ตอนที่แล้วChapter 401 เจ้าวังเมี่ยวฮัวมาเยือน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 403 รู้สึกสูญเสีย หรือว่ากำลังเศร้าอยู่?”

Chapter 402 อย่าทำงานหนัก ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนด้วย.


หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ซีจิงเสวียนที่ต้องการไปชมพื้นที่ต่าง ๆ ของสำนักไท่กู่เจิ้ง.

จุนซ่างเซียวที่อาสานำไปด้วยตัวเอง เขาที่นำนางและศิษย์ตระเวนไปยังพื้นที่ลานด้านใน ด้านนอก ตลอดจนสวนสมุนไพร.

ซีจิงเสวียนที่ไม่สามารถมองเห็นได้ หากแต่เหม่ยเอ๋อและศิษย์คนอื่น ๆ ของวังเมี่ยวฮัวนั้นสามารถมองเห็นได้ นอกจากไปเยือนพื้นที่ต่าง ๆ ก็จะเฝ้ามองและเอ่ยกล่าวอธิบายให้นางได้ฟัง.

พวกนางที่สงสัยเป็นอย่างมาก ว่าสำนักไท่กู่เจิ้งนั้นมีสถานที่ลับอะไรหรือไม่ ที่สามารถฝึกฝนเหล่าศิษย์ให้ร้ายกาจได้?

น่าเสียดาย.

จุนซ่างเซียวไม่ควรนำพวกนางไปอยู่แล้ว ทำให้พวกนางไม่สามารถเห็นได้.

“เจ้าวัง.”

เหม่ยเอ๋อเอ่ยเสียงเบา “สำนักไท่กู่เจิ้งธรรมดามาก ๆ ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลย.”

“ศิษย์ล่ะ?”ซีจิงเสวียนเอ่ย.

“เรื่องนี้....”

เหม่ยเอ๋อที่เงียบไปชั่วครู่ เอ่ยออกมาว่า “ระดับ แม้นว่าจะต่ำ ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นหนักแน่น คาดว่าควรจะมีพรสวรรค์อยู่.”

ระหว่างที่ไปเยือนหลายที่ นางพบกับศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งหลายคน พลังบ่มเพาะ แม้นว่าจะมีระดับศิษย์ยุทธ์ ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นส่วนมากแทบจะมีระดับชั้นสูงกันทั้งนั้น.

เพียงแค่สำนักธรรมดาทั่วไป แต่กับสร้างเหล่าพรสวรรค์ได้มากมายเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเช่นกัน.

“สวนสมุนไพรเป็นอย่างไร?”ซีจิงเสวียนเอ่ยสอบถาม.

เหล่ากลุ่มอิทธิพลที่แข็งแกร่งนั้น จะต้องมีเม็ดยา และสิ่งสำคัญก็คือวัตถุดิบสมุนไพรในการหลอมกลั่น.

วังเมี่ยวฮัวเองไม่เพียงแค่มีสมุนไพร พวกนางยังมียอดอาจารย์สมนไพรระดับสูงจำนวนมากในการดูแลโดยเฉพาะ มีพื้นที่ปลูกขนาดใหญ่ สมุนไพรมากมายที่สามารถสนับสนุนสำนักจำนวนมากได้เลยทีเดียว.

เหม่ยเอ๋อเอ่ย “บางทีคงมีมากกว่าสิบมู่ สมุนไพรที่ปลูกก็ธรรมดามาก ๆ.”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “สวนสมุนไพรเหล่านี้ ข้าสัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณที่มากมาย หากไม่ปลูกสมุนไพรระดับสูงหรือมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลังวิญญาณระดับสูงขนาดนี้.”

คู่ควรที่จะเป็นเจ้านิกาย.

ที่รับรู้ได้.

เหม่ยเอ๋อเอ่ย “ธรรมดาจริง ๆ ไม่เห็นจะมีสมุนไพรอะไรที่มีระดับสูงเลย.”

นางไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดแต่อย่างใด สมุนไพรที่ปลูกนั้น ในสายตาของศิษย์นิกายระดับสี่ ย่อมมองไม่เห็นคุณภาพจริง ๆ.

ทว่ามีสิ่งที่เหม่ยเอ๋อไม่รู้ ด้วยการจัดการของเหล่าเหว่ย ทำให้สามารถปกปิดพลังวิญญาณจากอาจารย์สมุนไพรได้อย่างสบาย ๆ.

วัตถุดิบที่ปลูกนั้น เพียงแค่มองด้วยตา ย่อมไม่แตกต่างจากสมุนไพรในตลาด ทว่าพลังวิญญาณที่อัดแน่นอยู่ด้านในเหนือกว่าปรกติมากกว่าสิบเท่า.

ขอเพียงเรียกผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรของวังเมี่ยวฮัวมา เมื่อตรวจสอบอย่างจริงจัง ต้องรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างแน่นอน.

“เจ้าวังซี.”

ในเวลานั้น จุนซ่างเซียวที่เดินเข้ามา เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “เปิ่นจั้วได้จัดเตรียมที่พักไว้แล้ว เกรงว่าเดินทางมาไกล จำเป็นต้องพักผ่อนก่อนหรือไม่?”

“ตกลง.”

......

ซีจิงเสวียนและศิษย์ อาศัยในสำนักไท่กู่เจิ้งชั่วคราว.

เช้าวันถัดมา ในเวลาเช้า.

เครื่องเสียงที่ส่งเสียงเพลงดัง ก้องไปทั่วลาน เหล่าศิษย์ของวังเมี่ยวฮัวที่ออกมาล้างหน้าล้างตา ขณะผ่านมายังลานด้านใน.

ที่ลานยุทธ์.

จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์ออกมาทำกายบริหารยามเช้า.

เหม่ยเอ๋อที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย กล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนักที่น่าเกรงขาม คาดไม่ถึงจะเคลื่อนไหวอะไรน่าอายเช่นนั้น ไม่รู้จักขายหน้าบ้างเลยรึ?”

เคลื่อนไหวที่น่าอายอย่างงั้นรึ?

ซีจิงเสวียนเอ่ยสอบถามออกมา “เหม่ยเอ๋อ เจ้าสำนักจุนทำอะไรอย่างงั้นรึ?”

เหม่ยเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิด “เขาพาศิษย์เต้นรำอยู่.”

“ห๋า?”

ซีจิงเสวียนที่เผยท่าทางประหลาดใจ “เต้นรำอย่างงั้นรึ?”

เหม่ยเอ๋อที่ไม่ชอบอย่างรุนแรงเอ่ยออกมาว่า “เจ้าวัง คนผู้นี้หน้าไม่อายไม่สนสถานะตัวเองเลย ศิษย์คิดว่าพวกเราควรกลับนิกายให้เร็วที่สุด.”

“เข้าร่วมกับศิษย์ นำพวกเขาเต้นรำ เจ้าสำนักจุนก็น่ารักเหมือนกัน.”ซีจิงเสวียนเอ่ย.

โอย เจ้าวังของข้า.

นี่เขาสาดน้ำมันพรายใส่ท่านไปแล้วรึไง!

......

“ส่งมา ส่งมา!”

“ลี่ซ่างเทียน เจ้าส่งบอลมาเร็ว!”

“ยิง อ๊าก!”

“เจ้าเตะบอลอัดหน้าศิษย์น้องหยางได้อย่างไรกัน!”

หลังจากทำกายบริหารเสร็จ ซูเซียวโม่ที่นำเหล่าศิษย์คนอื่น ๆ มาจัดทีมแข่งขันฟุตบอลกัน ทุกคนที่เล่นกันอย่างสนุกสนาน.

เหล่าศิษย์ของวังเมี่ยวฮัวนั้นไม่เคยเห็นการเคลื่อนไหวแปลก ๆ พวกเขาที่ยืนดูอยู่ด้านนอกลานยุทธ์ คนกลุ่มนี้กำลังแย่งชิงเตะบอลลูกเล็ก ๆ กันอยู่.

กล่าวได้ว่า.

เหล่าศิษย์ของวังเมี่ยวฮัวที่ยืนอยู่ด้านนอกนั้นค่อนข้างงดงาม.

เป็นดังกองเชียร์ติดขอบสนาม.

เห็นสาวงามที่เฝ้ามอง ศิษย์สำนักไท่กู่เจิงที่ราวกับฉีดเลือดไก่ คึกเป็นพิเศษ ทุ่มพลังเป็นอย่างมากในการเตะฟุตบอลครั้งนี้.

สำหรับบุรุษแล้ว.

แน่นอนต้องการแสดงความแข็งแกร่งให้สตรีที่งดงามได้เห็นอยู่แล้ว.

......

“เจ้าสำนักซี เตรียมจะพักอยู่สำนักไท่กู่เจิ้งนานเท่าใด?”

จุนซ่างเซียวที่ยืนกอดอกเกาะขอบรั้วอยู่ด้านนอกห้องโถง จ้องมองไปยังลานยุทธ์ที่ศิษย์กำลังเล่นฟุตบอลกันอยู่ พร้อมกับเผยยิ้มพราย.

ทว่าวางตัวและใบหน้าที่เผยออกมานั้น.

ราวกับเทพบุตรที่หล่อล้ำต่อต้านสวรรค์.

น่าเสียดายที่ เจ้าวังซีไม่สามารถมองเห็นได้.

เจ้าวังซีที่เสยผมสีดำเอ่ยกล่าวอกมาว่า “บรรยากาศของสำนักไท่กู่เจิ้งยอดเยี่ยมนัก หากไม่มีงานในนิกายมากมาย ข้าต้องการจะพักที่นี่สักปีหนึ่ง.”

จุนซ่างเซียวที่หันขวับจับจ้อง “เรื่องภายในสำนัก ไม่เห็นจำเป็นต้องจัดการด้วยตัวเองทุกอย่าง ควรที่จะให้ให้ศิษย์ได้แบ่งเบา.”

ทำไมไม่ถามข้าเล่า.

เพราะข้าก็ทำอยู่!

ซีจิงเสวียนที่ส่ายหน้าไปมา เอ่ยออกมาว่า “งานในนิกายและสำนักนั้นแตกต่างกัน มีหลายเรื่องที่เปิ่นกงต้องจัดการเอง ไม่เช่นนั้นยิ่งปล่อยไว้นานก็จะเป็นดินพอกหางหมู.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ไม่ควรจะทำงานหนักเกินไป ควรพักผ่อนบ้าง.”

คำพูดที่อ่อนโยนห่วงใยนั้น ทำให้นางใจเต้นไปมา ใบหน้าที่แดงขึ้นมาเล็กน้อย.

“ใช่แล้ว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ทำไมต้องปล่อยผมปิดดวงตาข้างหนึ่งเอาไว้ด้วยล่ะ?”

“ไม่ตอบได้หรือไม่?”ซีจิงเสวียนเอ่ย.

“ได้.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ข้าเพียงแค่ไต่ถามทั่วไปเท่านั้น.”

“ฟิ้ว!”

ในเวลานั้น เขาที่ยกแขนขึ้นขวางฟุตบอลที่พุ่งเข้ามาหาซีจิงเสวียน.

กับสาวงามขนาดนี้พวกเจ้ายังกล้าเตะอัด จากพวกนี้ เปิ่นจั้วคงต้องจัดการพวกเจ้าหน่อยแล้ว.

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวที่เหวี่ยงบอลพุ่งออกไปด้วยความเร็ว.

ลี่เฟยที่ยักไหล่ เอ่ยออกมาเบา ๆ “จบสิ้นแล้ว.”

ปัง!”

บอลแห่งความสุขที่ลอยกระแทกไปหน้าของเขา ทำให้เขาลอยกระเด็นเข้าประตูไปพร้อมบอล.

......

กล่าวตามจริง ซีจิงเสวียนที่เดินทางมาครั้งนี้ไม่ได้มาเที่ยวเล่น.

จุดประสงค์หลักนั้น นางต้องการค้นหาว่า ศิษย์พวกเขาทำไมถึงได้แข็งแกร่ง.

ท้ายที่สุดแล้ว ยกเว้นการเต้นและการละเล่นที่ถูกเรียกว่า “ฟุตบอล” ก็ไม่มีสิ่งใดที่นางสามารถสืบค้นได้เลย.

“ดูเหมือนว่า.”

ซีจิงเสวียนที่เอ่ยขณะอยู่ในที่พักรับรอง “เจ้าสำนักจุนไม่ได้ทำอะไรเลย หรือว่าจงใจซ่อนบางอย่างจากพวกเรากัน.”

“ศิษย์คิดว่า.”

เหม่ยเอ๋อเอ่ย “สำนักไท่กู่เจิ้งนั้นดูแตกต่างจากสำนักทั่วไป มีหลากหลายสถานที่ ที่เจ้าวังไม่ได้เห็น.”

“...”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “ควรจะต้องชดเชยเขา อย่างน้อยก็ให้เจ้าสำนักจุนกลับไปเยือนวังเมี่ยวฮัวของเราคืน.”

หากจุนซ่างเซียวรู้ คงจะล้มคว่ำไปกับที่แน่.

เฮ้ย เอาจริงรึ? ข้าสัญญาว่าอย่างเร็ว 2-3 เดือน อย่างช้า 2-3 ปี ไม่ได้หมายความว่าไปตอนนี้!

......

ซีจิงเสวียนที่พักที่สำนักไท่กู่เจิ้งสามวัน ก่อนที่จะตัดสินใจกลับวังเมี่ยวฮัว.

ก่อนที่จะจากไป นางที่เอ่ยกล่าวออกมา “เจ้าสำนักจุน หนึ่งเดือนจากนี้ มีการชุมนุมสำนักเพื่อแลกเปลี่ยนวิถียุทธ์กัน ท่านจะเข้าร่วมหรือไม่?”

“ชุมนำสำนักอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางอักอ่วน “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แน่นอนว่าคงไม่เข้าร่วม.”

ซีจิงเสวียนเอ่ย “ที่นั่นมีกลุ่มอิทธิพลใหญ่ ๆ มากมายเข้าร่วม บางครั้งก็มีการแลกเปลี่ยนฝีมือกันด้วย จัดขึ้นที่เทือกเขาหัวซาน ด้วยชื่อเสียงของสำนักไท่กู่เจิ้งเวลานี้ น่าจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมแล้ว.”

จุนซ่างเซียวที่ตื่นตกใจ “เทือกเขาหัวซาน?”

ระบบเอ่ย “ไม่ได้มีเพียงแค่เทือกเขาหัวซาน ยังมีไท่ซาน ซ่งซาน เทือกเขาเหิงซานใต้ และเหิงซานเหนือด้วย.”

“เย็ดเข้.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “มันจะบังเอิญหรือไม่? ที่มีชื่อเหมือนกับเทือกเขาศักดิสิทธิ์ของจีน.”

“ทวีปชิงหยุนนั้นกว้างใหญ่ มีเทือกเขาที่มีชื่อเสียงมากมายนับไม่ถ้วน เป็นเรื่องปรกติที่มีบางแห่งมีชื่อคล้ายกับที่โลกเดิมของโฮสน์.”ระบบตอบ.

“......”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วยุ่งอยู่เล็กน้อย เกรงว่าจะไม่สามารถไปได้.”

การเดินทางไปและเปลี่ยนวิถียุทธ์ที่เขาหัวซาน แม้นว่าจะดูน่าสนใจเล็กน้อย ทว่าการฝึกฝนในสำนักและสั่งสอนศิษย์สำคัญมากกว่า.

อีกอย่าง.

ภายใต้การมารวมตัวกันของเจ้าสำนักมากมาย แน่นอนต่างคนต่างก็ต้องเบ่งทำเท่ พูดจาทับถมกันและกัน ไม่เห็นจะมีความหมายอะไร.

“ติ๊ง! ภารกิจสนับสนุนเปิด.”

จุนซ่างเซียวที่เปิดคอนโซนแสดงผล ภารกิจเขียนไว้ว่า เข้าร่วมงานพูดคุยวิถียุทธ์ที่เทือกเขาหัวซาน แลกเปลี่ยนความเห็นกับเจ้านิกายคนอื่น ๆ.[ยังไม่สำเร็จ]

“เจ้าวังซี.”

“เทือกเขาหัวซานอยู่ที่ใหน?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด