ตอนที่แล้วChapter 418 คนเหล่านี้คือใคร?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 420 ในยุคนี้ ไม่มีใครเทียบได้.

Chapter 419 เทือกเขาหัวซาน ชี้แนะวิถียุทธ์.


การพูดคุยวิถียุทธ์ขยะที่ไร้ความหมาย?

คำพูดของจุนซ่างเซียว ที่ทำให้เหล่าเจ้านิกายโกรธเกรี้ยวขึ้นมาในทันที.

ที่มุมปากของหลี่ชิงหยางที่กระตุก เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสำนักจะจงใจยั่วโมโหทุกคนจำนวนมาก โดยตั้งใจเลยรึ?

“โทษที.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ข้าไม่ได้จงใจกล่าวหาทุกคน ข้าต้องการจะกล่าวออกมาว่า ยกเว้นวังเมี่ยวฮัว คนอื่น ๆ ก็แค่ขยะ.”

เจียงเซี่ยที่แทบล้มทั้งยืน.

เจ้าสำนักของข้า ช่างใจกล้ายิ่งนัก!

“ช่างเป็นเด็กน้อยที่โอหังจริง ๆ!”

“คิดจริง ๆ รึว่าการขับไล่อาวุโสหอเทพสังหารกลับไป สามารถโม้เหม็นต่อหน้าข้าได้?”

“หากไม่เห็นแก่หน้าเจ้าวังซีล่ะก็ สำนักไท่กู่เจิ้งเล็ก ๆ จะยังยืนอยู่ที่นี่ได้อย่างงั้นรึ?!”

เหล่าเจ้านิกายต่าง ๆ ที่โกรธเกรี้ยวแทบถึงสวรรค์ไปแล้ว.

หากไม่เพราะมีเจียงเซี่ยที่แผ่กลิ่นอายกษัตริย์ยุทธ์ออกมา บางทีพวกเขาคงเริ่มโจมตีไปแล้ว!

“แปะๆ.”

จุนซ่างเซียวที่ปรบมือ เซียวจุ้ยจื่อที่นำเก้าอี้ออกมาให้เขานั่งในทันที.

เขาที่นั่งลงอย่างเบาสบาย พร้อมกับยกขาขึ้นไขว้กัน กล่าวออกมาว่า “เทือกเขาหัวซานไม่มีใครเป็นเจ้าของ พวกเจ้าก็พูดคุยแลกเปลี่ยนวิถียุทธ์กันไปก็แล้วกัน ข้ามาเพื่อชมทิวทัศน์ ไม่รบกวนใครแน่นอน.”

“......”หลี่ชิงหยางที่รู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย.

เจ้าสำนักของเข้า โอ้ย ท่านเป็นคนบอกว่าพวกเขาเป็นขยะ แล้วยังเอ่ยว่ามาที่นี่เพื่อชมวิวทิวทัศน์อีกรึ?!

เจ้านิกายซ่างกานที่สุขุม เอ่ยออกมาว่า “เจ้านั่งอยู่ในพื้นที่ที่พวกเราต้องใช้ ต้องการชมทิวทัศน์ ก็ควรไปที่อื่น.”

คนที่ฉกอันดับหนึ่งไป ถีบให้พวกเขาได้ที่สองเหมือนเดิม ภายในใจของเขาที่ไม่พอใจยิ่งนัก.

“ตกลง.”

จุนซ่างเซียวที่ลุกขึ้น ยักไหล่เอ่ยออกมาว่า “กลุ่มคนที่มีความรู้วิถียุทธ์คับแคบ คาดไม่ถึงเลยว่าจะมาชุมนุมพูดคุยวิถียุทธ์กัน ช่างน่าหัวเราะจริง ๆ.”

ดูเหมือนว่าดินปืน คงจะถูกจุดให้ระเบิดขึ้นอย่างแน่นอน!

“ชิ.”

เจ้านิกายซ่างกานที่แค่นเสียงเย็นชา “พูดเช่นนี้ เจ้าสำนักจุนคิดว่ามีความเข้าใจวิถียุทธ์ที่ลึกซึ้งมากกว่าพวกเราอย่างงั้นรึ?”

“ก็ใช้ได้.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เหนือกว่าพวกเจ้าแน่นอน.”

คำพูดดังกล่าวนั้นทำให้เหล่าเจ้านิกายต่าง ๆ เผยท่าทางเหยียดหยันออกมาทันที.

“งั้นรึ?”

เจ้านิกายซ่างกานที่ยืดอก มือขัดหลังเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิ “เปิ่นจั้วต้องการขอคำชี้แนะเกี่ยวกับวิถียุทธ์จากเจ้าสำนักจุนจริง ๆ.”

“เรื่องเล็กน้อย ขี้ปะติ๋ว”

จุนซ่างเซียวนั่งลง กล่าวออกมาว่า “เพื่อไม่ให้เสียเวลา เปิ่นจั้วจะให้คำปรึกษากับทุกคนเอง.”

คำพูด ท่าทาง.

ที่เต็มไปด้วยความอหังการ!

ที่จริงการที่จุนซ่างเซียวเผยท่าทางโอหังอย่างหนักออกมา นั่นก็เพราะว่าภารกิจสนับสนุน บังคับให้เขาต้องเข้าร่วมพูดคุยวิถียุทธ์เทือกเขาหัวซานต่างหาก ดังนั้นจึงต้องหาเรื่องเพื่อที่จะให้เหล่าเจ้านิกายคนอื่น ๆ เข้ามาพูดคุยวิถียุทธ์กับเขา.

ด้วยท่าทางของทุกคนก่อนหน้านี้ เขาไม่เชื่อเลยว่าจะมีคนที่จะพูดคุยกับเขา ดังนั้นจึงจงใจยั่วให้โกรธ.

“เป็นผู้เยาว์ที่โอหังยิ่งนัก!”

“อายุเพียงเท่านี้คิดว่าตัวเองเข้าใจวิถียุทธ์ได้ลึกซึ้งแล้วอย่างงั้นรึ?”

“คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”

เหล่าเจ้านิกายเวลานี้ต่างก็นึกถึงปัญหาวิถียุทธ์ เพื่อที่จะสอบถาม ทำให้จุนซ่างเซียวกลายเป็นคนโง่ให้ได้.

เจ้านิกายซ่างกานที่ทนไม่ไหวที่เห็นคนแสดงความโอหังต่อหน้า จึงเอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนักจุน เปิ่นจั้วมีข้อสงสัยในวิถียุทธ์ ต้องการจะปรึกษาอยู่พอดี.”

“ไม่มีปัญหา.”

จุนซ่างเซียวที่สลับขาไขว่ห้าง พร้อมกับยกมือกอดอก เผยความอหังการอย่างที่สุด “เรื่องที่ไม่เข้าใจเป็นทักษะยุทธ์หรือวิชาบ่มเพาะล่ะ.”

เหล่าอาวุโสของนิกายต่าง ๆที่แค่นเสียงดูแคลนกันเสียงดัง.

เพียงแค่ทักษะยุทธ์ก็ไม่มีปัญญาแล้ว คิดจะกล่าวถึงวิชาบ่มเพาะเลยรึ? เพียงแค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แสวงความอับอายให้ตัวเองโดยแท้.

“เป็นปัญหาเกี่ยวกับทักษะยุทธ์.”

เจ้านิกายซ่างกานที่นำตำรายุทธ์เล่มหนึ่งออกมา กล่าวอย่างภาคภูมิ.“หลายวันมานี้เปิ่นจั้วกำลังศึกษาทักษะฝ่ามือ ต้องการให้มีเก้ากระบวนท่า ทว่าเวลานี้ทำได้แค่ห้ากระบวนท่า หวังว่าเจ้าสำนักจุนจะช่วยทำให้มันสมบูรณ์ได้.”

เหล่าเจ้านิกายที่เผยแววตาชื่นชม.

ในทวีปชิงหยุนนั้น วิชาฝ่ามือที่คิดค้นด้วยตัวเอง การจะมีคนอื่นสามารถเข้าใจ แน่นอนว่าต้องมีความเข้าใจเหนือกว่า หรือเป็นปรมาจารย์ยุทธ์เรียบร้อยแล้วเท่านั้น.

และอีกอย่าง.

วิชาที่คิดค้น มีใครเล่าที่คิดค้นวิชาระดับต่ำกัน.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วนึกว่าจะเป็นเรื่องยากกว่านี้ซะอีก.”

ช่างโอหังจริง ๆ!

คน ๆ นี้ โง่หรือปัญญาอ่อนกันแน่!

เหล่าเจ้านิกายที่ล้อมวงเข้ามา รอคอยดูความขายหน้าของอีกฝ่าย.

“เจ้าสำนักจุน.”

เจ้านิกายซ่างกานที่ส่งตำรายุทธ์ออกไป เอ่ยออกมาว่า “เชิญ.”

ขณะที่จุนซ่างเซียวรับ เปิดหน้าหนึ่ง ก็บดยันต์รู้แจ้งระดับกลางในแหวนมิติทันที ความเข้าใจวิถียุทธ์ที่มากล้นลอยอยู่ในจิตสำนักของเขาทันที.

หลังจากอ่านตำรายุทธ์แล้ว เขาก็เอ่ยออกมาว่า “สามารถคิดค้นฝ่ามือระดับกลางขั้นต้นได้ นับว่ามีความเข้าใจวิถียุทธ์ที่ยอดเยี่ยมทีเดียว.”

“อะไรนะ?”

“ระดับกลางขั้นต้นอย่างงั้นรึ?”

“เจ้านิกายหลินมีความเข้าใจที่สูงจริง ๆ!”

เจ้านิกายคนอื่น ๆ ที่กล่าวชื่นชม.

ทักษะยุทธ์ระดับกลางขั้นต้น ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถคิดค้นขึ้นมาได้ง่าย ๆ!

เจ้านิกายหลินที่เข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนวิถียุทธ์ครั้งนี้ ก็เพราะเกี่ยวข้องกับวิชาฝ่ามือนี้ด้วยเหมือนกัน เขาที่ต้องการแสดงความยอดเยี่ยมของตัวเองต่อหน้าทุกคน.

เป็นดังที่เขาคิด เหล่าเจ้านิกายคนอื่น ๆ ที่รู้เกี่ยวกับฝ่ามือนี้แล้ว ก็เผยความชื่นชมออกมา.

ทว่า เจ้านิกายหลินกับไม่มีอารมณ์ที่จะดีใจทำเท่ออกมาในเวลานี้ ภายในใจที่เผยความประหลาดใจออกมา “เจ้าเด็กคนนี้เพียงแค่กวาดตามอง ก็บอกระดับวิชาของข้าได้แล้ว นี่เขามีความสามารถจริง ๆ รึ?”

“เจ้านิกายหลิน?”

จุนซ่างเซียวที่กวาดตามองหน้าหนึ่งทั้งหมด เอ่ยออกมาว่า “วิชาฝ่ามือนี้ แม้นว่าจะเป็นระดับกลางขั้นต้น ทว่ากระบวนท่าแรกนั้นยังมีข้อบกพร่องที่ใหญ่อยู่ ถึงจะฝึกฝนได้ แต่กลับมีพลังเท่ากับระดับสามัญขั้นต้นเท่านั้น.”

“เป็นไปไม่ได้!”

เจ้าสำนักหลินที่กล่าวออกมาทันที “กระบวนท่าแรกนั้นเปิ่นจั้วศึกษามาครึ่งปี เป็นไปไม่ได้ที่จะมีปัญหา!”

“เจ้าสำนักจุน ไม่เข้าใจอะไรก็อย่ากล่าวเพ้อเจ้อ”เจ้านิกายคนหนึ่งกล่าวหยันทันที.

“เจ้านิกายหลินคิดค้นวิชาระดับสามัญขึ้นมากมายมาย หากมีปัญหาจริง จะมองไม่เห็นได้อย่างไร?”

ทุกคนต่างก็จ้องมองด้วยสายตาเหยียดหยัน เห็นชัดเจนว่าไม่มีใครเชื่อ ว่าฝ่ามือที่เจ้านิกายหลินคิดค้นจะมีข้อบกพร่อง.

จุนซ่างเซียวไม่สนใจคนที่กล่าวดูแคลนเขา เขาชี้ไปยังผังโคจรพลังบนเส้นชีพจร เอ่ยออกมาว่า “หากปรับแต่งการโคจรบนเส้นชีพจรทั้งสองนี้ ข้อบกพร่องนี้ก็จะแก้ไขได้โดยง่าย.”

“เปลี่ยนการโคจรพลังอย่างงั้นรึ? ไม่คิดเลยว่าจะพูดโม้เกินจริง.”

“ไม่มีความสามารถไปปรับเปลี่ยนการโคจรพลังมั่วซั่ว สามารถทำให้คนอื่นบาดเจ็บได้เลย!”

“ด้วยความเข้าใจวิถียุทธ์ของเจ้านิกายหลิน แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะทำอะไรผิดพลาดเช่นนั้นได้!”

เหล่าอาวุโสนิกายต่าง ๆ ที่กล่าวเสียงเบา จ้องมองจุนซ่างเซียว จากนั้นก็จ้องมองไปยังเจ้านิกายซ่างกาน รอให้เจ้านิกายซ่างกานกล่าวตอบหักหน้าอีกฝ่ายกลับไป

อย่างไรก็ตาม เจ้านิกายหลินที่ครุ่นคิด และทำตามการชี้แนะของจุนซ่างเซียว คราแรกก็ทำให้เขาตกใจ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเงียบลง.

จากนั้น แววตาของเขาที่เผยท่าทางตื่นตระหนกออกมา.

ความเข้าใจวิถียุทธ์ของเขานั้นก็ไม่ได้ย่ำแย่ เขาที่ศึกษาทักษะยุทธ์มามากมาย เกี่ยวกับการแก้ไขการโคจรพลังนั้น แน่นอนว่าเขาสามารถที่จะวิเคราะห์ได้ในทันที.

“เป็นเช่นนี้นะเอง......”

เจ้านิกายหลินที่รู้สึกราวกับว่าเข้าใจ ตระหนักอะไรบางอย่างได้ “เป็นแบบนี้นะเอง!”

“เรื่องนี้....”

เหล่าอาวุโสนิกายต่าง ๆ ที่จ้องมองเขา รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังฝัน ลอบคิดในใจ นี่คนผู้นี้กำลังตาบอดไปแล้วรึ? ดูเหมือนว่าเขาสามารถชี้ข้อบกพร่องทักษะยุทธ์นั้นได้จริง ๆ รึ?

จุนซ่างเซียวที่เปิดหน้าสอง ชี้จุดบกพร่องสองจุด “เจ้านิกายหลิน หากว่าปรับแต่งตรงนี้ จะสามารถทำให้ทักษะที่สองสามารถปล่อยต่อเนื่องจากทักษะที่หนึ่งได้ง่าย และจะช่วยยกระดับพลังขึ้นได้อีกด้วย.”

“.........”เจ้านิกายหลินที่กลายเป็นเงียบอีกครั้ง.

เขาที่สามารถเข้าใจได้ในทันที แม้แต่พยักหน้ารับ “มีเหตุผล สมเหตุสมผล!”

จุนซ่างเซียวที่เปิดหน้าต่อไปและต่อไป ชี้ข้อบกพร่องข้อแล้วข้อเล่า.

การคิดค้นวิถียุทธ์ขึ้นมา เจ้านิกายหลินนั้นมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก ทว่าเวลานี้เขาได้แต่เงียบ เวลาต่อมาที่ราวกับพบแสงสว่าง ราวกับว่าเขาได้เปิดประตูอีกบานขึ้นมา สามารถที่จะเข้าใจทักษะยุทธ์ใหม่ ๆ ได้มากยิ่งขึ้น.

“เจ้าสำนักจุน!”

เขาที่ตระหนักได้ในทันที ก่อนที่จะยกมือประสานกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม “เป็นปรมาจารย์ยุทธ์จริง ๆ.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด