมาก เพียงไม่กี่นาทีก็ฟื้นฟูสำเร็จ!

จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ “เช่นนั้น หากต่อสู้ที่นี้ พลังวิญญาณที่หมด ก็สามารถเติบได้ทันที ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นไร้เทียมทานเลยอย่างงั้นรึ?”

ระบบเอ่ย “โฮสน์คิดน้อยจริง ถึงแม้นว่าจะฟื้นฟูได้รวดเร็ว แต่ก็ผลาญพลังวิญญาณอย่างรวดเร็วเช่นกัน.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด