ตอนที่แล้วจอมปราชญ์นิรันดร์ บทที่ 36 การมาถึงของศัตรูที่ประตูเมือง (ฟรี 08-03-2024)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปจอมปราชญ์นิรันดร์ บทที่ 38 ความแค้นของตระกูล ความเป็นศัตรูระหว่างแคว้น (ฟรี 12-03-2024)

จอมปราชญ์นิรันดร์ บทที่ 37 ทหารอาชาเกราะดำออกรบ (ฟรี 10-03-2024)


เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทั้งลุงเจิ้งกับหลิวหยูต่างตกตะลึงไปชั่วขณะในตอนแรก

ทั้งสองต่างพากันหันหน้า ดูตกตะลึง หลังจากจ้องมองไปที่ซ่งฉีเป็นเวลานาน จากนั้นคนทั้งสองก็กล่าวอย่างช้าๆ ว่า "นี่… เป็นไปได้อย่างไร?"

"ขออภัยที่พูดตรงๆ "

ซ่งฉีกล่าวว่า "นายน้อยรองซูไม่ใช่นักรบขอบเขตสกัดปราณ แต่ท่านมีความสามารถในการสังหารคนเหล่านั้น ข้าพเจ้าเป็นนักรบขอบเขตสกัดปราณระดับ8แต่ข้าพเจ้าไม่กล้ากล่าวว่าข้าพเจ้าจะชนะการต่อสู้กับนายน้อยรองซู"

ในช่วงสิบวันที่ผ่านมา ซ่งฉีประสบความสำเร็จในการข้ามขอบเขตโดยการฝึกฝนจนถึงขอบเขตสกัดปราณระดับ8โดยใช้ศิลาวิญญาณระดับต่ำจากซูสือโม่ว

"ท่านคือนักรบขอบเขตสกัดปราณหรือ?"

"ทั้งเป็นนักรบขอบเขตสกัดปราณระดับ8งั้นหรือ?"

"นายน้อยรองมีความสามารถในการสังหารนักรบขอบเขตสกัดปราณด้วยหรือ?"

"แม้แต่นักรบขอบเขตสกัดปราณระดับ8ก็ไม่กล้าแน่ใจกับการเอาชนะนายน้อยรองในการต่อสู้งั้นหรือ?"

เกิดข้อสงสัยมากมาย ทำให้คู่ลุงเจิ้งงุนงงและสูญเสียการรับรู้ไปเล็กน้อย

พวกมันคิดเสมอว่าซ่งฉีเป็นเพียงเพื่อนจากยุทธภพที่ซูสือโม่วรู้จัก พวกมันโต้ตอบกับอีกฝ่ายเป็นเวลาหลายวันแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือนักรบขอบเขตสกัดปราณ

ซ่งฉีเสริม "จุดประสงค์ของการเดินทางของข้าพเจ้ามาตระกูลซูในครั้งนี้ก็เพราะนายน้อยรองซูเช่นกัน ท่านมอบหมายให้ข้าพเจ้าปกป้องพวกท่านทุกคน"

ถ้อยคำเหล่านี้ทำให้คู่ลุงเจิ้งประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

นายน้อยรองถึงกับมีความสามารถในการให้คำแนะนำกับนักรบขอบเขตสกัดปราณระดับ8!

ลุงเจิ้งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและตระหนักว่าซ่งฉีจะต้องไม่ผุดเรื่องไร้สาระที่ไม่มีพื้นฐานออกมา

ทันใด สีหน้าของลุงเจิ้งก็เปลี่ยนไปอย่างมากเนื่องจากมีความคิดแวบขึ้นมาในใจ มันก็พลันถามว่า "นายน้อยรองสังหารราชันแห่งต้าเอี้ย ท่านสามารถหนีออกจากเมืองหลวงได้ไหม?"

ดวงตาของซ่งฉีหรี่ลงพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น ไม่ตอบกลับ

สีหน้าของลุงเจิ้งเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ ดูเหมือนว่าจะแก่ขึ้นมากในทันที

มันดูซูสือโม่วเติบโตขึ้นมาพร้อมกับมองอีกฝ่ายเหมือนลูกของตัวเอง

ในหัวใจของคนผู้นี้ ความบาดหมางทางสายโลหิตของตระกูลซูสำคัญอย่างแน่นอนแต่ก็ไม่ได้มากมายถึงหนึ่งในสิบของซูสือโม่ว

"เฮ้อ" ลุงเจิ้งหลับตาแล้วถอนหายใจยาว

หลิวหยูกล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า "ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของหลัวเทียนหวู่ ถ้าคนผู้นี้ไม่บอกนายน้อยรองเกี่ยวกับสิ่งที่ขึ้นเมื่อ16ปีที่แล้ว นายน้อยรองคงไม่สิ้นชีวิต!"

ลุงเจิ้งขมวดคิ้วอย่างหนักพร้อมกับส่ายหน้า กล่าวว่า "ข่าวราชันแห่งต้าเอี้ยสิ้นชีวิตยังไม่แพร่กระจายที่นี่ เจ้าเมืองแห่งเมืองเจี้ยนอันก็ไม่ใช่คนโง่เช่นกัน คนผู้นี้จะเชื่อถ้อยคำของหลัวเทียนหวู่หรือไม่? แม้ว่าหลัวเทียนหวู่จะเป็นผู้นำกองกำลังโดยมีอาชา50,000นายในการโจมตี มันก็อาจไม่ประสบความสำเร็จในการโค่นเมืองเจี้ยนอันได้เช่นกัน"

ดวงตาของหลิวหยูเต็มไปด้วยความโกรธแค้นไม่รู้จบ กล่าวอย่างเย็นชาว่า "หลัวเทียนหวู่นั่นช่างโหดร้ายไร้ความปรานี มันไม่ได้โจมตีอย่างรุนแรง ในทางกลับกัน มันได้รวบรวมชาวบ้านผู้บริสุทธิ์จากสิบหมู่บ้านใกล้เมืองเจี้ยนอันพร้อมกับให้ชาวบ้านเหล่านี้เป็นแนวหน้าเพื่อเขย่าเมืองเจี้ยนอัน! ตราบใดที่ชาวบ้านเหล่านี้ล่าถอย หลัวเทียนหวู่จะให้คำสั่งสังหารคนเหล่านี้ ชาวบ้านเหล่านี้ไม่มีอาวุธและไม่มีทางออกอื่น พวกมันทำได้เพียงวิ่งไปที่เมืองเจี้ยนอันเท่านั้น"

"อะไรนะ!” ลุงเจิ้งตกตะลึง

กลยุทธ์นี้ช่างเลวร้ายอย่างยิ่ง

หากชาวบ้านนับแสนคนพุ่งเข้าหาเมืองเจี้ยนอัน คนกลุ่มนี้จะสร้างพลังมหาศาลที่ไม่สามารถจะถูกเพิกเฉย ตราบใดที่เจ้าเมืองแห่งเมืองเจี้ยนอันเปิดประตูเมือง ชาวบ้านจะรุมเข้าไปเหมือนผึ้ง ตามหลังฝีเท้าของคนกลุ่มนี้คือกองกำลัง50,000นายของหลัวเทียนหวู่ เมืองเจียนอันจะถูกถล่มแน่นอน!

หากเมืองเจี้ยนอันปฏิเสธที่จะเปิดประตูเมืองและเลือกที่จะมองอย่างเฉยเมย ทหารบนกำแพงเมืองจะต้องเฝ้าดูอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่ผู้คนของแคว้นเอี้ยถูกสังหาร สิ่งนี้จะส่งผลให้เกิดหวาดกลัวและเสียขวัญจำนวนมากในเมืองทั้งยังส่งผลเสียต่อขวัญกำลังใจของกองทัพอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น มีความเป็นไปได้สูงที่ชาวบ้านบริเวณเชิงประตูเมืองจะเป็นญาติของพวกมัน

การต่อสู้ครั้งใหญ่ยังไม่เริ่มต้นด้วยซ้ำและหลัวเทียนหวู่ก็ชนะไปแล้วครึ่งหนึ่ง!

อย่างไรก็ตาม ผู้บริสุทธิ์ของแคว้นเอี้ยเหล่านี้ต้องถูกสังเวยเบื้องหลังชัยชนะของคนผู้นี้

แม้ว่าตระกูลซูจะอยู่ที่เมืองน้อยผิงหยางตลอดหลายปีที่ผ่านมาแต่พวกมันก็ถือว่าตนเองประดุจเป็นพลเมืองของแคว้นเอี้ยมาโดยตลอด พวกมันเกิดในแคว้นเอี้ยและเติบโตที่นั่น คนเหล่านี้มีความรู้สึกดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศต้นกำเนิด

ลุงเจิ้งโบกมือแล้วพลันกล่าวเบาๆ ว่า "ท่านสามารถบอกนายน้อยเกี่ยวกับข่าวการสิ้นชีวิตของราชันแห่งต้าเอี้ยได้ อย่างไรก็ตาม กรุณาอย่าบอกท่านว่าหลัวเทียนหวู่กำลังขับผู้คนของแคว้นเอี้ยเข้าโจมตีเมือง! ด้วยนิสัยนายน้อย เกรงว่า… "

ในขณะนี้ ประตูห้องนอนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลพลันเปิดออก

ลุงเจิ้งพร้อมกับคนทั้งสามหันมองไปข้างหลัง

จับด้านข้างของประตูไว้ ซูหงยืนอยู่ตรงนั้น หน้ายังซีดและร่างกายยังอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ดวงตาคู่หนึ่งค่อยๆ กลับมาเป็นประกายอีกครั้ง

"นำชุดเกราะของข้าพเจ้ามาให้ข้าพเจ้า" ซูหงกล่าวเบาๆ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดเดี่ยว

"นายน้อย ท่าน… " น้ำตาไหลออกมาจากในดวงตาของหลิวหยู มันกำลังสำลักถ้อยคำของตนเอง

ชายตรงหน้ามัอดทนมาเป็นเวลา16ปีเพื่อล้างแค้นโลหิตแห่งความบาดหมางของตระกูลซู หลังจากที่รู้ว่าไม่มีความหวังในการแก้แค้นอีกต่อไป คนผู้นี้ก็เกือบจะสิ้นหวัง ล้มป่วยด้วยความหดหู่ใจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินว่าผู้คนในแคว้นเอี้ยประสบปัญหา คนผู้นี้ก็ลุกขึ้นยืนโดยไม่ลังเล!

แม้ว่าร่างกายจะอ่อนแอและอาการบาดเจ็บของมันยังไม่หายดี คนผู้นี้ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย

นี่เป็นเพราะว่ามันเป็นบุตรชายของท่านอู่ติง ซูมู ลูกหลานของตระกูลซูและเป็นนายน้อยของตระกูลซู!

"นายน้อย สุขภาพท่าไม่ค่อยดี ท่านจะมีความแข็งแรงพอที่จะทำสงครามหรือ ส่งคำสั่งของท่านมา พวกเราทหารอาชาหุ้มเกราะดำ5,000คนจะช่วยท่านในการสู้รบครั้งนี้!" หลิวหยูกัดฟันแล้วพูดขึ้น

ลุงเจิ้งดูวิตกกังวล มันกล่าวว่า "นายน้อยรองไม่น่าจะรอด นายน้อยได้โปรดอย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับท่าน ไม่เช่น สายโลหิตของตระกูลซูจะหายไป!"

มีความโศกเศร้าอย่างสุดซึ้งในดวงตาของซูหง

มันได้ซ่อนความบาดหมางของตระกูลซูไว้อย่างระมัดระวังขณะที่มันไม่ต้องการที่จะเป็นภาระของน้องชาย ไม่เคยคิดว่าน้องชายจะจบลงด้วยผลลัพธ์เช่นนี้

"ท่านไม่เข้าใจ"

ซูหงยับยั้งความเศร้าโศกในหัวใจพร้อมกับส่ายหน้า "ถ้าสือโม่เป็นคนที่สังหารราชันแห่งต้าเอี้ยอย่างแท้จริง ข้าพเจ้าควรไปหยุดหลัวเทียนหวู่ นี่เป็นเพราะว่าหากราชันแห่งต้าเอี้ยสิ้นชีวิตแล้วเมืองเจี้ยนอันถูกยึดไป สือโม่วจะกลายเป็นคนบาปของแคว้นเอี้ยทั้งทิ้งชื่อเสียงที่ไม่ดีไปอีกนานอย่างแน่นอน แล้วข้าพเจ้าจะทนปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?"

"แต่… " คู่ลุงเจิ้งต้องการโน้มน้าวมันแต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยซูหง

"พ่อเคยสาบานไว้ว่าท่านจะปกป้องชาวแคว้นเอี้ยตลอดชีวิต ให้ปุถุชนมีสถานที่ซึ่งปลอดภัยและสงบสุขที่ได้รับการปกป้องจากเปลวอัคคีแห่งสงครามให้อยู่อาศัย ตอนนี้ ชาวแคว้นเอี้ยเดือดร้อน ข้าพเจ้า ซูหง ยอมสิ้นชีวิตในสนามรบพร้อมกับอาชาและซากศพดีกว่าซ่อนตัวอยู่ที่นี่!"

ซูหงสูดหายใจเข้าลึกๆ ดวงตามันเป็นประกายสดใส มันกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า "ผู้ใดก็ตามที่โจมตีเขตแดนของแคว้นเอี้ยจะต้องถูกสังหาร! ผู้ใดก็ตามที่สังหารผู้คนแคว้นเอี้ยของข้าพเจ้าจะต้องถูกสังหาร!"

ในขณะนี้ ลุงเจิ้งดูเหมือนว่าจะเห็นเงาของซูมูบนตัวซูหง

ด้วยความงุนงง มันดูเหมือนว่าจะย้อนกลับไปเมื่อ20ปีที่แล้วขณะที่ติดตามซูมูไปรับชัยชนะข้ามสนามรบและบุกไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญตลอดเวลา!

ถ้อยคำที่คุ้นเคย ภาพที่คุ้นเคย ความกล้าหาญแบบเดียวกันพร้อมกับการแสดงความกล้าหาญแบบเดียวกันของใครสักคนเช่นนี้ โดยไม่มีอะไรต้องกลัว!

ซูหงขึ้นเสียงแล้วกล่าวว่า "ทหารอาชาหุ้มเกราะดำอยู่ที่ใด!"

ไม่แน่ใจว่าเมื่อใด แต่ทหารอาชาหุ้มเกราะดำ5,000คนได้รวมตัวกันข้างนอกแล้ว สายตาของแต่ละคนลุกโชนราวกับอัคคีและปลดปล่อยพลังที่ไร้ขอบเขตเพื่อต่อสู้

ฉับพลันนั้นเอง ดวงตาผู้อายุของลุงเจิ้งก็มีน้ำตาไหล คุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "เจิ้งเจ้อเต็มใจที่จะติดตามนายพลเพื่อจู่โจมสังหารศัตรูต่างชาติปกป้องแคว้นเอี้ยของเราและผู้คนของข้าพเจ้า!"

ทหารอาชาหุ้มเกราะดำทั้ง5,000คนลงจากหลังอาชาพร้อมกับคุกเข่าลงบนเข่าข้างหนึ่งอย่างพร้อมเพรียงกัน คนเหล่านี้ตะโกน "ข้าพเจ้ายินดีที่จะติดตามนายพลเพื่อจู่โจมสังหารศัตรูจากต่างชาติปกป้องแคว้นเอี้ยของเราและผู้คนของข้าพเจ้า!"

ซูหงกำกำปั้นแล้วกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "เตรียมอาชาแล้วติดตามข้าพเจ้าเข้าสู่การต่อสู้ ขอความรุ่งโรจน์ของทหารอาชาหุ้มเกราะดำกลับมา!"

ดูภาพฉากนี้ หัวใจของซ่งฉีพลันเต็มไปด้วยความเคารพชื่นชมต่อชายคนนี้ต่อหน้า

ในฐานะนักรบขอบเขตสกัดปราณระดับ8 มันสามารถดูถูกมนุษย์ทุกคนได้แต่ในขณะนี้ ซ่งฉีได้เปิดหมวกให้กับมนุษย์

มันพบกับความกระตือรือร้นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

มันประสบกับความบาดหมางในตระกูลและความเกลียดชังระหว่างประเทศแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

มันสัมผัสได้ถึงความรักอันลึกซึ้งต่อผู้คนและความรักอันลึกซึ้งต่อผืนพสุธาใต้เท้า

ในเวลาแทบจะทันที ร่างกายของซูหงก็สั่นสะท้าน มันพลันหันหลังให้กับทุกคนและแบฝ่ามือปกปิดริมฝีปาก หลังจากนั้น มันวางมือลง ดูปกติและไม่มีร่องรอยของสิ่งแปลกประหลาดใดๆ

อย่างไรก็ตาม ซ่งฉีมองเห็นสิ่งนี้ได้ชัดเจนมาก บนฝ่ามือของซูหง มีโลหิตแดงฉานมากมาย!

แม้ว่าร่างกายของซูหงจะอ่อนแอแต่ก็ไม่อยู่ในสภาพที่หนักหนาสาหัสอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะไอเป็นโลหิต

ซ่งฉีทราบดีว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อหัวใจของบุคคลนั้นเจ็บปวดมากเกินไปแต่ไม่มีที่ซึ่งจะระบายความเจ็บปวด

แม้ว่าซูหงจะไม่ได้แสดงออกมากนักเมื่อได้ยินข่าวการเสียชีวิตของซูสือโม่ว คนผู้นี้ได้เลือกที่จะปกปิดความเศร้าโศกในส่วนลึกของหัวใจ

ก่อนหน้านี้ ซ่งฉีได้รับการว่าจ้างจากซูสือโม่วเพื่อปกป้องตระกูลซูจากอันตราย

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ซ่งฉีต้องการปกป้องผู้ชายคนนี้จากก้นบึ้งของหัวใจอย่างแท้จริง!

คนแบบนี้ไม่สมควรสิ้นชีวิต

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด