ตอนที่แล้วChapter 283 ชนะห้าสิบเกมติดต่อกัน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 285 บดขยี้ศิษย์สายใน!

Chapter 284 ไต่ลู่ผู้อหังการ.


ไต่ลู่ต้องการสร้างผลงาน โดยท้าทายศิษย์สายในของสำนักไท่กู่เจิ้ง.

เย่ซิงเฉินที่รู้สึกหงุดหงิด ดังนั้นจึงอาสาออกไปเองเพื่อที่จะสั่งสอน ชายหมวกเขียวผู้นี้.

อย่างไรก็ตาม จุนซ่างเซียวเอ่ย “อาวุโสจิน เขาเป็นศิษย์สายในนิกายท่านงั้นรึ?”

“เจ้าสำนักจุน.”

อาวุโสจินเอ่ยออกมเบา ๆ “ศิษย์คนนี้ถึงแม้นว่าจะเป็นศิษย์สายนอก ทว่าก็มีความแข็งแกร่งระดับศิษย์สายใน.”

จุนซ่างเซียวขมวดคิ้ว.

ด้วยข้อตกลงที่เอ่ยถึงศิษย์สายใน การส่งศิษย์สายนอกออกมาเช่นนี้ จะทำให้เขาสำเร็จภารกิจหรือไม่?

“จุนซ่างเซียว.”

ไต่ลู่เอ่ยออกมาเล้กน้อย ”เจ้าไม่กล้าที่จะส่งศิษย์สายในออกมาสู้กับข้าอย่างงั้นรึ?

อัยยะ!!

เด็กคนนี้โอหังเป็นอย่างมาก!

หลังจากที่จุนซ่างเซียวครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงเอ่ยออกไปว่า “ซิงเฉิน ออกไปต่อสู้.”

การต่อสู้ของศิษย์สายนอกที่กล้าท้าทายศิษย์สายใน แม้นว่าจะรู้สึกขาดทุนอยู่ ทว่าก็ไม่สามารถปล่อยให้ชายหมวกเขียวนี้โอหังได้!

ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายเย้ยหยันไม่หยุด.

ศิษย์คนใหนของสำนักไท่กู่เจิ้งที่อหังการที่สุด?

ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นอดีตราชันย์รัตติกาล!

“ฟิ้ว!”

เย่ซิงเฉินที่ก้าวขึ้นเวที หมัดที่กุมแน่น ส่ายหน้าไปมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เอาหมวกสีเขียวอัปลักษณ์นั่นออกไปซะ เห็นแล้วมันขัดตาจริง ๆ.”

ไต่ลู่ที่แค่นเสียงเย็นชา “นี่มันสีเขียวธรรมชาติ เจ้าไม่เข้าใจ.”

ไม่เข้าใจอย่างงั้นรึ?

เย่ซิงเฉินที่ยืนอยู่กลางลานยุทธ์ แววตาเผยความเย็นชา “ไอ้หนู รอให้การต่อสู้เริ่มเมื่อไหร่ แล้วจะพูดไม่ออก.”

“เช่นนั้นข้าจะพูดให้มาก.”ไต่ลู่เผยยิ้มอย่างชั่วร้าย.

กรรมการเอ่ย “ขานชื่อก่อนประลอง.”

เย่ซิงเฉินเอ่ยอย่างนุ่มนวล “สำนักไท่กู่เจิ้ง เย่ซิงเฉิน.”

ไม่เพียงเอ่ยชื่อ ทว่ายังเอ่ยชื่อสำนักด้วย.

นี่นับว่าเป็นเรื่องหายาก.

ที่จริงเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมถึงได้เอ่ยนามสำนักออกมา.

เขาที่พยายามหาเหตุผล แต่เย่ซิงเฉินรู้สึกว่า ในเมื่อมาท้าทายนิกายระดับห้า ก็ต้องสร้างชื่อให้เจ้าสำนักสักหน่อย.

“นิกายเซิ่งชวน ไต่ลู่.”ไต่ลู่เอ่ย.

ในเวลานี้ อดีตราชันย์ยุทธ์กลับชาติและจอมเขมือบ ยืนอยู่ห่างกันสองสามเมตร การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว.

“ซูมมม!”

ใต่ลู่ที่ปลดปล่อยพลังอาจารย์ยุทธ์ออกมา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโอหัง.

นับตั้งแต่กลับมาจากภูเขาอินทรีย์ดำ เขาที่เก็บระงับพลังบ่มเพาะตัวเองเอาไว้ แม้แต่การประลองภายในสำนักก็เผยออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น.

วันนี้ มีผู้คนมากมายกำลังดูอยู่ เป็นความจริงที่เขาต้องการแสดงพลัง จึงไม่ซ่อนพลังเอาไว้อีก เพื่อที่จะสร้างความประทับใจให้กับคนระดับสูงของนิกาย!

ทว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เมื่อไต่ลู่เผยพลังบ่มเพาะอาจารย์ยุทธ์ออกมา เหล่าคนระดับสูงของนิกายเซิ่งชวน ต่างก็เผยความประหลาดใจออกมา.

โดยเฉพาะอาวุโสจิน.

เพราะว่าอีกฝ่ายมาขอติดสินบนเพื่อให้ได้ขึ้นเวที ไม่คาดคิดเลยว่าเด็กคนนี้จะทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย!

ศิษย์ของนิกายเซิ่งชวนเองก็กลายเป็นโง่งมเช่นกัน.

ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี ไต่ลู่ก็ตัดผ่านไปยังระดับอาจารย์ยุทธ์ได้ เรื่องนี้มันเหลือเชื่อจริง ๆ.

“ศิษย์สายนอกนิกายเซิ่งชวน คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีระดับอาจารย์ยุทธ์ อ๊าก!”

“คู่ควรจะเป็นนิกายใหญ่!”

“ไม่ได้ส่งเขาออกไปก่อนหน้านี้ แท้จริงแล้วต้องการเก็บไว้เพื่อส่งออกไปคนสุดท้ายสินะ!”

เหล่าชาวยุทธ์เผยท่าทางประหลาดใจออกมาเช่นกัน.

ไต้ลู่ที่ระเบิดพลังอาจารย์ยุทธ์ออกมา เหล่าผู้ชมที่พูดคุยเรื่องของเขา ทำให้ใบหน้าที่ภาคภูมิของเขาเพิ่มพูนขึ้นมาไม่น้อย.

มันรู้สึกดีเช่นนี้นะเอง ที่กลายเป็นที่จับตามอง.

ในเวลานี้ หมวกสีเขียวของเขาที่ลอยออกไป.

เขาไม่ได้ใช้พรสวรรค์ ไม่ได้ใช้ความพยายามมากมายนัก หากแต่เขาได้ปลุกความสามารถในการกลืนพลังของคนอื่น ๆ ได้ ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นในทันที.

ทว่า.

การที่ไต่ลู่เผยพลังอาจารย์ยุทธ์อันน้อยนิดนี้ออกมา ทำให้สายตาของเย่ซิงเฉินเหยียดหยันยิ่งนัก.

คิดว่ามีความสามารถอะไรถึงได้ยโสโอหัง แท้จริงก็แค่อาจารย์ยุทธ์ขั้นหนึ่ง นี่มันขยะชัด ๆ.

“เริ่มได้!”กรรมการตะโกนเสียงดัง.

ไต่ลู่ที่เผยยิ้มอย่างดำมืด “ข้า....”

“ฟิ้ว!”

เย่ซิงเฉินที่ใช้ท่าเท้าเหยียบเมฆา พุ่งออกมาพริบตาเดียวก็มาอยู่ด้านหน้าไต่ลู่ เสียงที่เย็นชาของเขาดังออกมา “คงอยากรู้สึกสินะว่าตายทั้งเป็น เป็นอย่างไร?”

ไต่ลู่ที่ยิ้มค้าง แววตาตื่นตกใจอย่างแรง.

“ตูมมมมม!”

เสียงหมัดที่กรีดอากาศ สายลมที่ระเบิดออกไปรอบ ๆ.

สายตาของทุกคนที่เบิกกว้าง.

เย่ซิงเฉิน กลิ่นอายที่เขาปล่อยออกมาเมื่อกี้ พริบตาเดียวก็มีพลังเท่ากับอาจารย์ยุทธ์ระดับสองหรือสามแล้ว!

“ติ๊ง! เอาชนะศิษย์สายในนิกายเซิ่งชวน 1/10 คน.”

เสียงที่ดังขึ้นในหูของจุนซ่างเซียว.

จุนซ่างเซียวที่ตกใจ “เขาไม่ใช่ศิษย์สายนอกหรอกรึ? ทว่าทำไมถึงได้กลายเป็นศิษย์สายในไปแล้ว.”

ระบบเอ่ย “เพราะว่าภารกิจได้ประเมินว่าไต่ลู่นิกายเซิ่งชวนถึงจะเป็นศิษย์สายนอก ทว่าความแข็งแกร่งนั้นเทียบได้กับศิษย์สายใน.”

“เป็นเช่นนี้นะเอง.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ฉลาดหลักแหลม.”

อย่างไรก็ตาม หนึ่งหมัดของเย่ซิงเฉินได้ดับความอหังการของไต่ลู่ไปในทันที.

บนลานยุทธ์.

ขณะที่ฝุ่นควันสลายหายไป ชายชุดเขียวที่นอนกลิ้งไปบนพื้น ร่างกายกระตุกเป็นระยะ.

“ฟิ้ว!”

เย่ซิงเฉินที่ก้าวเข้าไป เท้าข้างหนึ่งยกขึ้นเหยียบหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไอ้หนู ลุกขึ้นมาแสดงความอหังการอีกสิ.”

ราวกับเห็นภาพก่อนเก่าปรากฏขึ้น.

ไม่ผิด.

เมื่อครั้งที่นอกเมืองชิงหยาง จุนซ่างเซียวเคยเหยียบหน้าเขามาก่อน เตือนให้เขาเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง และเขาก็ปฏิเสธไป จึงได้ถูกทุบตี.

ในเวลานี้ เขาถูกอดีตราชันย์ยุทธ์เหยียบหน้าอีก ดูน่าอนาถเป็นอย่างมาก.

ไต้ลู่ยังไม่หมดสติ เขายังมีสติ แววตาที่เผยความหวาดกลัวออกมา.

เขาที่ได้รับพลังจากการกลืนกินพลังคนอื่นมา คาดไม่ถึงว่าพลังรบกับอ่อนด้อยยิ่งนัก เป็นของปลอมอย่างงั้นรึ?!

เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้อย่างไร!

ข้ามีพลังแห่งการกลืนกิน พลังบ่มเพาะของข้าเพิ่มขึ้นเร็วมาก ศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้ง จะแข็งแกร่งกว่าข้า จะล้มข้าได้อย่างไร!

ไต่ลู่ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ทำไมความแข็งแกร่งถึงได้แตกต่างกันเช่นนี้.

ไม่ใช่แค่เพียงเย่ซิงเฉิน จางเหว่ยและคนอื่น ๆ สามารถเอาชนะเขาได้ง่าย ๆ.

เขาไม่ได้ใช้เพียงแค่การกลืนกินพลังอย่างเดียว!

ที่ผ่านมา ไต่ลู่ได้ศึกษาการดูดซับพลังจากพืชและสัตว์ร้าย สะสมพลังได้เป็นจำนวนมาก.

ความรู้สึกนี้ เขายังจำได้ดี เมื่อครั้งที่กลืนกินพลังของเฒ่าผี เวลานั้นชีวิตที่แขวนอยู่ในความเป็นความตาย.

ตอนนี้เขาที่อยู่ในภาวะอันตราย อยู่ในสถานการณ์ที่หมดหนทาง เขาได้กระตุ้นพลังดูดขั้นสูงได้.

แม้นว่าไต่ลู่จะถูกเหยียบหน้า แต่ก็ยังเผยท่าทางอหังการออกมา ยังไม่หมดหวัง“เจ้า...เจ้า...แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?”

“หืม?”

เย่ซิงเฉินที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.

เขาที่เหยียบหน้าอีกฝ่ายอยู่ คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะยังกล้ากล่าวหยันเขา.

“ฟิ้ว!”

เย่ซิงเฉินที่ยกเท้าขึ้น กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “ข้าจะให้เจ้าได้เห็น ว่าอะไรคือความแข็งแกร่ง!”

“ตูมมม!”

เขาเหยียบลง บนใบหน้าของไต่ลู่อีกครั้ง ครั้งนี้ไต่ลู่ที่พ่นโลหิตออกมา.

ดี!

ข้าจะยอมก่อนก็ได้!

เขาที่ต้องการให้ตัวเองอยู่ในสภาพสิ้นหวัง เพื่อที่จะให้เกิดการกระตุ้นพลังดูดเอาชีวิตอีกฝ่าย.!

รอให้ข้ากลืนกินพลังได้มากกว่านี้ แล้วเหล่าจื่อจะให้เจ้าได้ตายสมใจ!

ตูมม! ตูมม! ตูมม!

เย่ซิงเฉินที่เหยียบอีกฝ่ายหลายครั้ง ไต่ลู่ที่สลืมสลือ พ่นโลหิตออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทว่าพลังดูดยังไม่ปรากฏออกมา.

ไม่เพียงเขาอยู่ในสภาพอนาถ.

เขาที่เวลานี้อยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายแล้ว!

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะเจ็บหนักทว่าไต่ลู่ยังคงยิ้มเยาะ ราวกับต้องการกระตุ้นความโกรธเย่ซิงเฉิน.

ไอ้หนู!

ถูกทุบขนาดนี้ยังกล้ายิ้มแบบยโสอยู่อีกรึ?!

เย่ซิงเฉินยังคงเหยียบเขาอย่างดุร้าย เหล่าชาวยุทธ์ที่ชมอยู่ใบหน้ากระตุก.

ศิษย์นิกายเซิ่งชวนสมองป่วยอยู่อย่างงั้นรึ? เห็นชัดเจนว่าไม่มีพลังจะตอบโต้ได้ ทว่ายังคงยิ้มยั่วยุฝ่ายตรงข้าม ให้ฝ่ายตรงข้ามลงมือไม่หยุด.

พวกเขาไม่เข้าใจ.

นี่คือแผนการของไต่ลู่ เพื่อผลักดันให้ตัวเองอยู่ในสภาพสิ้นหวัง!

หากแต่.

ทุกครั้งที่เย่ซิงเฉินกระทืบเขา ทำให้เขาบาดเจ็บหนักขึ้นเรื่อย ๆ ชายชุดเขียวหมวกเขียว ทันใดนั้นกลิ่นอายที่แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น ดวงตาที่กลายเป็นสีเขียว.

ท่าทางของเขาที่เปลี่ยนไป ดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก.

มา มาแล้ว.

นี่คือพลังดูดซับที่น่าพรั่นพรึง!

ตูมม!

เย่ซิงเฉินที่ยังคงกระทืบอีกฝ่าย ไต่ลู่ที่พ่นโลหิต ทว่าภายในร่างกายของตัวเองที่บ้าคลั่ง ปะทุพลังที่กำลังหมุนวนอยู่ด้านใน เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก.

กึก.

ภายในร่างกายของเขาปะทุกลิ่นอายออกมาอย่างรุนแรง ทว่าขณะที่กำลังจะปล่อยมันออกมาจากร่าง ไต่ลู่กลับหมดสติไป พลังดังกล่าวสลายและซ่อนตัวหายไปในทันที.

หากไต่ลู่รู้ คงต้องร้องไห้ออกมาอย่างแน่นอน.

ทนเจ็บปวดอยู่ตั้งนาน ขณะที่กำลังจะเอาคืน แต่ตัวเองกับหมดสติไป!

“ตูมม!”

เย่ซิงเฉินเห็นไต่ลู่หมดสติไปแล้ว จึงเตะอีกฝ่ายลงจากเวที กล่าวออกมาเบา ๆ “แค่ขยะ นิกายเซิ่งชวนยังกล้าส่งเขาออกมา นี่คิดจะแสวงความอัปยศให้กับตัวเองรึอย่างไร?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด