ตอนที่แล้วChapter 45 ค่าชดเชยหนึ่งเหรียญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 47 กำปั้นหนักกว่ามาก.

Chapter 46 ความเร็วที่น่าพรั่นพรึง


อ้ายชางเกอเป็นมือกระบี่ด้วยเช่นกัน เห็นกระบี่หานเฟิงที่มีคุณภาพสูงอยู่ในมือของจุนซ่างเซียวก็เอ่ยออกมาทันที.

“กระบี่อยู่ในมือของเจ้า เสียของหมด มอบมันมาให้กับข้าซะ แล้วความแค้นทั้งหมดจะถือว่าหายกัน.”

อ้ายชางเกอที่ต้องการกระบี่ คิดว่าสำนักไท่กู่เจิ้งไร้พลังจะยอมมอบให้แน่.

“ให้เจ้ารึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ไม่ใช่ว่าสมองของเจ้าป่วยรึ?”

ทันใดนั้นสายตาของอ้ายชางเกอก็กลายเป็นลึกล้ำเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา ทั่วร่างแผ่คลื่นพลังสีขาวออกมาในทันที.

หลังจากก้าวถึงระดับศิษย์ยุทธ์ได้แล้ว ผู้ฝึกยุทธ์จะสามารถรวมพลังวิญญาณเป็นพายุหมุนในจุดตานเถียนได้ เมื่อกระตุ้น มันสามารถระเบิดกลิ่นอายที่แข็งแกร่งทรงพลังออกมาได้ในทันที ซึ่งจะถูกเรียกว่ารัศมีวิญญาณ.

ด้วยระยะทางอยู่ไม่ห่างกันนัก จุนซ่างเซียวสัมผัสได้และเอ่ยในใจ “คนผู้นี้เหนือกว่าหัวหน้าใหญ่โจรภูเขา ร้ายกาจจริง ๆ.”

ก่อนหน้านี้เขาสังหารระดับศิษย์ยุทธ์โจวเทียนป้า ด้วยการปลดปล่อยดาบหนานโชว ตอนนี้มันถูกผนึก มีอาวุธเพียงดาบหานเฟิงระดับสามัญขั้นต้น ดูเหมือนว่าจะเป็นงานที่ลำบากอีกครั้งแล้ว.

หนำซ้ำ อาวุธของฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนว่าจะไม่ด้อยกว่าดาบของเหว่ยอี้หนูด้วย พลังบ่มเพาะของเขาด้อยกว่ามาก อาวุธเองก็ไม่ได้เหนือกว่าขนาดนั้น แล้วจะรับมืออย่างไร?

ใช่แล้ว ยังมีวิธีอื่น.

24 แต้มสนับสนุน เก็บเอาไว้ใช้.

จุนซ่างเซียวที่ส่งจิตเข้าไปในแหวนมิติ พร้อมกับเรียกใช้ยันต์ความเร็วที่ได้มาจากกล่องมือใหม่ เขาที่เอ่ยกล่าวในใจ.“วรยุทธใต้หล้าตัดสินแพ้ชนะวัดที่ความเร็ว”

“แก๊ก.”

เสียงบดยันต์ความเร็วดังขึ้นทันที.

พริบตานั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังพิเศษที่ปกคลุมไปทั่วขาสองข้าง แม้แต่พร้อมจะระเบิดออกมาทันที เขาก้าวเท้าออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง.

ที่มุมปากของเขาที่กระตุกเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย“สัมผัสได้ถึงพลังของสายลม......”

“ไอ้หนู.”

อ้าวชางเกอที่แค่นเสียงเย็นชา “เตรียมตัว?”

จุนซ่างเซียวที่ยกกระบี่ กล่าวออกมาว่า “เข้ามา.”

“ฟิ้ว!”

สิ้นเสียงคำพูด อ้ายชางเกอที่ก้าวออกไปด้านหน้า ข้อมือขวาที่ตะวัดออกไป กระบี่ยาวสามฉื่อ พุ่งทะลวงทันที ปราณกระบี่ที่เหมือนกับไหมสีขาว พุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง.

“ฟู่ ฟู่!”

พริบตานั้น อำนาจกระบี่กวาดม้วนกระจายไปทั่วอากาศ.

เหล่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่ใบหน้าเปลี่ยนสี ส่งเสียงดังอื้ออึง.

สายตาของทุกคนที่จ้องมองจุนซ่างเซียว ขณะที่ยังคงมองเห็นเขายืนอยู่กับที่ มุมปากกับยกยิ้มอย่างไม่แยแส.

เป็นไปได้ว่า....เจ้าสำนักจะใช้วิชาระฆังทองคุ้มกายอย่างงั้นรึ?

“ไม่หลบอย่างงั้นรึ?”

อ้ายชางเกอแค่นเสียง.

แม้นจะเป็นเพียงปราณกระบี่ ทว่าพลังทำลายนั้นก็มีมากกว่าหลายพันจิน หากไม่หลบ จบไม่สวยแน่นอน.

“ฟิ้ว!”

ในเวลานั้น ปราณกระบี่ที่พุ่งตัดร่างจุนซ่างเซียวขาดออกเป็นสองท่อน.

“เจ้าสำนัก!”เหล่าศิษย์มากมายที่อุทานออกมาด้วยความตกใจ.

อ้ายชางเกอที่เผยท่าทางงงัน เขาเพียงแค่ลองเชิงเท่านั้น เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งก็ขาดเป็นสองท่อนแล้วรึ?

ขยะของแท้ เพียงกระบี่เดียวก็รับไม่....

ไม่ใช่ ไม่ถูกต้อง!

ร่างกายขาดสองท่อน ทำไมไม่มีโลหิตกระฉูด?

เหล่าศิษย์ไท่กู่เจิ้งเองก็เริ่มตระหนักถึงปัญหา จากนั้นก็เห็นร่างของเจ้าสำนักบิดเบี้ยวและสลายหายไปช้า ๆ.

นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

“ภาพลวงตาอย่างงั้นรึ?”

อ้ายชางเกอที่ขมวดคิ้วแน่น.

“เฮ้.”

เสียงเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นทันที “เปิ่นจั้วอยู่นี่.”

“ฟิ้ว!”

อ้ายชางเกอที่หันหลังกลับในทันที ก่อนที่จะเห็นจุนซ่างเซียวกระดิกนิ้วเรียกอยู่ด้านหลัง พร้อมกับเผยยิ้มให้กับตัวเอง อ้ายชางเกอที่ตื่นตระหนก ยากจะสงบได้ “เจ้ามาอยู่นี่ได้อย่างไร!”

เหล่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งเห็นเจ้าสำนักปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ก็เบาใจ ทุกคนงงงวยสงสัย ทั้งที่ยืนอยู่ด้านหน้าชัดเจน พริบตาเดียวก็มาอยู่ด้านหลังอีกฝ่ายแล้ว.

“เข้ามา.”จุนซ่างเซียวกล่าว.

“เป็นไปไม่ได้!”อ้ายชางเกอเอ่ย “เจ้าไร้ยางอายใช้วิชาลวงตาตั้งแต่แรกแน่นอน!”

จุนซ่างเซียวสีจมูก กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “แหกตาดู ข้าจะแสดงให้ดูอีกครั้ง.”

“ฟิ้ว!”

กล่าวจบ ร่างของเขาที่ยังคงหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวจุดเดิม ทว่าที่ด้านหลังกับปรากฏเสียง ๆ หนึ่งขึ้นอีก “เห็นชัดเจนรึยัง?”

อ้ายชางเกอที่หันหลังกลับ ก็พบจุนซ่างเซียวไปยืนที่ตำแหน่งเดิม ใบหน้าของเขาถึงกับแข็งค้าง.

“โอ้วสวรรค์!”

เหล่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.

พวกเขาจับจ้องอยู่ตลอด พริบตาเดียวเจ้าสำหนักก็เคลื่อนกลับมาด้านหลังอาวุโสตระกูลอ้ายอีกครั้ง ร่างก่อนหน้านี้ค่อย ๆ สลายหายไปช้า ๆ.

อ้ายชางเกอตกใจเอ่ยออกมาว่า “เจ้า...เจ้าใช้วิชามาร!”

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา กล่าวออกมาว่า “ไม่ใช่วิชามารใด ๆ มันคือท่าเท้า ที่เรียกว่า ก้าวลวงตา.”

“ก้าวลวงตา?”

อ้ายชางเกอ ไม่เคยได้ยิน ทว่าเขาราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ กล่าวออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “ภาพลวงตาก่อนหน้านี้เพราะเจ้าเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงอย่างงั้นรึ?”

“มีสมองเหมือนกันนิ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ภายในใจของเขาเองก็ตื่นตะลึงเช่นกัน “ยันต์ความเร็วนั้น เพิ่มความเร็วเขามากมายมหาศาล สามารถเปลี่ยนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว แม้แต่เกิดภาพติดตาขึ้น.”

“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้!”

อ้ายชางเกอไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย ต้องไม่ลืมว่าแม้แต่ตัวเขาก็มองไม่ทัน ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนที่รวดเร็วจนเห็นเป็นภาพติดตา ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องตื่นตะลึงอยู่แล้ว!

“ฟิ้ว!”

จากนั้น ราวกับพายุหมุนก็ปรากฏขึ้น.

จุนซ่างเซียวไปปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าเขา ด้านหลังยังคงเหลือภาพติดตาเอาไว้ “ครั้งนี้เห็นชัดเจนรึยัง?”

“เจ้าสำนักเคลื่อนที่เร็วมาก ข้ามองไม่ทันเลย!”

“เคลื่อนที่เร็วจริง ๆ แม้แต่ดวงตาของพวกเราก็มองไม่ทัน!”

“เจ้าสำนักทรงพลังนัก!”

ศิษย์ทุกคนที่ตะโกนเสียงดังด้วยความเคารพเทิดทูน.

“น่ารังเกียจ!”

อ้ายชางเกอที่คำรามออกมาด้วยความโกรธ กระบี่ของเขาที่เหวี่ยงออกไป ตัดได้เพียงแค่ภาพลวงตา จุนซ่างเซียวได้ไปยืนที่ด้านขวาแล้ว.

ในโลกของการต่อสู้ ยิ่งมีความเร็วก็ยิ่งได้เปรียบ.

อย่างไรก็ตาม ความเร็วระดับนี้ เหนือล้ำเกินกว่าระดับศิษย์ยุทธ์จะสามารถเข้าใจได้.

“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวที่เปลี่ยนตำแหน่งไปมาเรื่อย ๆ เพียงลมหายใจเดียว ก็ปรากฏภาพติดตากว่าสิบร่างแล้ว.

ชัดเจนว่า ทุกร่างเป็นเพียงภาพลวงตา ร่างแล้วร่างเล่า จนไม่สามารถบอกได้ว่าร่างใหนเกิดขึ้นก่อนหลัง.

ในค่ายวายุทมิฬหัวหน้าโจรย่อย ชายหัวโล้นได้ใช้วิชาเจ็ดเก้าเปลี่ยนเงา ทว่าจะดีจะร้ายก็ยังมองเห็นเงาอยู่ ทว่าตอนนี้ไม่แม้แต่บอกตำแหน่งของการเคลื่อนที่ได้เลย.

ใบหน้าของอ้ายชางเกอที่ค่อย ๆ หดเกร็ง มือที่กุมกระบี่สั่นเทิ้ม.

แม้แต่คนก็มองไม่เห็น จะโจมตีอย่างไร?

“ปัง!”

พริบตานั้น จุนซ่างเซียวก็ไม่ปรากฏด้านหลังเขา พร้อมกับถีบไปที่ก้น.

ท่าถีบที่มีพลังมากกว่าพันจิน อ้ายชางเกอหัวคะมำไปข้างหน้าสองสามก้าว แทบล้มลงกับพื้น.

“พรึด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

ศิษย์ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา.

จะดีจะร้ายเขาก็เป็นถึงอาวุโส แต่กับถูกถีบก้นโดยเจ้าสำนัก เป็นอะไรที่น่าหัวเราะจริง ๆ.

“น่ารังเกียจ!”

อ้ายชางเกอที่ยั้งเท้าพยุงร่างเอาไว้ได้ เขารู้สึกอับอายและโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก กระบี่ของเขาฟันออกไป เปี่ยมไปด้วยปราณกระบี่มากมายระเบิดพุ่งออกมารอบ ๆ.

“ฟิ้ว!”

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวยังคงเคลื่อนไหวอย่างใจเย็น เขาสามารถหลบซ้ายหลบขวา เหลือเพียงแค่ภาพลวงตาปรากฏขึ้นรอบ ๆ ลานยุทธ์.

ยันต์ความเร็วที่เพิ่มความเร็วจนน่ากลัว ปราณกระบี่ที่ทรงพลังปกคลุมไปทั่วลานยุทธ์ ราวกับตาข่ายที่ร่วงหล่นดังสายฝน ปิดกั้นทุกเส้นทาง เขาก็ยังสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย.

“ปัง!”

จุนซ่างเซียวปรากฏขึ้นด้านหลัง ถีบก้นอ้ายชางเกออีกครั้ง แม้นว่าจะไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ ทว่ากลับทำให้ฝ่ายตรงข้ามบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ.

“อ๊ากๆ!”

อ้ายชางเกอคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว.

“ฟิ้ว!”

ในเสี้ยววินาทีต่อมาเสื้อผ้ากางเกงของเขาก็ถูกสะบั้นขาดเป็นชิ้น ๆ หลุดออกไปจากร่าง เศษเสื้อผ้าที่กลายเป็นชิ้น ๆ กองไปบนพื้น เผยให้เห็นเพียงกางเกงในสีขาวตัวเดียว.

จุนซ่างเซียวไปปรากฏยืนอยู่ด้านหน้าของเขา กระบี่ที่ชี้ไปยังร่างที่เปลือยเปล่าไร้อาภร ผมเผ้าของเขาเองก็หยิกหยอยขาดเป็นหย่อม ๆ ด้วยเช่นกัน จุนซ่างเซียวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “อาวุโสอ้าย ท่านยังต้องการจะสู้อีกรึ?”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด