ตอนที่แล้วตอนที่ 71 จำไว้ว่าชื่อของเขาคือ ซูหยาง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 73 ฆ่า

ตอนที่ 72 ทุกคนย่อมมีอุดมคติที่แตกต่างกัน (ฟรี)


ตอนที่ 72 ทุกคนย่อมมีอุดมคติที่แตกต่างกัน

เมื่องใกล้ถึงตัวเมืองไคหยาง

ซูหยาง และอีกสามคนเปลี่ยนมาเดินเท้าแทน

เพื่อแก้ปัญหาจะต้องเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก่อน

เขาสามารถไปฟังรายงานจากหลัวหงเซิง ผู้บัญชาการกองเจินหวู่ได้ แต่สิ่งที่เขาได้ยินจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่?

ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหลินเจียง หรือมาที่เมืองไคหยาง

ตัวเลือกแรกของซูหยางคือ ถามชาวเมืองซึ่งเป็นคนในท้องถิ่น

วิถีชีวิตจากปากของพวกเขาจะใกล้เคียงกับเรื่องจริงมากที่สุด

บนดินแดนแห้งแล้งแห่งนี้ มีคนกำลังขุดดินอยู่

พวกเขาขุดใกล้แม่น้ำหรือเชิงเขา

จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่าพวกเขากำลังหาน้ำอยู่..

ดูจากการที่คนเหล่านี้ยังมีอาหารกิน และดื่มน้ำได้บ้างก็ดูจะภัยแล้งที่นี่จะเกิดขึ้นไม่นานนัก

ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังพิงต้นไม้ที่ยังแห้งกรัง และพักผ่อน

ทันใดนั้นเขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหา เมื่อมองใกล้ๆ เขาก็ได้เห็นว่าหนึ่งในนั้นสวมชุดเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก

เมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็ระวังท่าทีมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรต้าเซี่ย หรือเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก คนธรรมดาอย่างเขาไม่กล้ายั่วยุ ไม่งั้นอาจจะเกิดปัญหาใหญ่

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นมาดีหรือร้าย เขาก็ต้องให้ความเคารพ

“ข้าน้อยหลัวหูคารวะใต้เท้า”

ขณะที่หลัวหูพูด ผู้คนรอบๆ ที่กำลังขุดดินก็หยุด และมองดู

หลังจากเห็นซูหยางแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ทำความเคารพตาม

“ไม่ต้องมากพิธี ข้ามาจากเมืองเทียนเฟิง ที่มาที่นี่เพราะได้ยินมาว่าเมืองไคหยางกำลังประสบกับภัยแล้ง ข้าอยากฟังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากปากของพวกเจ้า”

ซูหยางแสดงตัวตน และจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่

หลัวหู และอีกหกคนประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้

จากเมืองเทียนเฟิง?

นี่เป็นข่าวดี!

“ใต้เท้าเชิญถามมาได้เลย เราจะตอบทุกสิ่งที่รู้”

“ที่นี่ฝนตกครั้งสุดท้ายเมื่อไร?”

"เมื่อเจ็ดวันที่แล้วขอรับ"

ซูหยางตกตะลึง เพียงเจ็ดวันเท่านั้นเหรอ?

ก่อนที่ซูหยางจะถามต่อ หลัวหูก็พูดอย่างขมขื่น "ใต้เท้า มันแปลกมาก แม้ฝนจะตกแต่พื้นดินก็ยังเหือดแห้ง"

“แม้ในช่วงนี้จะยังไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำ แต่เมื่อดินแห้งเราก็ปลูกพืชไม่ได้ เมื่อถึงเวลาเสียภาษี เราก็ไม่รู้จะทำยังไงดี”

“ตามที่ผู้บัญชาการหลัวกล่าวดูเหมือนมีบางสิ่งที่ชั่วร้ายอยู่ที่นี่”

ซูหยางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "อืม ข้าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าสังเกตเห็นอะไรที่ผิดปกติบ้างหรือไม่?"

หลัวส่ายหัว "เราไม่แข็งแกร่งพอ และเราก็ไม่กล้าที่จะตรวจสอบเรื่องเช่นนี้ แต่มีบางคนที่กำลังพยายามตรวจสอบอยู่"

“กองเจิ่นหวู่ ศาลาหลิวซาน และตระกูลหลัวในเมืองไคหยางต่างก็กำลังสืบหาสาเหตุ ท่านสามารถไปถามพวกเขาได้”

หลังจากการพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ ซูหยางก็เข้าใจสถานการณ์พื้นฐานของเมืองไคหยาง

หลังกล่าวคำอำลากับผู้คน ซูหยางก็เดินไปที่เมือง

หลังจากที่ซูหยางจากไป หลายคนก็มารวมตัวกัน และพูดคุย

“พี่หู ท่านคิดว่าใต้เท้าผู้นี้จะสามารถแก้ปัญหาแปลกๆ ที่เกิดขึ้นได้หรือไม่?”

“ใครจะรู้ได้ ข้าก็หวังว่าปัญหานี้จะผ่านพ้นไปโดยเร็วที่สุด”

“เอาล่ะ ไม่ต้องคิดถึงมันมากเกินไป ไม่ว่ายังไงเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เราทำเพียงรอข่าว และดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้”

“ราชสำนักจะจัดการเรื่องนี้เอง แต่เราไม่สามารถพึ่งพาพวกเขาเพียงฝ่ายเดียวได้”

“พี่หูพูดถูก เราไม่ควรฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่คนอื่น”

หลังจากพูดคุยกันสักพัก พวกเขาก็เริ่มมีกำลังใจมากขึ้น และพยายามขุดหาน้ำต่อไป

หลังจากเดินไปไม่นาน ซูหยาง และคนอื่นๆ ก็เข้ามาในเมืองไคหยาง

“พี่หยาง พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่?”

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในเมือง เจียงเสี่ยวหยูก็พบว่าในเมืองอัดแน่นไปด้วยผู้คน

หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามีคนกำลังแจกจ่ายน้ำ และมีผู้คนมากมายต่อคิวเพื่อรับน้ำ

"น่าสนใจ" ซูหยางให้ความสนใจ และพูดขึ้นว่า "ตระกูลหลัวเป็นคนแจกจ่ายน้ำให้กับชาวเมือง"

“เช่นนั้นตระกูลหลัวก็ดูเป็นคนดีทีเดียว”

ดวงตาของเจียงเสี่ยวหยูเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ และทันใดนั้นเขาก็เริ่มชื่นชอบตระกูลหลัวมากขึ้น

“อย่างน้อย พวกเขาก็ได้ทำสิ่งดีๆ”

ซูหยางพยักหน้าเห็นด้วย

ดูเหมือนว่าโลกจะไม่ได้ปราศจากคนดี และไม่ได้มีเพียงแค่การกดขี่เท่านั้น

มันมีอยู่ในโลก แต่เขายังไม่ได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง

หากซูหยางมุ่งตรงไปยังกองเจิ้นหวู่ เขาก็จะไม่เห้นสิ่งที่ตระกูลหลัวทำตามธรรมชาติ

ในอดีต เขามุ่งเน้นไปที่ภารกิจ และโดยธรรมชาติแล้วสิ่งที่เขาเห็นคือ ความชั่วร้าย

ถ้าทำชั่ว มันจะดังกระฉ่อนแผ่ขยายออกไปหลายพันลี้ แต่ยากจะมีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเมื่อทำความดี เพราะมีเพียงไม่กี่คนที่ให้ความสนใจ

ขณะนั้น เกิดการทะเลาะกันที่หัวมุมถนน

“นั้นกาน้ำของข้า ท่านเอามันไปไม่ได้นะ ข้ารอมานานแล้ว และยังมีลูกสองคนรออยู่ที่บ้าน”

ชาวเมืองวัยกลางคนกำลังทะเลาะกับชายหนุ่มคนหนึ่ง

พวกเขาทะเลาะกันเรื่องกาน้ำ

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มที่อายุน้อย และแข็งแกร่งเป็นผู้ฝึกฝน และเขาก็เตะอีกฝ่ายออกไปด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว

“เฮอะ ไสหัวไปซะ ถ้าข้าต้องไปรอคิว มันก็ลำบากมากเกินไป”

หยูเจี๋ยมองไปที่ชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนพื้นอย่างดูถูก

“ท่านเป็นผู้ฝึกฝน ทำไมต้องมาทะเลาะกับคนตัวเล็กๆ อย่างข้าเพื่อน้ำดึ่มด้วย?” ฉางเฟยพูดอย่างอ่อนแรงหลังจากถูกเตะ

ทำไมงั้นเหรอ?

“ก็ไม่มีเหตุผลอะไร ข้าแค่หิวน้ำเท่านั้น เจ้าก็แค่ต้องกลับไปต่อคิวใหม่เท่านั้นเอง” หลังจากที่หยูเจี๋ยพูดแบบนี้ เขาก็ไม่อยากพูดอะไรอีกต่อไป

เขาแค่กระหายน้ำ

ขณะนี้ไม่มีแหล่งน้ำอื่นในเมืองไคหยาง ดังนั้นจึงทำได้เพียงพึ่งพาตระกูลหลัวเท่านั้น

หรือจะให้เขาซึ่งเป็นผู้ฝึกฝนไปขอการบรรเทาทุกข์?

นั่นมันดูไม่ดีเลย

ที่เขาฝึกฝนก็เพื่อให้ตัวเองอยู่เหนือคนธรรมดา ทำไมเขาต้องไปขอรับความเมตตาจากคนอื่นด้วย

“พี่หยาง ให้ข้าไปจัดการกับเขาไหม” เจียงเสี่ยวหยูรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาอยู่ระดับ 9 ดังนั้นเขาจึงสามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้ แต่เขายังคงต้องขออนุญาติจากซูหยางก่อน

“ไม่จำเป็น” ซูหยางส่ายหัว

เจียงเสี่ยวหยูสับสน และกำลังจะถาม แต่ขณะนั้น เขาได้เห็นคนๆ หนึ่งกระโดดออกมา และในพริบตาเดียวก็เตะหยูเจี๋ยที่กำลังวางท่าจนกระเด็น

“ปล้นสิ่งของจากผู้คน เจ้าคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากสินะ?”

ชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดคลุมเขียวพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และเตะหยูเจี๋ยออกไปด้วยความดูถูก

จากนั้นก็เหยียบไหล่ของหยูเจี๋ยเอาไว้ และทำให้อีกฝ่ายต้องเงยหน้าขึ้นมอง

“ในเมื่อเจ้าชอบรังแกคนอื่น ตระกูลหลัวของข้ามีน้ำมากมาย ทำไมไม่มาคว้ามันไปล่ะ?”

หยูเจี๋ยสะกดความอับอาย และความโกรธ เขากัดฟันแล้วพูดว่า "ท่านหลัว ทำไมท่านต้องทำให้ข้าต้องอับอายเช่นนี้ด้วย"

"ฮ่าๆๆ" หลัวเทียนหัวเราะเยาะ "นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเพิ่งทำหรอกเหรอ? อะไร เมื่อต้องเจอกับตัวเองก็ทนรับไม่ได้ซะแล้ว"

“พวกเราผู้ฝึกฝนย่อมสูงส่งกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว” หยูเจี๋ยยังคงไม่พอใจ และกัดฟันพูด

“ตามที่เจ้าพูด ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้าก็ถือว่าอยู่เหนือเจ้า ดังนั้นต่อให้ข้าทำให้เจ้าอับอายแล้วยังไงล่ะ?”

“เราผู้ฝึกฝนควรมีความกล้าหาญ และความชอบธรรม ไม่ใช่ไขว่คว้าพลังเพื่อรังแกคนธรรมดาที่อ่อนแอกว่า”

“ใครเป็นอาจารย์ของเจ้ากัน? ข้าอยากรู้ว่าใครสอนเจ้าทำเรื่องแบบนี้”

คำพูดของหลัวเทียน ทำให้หยูเจี๋ยหน้าแดงด้วยความอับอาย จากนั้นเขาก็หยิบกาน้ำจากมือของอีกฝ่าย

“ออกไปซะ อย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก”

หลัวเทียนหันกลับไปคืนกาน้ำให้ฉางเฟย แล้วจากไป

"รับไป"

"ขอบคุณท่านหลัว!"

ฉางเฟยคว้าจับกาน้ำไว้แน่น โค้งคำนับให้หลัวเทียน แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

เขากลัวว่าถ้าไม่ไปตอนนี้จะเกิดปัญหาอะไรขึ้นอีก

กาน้ำใบนี้มีความสำคัญต่อครอบครัวเขาเป็นอย่างมาก

แม้ฝนจะตกครั้งสุดท้ายเมื่อไม่นานมานี้ แต่ผืนดินกลับแห้งผากจึงมักมีบางคนที่กักเก็บน้ำไว้ไม่เพียงพอในช่วงฝนตก

พวกเขาสามารถไปที่เมืองอื่นรอบๆ เมืองไคหยางเพื่อหาน้ำได้แต่นั้นก็ต้องใช้เวลาเดินเท้าถึงสองวัน และเมื่อเอาน้ำกลับมาก็ใช้ได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น

แม้ตระกูลหลัวจะสัญญาว่าจะแจกจ่ายน้ำ แต่ก็มีปริมาณกำจัดใช่ว่าทุกคนจะได้รับอย่างสม่ำเสมอ

น้ำของตระกูลหลัวถูกนำมาจากเมืองอื่นโดยหลัวเทียนด้วยคาราวานของเขาเอง

เจียงเสี่ยวหยูที่กำลังมองดูก็เข้าใจสิ่งที่ซูหยางพูดก่อนหน้านี้

ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกตื่นเต้น

“สิ่งที่ชายคนนี้พูดนั้นดีมาก! ท่านคิดไม่คิดอย่างนั้นเหรอพี่หยาง”

ซูหยางยิ้มแล้วพูดว่า "ทั้งใช่ และไม่ใช่"

“เจ้าจะมีความคาดหวัง หรืออุดมคติเช่นใดก็ย่อมได้ แต่ไม่ควรคิดว่าคนอื่นจะคิดแบบเดียวกัน”

"ทุกคนมีอุดมคติที่แตกต่างกัน"

“ตราบใดที่ไม่ทำความชั่วก็พอแล้ว”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด