ตอนที่แล้วChapter 82 ข้าจะทำลายเจ้าทั้งตระกูล.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 84 ร่วมมือ ต่างคนต่างได้

Chapter 83 สำนักหลิงชวน ลาจากยุทธภพ.


เหว่ยอี้หนูรับรู้เพียงมีลำแสงพุ่งมา จากนั้นก็ทะลวงอก เขาที่คุกเข่าลงกับพื้นนอนหมดสิ้นไร้ซึ่งลมหายใจในทันที.

ความหวาดกลัวที่กำลังจะตายครุ่นคิดได้ สิ่งที่ปรากฏขึ้นมานั้นต้องเป็นอาวุธลับ ที่สามารถเจาะทะลวงร่างกาย ทะลวงหัวใจของเขาได้.

“ฟู่!”

จุนซ่างเซียวเป่าควันจากกระบอกปืนและกล่าวออกมาเบา ๆ “ราคาของเจ้าที่ตายไป ใช้กระสุนหนึ่งลูก หายไปหลายสิบเหรียญ.”

หากกล่าวตามตรง.

ด้วยความแข็งแกร่งจุนซ่างเซียวเวลานี้ สามารถสังหารเหว่ยอี้หนูได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ปืนเพื่อทำให้เสียกระสุนแต่อย่างใด.

“สี่....น้องสี่.....”

เหว่ยอี้ซีชะงักงัน แววตาค่อย ๆ กลายเป็นสีแดง ไม่ได้ร้องไห้ ทว่ามันถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นความโกรธเกรี้ยว.

พี่น้องทั้งสามที่ติดตามเขามาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะถูกรังแก พวกเขาต่างก็ช่วยเหลือกันและกัน หากแต่ตอนนี้ พี่น้องกับตายคนแล้วคนเล่า โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย.

“ตึก ตึก ตึก!”

ในเวลานั้น ด้วยเสียงที่ดังกึกก้องทำให้ศิษย์ของสำนักหลิงชวนวิ่งตรงมาจากลานสวนด้านใน มีสมาชิกหลายร้อยคน ขณะเห็นอาวุโสสี่คุกเข่า อกเป็นรู ใบหน้าของแต่ละคนถึงกับเบิกกว้างกลมโต.

ใครสังหาร?

ก่อนที่ทุกคนจะมองเห็นจุนซ่างเซียว.

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นป้ายสำนักที่ถูกปลดลงมา ก็รู้แล้วว่า กำลังเกิดเรื่องอะไร!

“เป็น....เป็นเขา!”ใบหน้าของศิษย์คนหนึ่งในชุดสีเขียว ซึ่งเป็นคนที่ถูกจุนซ่างเซียวทุบตีเมื่อครั้งอยู่บนเส้นทางนอกเมือง และถือว่า เขาคือต้นเรื่องของทั้งหมด.

กล่าวได้ว่า ความขัดแย้งของสำนักไท่กู่เจิ้งและสำนักหลิงชวนเกิดขึ้นมาจนถึงจุดแตกหัก เป็นเพราะว่าเขาพยายามจะล่วงเกินลู่เชียนเชียน หากไม่เช่นนั้น ความขัดแย้งทุกอย่าง คงไม่เกิดขึ้น.

เฮ้อ.

แล้วจะให้ข้าพูดอะไรได้.

จะให้โทษ้ขาเองก็คงไม่ได้ ในเมื่อเป้าหมายหลักของสำนักหลิงชวน หากว่ามีศิษย์คนใหนถูกทำร้าย ก็จะรวมตัวเฮโลไปแก้แค้น.

ความแค้นที่ดำเนินมาถึงขั้นนี้ เหว่ยอี้หนูถูกสังหาร ไม่มีทางที่จะยอมความได้ อีกตลอดไป.

ทุกครั้งที่ศิษย์ของสำนักหลิงชวนก่อเรื่องขึ้นในงานรับศิษย์ร้อยสำนัก จะมีสำนักอื่นนำศิษย์มาขอโทษ ทว่า จุนซ่างเซียวกับทำเรื่องที่ต่างออกไป เขาที่ตาต่อตาฟันต่อฟัน.

แท้จริงแล้ว ความอหังการจองหองของพวกเขา คือสิ่งที่ทำให้เหตุการณ์เดินทางมาถึงจุดนี้.

สำนักหลิงชวน ไม่สามารถทนได้ และไม่สามารถถอยหลังกลับได้ แม้แต่เวลานี้อาวุโสทั้งสามถูกสังหารจนราบเรียบไปหมดแล้ว.

น่าเสียดาย เหว่ยอี้ซี่เองก็ยังไม่เคยคิดถึงผลลัพธ์ใด ๆ เขาที่กำหมัดแน่น แววตาที่บ้าคลั่ง คำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวโกรธ.“ฆ่ามัน!”

คำสั่งของเจ้าสำนัก มีรึ? ที่ศิษย์จะกล้าขัด พวกเขาที่นำอาวุธออกมา พร้อมกับพุ่งเข้าล้อมกรอบจุนซ่างเซียวในทันที.

อาวุโสที่ถูกสังหาร พวกเขาเองก็โกรธเกรี้ยวไม่ได้น้อยไปกว่าเจ้าสำนักเช่นกัน.

“ฟู่!”

จุนซ่างเซียวที่เป่าควันของปืนอีกครั้ง และกล่าวออกมาว่า “เปิ่นจั้วขอบอก หากเจ้าไม่เข้ามาเอง ศิษย์ของเจ้ามีแต่จะตายเปล่า.”

“ไอ้หนู เลิกพล่ามได้แล้ว ตายไปซะ!”

ศิษย์คนของเขาคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้าเจ้าสำนัก พร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่พุ่งเข้าไป.

จุนซ่างเซียวที่เก็บปืนพกอินทรีทะเลทราย พร้อมกับสะบัดนำกระบี่หานเฟิงออกมา.

“ซี่!”

ที่ลำคอของศิษย์คนดังกล่าวกลายเป็นรอยกระบี่ จากนั้นโลหิตก็พุ่งกระฉูดออกมา.

ศิษย์คนดังกล่าวอาวุธหลุดจากมือ มือทั้งสองข้างที่กุมที่บาดแผลหากแต่ไม่มีลำคอให้ส่งเสียงแล้ว ใบหน้าที่ไร้ซึ่งความหวังทรุด ล้มลงกับพื้นตายไปในทันที.

“แฮกๆ!”

ศิษย์พี่ใหญ่สำนักหลิงชวนที่ลงมือ เขามีพลังบ่มเพาะเปิดชีพจรขั้นที่สิบ กับถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย นี่จะไม่ให้พวกเขาตื่นตกใจได้อย่างไร.

“บุก! บุกเข้าไป!”เหว่ยอี้ซีที่โกรธเกรี้ยวคำรามดังก้อง.

ทำไมเขาไม่บุกเข้าไปเอง?

เพราะเขารู้ดี แสงสีเงินที่ถูกปล่อยจากอาวุธลับก่อนหน้านี้ ต้องเป็นอาวุธลับที่ทรงพลังมาก หากเขาลงมือตอนนี้ก็จะมีสภาพไม่ต่างจากน้องสี่ของเขา.

ทำไมถึงต้องให้ศิษย์บุกเข้าไปนะรึ?

เพราะว่า เขารู้ดี อาวุธลับนั่นคงคล้ายกับหน้าไม้ ที่ไม่สามารถยิงได้ไม่จำกัด การให้ศิษย์ของตัวเองบุกเข้าไป ไม่ช้าก็เร็ว ก็จะหมดกระสุนไป.

พูดให้ถูก.

เขาใช้ศิษย์เป็นเบี้ยใช้แล้วทิ้งนั่นเอง.....

และแน่นอนว่าศิษย์ของสำนักหลิงชวนย่อมคิดไม่ถึงอย่างชัดเจน ว่าพวกเขานั้นไร้ค่า พวกเขาทำได้แค่รับคำสั่ง ถือกระบี่พุ่งเข้าไปไม่หยุด.

“เสียใจแทนพวกเจ้าทุกคนจริง ๆ.”

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา กระบี่หานเฟิงในมือ ที่ตวัดออกไปรับการโจมตีของศิษย์สำนักหลิงชวน.

“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”

กระบี่คลื่นซ้อนเก้าทบที่แสดงออกมา ปราณกระบี่ที่พวยพุ่งออกไปเป็นระลอกคลื่น แผ่กระทบหยุดคนทั้งหมดเอาไว้.

“พรึด ซี่! พรึด ซี่!”

ริ้วแสงกระบี่ที่แผ่ความเย็นกวาดออกไปรอบ ๆ เฉือนคอของศิษย์สำนักหลิงชวนมากกว่าสิบคนล้มคว่ำ โลหิตกระฉูดในครั้งเดียว.

“กึก โครม  กึก โครม”

เพียงแค่ริ้วแสงกระบี่หานเฟิง ปลดปล่อยผ่านออกไป โลหิตต้องสาดกระจาย คนที่ล้มฟุบขาดเป็นสองท่อน.

เพียงแค่พริบตาเดียวหลายสิบศพก็กองซ้อนกันเป็นพะเนิน ดวงตาของเขาที่เย็นชาดุร้าย ราวกับมาจากนรกอเวจี.

เหล่าศิษย์ของสำนักหลิงชวนที่ตื่นตะลึงหวาดผวา ไม่กล้าบุกเข้าไปอีก.

จุนซ่างเซียวที่ยกกระบี่ชี้ไปยังเหว่ยอี้ซี “คนที่เปิ่นจั้วต้องการสังหารวันนี้คือมัน พวกเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยไม่ต้องการตายด้วยคมกระบี่ข้า ไสหัวไปให้เร็ว.”

ศิษย์ของสำนักหลิงชวนหาได้ใช่คนชั่วร้ายทั้งหมดเหมือนกับโจรภูเขา เขาไม่จำเป็นต้องสังหารทุกคน ดังนั้นการมาในครั้งนี้ คนที่ต้องการสังหารหลัก ๆนั้นก็คือพี่น้องตระกูลเหว่ย.

“ไอ้หนู ตายซะ!”

ในเวลานั้น มีศิษย์คนหนึ่งที่ยกดาบฟันมาจากด้านหลังอย่างดุร้ายรุนแรง.

จุนซ่างเซียวที่คิดว่าตัวเองนั้นมีเมตตาแต่กับไม่มีใครต้องการ ทันใดนั้นแววตาของเขาก็กลายเป็นดุร้าย ตวัดกระบี่หานเฟิงไปด้านหลัง.

“ฟิ้ว!”

พริบตาที่ริ้วแสงกระบี่ตัดผ่าน หัวของผู้ฝึกยุทธ์ถือดาบก็ขาดสะบั้นทันที.

“ฆ่า! ฆ่า!”

ศิษย์สำนักหลิงชวนในเวลานั้นได้ฉวยโอกาสบุกมาจากทุกทิศทุกทาง.

จุนซ่างเซียวที่ไม่คิดระงับพลังเอาไว้อีกต่อ พลังบ่มเพาะศิษย์ยุทธ์ขั้นห้าถูกปล่อยออกมาทั้งหมด พลังวิญญาณที่แผ่เข้าไปในกระบี่หานเฟิง ความหนาวเย็นและกลิ่นอายที่มืดครึ้มกระจายออกไปรอบ ๆ ทันที.

“ในเมื่อพวกเจ้าไร้สมองกันนัก ก็อย่าหาว่าเปิ่นจั้วสังหารทุกคนทั้งเทือกเขาหลิงชวนก็แล้วกัน!”ขณะกล่าว กระบี่ก็เคลื่อนเร็วเหวี่ยงออกไป ด้วยความเร็วสูง.

“ฉับ! ฉับ! ฉับ!”

ทุกครั้งที่กระบี่หานเฟิงเคลื่อนผ่าน หัวของฝ่ายตรงข้ามต้องขาดหลุดลอยออกไปทันที กระบี่ที่แหลมคนสะบั้นแขนขาศิษย์ของสำนักหลิงชวนให้ลอยเคว้งอยู่บนอากาศ.

ไม่มีเวลาให้โอกาสคร่ำครวญแม้แต่น้อย เพราะว่าพริบตาเดียวจากนั้นคมกระบี่ที่สองก็เอาชีวิตพวกเขาไปแล้ว.

“ฟิ้ว-”

กระบี่หานเฟิงที่ขยับด้วยความเร็ว ความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านออกไปทั่วทุกสารทิศ.

“พรึด ซี่! พรึด ซี่!”

ศิษย์สำนักหลิงชวนมากกว่า 20 คน ปรากฏรอยกระบี่ที่ลำคอ ก่อนที่จะค่อย ๆ ทรุดล้มลงสิ้นลมหายใจบนพื้น.

จุนซ่างเซียวที่สังหารศิษย์ของสำนักหลิงชวนกว่า 20 คน ใช้พลังวิญญาณไปเพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น.

“พรึด โครม.”

ศิษย์ที่บุกเข้ามา เวลานี้ตายเป็นศพกองพะเนินอยู่บนพื้น.

ศิษย์สำนักหลิงชวนที่มีพลังบ่มเพาะเปิดชีพจรขั้นห้าถึงหก กับความแข็งแกร่งศิษย์ยุทธ์ขั้นที่ห้า เป็นเรื่องง่ายดายมากที่จะจัดการพวกเขา.

เหว่ยอี้ซีที่หวาดผวาขึ้นมาทันที.

ในเวลานี้เขาพอจะคาดเดาได้ เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง มีความแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยกว่าระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่สี่เป็นแน่!

แม้แต่เจ้าสำนักยังหวาดผวา แล้วเหล่าศิษย์ล่ะ.

แม้นว่าพวกเขาจะล้อมกรอบจุนซ่างเซียวเอาไว้ ทว่าเมื่อฝ่ายตรงข้ามก้าวเข้ามา พวกเขาก็ถอยห่างออกไปในทันที แววตาที่ตื่นกลัวเป็นอย่างมาก.

ฝ่ายตรงข้ามที่ตัดพวกเขา ราวกับเต้าหู้ ทำให้พวกเขาหวาดกลัวอย่างสมบูรณ์.

“บุก! บุกเข้าไป!”เหว่ยอี้ซีที่คำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่ได้สนใจชีวิตของศิษย์เลย ขอเพียงสังหารจุนซ่างเซียวได้ เขาก็พร้อมที่จะสละชีพศิษย์ทุกคนได้.

อย่างไรก็ตาม.

จุนซ่างเซียวแข็งแกร่งเกินไป ศิษย์สำนักหลิงชวนไม่มีใครกล้าบุกเข้าไป ไม่แม้แต่กล้าสบตา เวลานี้มือที่ถืออาวุธกำลังสั่นไปมาอย่างรุนแรง.

สำหรับพวกเขา ใครกันที่ต้องการตาย!

ตอนนี้สองจิตสองใจ ระหว่างความกล้ากับความตาย!

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวยกกระบี่ขึ้น ประกายแสงที่สว่างจ้าแผ่ความเย็นออกไป.

กลิ่นอายความเย็นที่ฟุ้งอยู่ในอากาศ ทำให้ทุกคนที่สัมผัส ขนทั่วร่างลุกตั้งชูชัน แม้แต่หวาดผวา เร่งรีบถอยออกห่างไปไกล อย่างรวดเร็ว!

“แก....”เหว่ยอี้ซีที่คำรามออกมาด้วยความโกรธ.

เหว่ยอี้ซีที่เปลี่ยนแผนต้องการให้ศิษย์ตัวเองรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ จากนั้นก็ชิงโอกาสหนี ตอนนี้ตำแหน่งของเขากลับถูกเผยออกมา.

ไม่มีศิษย์ขวางเส้นทางเอาไว้แล้ว จุนซ่างเซียวที่แผ่พลังวิญญาณลงไปในกระบี่ พร้อมกับพุ่งออกไปราวกับลูกศรที่ปล่อยจากคัน.

“ไม่ได้การแล้ว......”

“พรึด ซี่-”

ภายในใจของเหว่ยอี้ซีสัมผัสได้ถึงวิกฤติ ก่อนที่ศีรษะของเขาจะลอยออกไป ร่างหล่นลงบนสวนลงบนหน้าป้ายสำนัก โลหิตที่อาบไปทั่วป้ายสำนัก.

“เจ้าสำนัก!”

ในเวลาเดียวกันศิษย์ของสำนักหลิงชวนที่ยืนอยู่อย่างโง่งม.

......

ในวันดังกล่าวนั้น.

บนเทือกเขาหลิงชวนมีเปลวเพลิงลุกโชติช่วง เผาไหม้ตลอดทั้งวันทั้งคืน นับจากนี้ไป สำนักหลิงชวนได้หายไปจากยุทธ์ภพแล้ว.

“ฟู่!”จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่บนเทือกเขาอีกลูก ยืนอยู่บนก้อนศิลาสูดบุหรี่มวนโต จ้องมองไปยังพื้นที่รอบ ๆ กล่าวออกมาเสียงเบา “ทำไมไม่มีนิโคตินรึ?”

ระบบกล่าว “มันคือบุหรี่ไฟฟ้า.”

“นี่มัน.......”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด