ตอนที่แล้วChapter 139 : สองชราหนึ่งบุรุษเหี้ยมหาญต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 141 : ตอบโต้กลับเมืองสุริยัน!

Chapter 140 : หลบหนีอย่างไร้เกียรติ


กงเล็บและเขี้ยวของสิงโตทองคำไม่อาจทะลวงการป้องกันของเหล่าอู๋ไปได้

อย่างไรก็ตามไม้เท้าตีสุนัขของเหล่าอู๋กลับสร้างความเสียหายให้กับสิงโตทองคำอย่างร้ายกาจ

เพียงไม่ถึงครึ่งนาทีหลังจากที่ครุฑและหลี่เหว่ยกั๋วสู้กัน สิงโตทองคำก็ถูกเหล่าอู๋ทุบตีจบเลือดไหลออกจากทั้งทางปากและจมูกไปแล้ว

ครุฑทั้งตกตะลึงและโมโหในเวลาเดียวกัน

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

สิงโตทองคำตัวนี้คือราชันย์แดนลับเชียวนะ ค่าสถานะของมันสูงกว่าอสูรในระดับเดียวกันถึง15%ดังนั้นมันย่อมทรงพลังกว่านักสู้ในระดับเดียวกันมากนัก

ตอนนี้มันกลับถูกเหล่าอู๋กดเอาไว้ได้นิ่งๆ

ต้องเป็นเพราะชุดเกราะที่ทำจากโลหะนั่นแน่ๆ!

เหล่าอู๋และหลี่เหว่ยกั๋วสบตามองกันและเผยยิ้ม “ชุดนี้มีประโยชน์สุดๆจริงๆ!”

ในเวลานี้เองเสียงกรีดร้องพลันดังขึ้นมาจากบนกำแพงอีกครั้ง

เหล่านักสู้อินเดียคราแรกคิดว่าจำนวนนักสู้บนกำแพงเมืองนั้นมีเพียงเท่านี้

พวกเขาคาดการณ์ว่าคนของอีกฝ่ายจะเหลือน้อยเนื่องจากประสบกับการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง!

ตราบใดที่พวกเขาสามารถปีนขึ้นไปถึงบนกำแพงเมืองได้พวกเขาก็สามารถเข่นฆ่าศัตรูได้อย่างง่ายดาย!

หากแต่เมื่อพวกเขาขึ้นมาถึงยอดกำแพง คนบนกำแพงกลับกระจายตัวกันยออกไปทันที ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ยกมือขึ้นมาเกาหัวด้วยความสงสัยนั้น สกิลจำนวนมากมายก็พลันปกคลุมเหนือหัวของพวกเขาเสียแล้ว!

แม้ว่าระดับของนักสู้ในโคโลนี่จะไม่สูงเท่านักสู้ชาวอินเดียพวกนี้แต่จำนวนนับมากกว่ามากนัก!

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาคุ้มกันกำแพงเมืองมาพักใหญ่แล้วทำให้ตระเตรียมสกิลอันทรงพลังเอาไว้ได้ล่วงหน้า

พวกเขาแค่รอให้นักสู้อินเดียพวกนี้เดินเข้ามาติดกับก็เท่านั้น

ในการเผชิญหน้ากันครั้งแรกนี้ นักสู้ชาวอินเดียผู้โชคร้าย3คนตกตายอย่างน่าสังเวชภายใต้การกระหน่ำโจมตีจากสกิลทั้งหลาย!

อีกฝ่ายน่าจะบังเอิญไปโดนคริติคอล เลือดออกและสถานะดีบัฟอื่นๆเข้าพร้อมๆกัน

เมื่อเห็นภาพนี้ ครุฑก็ยิ่งตกตะลึงและกราดเกรี้ยวขึ้นไปอีก

เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?!

ในโคโลนี่หมายเลข3ยังมีนักสู้มากฝีมืออยู่อีกงั้นรึ?

ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนยังมีไม่น้อยด้วย!

ยังไงก็ตามไม่ใช่ว่าตัวเขาเห็นอย่างชัดเจนหรอกรึว่านักสู้พวกนั้นถูกหามลงไปจากกำแพงเมืองอย่างตื่นตระหนกโดยใช้เปลหาม?

เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?!

ความคิดของครุฑในตอนนี้ราวกับหม้อต้มโจ๊กก็ไม่ปาน สับสนและวุ่นวายยิ่งนัก

นักสู้ทั้งบนกำแพงทิศตะวันตก ทิศใต้และทิศเหนือล้วนมายังกำแพงทิศตะวันออกเช่นเดียวกัน

แรงกดดันที่พวกนักสู้ชาวอินเดียต้องแบกรับจึงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี

เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะสามารถโจมตีกำแพงทิศตะวันออกได้สำเร็จในเวลาไม่ถึง3นาทีและเข้าไปสู้ต่อในตัวเมืองได้ เช่นนี้แล้วพวกเขาก็สามารถใช้ข้อได้เปรียบด้านความแข็งแกร่งเฉพาะตัวได้อย่างเต็มที่

หากแต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกตรึงเอาไว้ที่กำแพงเมืองอย่างแม่นมั่น

ติดอยู่บนกำแพงเมืองเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเป้ามีชีวิต

นักสู้ที่อยู่ด้านในเมืองด้านล่างกำแพงพากันกระหน่ำโจมตีขึ้นฟ้า

สกิลดีบัฟนานาชนิดเกาะหัวของพวกเขาราวกับปลิงสูบเลือด

เหน็บชา ตาบอด สับสน ลดความเร็ว เจาะเกราะ...

ถ้าเอาสถานะดีบัฟทั้งหมดบนหัวของพวกเขามาวางต่อกันคงยาวร่วมเมตร

“ทุกคนหลบออกไป มหาผนึกเหมันต์ของโคลด์โดเมนจะมาแล้ว!”

เสียงตะโกนเย็นเยียบดังออกมาจากฝูงชน

นักสู้ที่เคยเห็นความแข็งแกร่งของมหาผนึกเหมันต์มาแล้วพากันกระจายตัวหลบหนีในทันที

ตูม!

กลิ่นอายเย็นเยียบกดทับลงมา

นักสู้ชาวอินเดียที่ทรงพลังและดุดันที่สุดกลับถูกแช่แข็งในพริบตา

แน่นอนว่าเนื่องจากความแตกต่างทางด้านเลเวลทำให้ระยะเวลาที่อีกฝ่ายถูกแช่แข็งนั้นไม่นานมากนัก เป็นเวลาสั้นๆเพียง1.2วินาทีเท่านั้น

หากแต่1.2วินาทีนี้ก็มากพอที่จะสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาลแล้ว

“ฉันจะเป็นคนเก็บเกี่ยวเอง!”

ชายหนุ่มในชุดรัดรูปสีเขียวเข้มกล่าวและกระโจนเข้าใส่มวลอากาศเย็นเยียบเบื้องหน้าราวกับวิญญาณ

แสงดาบฟาดฟันอย่างบ้าคลั่ง

ลำแสงสีเขียวเข้มดูอันตรายตัดผ่านลำคอของนักสู้ชาวอินเดียทั้ง5คนที่ถูกแช่แข็ง

หลังจากระยะเวลาแช่แข็ง1.2วินาทีผ่านพ้น นักสู้ชาวอินเดียทั้ง5คนก็ล้มลงบนพื้นพร้อมกับครวญครางเสียงแผ่ว

สี่ในห้านั้นโดนการโจมตีคริติคอล ติดสถานะเลือดออกและติดพิษทำให้เสียชีวิตทันที

มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่โชคดีไม่โดนคริติคอล โชคดีที่นี้คือเขายังเหลือพลังชีวิตอยู่ราวๆ25%

หากแต่ความเสียหายจากสถานะเลือดออกและติดพิษนั้นยังคงกัดกินพลังชีวิตที่เหลือของเขาอย่างบ้าคลั่ง

เขาหมายจะหยิบยาแก้พิษออกมาดื่มด้วยสีหน้าหวาดผวา

หากแต่ในตอนที่ยาแก้พิษกำลังจ่อริมฝีปากแล้วนั้นกลับมีแสงดาบสายหนึ่งวูบผ่าน

แสงดาบนี้กวาดเอาโอสถเหลวกระจัดกระจายหายไปจนไม่เหลือ

นักสู้ชาวอินเดียคำรามออกมาด้วยความโกรธ เขายกดาบในมือขึ้นและฟันไปข้างๆหมายจะสังหารชายหนุ่มด้วยดาบเดียว

นักสู้รอบๆพากันล่าถอยและใช้เพียงสกิลโจมตีระยะไกลในการโจมตีอีกฝ่ายเท่านั้น

นี่คือนักสู้เลเวล9ขอบเขตที่7เชียวนะ ต่อให้อีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังสามารถทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออาจจะกระทั่งสังหารพวกเขาได้อยู่ดี

อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งหมดกลับต้องพบว่าทุกครั้งที่นักสู้ชาวอินเดียผู้นี้เหวี่ยงดาบนั้นกลับเป็นการกระทำอันสูญเปล่า

เงาร่างของชายหนุ่มราวกับผสานเป็นหนึ่งกับเงามืดอย่างสมบูรณ์จนดูคล้ายกับวิญญาณร้าย

ทุกครั้งดาบอันทรงพลังนั้นของอีกฝ่ายจะตัดผ่านร่างของเขาไปราวกับเรื่องบังเอิญ

ชายหนุ่มสามารถปั่นหัวนักสู้ชาวอินเดียผู้นี้ได้ทุกคราไป

หลังจากผ่านไปราวเจ็ดถึงแปดวินาทีที่จะว่าสั้นก็สั้นจะว่ายาวก็ยาว นักสู้ชาวอินเดียก็เลือดออกจนแห้ง ท้ายที่สุดเลือดที่ไหลออกมากระทั่งว่าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวเพราะติดพิษ นักสู้ชาวอินเดียผู้นี้จึงทนไม่ไหวอีกต่อไปและล้มลงบนพื้นอย่างแรง

ตูม! ตูม! ตูม!

นักสู้ชาวอินเดียอีกคนหยิบระเบิดออกมาจากช่องเก็บของและปาไปข้างหน้า

ระเบิดประเภทนี้อัดแน่นไปด้วยพิษร้ายและขอบเขตการระเบิดเองก็กว้างถึงแปดเมตร

นักสู้คนใดก็ตามที่ได้รับผลจากระเบิดจะติดพิษในทันที

พลังชีวิตของพวกเขาจะลดลงอย่างบ้าคลั่งราวกับน้ำหลาก

ในช่วงเวลาสั้นๆก็มีนักสู้กว่า30ชีวิตแล้วที่ล้มลงบนพื้น

เพื่อคุ้มกันคนบาดเจ็บ คนของกองพลก่อสร้างจำนวนไม่น้อยจึงติดพิษและทำให้ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย

นักสู้ชาวอินเดียคนนั้นยังคงกระหน่ำโยนระเบิดออกมาเรื่อยๆพร้อมกับยิ้มอย่างโหดเหี้ยม

ในเวลานี้เองเงาร่างอันสูงส่งพลันกระโจนออกมาจากฝูงชนพร้อมกระชับโล่ปราการขนาดใหญ่ที่มีหัวสิงโตสลักเอาไว้วางขวางเบื้องหน้า เขาใช้โล่นี้ขวางกั้นระเบิดทุกลูกและปกปักษ์เหล่านักสู้ที่ต้องพิษ

นักสู้ชาวอินเดียแค่นเสียงเยาะและไม่สนใจจะเขวี้ยงระเบิดใส่คนอื่นอีก เขาหยิบระเบิดพิษลูกแล้วลูกเล่าออกมาด้วยมือทั้งสองข้างหมายจะระเบิดนักสู้ผู้ใช้โล่ปราการผู้นี้จนตาย

เขาก่นด่าอาละวาดออกมาด้วยภาษาของตัวเอง

“มาดูกันว่าแกจะรับได้ซักแค่ไหน!”

ในเวลานี้เองชายหนุ่มร่างยักษ์อีกคนหนึ่งก็พลันชูคทาเล็กๆในมือขึ้นฟ้า

แสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวนวลสาดส่องลงมาจากฟากฟ้าและเข้าปกคลุมร่างของเหล่านักสู้ที่ต้องพิษเอาไว้

พริบตาหลังจากนั้น แสงสีเขียวมรกตที่ดูเหมือนจะอัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตก็สาดส่องตามมา

ชำระล้าง!

ฟื้นฟูขั้นสูง!

หลังจากร่ายเวทย์สนับสนุนทั้งสองชนิดไป สถานะติดพิษของนักสู้ที่ต้องพิษก็พลันถูกลบล้างอย่างสมบูรณ์และพลังชีวิตเองก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก

นักสู้ชาวอินเดียที่กำลังโยนระเบิดอย่างมันส์มือพลันชะงักค้าง

สกิลชำระล้างนี่มันอะไรกัน?

ถึงขั้นลบล้างพิษของเขาได้เลยรึ?

“ในฐานะของนักสู้ระยะไกลไม่รู้รึไงว่าไม่ควรเข้าใกล้ศัตรู?”

ฮีลเลอร์ร่างกำยำพลันกระโจนเข้าใส่อีกฝ่าย

คทาเล็กๆในมือของเขาถูกเหวี่ยงจากล่างขึ้นบนราวกับไม้กอล์ฟและฟาดเข้าใส่หัวของนักสู้ชาวอินเดียผู้นั้นเข้าอย่างจัง

ปัง!

อีกฝ่ายถูกพลังทำลายล้างมหาศาลนี้ส่งร่างปลิวกระเด็นออกไปในพริบตา

เลือดสาดกระจายไปทั่วพร้อมๆกับฟันหลายซี่ที่หลุดกระเด็น

นี่มันฮีลเลอร์จริงๆเรอะ?

ทันทีที่นักสู้ชาวอินเดียผู้นี้หล่นลงบนพื้น นักสู้กลุ่มใหญ่ก็พลันเข้ามาล้อมกรอบเขาเอาไว้

“แกสินะที่ปาระเบิด?”

“ฆ่าแม่ง!”

นักสู้พากันรุมทึ้งอีกฝ่ายโดยไม่แม้แต่จะใช้สกิล พวกเขาทุกคนล้วนใช้หมัดเท้าเข่าศอกในการอัดอีกฝ่าย

“พี่นมทำได้ดีมาก!” ดาบพิษยกนิ้วโป้งให้

นักสู้ที่อยู่รอบๆเองก็อุทานออกมา

“ไม่คิดเลยนะเนี่ยพี่นม ท่าเมื่อกี้มีชื่อไหม? ฮีลเลอร์กลับมีสกิลแบบนี้ด้วยเรอะ?”

ฮีลเลอร์หนุ่มกล้ามโตพยักหน้ารับคำด้วยท่าทีอับอาย “ฉันสร้างมันขึ้นมาเอง ตั้งชื่อว่า ‘คทาสู่สุขคติ’”

ภายในคุกของโคโลนี่หมายเลข3

ที่แห่งนี้มักจะถูกใช้เพื่อขังพวกนักสู้ที่ไม่ฟังคำสั่งและไม่รักษาคำพูด

มู่หยางเองก็ถูกโยนมาขังเอาไว้ในหนึ่งในบรรดาคุกทั้งหลายเช่นกัน

เขาพิงซี่ลูกกรงด้วยท่าทีเกียจคร้าน

ในเวลานี้เองจู่ๆเขาก็พลันได้ยินเสียงโห่ร้องของการต่อสู้ดังขึ้นมา

ในบรรดาเสียงเหล่านั้นมีเสียงแตรอันเป็นเอกลักษณ์ของอินเดียแฝงมาด้วย

มู่หยางลุกพรวดขึ้นทันที เขามีความสุขยิ่งนัก

เขาทราบดีว่านายท่านของเขามาแล้ว!

“เฮอะๆๆ ฟังดูจากเสียงแล้วดูเหมือนว่าอินเดียของพวกเรากำลังจะชนะแล้วสินะ!”

สีหน้าของมู่หยางดูมีความสุขยิ่งนัก

ใต้กำแพงทิศตะวันออก ด้านนอกเมือง

สีหน้าของครุฑเปลี่ยนไปจากมั่นใจในชัยชนะกลายเป็นมืดครึ้มและเคร่งขรึม

หลี่เหว่ยกั๋วและเหล่าอู๋ที่สวมใส่ชุดรบโลหะนี้ยังไม่เท่าไหร่ ยังไงซะการที่อีกฝ่ายจะมีไพ่ตายที่ไม่เคยใช้มาก่อนเช่นนี้ซ่อนเอาไว้ก็ไม่นับว่าไร้เหตุผล

หากแต่การปรากฏตัวอย่างฉับพลันของนักสู้จำนวนมากในโคโลนี่ต่างหากที่อยู่เหนือความคาดหมาย!

“พวกแก...รู้อยู่แล้วสินะ!”

กระทั่งคนโง่ก็ยังรู้ดังนั้นก็ไม่ต้องกล่าวถึงครุฑเลย ยิ่งไปกว่านั้นครุฑยังไม่ได้โง่อีกด้วย

หลี่เหว่ยกั๋วหยอกเย้า “แน่นอนสินี่เอ็งพึ่งจะรู้ตัวรึไง?”

ครุฑสูดลมหายใจเข้าลึก แววตาของเขาตอนนี้แดงก่ำราวกับโลหิต

เขารู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้พ่ายแพ้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อโคโลนี่หมายเลข3เตรียมการรับมือเอาไว้เช่นนี้ถ้างั้นหมายเลข2กับหมายเลข1เองก็ย่อมเตรียมการรับมือเอาไว้ด้วยเช่นกัน

ในเมื่อเขาไม่อาจสังหารหลี่เหว่ยกั๋วกับเหล่าอู๋ลงได้ นั่นก็หมายความว่าเขาไม่อาจทำลายโคโลนี่หมายเลข3ลงได้

สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือ...

หนี!

ครุฑละทิ้งทุกอย่างยอมแม้กระทั่งทิ้งสิงโตทองคำและหันกายหลบหนีไปทันที

เทียบกับนักสู้ขอบเขตที่8สองคนที่เข้าโจมตีโคโลนี่หมายเลข2กับหมายเลข1แล้ว ตัวเขานั้นมาจากฝ่ายของพวกชนชั้นสูงและเป็นหนึ่งในผู้ปกครองของอินเดีย

ครุฑรู้ดีว่าเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ก็เพียงเพราะว่าเพื่อให้เขาได้สั่งสมความสำเร็จเท่านั้น

ตราบใดที่สามารถสร้างชื่อครั้งใหญ่ได้จากการยึดครองบรรพตเสี้ยววิญญาณ การที่เข้าจะได้กลายเป็นรองหัวหน้าหรือกระทั่งแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าในอนาคตก็ย่อมไม่ใช่ปัญหา

หัวหน้าเองก็เคยบอกเขาเอาไว้ว่าถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นให้เอาชีวิตตัวเองให้รอดเป็นลำดับแรก

ดังนั้นเขาจึงหันกายและหลบหนีไปทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

ในอุปกรณ์เก็บของของเขายังมีกุญแจสุริยันอยู่

ตราบใดที่เขาหนีไปจนถึงระยะปลอดภัยและเปิดประตูผันผวนขึ้นมาได้เขาก็สามารถหลบหนีกลับไปยังเมืองแสงสุริยันได้!

“เวรเอ๊ย เจ้าหมอนี่มันไร้ศักดิ์ศรีชิบเป๋ง”

เหล่าอู๋ตกตะลึง

ไม่ใช่เขากล่าวกันว่าครุฑผู้นี้คือคนที่มีโอกาสได้เป็นหัวหน้าของอินเดียในอนาคตรึไง?

ไม่ใช่ว่าว่าที่หัวหน้าองค์กรควรจะรักษาหน้าของตัวเองรึไงวะ?

“นายยังไม่ได้รับบาดเจ็บเลยนะ ถ้าสู้ต่ออาจจะจัดการกับพวกเราได้ก็ได้” เหล่าอู๋ตะโกนขณะไล่ตามอีกฝ่าย

“ใช่แล้วพวกเราอ่อนแอมากนะ ถ้านายคิดว่าสู้ไม่ไหวเดี๋ยวพวกเรายอมถอดชุดรบโลหะออกแล้วค่อยสู้กันก็ได้!” หลี่เหว่ยกั๋วใช้สกิลของเขาไล่ตามอีกฝ่ายไป

ครุฑโกรธายิ่งจนแทบจะกระอักเลือดออกมา

เชื่อก็หมาแล้ว!

เจ้าสองเฒ่านี่น่ารังเกียจยิ่งนัก!

“ไม่ดีแน่ เจ้าหมอนี่เร็วเกินไปเราตามไม่ทัน” เหล่าอู๋กระซิบกระซาบ

ถ้าสามารถสังหารครุฑลงได้ย่อมสร้างความเสียหายให้กับพวกระดับสูงของอินเดียอย่างร้ายแรง

อย่างไรก็ตามพวกเขาทำได้เพียงมองดูครุฑวิ่งหนีจากไป พวกเขาจึงรู้สึกไม่ค่อยดีกับเรื่องนี้นัก

“จงเปิด!”

เมื่อเห็นว่าตัวเองหนีออกมานอกระยะโจมตีของอีกฝ่ายแล้ว ต่อให้เป็นเวลาสั้นๆเพียงเสี้ยววิแต่แค่นี้ก็มากพอแล้ว

ครุฑกระวีกระวาดนำกุญแจสุริยันออกมาและสอดมันเข้าไปในอากาศเบื้องหน้า

จากนั้นประตูแสงที่ส่องแสงแวววาวก็พลันเปิดออก

ครุฑดีใจยิ่งนักและกระทั่งก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปในประตูแสงแล้ว

หากแต่ในเสี้ยววินาทีนี้เองเวลากลับดูเหมือนจะเชื่องช้าลง

ประกายดาบวูบหนึ่งพุ่งออกมาจากประตูแดนลับของบรรพตเสี้ยววิญญาณ

ประกายดาบนี้ตัดผ่านท้องฟ้ามาราวกับสวรรค์และปฐพีเชื่อมถึงกันแลดูราวกับมวลแสงทั้งหมดในบรรพตเสี้ยววิญญาณเลือนหายไปสิ้น

แกร๊ก

ประตูแสงพลันพังทลายลง!

ตูม!

ขาขวาของครุฑถูกส่งกลับไปผ่านประตูแสง

หากแต่ร่างกายส่วนที่เหลือของเขานั้นยังอยู่ในบรรพตเสี้ยววิญญาณ

ครุฑเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

“ฉันอนุญาตให้ไปได้แล้วหรอ?”

น้ำเสียงใสกระจ่างหากแต่ดังสนั่นดังกึกก้อง

พริบตาต่อมาชายวัยกลางคนท่าทางสุภาพเรียบร้อยก็พลันปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของครุฑ

ครุฑกล้ำกลืนฝืนทนความเจ็บปวดและเงยหน้ามอง พริบตานั้นแววตาของเขาก็พลันหรี่ลง

เหล่าอู๋และหลี่เหว่ยกั๋วเองก็ทั้งประหลาดใจและดีใจไปพร้อมๆกัน “หัวหล้าลู่”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด