ตอนที่แล้วบทที่ 063 – สองแผนร้าย(4)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 065 – สองแผนร้าย(6)

บทที่ 064 – สองแผนร้าย(5)


บทที่ 064 – สองแผนร้าย(5)

ลาพิสนั้นไล่ชื่อในใบรายชื่อที่ทำจากแผ่นหนังด้วยนิ้วชี้

“อย่างที่ท่านทราบแล้วว่า จำนวนของฝ่ายภูเขาที่มีสมาชิกเยอะขึ้นนั้นโดยมากเป็นพวกระดับต่ำ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญค่ะ จอมมารที่อ่อนแอส่วนมากแล้วมักมีปราสาทอยู่ในดินแดนที่มีแต่มอนสเตอร์ไม่มีมนุษย์”

นั่นคือสิ่งที่ลาพิสอยากจะชี้ประเด็น มันมีความสัมพันธ์กันในเชิงดุลยภาพระหว่าง ฝ่ายภูเขา ฝ่ายที่ราบ ฝ่ายเป็นกลาง และผู้ที่ไม่สังกัดฝักฝ่ายใดที่อยู่ในระดับ ท็อป 20

ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนของพวกฝ่ายภูเขาจะเพิ่มอย่างมากเมื่ออยู่ตั้งแต่ระดับ 20ลงมา

เห็นกันชัดๆเลยว่า มันหมายความว่าอย่างไร

“ไอ้เจ้าพวกนั้นมันไม่อยากที่จะสู้กับมนุษย์สุดขีดเลยนี่นา”

“ถูกต้องแล้วค่ะ นับตั้งแต่การเดินทัพครั้งที่ 7 ของพันธมิตรเสี้ยวจันทรา(Crescent Alliance) เหล่าฝ่าบาททั้งหลายต่างไม่เต็มใจอย่างมากที่จะออกไปทำสงครามกับพวกมนุษย์”

ใน <Dungeon Attack> พันธมิตรเสี้ยวจันทรานั้น หมายถึง กองกำลังของฝ่ายจอมมาร  ฝ่ายจอมมารนั้นได้ผนึกกองกำลังขนาดใหญ่ร่วมกันเพื่อหวังพิชิตเผ่าพันธุ์มนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ในประวัติศาสตร์ มันมีครั้งแล้วครั้งเล่าที่พวกเขาเกือบจะสำเร็จ แต่ผลลัพธ์น่ะเหรอ ก็ยังคงเดิมเสมอ

การประสบกับความล้มเหลวของกองทัพพันธมิตรยังไงล่ะ

มันมีหลายเหตุผลสำหรับเรื่องนั้น ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ ความจริงที่ว่า การรวมกันของพันธมิตรจอมมารที่มีถึง 72 ตน

เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า ในการทำอาหารนั้น ส่วนผสมอะไรที่มีมากจนเกินไปมันทำให้เสียรส

ถึงแม้จะมีกองกำลังมอนสเตอร์ที่ทรงพลังมากมายยิ่งกว่าพวกมนุษย์ แต่จอมมารทั้งหลายแห่งพันธมิตรเสี้ยวจันทรานั้น ก็ยังถูกกำจัดลงทีละตน ทีละตนโดยแผนของมนุษย์ หรือไม่ก็ด้วยความขัดแย้งกันเองหลายต่อหลายครั้ง

ถ้าตามเนื้อเรื่องของเกม มีบ่อยครั้งมากที่มนุษย์แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วจอมมารก็แตกคอกันเอง

เอาจริงๆนะ ไม่คิดว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่น่าเวทนาบ้างเลยหรือยังไง

“จากการล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งในการนำทัพของพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ฝ่ายภูเขานั้น เหลือสมาชิกเข้าร่วมไม่เกิน 2 ถึง 3 ตนในรอบพันปีที่ผ่านมา ในช่วงการรวมทัพครั้งที่ 7 เมื่อ 150 ปีที่แล้ว จอมมารส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธที่จะเข้าร่วม”

“ช่างไม่สมกับฐานะจอมมารเลยจริงๆ……ข้าก็อยากพูดอย่างนั้นนะ แต่”

ผมยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

“หากรู้จักคำนวนผลได้ผลเสียให้ดี การตัดสินใจแบบนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา”

“ดิฉันเห็นด้วยค่ะ”

ในฐานะพ่อค้า ลาพิสนั้นเห็นด้วยกับความจริงในข้อนั้น

ถามหน่อย ทำไมถึงจะต้องไปสนับสนุนกลุ่มคนที่พยายามเอาเงินมหาศาลไปรวมทัพกันเพื่อที่จะล้มเหลวล่ะ?

ยิ่งไปกว่านั้นยังพาพวกตัวเองไปตาย ใช่ พวกตัวเอง ไม่ใช่ศัตรูด้วยนะ แม้หน้าที่ของจอมมารจะเป็นการนำพาเหล่าปีศาจไปอยู่บนโลกมนุษย์ แต่ก็ควรที่จะรู้ประมาณบ้าง

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเดียวหรอก

แต่ละครั้งที่การระดมกำลังของพันธมิตรเสี้ยวจันทราล้มเหลว เผ่าปีศาจและเผ่าอื่นที่เป็นมอนสเตอร์ในสายตาของมนุษย์ได้ถูกฆ่าล้างไปเป็นจำนวนมากมายมหาศาล และทุกครั้งที่เป็นอย่างนั้น ความแข็งแกร่งของกองกำลังมนุษย์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก สุดท้ายแล้วพันธมิตรของจอมมารก็กลายเป็นการช่วยพวกมนุษย์ไปแทน

เผ่าพันธุ์อื่นที่เคยมาร่วมกับกองกำลังพันธมิตรเสี้ยวจันทราเมื่อหลายพันปีก่อน อย่างพวกแฟรี่หรือคนแคระก็เริ่มขอตัดสินใจวางตัวเป็นกลางอย่างถาวรหลังผ่านไปพันปี

ฝ่ายจอมมารก็โกรธกันมากที่เผ่าอื่นถอนตัว แต่ถึงอย่างนั้น ความจริงก็คือ การจะต้องมารับมือกับสงครามล้างแค้นของพวกมนุษย์ที่จะมาหลังจากที่ทัพพันธมิตรพ่ายแพ้ เหล่าจอมมารจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากยอมสงบลง

ถ้าคุณเข้าใจความหมายเบื้องหลังจุดยืนของเผ่าอื่นแล้วล่ะก็

‘นี่พวกเราฝ่ายเดียวไม่ใช่เหรอที่สูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะไอ้พวกจอมมารมันยังแพ้โง่ๆแบบนั้น?’

มันก็เป็นแบบนั้นแหละ

พวกจอมมารไม่ยอมคิดถึงหัวอกของเผ่าอื่นที่มาเข้าร่วมแล้วต้องเสียสละแล้วเสียสละอีก นับตั้งแต่การรวมพันธมิตรครั้งที่หนึ่งจนถึงครั้งที่เจ็ด

ถ้าไม่ใช่ความผิดเผ่าอื่น ก็จอมมารเองนั่นแหละที่ผิด

ดังนั้นพวกเขาจึงค่อยๆตกต่ำลงและยังเสียความเชื่อใจจากเผ่าอื่นด้วย

กองทัพของจอมมารเริ่มที่จะอ่อนล้า

พวกปีศาจเองก็เริ่มจะหมดหวังกับจอมมาร

ยังไม่นับว่า ยังมีบางกลุ่มที่แอบช่วยเหลือพวกมนุษย์ทั้งที่เคยสนับสนุนจอมมารมาก่อน

ตัวอย่างนี้ก็เช่น อีวาร์ ลอดบร็อค หัวหน้าของบริษัทเคียนคุสก้าที่มีรูทเป็นของตัวเองให้<Dungeon Attack>

เธอได้ผิดหวังกับพันธมิตรเสี้ยวจันทราที่ระดมกำลังกันอย่างไร้จุดหมาย ลงท้ายแล้วเธอจึงได้หักหลังพวกจอมมารก่อนจะไปเข้าร่วมกับฝ่ายฮีโร่

ในช่วงกลางจนถึงครึ่งหลังของเกม พวกจอมมารได้ระดมกำลังกันมาจัดตั้งพันธมิตรเสี้ยวจันทราเป็นครั้งที่ 8 เพื่อทื่จะเข้าสู้กับฝ่ายฮีโร่เป็นครั้งสุดท้าย

แต่ถึงอย่างนั้นความขัดแย้งภายในของฝ่ายภูเขาที่นำโดยไพมอน ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ และเมื่อจอมมารตนสุดท้ายบนผืนโลกถูกกำจัด กองกำลังพันธมิตรเสี้ยวจันทราก็ไม่มีโอกาสจะได้ชัยอีกเลย

สุดท้ายแล้ว จอมมารส่วนใหญ่ก็กลับไปใช้กลยุทธตั้งรับในฐานตัวเองแทน ฝ่ายภูเขานั้นเต็มใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ในขณะที่ฝ่ายที่ราบไม่มีทางเลือก

แล้วหลังจากนั้น⎯⎯

“เหล่าฝ่าบาททั้งหลายในฝ่ายภูเขาก็ไม่เคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง”

ถึงแม้พวกเขาจะเป็นฝ่ายที่มีจำนวนจอมมารมากที่สุด แต่ก็แทบจะไม่เคลื่อนไหวกองทัพของฝ่ายตัวเองเลย

“ดังที่ฝ่าบาทกล่าวไปแล้วว่า ฝ่าบาทไพมอนนั้นอาจจะใช้วิธีการต่อสู้ทางการเมืองกับท่าน พวกเขาอาจใช้วิธีการที่รุนแรงแต่พวกเขาจะไม่ใช้กำลัง”

ผมเข้าใจสิ่งที่ลาพิสพยายามจะบอกผม ผมจึงพยักหน้ารับ

“ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นข้ออ้างของการสู้รบเสมอ ไพมอนในฐานะหัวหน้าแพ้ในการพิจารณาคดีกับผมเมื่อไม่นานมานี้ ข้ออ้างในการโจมตีผมมันใช้ไม่ได้แล้ว หรืออย่างน้อยๆพวกเขาจะไม่ใช้กำลังกับผมหรอก จนกว่าเวลาจะผ่านไปสักระยะหนึ่ง”

“ตัวฉันเห็นด้วยค่ะ พวกเราก็ยังคงไม่รู้อยู่ดีว่า เบเรี่ยลนั้นเป็นผู้บงการหรือไม่แต่ ……แต่จากบริบทนี้ก็เป็นเหตุผลในการอธิบายได้ดีว่า ทำไมลำดับ68อย่างเบเรี่ยลนั้นถึงได้ให้การสนับสนุนปาร์ตี้ของริฟไม่ใช่หรือคะ?”

หืมม

ดูเหมือนสถานการณ์จะเป็นแบบนั้นนะ

กลุ่มที่ผมไปขัดแย้งด้วยนั้นเป็นฝ่ายกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาจอมมาร หากผมไปซัดกับพวกเขาด้วยตัวเอง ผมคงอยู่ไม่รอดไม่พ้นวันหรอก

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พวกเขาคงจะเลือกใช้แผนตั้งรับอย่างที่สุดและตัดสินใจแล้วที่จะไม่ทำร้ายผม ต่อให้ไอ้หนุ่มเบเรี่ยลนั้นจะแค้นเคืองผมมากขนาดไหน ก็คงไม่ทิ้งหลักฐานให้สาวตัวไปหาเขาหรอก

พูดง่ายๆก็คือ ไม่มีทางที่ผมจะอยู่ในสถานการณ์อันตรายร้ายแรงหรอก

ช่างเป็นสถานการณ์ที่ชวนดี๊ด๊าเสียจริงๆ

เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว หมายความว่า ผมผ่อนคลายและค่อยๆสร้างแนวรับของตัวเองเรื่อยๆเปื่อยๆอย่างนั้นรึเปล่า?

ผมสามารถไปป้อยอหยอกล้อกับบาร์บาทอส ฝ่ายที่ราบ แล้วขอให้ฝ่ายเป็นกลางอย่างมาร์บาสไกล่เกลี่ยให้ แล้วยืดเวลาสบายๆชิลๆออกไปในขณะที่ทำลายแผนการร้ายของศัตรู และนักผจญภัยทั้งหลายที่เข้ามาใกล้ผม ใช่ไหม?

‘ไม่ใช่!’

ผมปฏิเสธอย่างหนักแน่น

ผมไม่ได้อ่อนต่อโลกขนาดที่จะปล่อยให้ภัยคุกคามพวกนั้นเข้ามาหาได้ตามที่พวกเขาต้องการหรอก ถ้าพวกเขามาหาเรื่องผม ผมจะเอาคืนเป็นสองเท่า ถ้าผมฆ่าไม่ได้ ก็จะทำให้บาดเจ็บหนัก

ถ้าหากทำให้บาดเจ็บหนักไม่ได้ กัดขาพวกเขาสักง่ำก็ยังดี

(TTL : พรี่ดันนี่มันเลือดนักสู้! เอ้ะ หรือหมาบ้าวะ 555!)

ความอดกลั้นนั้นเป็นสิ่งที่สูงส่งสำหรับผู้แข็งแกร่ง! ผู้อ่อนแอไม่มีสิทธิแสดงความเอื้อเฟื้อต่อศัตรู

เราไม่มีทางรู้ได้ว่า ศัตรูจะกลับมาใหม่พร้อมกับแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่

แถมอีกเรื่องหนึ่งก็คือ

ศัตรูของผมนั้นเป็นพวกนิ่งเฉยซะด้วย?

‘ผมนี่ช่างโชคดี’

ผมแอบหัวเราะอยู่ข้างใน

หากอีกฝ่ายเป็นพวกเน้นการตั้งรับ ดังนั้นผมจะผลักมันให้สุดแรงเลย

“……หากท่านทำอย่างนั้น  แล้ว…….”

“ไม่เลย หากเธอเข้าใจถึงกระแสภายในจักรวรรดิฟรานเซียดี…….”

“รับทราบค่ะ ด้วยการกระจายข่าวลือเหล่านั้นออกไป…….”

ผมพูดคุยประเด็นสำคัญกับลาพิสเป็นเวลานาน ในฐานะหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของ <Dungeon Attack>

ผมมีข้อมูลข่าวสารมากมาย ผมรู้จุดอ่อนของฝ่ายมนุษย์ทุกฝ่ายดี การได้รับคำแนะนำจากลาพิสที่ผมไม่รู้มาก่อน ทำให้ผมสร้างยุทธการได้อย่างสมบูรณ์แบบเสียจนน่าพึงพอใจ

“……ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนช่างเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงค่ะ”

ลาพิสถอนหายใจออกมาหลังจากเราประชุมมาราธอนกัน

“ไม่มีใครจะสร้างแผนการที่อลังการขนาดนี้หรอกค่ะ ใครจะไปคิดไปนึกได้ว่าต้นกำเนิดแผนทั้งหมดจะเกิดจากสมองของบุคคลเดียว”

“ถ้ามันสำเร็จล่ะก็นะ”

“ตัวดิฉันผู้นี้ไม่กล้าที่จะการันตีความสำเร็จหรอกนะคะ แต่ถึงอย่างนั้น”

ลาพิสมองตรงมายังผม

“ดิฉันยินดีเดิมพันกับอายุขัย 200ปี ว่า ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนจะทำสำเร็จอย่างแน่นอน”

“มั่นใจเป็นที่สุดเลยสินะ ใช่แล้วล่ะ ข้าเชื่อว่า ผู้ที่หัวเราะเป็นคนสุดท้าย คือ ข้าเองนี่แหละ”

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะกลับไปโลกปีศาจแล้วดำเนินการแผนแรกในทันทีนะคะ”

ลาพิสลุกขึ้นและโค้งให้ผมด้วยความเคารพอย่างสูง แม้ค่าความชอบจะถึงระดับ 50 แล้ว แต่จะก่อนหน้าหรือตอนนี้ เธอก็ยังคงมีมารยาทเสมอมา

บางทีผมก็รู้สึกปลอดภัยแปลกๆที่ได้เห็นเธอยังคงมีมารยาทอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

“มีอีกอย่างหนึ่งค่ะ ฝ่าบาทคะ ท่านจะให้ชื่อ แผนปฏิบัติการใหญ่นี้ว่าอย่างไรคะ?”

ชื่อของแผนปฏิบัติการณ์น่ะเหรอ?

ผมแอบสงสัยว่ามันใช่สิ่งจำเป็นรึเปล่า แต่ก็รู้สึกว่าสมควรเล่นไปตามอารมณ์ของลาพิส ดังนั้นผมจึงพูดชื่อแรกที่เข้ามาในหัวทันที

“เราเรียกมันว่า ปฏิบัติการณ์มิเนอร์ว่าก็แล้วกัน(Operation Minerva)”

แล้วแผนร้ายก็ได้เริ่มขึ้น

* * *

ดันเจี้ยนของจอมมารลำดับที่ 8 บาร์บาทอส หรือที่รู้จักกันในนาม「วังแห่งผู้วายชนม์」「Palace of the Dead」

บาร์บาทอสนั้นนั่งอยู่บนบัลลังค์ที่ทำจากหิน เธอทอดสายตาดูละครตลกจากมอนสเตอร์อันเดด และแสดงความเบื่อหน่ายออกมาทางสีหน้า หลังจากที่เธอไปยุ่งกับปาร์ตี้ของริฟ ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเข้ามาในชีวิตของเธออีกเลยนับแต่นั้น

“อ่าาา⎯⎯พอแล้ว พอแล้ว”

เธอโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ

“ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย เอ้ารีบไปได้แล้ว”

มอนสเตอร์อันเดดทั้งหลายต่างร้องไห้คร่ำครวญขอโทษก่อนจะหายไปจากสายตาของบาร์บาทอส จากการแสดงออกอย่างนั้น เธอนั้นเบื่อหน่ายไปเสียทุกสิ่งอย่าง มีเพียงเหล้าและเซ็กส์เท่านั้นที่พอจะคลายความเบื่อได้เล็กน้อย แต่เธอก็ไม่มีอารมณ์สำหรับเหล้าหรือผู้หญิงในวันนี้

ในวังที่มีแต่บาร์บาทอสอาศัยและหายใจอยู่ เธอพูดกับตัวเอง

“แม่งเอ๊ย นี่พวกแม่งยังไม่เจอหลักฐานกันอีกเหรอไงวะ……?”

บาร์บาทอสจับผมตัวเองแน่น

ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่เธอจับตาดูปาร์ตี้นักผจญภัยของริฟถูกทำลายลงด้วยตาตัวเอง เธอก็ยังไม่ได้รับข่าวใหม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวใดๆของดันทาเลี่ยนเลย บาร์บาทอสจึงรู้สึกอึดอัด

……หรือเขาจะไม่เจอหลักฐานนั้น?

ไม่ล่ะ ไม่มีทาง ถ้าหมอนั่นมันเป็นไอ้โง่ขนาดนั้นก็ไม่มีทางที่จะขยี้นังร่านไพมอนได้หรอก หรือเขาอาจหดหัวเพราะกลัว?

เขาไม่น่าใช้คนขี้ขลาดอย่างนั้น อันดับ 68 ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แย่ขนาดนั้นหรอก! ถ้าหมอนั่นมันเป็นลูกผู้ชายบ้างก็สมควรจะทำอะไรสักอย่างสิ!…….

“เฮ่ออ แม่งเอ้ย ช่างเหอะ”

บาร์บาทอสถอนใจออกมาเฮือกใหญ่

หากดันทาเลี่ยนไม่เข้าใจเรื่องพวกนั้นหรือไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหวอะไรออกมาสักอย่าง หมอนั่นก็คงมาได้ไกลสุดแค่นี้แล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะไปหวังอะไรกับเขาอีก

ถ้าเพื่อเป้าหมายของเธอแล้ว เธอทำได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเปิดเผยหรือเล่นสกปรกก็ตาม

เธอเคยแม้กระทั่งทรยศผู้อื่นและเคยถูกผู้อื่นทรยศ

“…….”

บาร์บาทอสนั้นรวบผมสีขาวไปข้างหลัง

“……มันอาจเป็นเหมือนตอนนั้นก็ได้”

ในเมื่อไม่มีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้น บาร์บาทอสก็ยังคงบ่นกับตัวเองอย่างนั้น

“ฮ่าาาา งั้นข้าก็คงต้องรอจนรากงอกอีกครั้งจนกว่าจะเจอเพื่อนที่มีประโยชน์โผล่ออกมา…….”

“ฝ่าบาทททท⎯⎯บาร์บาทอส⎯⎯ฝ่าบาทททท⎯⎯บาร์บาทอสสสสส⎯⎯”

น้ำเสียงแสนเศร้าหม่นดังเต็มห้องโถมจอมมาร

ทันทีหลังจากนั้นผีตัวซีดก็โผล่หัวมาจากพื้น ในทุกพื้นที่ แถมมันยังโผล่ออกมาข้างเท้าบาร์บาทอสอีกด้วย บาร์บาทอสที่กำลังจมอยู่ในห้วงคิดก็สะดุ้ง

“เอ้ย ไอ้แม่เย็! !”

“ฝ่าบาทททททท⎯⎯มีสิ่งที่ผู้น้อยต้องบอกท่าน⎯⎯”

“โอ้ย ไอ้ห่านี่เอ็งสมควรโดนหอกแทงทะลุตูดซะ!”

เธอตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวโกรธ

“ข้าก็เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่า ให้เข้ามาทางประตู นี่เอ็งรู้จักฟังบ้างรึเปล่าวะ? แม่งเอ้ย บอกมาจะ500ปีแล้ว จนขี้หูแทบจะกองพูนสูงเท่าภูเขา ยังไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้อีกหรือยังไงกันวะ!”

“ต้องขอประทานอภัยจากใจจริงๆ⎯⎯แต่มีบางสิ่งที่ผู้น้อย⎯⎯.”

“อะไรอีกวะ!? แม่งเอ้ย ถ้าไม่สำคัญนะเอ็ง ข้าจะส่งเอ็งไปโลกอีกฝั่ง ณ ตอนนี้เลย!”

“มันคือ ⎯⎯มะมันคืออออ⎯⎯”

บาร์บาทอสวางมือไว้ที่อกแบนของเธอ ฟู่ ข้าคิดว่าเกือบจะหัวใจวายตายแล้ว แม้จอมมารจะเป็นสุดยอดเผ่าที่มีความสามารถในการมีชีวิตอยู่แม้หัวใจจะหยุดเต้น แต่มันก็รู้สึกแย่ชะมัด ยิ่งกว่านั้น บาร์บาร์ทอสยังนึกถึงช่วงที่หัวใจของเธอถูกนักรบแทงทะลุในช่วงระดมกำลังพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่สาม

แต่ถึงอย่างนั้น ข่าวที่เจ้าผีส่งข่าวนำมาให้กับบาร์บาทอส กลับทำให้เธอลืมความรู้สึกที่หัวใจก่อนหน้านั้นไปจนหมด

“ฝ่าบาท⎯⎯ดันทาเลี่ยน⎯⎯อยู่ที่นี่แล้ววววว⎯⎯.”

อะไรนะ?

บาร์บาทอสนิ่งอึ้ง

“ดันทาเลี่ยนมาหาเรอะ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด