ตอนที่แล้วChapter 434 ปลาคาร์ปน้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 436 บ่อบ่มเมล็ด

Chapter 435 เจ้าโถงหอขี่หมาป่า


เหรินซานต้นของเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด จุนซ่างเซียวจึงต้องการรับเขาเป็นศิษย์ ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการพบเหมืองศิลาวิญญาณภายในป่าปิศาจทมิฬอีกต่อไป.

เมื่อเขาเป็นศิษย์แล้ว หากว่าเขาทรยศ ก็จะถูกลบความทรงจำ เป็นการจัดการเรื่องนี้ได้อย่างหมดจด.

“กิ๊ก-ก๊อก!”

“กิ๊ก-ก๊อก!”

ภายในถ้ำ ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่ใช้กระบี่หานเฟิงขุด เก็บศิลาวิญญาณด้วยความเร็วสูง.

เหมืองศิลาวิญญาณแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตนัก เพียงแค่สองสามวันก็สามารถเก็บเกี่ยวทั้งหมดได้.

หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว เขาได้รับศิลาวิญญาณทั้งหมด 30,000 ก้อน.

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา กล่าวออกมาว่า “เหมืองศิลาวิญญาณของสำนักไท่กู่เจิ้ง ดูเหมือนว่าจะมีขนาดใหญ่กว่า.”

เจียงเซี่ยเอ่ย “เจ้าสำนัก มันควรจะมีขนาดเล็กอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นคงจะเกิดปรากฏการณ์ที่ใหญ่โต ยากจะซ่อนในป่าทมิฬแห่งนี้ได้.”

“เป็นเช่นนี้นะเอง.”

จุนซ่างเซียวที่นำทุกคนออกจากถ้ำ ก่อนที่จะออกมาด้านนอกป่า และเรียกราชาหมาป่าเฮอริเคน และกลับสำนักไท่กู่เจิ้ง.

“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”

ราชาหมาป่าเฮอริเคน ที่นำทางผ่านป่าเขา เหล่าสัตว์ร้ายมากมายที่หลบหนีจากพวกมันอย่างรวดเร็ว.

เซียวจุ้ยจื่อที่นำเหรินซานไปด้วย เขาที่เห็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งมีสัตว์ขี่ธาตุวายุ ภายในใจของเขาที่ยากจะสงบใจ เอาไว้ได้ ครุ่นคิดเอาไว้ในใจ “โชคชะตาของข้าจะต้องเปลี่ยนไปเมื่อเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง!”

......

หลังจากเสร็จสิ้นงานพูดคุยที่เทือกเขาหัวซาน จุนซ่างเซียวที่กลับมาพร้อมกับกำไรมากมาย.

คะแนนสนับสนุนไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง เขายังได้รับศิลาวิญญาณธรรมชาติกว่า 30,000 ก้อน เวลานี้เขาเผยยิ้มจนหูแทบฉีก.

“เจ้าสำนัก.”

เมื่อกลับถึงสำนักแล้ว จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้องโถง ถังจู่ลี่ที่เข้ามารายงาน “หลายวันมานี้ที่ท่านออกไปด้านนอก พวกเราขุดศิลาวิญญาณได้เพิ่ม 20,000 ก้อน.”

“งั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้ม.

ในเวลานี้ เขามีศิลาวิญญาณธรรมชาติ 70,000 ก้อนแล้ว จะช่วยยกระดับเขาและศิษย์ได้อีกไม่น้อย.

และนอกจากนี้.

เหมืองศิลาวิญญาณของสำนักไท่กู่เจิ้ง ที่เพิ่งเกิดปรากฏการณ์ไม่ธรรมดา บอกได้ว่ามันเป็นเหมืองที่มีขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ พวกเขายังคงขุดเหมืองนี้ได้อีกนาน.

หากคำนวณขุดได้วันล่ะ 3,000  หนึ่งปีได้หนึ่งล้านก้อน ถือว่าเป็นทรัพยากรขนาดใหญ่ที่จะช่วยพัฒนาพวกเขาได้เป็นอย่างมาก.

หากแต่ยังไม่เพียงพอ.

ทรัพยากรฝึกยุทธ์นั้นยิ่งมีระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องการมากเท่านั้น.

หลังจากกลับมาแล้ว จุนซ่างเซียวที่มุ่งสมาธิไปยังค่ายกลรวมวิญญาณระดับกลาง ก่อนที่จะเข้าใจได้ในวันที่สาม เขาจึงได้ก้าวออกมาจากห้อง.

......

หลังเขา.

จุนซ่างเซียวที่กำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างของค่ายกลรวมวิญญาณระดับต้นอยู่.

ผ่านไปราว ๆ สองชั่วยาม ไม่เพียงแค่ยกระดับให้กลายเป็นระดับกลาง พื้นที่ของมันยังขยายออกมากว้างมาก เวลานี้จุศิษย์ของเขาได้ถึง 1000 คน.

“ฟู่ ฟู่!”

ภายในค่ายกล พลังวิญญาณที่มากล้นกำลังกวาดซัดกระจายออกไปรอบ ๆ ความหนาแน่นที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ.

หลังจากคงที่แล้ว พลังวิญญาณที่ก่อนหน้านี้หนาแน่น 30 เท่า เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยเท่าทันที.

จุนซ่างเซียวรู้ดี ถึงจะเป็นค่ายกลรวมวิญญาณระดับกลาง ทว่าก็มีขีดจำกัดของมันเช่นกัน.

เพราะว่าความหนาแน่นของพลังวิญญาณด้านในนั้นขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณที่อยู่ด้านนอกด้วยเช่นกัน.

พลังวิญญาณฟื้นคืนที่เทือกเขาไท่กู่ เพิ่มขึ้นมาเพียงแค่ 20 เท่า ค่ายกลระดับกลางที่ยกระดับ 60 เท่า ความหนาแน่นที่ควรจะเป็นควรอยู่ในระดับหนึ่งพันเท่า ทว่าด้วยพลังวิญญาณที่จำกัดจึงยกระดับได้เพียง 100 เท่า เพียงเท่านั้น.

ระบบเอ่ย “ค่ายกลรวมวิญญาณแห่งนี้ เพราะสร้างขึ้นในพื้นที่พลังวิญญาณธรรมดา ทำให้มีขีดจำกัด ไม่เช่นนั้นน่าจะเพิ่มพลังวิญญาณได้ถึง 1000 เท่า เพราะสภาพแวดล้อมไม่สามารถแบกรับได้จึงทำให้มีพลังวิญญาณสูงสุดได้เท่านี้.”

“ได้ร้อยเท่าก็ดีแล้ว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “อย่างน้อยข้าและศิษย์บ่มเพาะ 1 ชั่วโมง ก็เท่ากับดูดซับพลังวิญญาณด้านนอก 100 ชั่วโมงแล้ว.”

สำนักไท่กู่เจิ้งในเวลานี้มีทักษะยุทธ์ระดับสูง และยังมีอุปกรณ์มากมาย ขาดเพียงแค่พลังบ่มเพาะที่สูงพอ ด้วยค่ายกลรวมวิญญาณและเม็ดยารวมวิญญาณ จะต้องยกระดับได้อย่างรวดเร็ว.

“แปะๆ”

จุนซ่างเซียวที่ปรบมือ กล่าวต่อศิษย์ของเขาออกมาว่า “จากนี้ ต้องฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อตัดผ่านสู่ระดับอาจารย์ยุทธ์ให้ได้!”

กับค่ายกลรวมวิญญาณระดับกลางที่น่าเกรงขาม การจะตัดผ่านระดับ ก้าวสู่ดินแดนยุทธ์ที่สูงกว่า จำเป็นต้องเข้าใจในวิถียุทธ์ด้วย.

อย่างไรก็ตาม.

เจ้าสำนักจุนสามารถทดแทนมันด้วยเม็ดยาอาจารย์ยุทธ์.

ขอเพียงแค่ศิษย์เขาตัดผ่านไปยังระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นปลาย ก็สามารถก้าวสู่ระดับอาจารย์ยุทธ์ได้ง่าย ๆ.

ทว่าก็จำเป็นต้องใช้สมุนไพรเป็นจำนวนมาก แต่ละอย่างก็ล้ำค่า คิดว่าจำนวนที่ต้องการเวลานี้ คงยากจะสนับสนุนได้เพียงพอ.

......

ที่สวนสมุนไพร.

จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ที่พัก ค่อย ๆ หลอมเม็ดยา อาจารย์ยุทธ์ออกมา “ตอนนี้สำนักมีพลังวิญญาณหนาแน่น สามารถเก็บเกี่ยววัตถุดิบสมุนไพรเหล่านี้ใช้เวลาเท่าใด?”

เหล่าเหว่ยที่ครุ่นคิดและเอ่ยออกมาว่า “เร็วสุดสามเดือน.”

ก่อนหน้านี้ 3-5 ปี ตอนนี้กลายเป็นสามเดือน เห็นชัดเจนว่าพลังวิญญาณฟื้นคืน และความสามารถของหมูแคะ มีประโยชน์ที่ช่วยยกระดับร่นเวลาลงเป็นอย่างมาก!

“เร็วขนาดนี้เลยรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

เหล่าเหว่ยส่ายหน้าไปมา “ด้วยความสามารถของข้าเวลานี้ จึงมีขีดจำกัดสามเดือน.”

“ดี.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วมอบเมล็ดสมุนไพรเหล่านี้ ให้เหล่าเหว่ยปลูก ให้สามารถเก็บเกี่ยวให้เร็วที่สุด.”

“อืม.”เหล่าเหว่ยพยักหน้ารับ.

สวนสมุนไพรในเวลานี้ สามารถขยายได้หลายร้อยมู่ สามารถปลูกสมุนไพรระดับสูงได้อย่างไม่มีปัญหา.

......

“โอ้วสวรรค์!”

ค่ายกลรวมวิญญาณระดับกลาง ซูเซียวโม่ที่อุทานออกมาทันที “ความหนาแน่นพลังวิญญาณเวลานี้หนาแน่นกว่าเดิมมาก!”

ลี่เฟยเอ่ยออกมาว่า “สองชั่วยาม เจ้าสำนักทำให้ค่ายกลเปลี่ยนไป นี่คือสุดยอดปรมาจารย์ค่ายกลแล้ว!”

ขณะที่ทั้งสองอุทานออกมา หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อ ตลอดจนศิษย์คนอื่น ๆ ก็เข้ามานั่งสมาธิกันเรียบร้อยแล้ว.

นอกจากกลั่นร่างกายที่หอเก็บประสบการณ์ พวกเขาก็ต้องการยกระดับพลังบ่มเพาะให้เพิ่มขึ้นให้เร็วที่สุดเช่นกัน!

“ด้วยความหนาแน่นของพลังวิญญาณ ตลอดจนเม็ดยารวมวิญญาณ และอาหาร การจะไปถึงระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นปลายเป็นเรื่องง่าย ๆ เลย!”เย่ซิงเฉินที่ลอบคิดในใจ.

หลังจากที่ค่ายกลยกระดับเปลี่ยนไปเป็นระดับกลาง การใช้ชีวิตในหอเก็บประสบการณ์ก็เปลี่ยนไป เป็นมุ่งเน้นในการบ่มเพาะในที่สุด.

หลายคนที่อยู่ในระดับศิษย์ยุทธ์ ด้วยเม็ดยารวมวิญญาณและผงรวมวิญญาณ บ่มเพาะหนึ่งถึงสองวัน ก็ตัดผ่านไปยังอีกระดับแล้ว.

“ฟู่ ฟู่!”

“ฟู่ ฟู่!”

ภายในค่ายกล แทบทุกวัน เหล่าศิษย์ที่ตัดผ่านระดับกันไม่หยุดหย่อน.

จุนซ่างเซียวที่กังวลการบ่มเพาะจะส่งผลกับเหล่าศิษย์ ดังนั้นจึงได้สร้างค่ายกลแยกอออกมา เป็นห้องที่เรียกว่า ห้องบ่มเพาะส่วนตัว.

......

ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่บ่มเพาะอย่างจริงจัง.

หนึ่งในนั้นคงจะเป็นศิษย์เข้าใหม่ ยกตัวอย่างเสวี๋ยเหรินกุย และคนที่เขานำมา พวกเขาที่มุ่งเน้นในการใช้ห้องปั้นกล้ามเนื้อ ยกระดับกายเนื้อของตัวเองอย่างหนัก.

แน่นอน.

เจ้าสำนักจุนที่ลอบสังเกตเสวี๋ยเหรินกุย เพราะเขาเตรียมมอบตำแหน่งถางจู่ หอขี่หมาป่าให้กับเขานั่นเอง.

ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง.

เสวี๋ยเหรินกู่ที่เคยเป็นแม่ทัพ ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง.

ถึงแม้นว่าสมาชิกหอขี่หมาป่าจะสามารถควบคุมขี่หมาป่าได้เป็นอย่างดี ทว่าก็ยังไม่เหมาะสำหรับการรบ.

เทือกเขาไท่กู่ พื้นที่ขนาดใหญ่.

สมาชิกหอขี่หมาป่าที่เวลานี้ กำลังฝึกฝนการใช้สัญญาธงในการรบ การเคลื่อนขบวน จัดทัพ ทั้งบุกและรับ แม้แต่ก่อเป็นค่ายกลเพื่อโจมตี.

จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่บนยอดเขาสูง จ้องมองศิษย์ของตัวเองฝึกฝนมาหลายวันแล้ว เห็นความร่วมมือและความสามารถของพวกเขาที่ยกระดับ เอ่ยออกมาว่า “เสวี๋ยเหรินกู่ นับเป็นคนที่มีความสามารถจริง ๆ.”

เจียงเซี่ยเอ่ย “อย่างไร เขาก็เคยเป็นแม่ทัพมาก่อน.”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “ข้ารู้สึกว่าถางจู่หอขี่หมาป่า เหมาะสมกับเขาที่สุด.”

การที่นางต้องดูแลหอสองแห่ง ทำให้นางไม่มีเวลาบ่มเพาะเลย ดังนั้นจึงหวังที่จะให้เจ้าสำนักหาคนที่มีความสามารถมาปลดปล่อยภาระให้กับนางโดยเร็ว.

“ตัดสินใจแล้ว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ถางจู่หอขี่หมาป่า ให้เสวี๋ยเหรินกุยรับตำแหน่ง.”

เช้าวันถัดมา.

เขาที่เรียกศิษย์ทุกคนมารวมกัน พร้อมกับประกาศต่อทุกคนว่า ถางจู่หอขี่หมาป่า ก็คือเสวี๋ยเหรินกุย ตลอดจนผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาก็ถูกแยกย้ายไปยังหอขี่หมาป่ากันทุกคน.

“ฟิ้ว!”

เสวี๋ยเหรินกุยที่ก้าวมาด้านหน้า รับตราถางจู่ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ขอบคุณเจ้าสำนักที่ไว้วางใจ เสวี๋ยโหมวจะทำหน้าที่ดูแลหอขี่หมาป่าให้ดีที่สุด!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด