ตอนที่แล้ว บทที่ 022  – การล่ามนุษย์(3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 024  – การล่ามนุษย์(5)

 บทที่ 023  – การล่ามนุษย์(4)


บทที่ 023  – การล่ามนุษย์(4)

ผมดึงนิ้วออกมา เลือดของผมและน้ำลายของเด็กสาวนั้นผสมปนเปกันไปหมด ผมเช็ดนิ้วที่แขนเสื้อ ราวกับอาการบาดเจ็บนั้นมันไม่กวนใจผมเลยแม้แต่น้อย

เมื่อได้ยินคำว่า เผ่าปีศาจนั้นมันทำให้เธองุนงงสับสนและมองผมด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า มันชัดมากที่เธอจ้องมองผม ดังนั้นผมจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้แล้วหันกลับมาดูที่นิ้วตัวเองแทน ผมทำแบบนั้นเพราะอยากจะให้อีกฝ่ายได้มองผมให้เต็มที่

“ข้าเงียบเกินไปเหรอ? ที่ถามไปเมื่อครู่ว่า เธอนั้นมีความแค้นส่วนตัวหรือเกลียดชังพวกปีศาจนั้น ไม่ได้ถามเล่นๆเอาขำ ลอร่า ตอบมาอย่างจริงจังด้วย”

“ฉัน…… ไม่ได้มีความแค้นพวกนั้น.”

“ยอดเยี่ยมไปเลย”

พอผมเงยหน้ามองเธอ เธอก็สะดุ้ง

“ข้าเห็นความภาคภูมิใจของเธอ ความภาคภูมิใจของผู้แข็งแกร่ง ไม่ได้กลิ่นเหม็นเน่ามาจากที่ไหนเหรอ? กลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นท้องอืดน่ะ

หลังจากที่เธอตั้งปรัชญาตามอำเภอใจแล้ว เธอก็เที่ยวใช้เวลาว่างไปตัดสินผู้อื่นด้วยปรัชญาของตัวเอง

ข้ารู้สึกได้ว่ามันเป็นอย่างนั้น…….”

สำหรับเธอแล้ว โลกใบนี้เป็นดั่งละคร ที่ใครที่ปรากฏตรงหน้าต่างเป็นนักแสดงชายและหญิงผู้ขึ้นมาบนเวที เล่นไปตามบทบาทที่เธอมอบให้ ก่อนที่จะเดินลงจากเวทีไป หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ เธอตระหนักว่า ตัวเองเป็นดั่งผู้เขียนละคร ช่างน่าอิจฉานัก!

แม้แต่ผมยังบอกได้เลยว่า น้ำเสียงตัวเองนั้นเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง ผมไม่สามารถอยู่ในโลกเดิมต่อได้ อยู่ๆผมก็ต้องตายจากพลังเหนือธรรมชาติ แม้มาในโลกนี้ บทบาทที่ได้รับอย่างจอมมาร คือ สิ่งที่ผมไม่ต้องการ ผมกลายเป็นตัวตนที่ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากฆ่ามนุษย์เพื่อเอาชีวิตรอด

ผมไม่รู้ว่า โลกใบนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ หรืออย่างน้อยที่สุดผมก็ต้องใช้ชีวิตเป็นจอมมารตราบเท่านั้น การปรากฏตัวของผมและการจากไป ไม่ต้องอะไรกับความบรรเทิงของใครสักคน

ลอร่าประกาศว่า การตายนั้นเป็นของเธอ แต่ผมสงสัยว่า แม่หนูตัวน้อยได้จินตนาการถึงความเป็นไปได้ที่ว่า มีคนบางคนที่ไม่มีแม้แต่จะมีความสุขในความหรูหราเช่นนั้น

“ข้าไม่เคยคิดว่า ตัวเองเป็นผู้เขียนบทละครเลยด้วยซ้ำ

ข้าไม่เคยได้แก้ไขความคิดเรื่องนั้น แม้จะมีโอกาสให้ทำได้แต่ตัวข้าก็โง่เกินไปจนพลาดมันอีก และนี่คือ ราคาที่ต้องจ่าย”

ผมคลายผ้าโพกที่มัดไว้รอบหัวออก ผ้าโพกหล่นลงที่พื้น เมื่อผมหันหัวเล็กน้อย ผมได้ยินเสียงลอร่า อ้าปากค้าง เธอคงเห็นเขาเล็กๆติดอยู่ที่ท้ายทอยของผม

“หล-หลักฐานยืนยันความเป็นจอมมาร…….”

“ชู่ว เดี๋ยวมีใครได้ยินเธอหรอก”

ผมแกล้งแหย่ด้วยการแตะที่ริมฝีปากของเธอ

ผมรู้สึกสบาย หัวและหัวใจของผมนั้นโล่งโปร่งคล้ายกับได้สูบบุหรี่หลังจากเลิกไปนานหลายต่อหลายปี

ผมถึงได้รู้ว่า ตัวเองทำงานหนักเกินไปและได้ปล่อยความโกรธแค้นใส่ลอร่า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากปิดปากตัวเอง ผมต้องทำลายจิตวิญญาณของเธอตอนนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ราวกับมีตัวตนอีกตัวตนหนึ่งกระซิบคำแนะนำที่ว่าให้กับผม

“เดี๋ยวจะบอกให้ฟังว่า ชีวิตต่อจากนี้ของเธอจะเป็นยังไงต่อไป เธอนั้นจะถูกขายให้กับตระกูลวิทเทลบากช์(House of Wittelsbach) โดยท่านเค้าท์พาลาไทน์แห่งราชอาณาจักรบริแทนนี่ หัวหน้าตระกูลนั้นที่มีงานอดิเรกคือ การจัดปาร์ตี้ข่มขืนหมู่กับชนชั้นสูงที่ตกต่ำอย่างเธอ เธอนั้นทั้งยังสาวและสวย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกสาวของชนชั้นสูงระดับบนด้วย ดูสิเธอช่างเป็นเหยื่อที่ชวนน้ำลายสอไปเลยไม่ใช่รึไง? มา ให้ข้าแสดงความยินดีด้วยดีกว่า! แน่ใจว่า เธอต้องขายได้ราคาสูงแน่!”

“อุ…….”

“ที่พักของเค้าท์พาลาไทน์นั้นมีห้องใต้ดินมากมาย เธอจะถูกขังในหนึ่งในห้องพวกนั้น และจะออกไปข้างนอกได้หลังจากผ่านไป 3 ปีแล้ว ชีวิตประจำวันของเธอก็จะวนเวียนอยู่กับท่านเค้าท์และลูกน้องแบบไม่รู้จบ อ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิ ลอร่า ทำไมถึงเบือนหน้าหนีเสียล่ะ? มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”

เธอพยายามที่จะหันหน้าหนี ผมจึงจับคางเธอไว้

“แววตาของท่าน…….”

“มีอะไรกับแววตาของข้าเหรอ? บอกมาซิ”

“แววตาของท่านมัน……มากเกินไป…….”

ดูเหมือนเธอจะอ่อนไหวต่อสายตาผู้คนมาก เมื่อครู่เหมือนเธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดไม่จบประโยค

ถึงอย่างนั้นผมก็ยังจับคางเธอไว้ เธอปฏิเสธที่จะมองมาที่ผม ในตอนนั้นเองที่ผมคิดได้ว่า อาจจะทำรุนแรงเกินไปสักหน่อย ผมนั้นจงใจทำให้ตัวเองอยู่ในอารมณ์แย่ๆเพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวาของการแสดง ผลที่ได้ดูจะรุนแรงเกินไป

ผมชักเริ่มเชื่อขึ้นมาเล็กๆแล้วว่า สกิล <การแสดง> ของผมนั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์เลย อย่างน้อยๆผมก็พูดพล่ามแบบนี้ได้มากขึ้น

“อย่าเบือนหน้าหนีเลย  มันน่าเศร้าไม่ใช่เหรอ หากจะเข้าใจผิดคิดว่า เธอนั้นเป็นผู้อ่อนแอ?”

“……”

ลอร่าหันสายตาที่ดุร้ายมาทางผม มันมีความกลัวแฝงอยู่ในนั้นด้วย ผมพบว่า ด้านที่ซาดิสของตัวเองมันรุนแรงขึ้น นี่ผมมีบุคลิกด้านนี้อยู่ด้วยงั้นเหรอ? มันอาจจะเป็นคุณสมบัติหนึ่งของจอมมารที่ทำให้ผู้อื่นหวาดกลัวก็ได้ ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ใช่ที่ผมต้องนึกถึงในตอนนี้

“เป็นแววตาที่ดีนะ แล้วคำพูดของข้าล่ะ มันฟังดูเหมือนคำโกหกไหม?”

“……ไม่”

“ถ้าอย่างนั้นขอถาม เธอน่ะ อยากจะถูกขายไปให้กับชนชั้นสูงโรคจิตใคร่เด็ก ที่ชื่อชอบการทรมานเป็นงานอดิเรกไหม? หรืออยากจะถูกขายไปให้กับใครที่เป็นคนละเผ่ากัน แต่ปรารถนาที่จะปฏิบัติต่อเธอเป็นเหมือนลูกน้อง มิใช่ทาสคนหนึ่ง?”

“ฉันไม่เข้าใจเลย ทะ-ทำไมจอมมารถึงต้องการฉัน?”

เสียงเด็กสาวนั้นสั่นเทา แม้เธอจะเก่งกาจมากเมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน แต่เธอก็ยังเป็นเด็กวัยรุ่นนั่นแหละ เธอคงไม่เคยเผชิญหน้ากับจอมมาร ไม่แม้แต่เจอปีศาจระดับมาก่อนด้วยซ้ำ

“สะ-สิทธิในการสืบทอด……ของตระกูลฟาร์เนเซ่ และรูปลักษณ์ภาพนอกของฉัน……สองสิ่งนี้ ที่ฉันมีอยู่ คะ คุณตั้งใจจะเอาดวงวิญญาณของฉันไปใช่ไหม?”

“ตระกูลที่ล่มสลายไปแล้วไม่น่าสนใจหรอก ทั้งรูปลักษณ์ภายนอก ดวงวิญญาณของเธอก็ด้วย ที่ฉันสนใจอย่างมากน่ะ ความสติปัญญาความสามารถของเธอต่างหาก”

“สติปัญญาความสามารถของฉัน……?”

เด็กสาวพึมพัมอย่างอ่อนแรง

“เธอไม่อยากที่จะแก้แค้นบุคคลพวกนั้นที่ทำให้ตระกูลของเธอต้องล่มสลายเหรอ?

เธอไม่ปรารถนาที่จะแก้แค้นพวกญาติๆที่เอาเธอมาขายเป็นทาสโดยไม่ลังเลอย่างนั้นเหรอ?

หรือถ้าอย่างนั้น เธอน่ะไม่อยากแก้แค้นโลกใบนี้ที่ทำลายชีวิตเธอมาตั้งแต่ต้นเลยอย่างนั้นเหรอ?”

“……”

“ข้ารู้ว่า เธอนั้นสามารถทำให้มันสำเร็จเป็นจริงขึ้นมาได้

โอ้ ‘เรา’จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ด้วยกัน มาแสดงให้โลกใบนี้เห็นผลลัพธ์จากการทอดทิ้งเรากันเถอะ!”

ผมยื่นมือขวาออกมา ลอร่านั้นมองที่ผมด้วยแววตาที่ตกตะลึง เธอยกมือขึ้นราวกับถูกดูดด้วยแม่เหล็ก

แต่ถึงอย่างนั้น มือเธอก็ยังหยุดค้างกลางอากาศ ใช่ว่าผมไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอหรอก ผมจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมาราวกับผมเข้าใจสถานการณ์ของเธอดี

“ข้าจะคอยเฝ้าดูเธอนับจากนี้ไป หากเธอต้องการความช่วยเหลือจากข้า เอ่ยนามของข้าออกมาได้เลย ชื่อของข้าคือ ดันทาเลี่ยน”

ผมผูกผ้าโพกกลับไปก่อนที่จะออกจากรถม้า ผมจะอยู่ที่นั่นแน่ยามที่เด็กสาวต้องการผม ถ้าจำเป็นผมก็เรียกหน่วยมอนสเตอร์ออกมาแล้วกวาดล้างทุกอย่างรอบตัวได้ในทันทีที่เธอส่งมือให้ผม……แต่ไม่มีเหตุผลที่ต้องรีบนี่ ผมไม่ได้วางกับดักไว้แค่หนึ่งหรือสองอย่างเพื่อที่จะให้ได้ตัวลอร่ามา

ผมได้ยินเสียงนกฮูกจากที่ไกลๆ แจ็คนั้นนอนอยู่ที่พื้น ทหารที่รับจ้างมาก็ยังคงเล่นไพ่ไม่ต่างจากเดิม มีคนหนึ่งเห็นผมออกมา สีหน้าก็เปลี่ยนไป ผมสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาขึ้นไปรถม้าราวกับรอคิวของผมจบ ไม่นานหลังจากนั้น รถม้าก็เขย่า เสียงหยาบคายของทหารรับจ้างก็ดังมาจากรถม้า

‘ฝึกสอนทาสกามอย่างนั้นสินะ เหอะ’

เดาได้ไม่ยากเลยทำไมเขาถึงไม่มีความสุขนักตอนที่แจ็คมาหา ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่สุดยอดไปเลยหรือไง? แม้เธอจะถูกข่มขืนด้วยข้ออ้างเพื่อเป็นการศึกษาอยู่ทุกค่ำคืน

ไม่มีใครทนการข่มขี่ เยาะเย้ยนี้ได้แม้จะเป็นสตรีสูงศักดิ์ ไม่สิ แม้จะเป็นเด็กสาวก็ตาม แม้มันจะเกิดขึ้นทุกวันเธอยังไม่สูญเสียความทรนงนั้นไป ทั้งที่เธอเป็นเพียงเด็กอายุ16ปีเท่านั้น

ผมอยากจะเกาหลังหัวหลังจากกลับถึงที่พัก ผมได้ยินเสียงรถม้าเขย่าอยู่ด้านหลัง ยิ่งผมเดินห่างออกไป เสียงก็แผ่วเบาลงก่อนที่จะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกเสียจากเสียงนกฮูกร้องที่เติมเต็มอากาศที่ว่างเปล่า

วันทำงานของพ่อค้าเริ่มต้นแต่เช้า

แสงแห่งรุ่งอรุณนั้นปกคลุมผืนหญ้า เหล่าพ่อค้าเตรียมตัวกันพร้อมแล้วที่จะเดินทาง ผู้คนพูดคุยกันอย่างมีความสุขราวกับจะสามารถไปถึงเมืองได้ในวันนี้

แม้แต่พ่อค้าเร่เองก็ยังต้องนอกข้างนอกอย่างยากลำบาก กลุ่มพ่อค้าขนาดใหญ่เดินทางกันเร็ว ดูเหมือนความคิดที่ว่าจะนอนสบายบนเตียงฟางทันทีที่ไปถึงเมืองนั้นทำให้กำลังขาของพวกเขาฟื้นคืนได้อย่างรวดเร็ว

“ฉันขอโทษเรื่องเมื่อวานด้วยนะ โลลิต้า!”

แจ็คพูดขึ้นอย่างสนุกสนาน แจ็คขี่ม้าเดินไปช้าๆ ผมนั่งอยู่บนเกวียนตัวเอง เราเคลื่อนไปด้วยกัน ดูเหมือนเขาจะชอบผมมากเสียจนขอเป็นเพื่อน ผมไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธเขา

“แหม ปกติฉันไม่ได้เมาง่ายอย่างเมื่อคืนนะ”

“นายทำงานหนักมาทั้งวัน ปกติที่จะต้องเหนื่อยล้า อย่ากังวลไปเลย”

หลังจากพูดคุยเล็กน้อยกับแจ็ค ผมก็มองไปข้างหลังพวกเรา มีรถม้าสีดำตามหลังเรามา

เรามาถึงเมืองกันภายในครึ่งวัน ยามเริ่มพรั่งพรูมาตามหาเรา ผมประหม่าเล็กน้อยเพราะจำนวนยามบนกำแพงที่มากเกินคาดไว้ แต่ผมกลับโล่งใจเมื่อแจ็คพูดออกมา

“พวกเขาก็ทำแบบนั้นแหละเพื่อให้ได้เงินค่าจ้างมากขึ้น พวกยามน่ะปกติเอาแต่ขี้เกียจทั้งวัน แต่พอถึงเวลาก็ลงมาทำตัวขยันขันแข็งตอนที่พ่อค้ามา พวกเขาอยากให้เราจ่ายเงินมา แล้วเขาจะได้รีบเปิดประตูให้ …… ชิชิ”

แจ็คนั้นหมวดคิ้ว ไม่มีทางที่คนจิตใจสูงอย่างเขาจะพอใจกับการที่ยามทำตัวแบบนั้น พ่อค้ากับยามก่อสงครามประสาทกันสักพักก่อนจะประนีประนอมต่อกันได้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ยามโบกมือเป็นสัญญาณว่าให้พวกเราเข้าไปได้

“ขอให้เดินทางสนุกล่ะ!”

“เดินทางกันสะดวกสบายนี่ ขอบคุณ พวกคุณมาก”

“ขอให้พรแห่งเทพเออเมสนั้นคุ้มครองพวกท่าน!”

หลังผ่านส่วนกำแพงเมืองมา พ่อค้าต่างร่ำลาแล้วแยกย้ายกันไป ทหารรับจ้างต่างได้เงินก้อนโตจากการทำงานสำเร็จก่อนที่จะแยกกัน

เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว แจ็คกับผมนั้นเราอยู่ด้วยกันต่ออีกสักพัก ถึงอย่างนั้น เมื่อผมมาถึงใจกลางเมือง เราก็ต้องแยกไปคนละทาง ผมกับแจ็คกอดกัน

“โลลิต้า ออกจะน่าอายไปหน่อย แต่ ……หากนายพอมีเวลาบ้าง ก็ด้วยกันกับตลาดที่ผมเข้าร่วมด้วยได้ไหม?”

“แน่นอน ผมไม่สงสัยในตัวนายด้วยซ้ำ นายต้องเป็นพ่อค้าที่ยอดเยี่ยมแน่ๆ แม้พวกเราอาจจะถูกปฏิบัติเหมือนแมลงวันที่บินตามทอง แต่แล้วยังไงล่ะ หากเราจะสามารถเผชิญหน้ากับท้องฟ้าโดยไม่ต้องอายใคร?”

แจ็คดูตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ

「ค่าความชอบของพ่อค้าระดับล่าง เพิ่มขึ้น 11!  เขาสามารถ ‘เชื่อใจ’ คุณแล้ว」

「เมื่อค่าความชอบของผู้อื่นถึง 50 คุณสามารถชักชวนพวกเขาเป็นพันธมิตรของคุณได้」

เขามองผมด้วยดวงตาที่เปียกชื้น

“พูดถูกต้องเลย…….คุณพูดถูกต้องแล้ว! เจตนาของพ่อผมมันไม่สำคัญ สำคัญตรงที่ผมน่ะให้เกียรติตัวเองแค่ไหน นี่ผมใช้ชีวิตอยู่มาได้ยังไงด้วยการลืมความจริงง่ายๆข้อนี้เนี่ย?!”

พวกเรากอดกันอีกครั้ง แจ็คเกาะไหล่ผมไว้แน่นราวกับเป็นแขนอีกข้างของเขา เขาอาจไรเดียงสา แต่ก็แสดงความชื่นชอบต่อผมได้อย่างบริสุทธิ์ใจ

ผมที่จริงไม่ได้ชื่นชอบแจ็ค ยังอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวเลย แม้แต่ในคนที่ช้าที่สุดก็ยังมีช่วงเวลาที่ชีวิตของเขาได้แสดงถึงความจริงใจ และนั่นเป็นโมเม้นท์ของแจ็ค

มีอะไรบางอย่างที่ยอดเยี่ยมที่ไม่ได้พบเจอบ่อยๆในชีวิต เราสองคนแยกทางกันแบบไม่เต็มใจนัก

ความรู้สึกหวาดกลัวต่อมนุษย์ที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อนกลับเอ่อท้นเต็มหัวใจ ผมไปยังทิศเหนือของประตูเมือง

ที่ประตูทางเหนือ ใกล้กับฝั่งติดคอกม้า มีร่างสวมฮู๊ดยืนอยู่ตามสัญญา ร่างนั้นเข้ามาใกล้เมื่อเห็นผมมาถึงแล้ว

“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักค่ะ ฝ่าบาทดันทาเลี่ยน”

เสียงที่เยือกเย็น ฟังชัดและมีระดับนั้นเป็นของลาพิส

“ดูเหมือนท่านจะเลือกแผนที่สองสินะคะ.”

“ก็คงเป็นอย่างนั้นแหละ เอาล่ะ มันอาจจะไม่สำคัญก็ได้ว่า พวกเราจะใช้แผนไหน”

ในเมืองนี้มีสถานที่สองแห่งที่มีกำแพงไว้ป้องกันเวทย์มนตร์อัญเชิญใหญ่(Greater Summoning magic)

หนึ่งในนั้นคือ สถานที่ว่าการของเมืองที่เจ้าเมืองอยู่กัน และอีกที่หนึ่งคือ ในวิหาร

โรงประมูลที่ตลาดทาสตั้งอยู่นั้นเป็นตำแหน่งชายขอบของเมือง ดังนั้นหากเกิดวิกฤติขึ้น พวกยามตอบสนองไม่ทันอย่างแน่นอน

เป็นไปตามการคาดการณ์ของลาพิส เธอให้ข้อมูลที่แม่นยำตามที่ผมต้องการ ผมนี่พอใจเป็นที่สุด

“สถานที่อันยอดเยี่ยมที่เหมาะกับการเล่นกับไฟ ขอเพิ่มให้อีก 10โกลด์เป็นค่าดำเนินการ”

“ขอบพระคุณที่ใช้บริการของบริษัทเคียนคุสก้าอีกครั้งค่ะ”

ผมยิ้มกรุ้มกริ่ม

“มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากเพิ่มเข้าไปตามคำขอ”

—---------

「Lower class Merchant Jack’s affection has risen by 11! The other party now ‘trusts’ you.」

「The other party’s affection has reached 50. You can now persuade them to become your ally.」

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด