ตอนที่แล้วChapter 258 เม็ดยาฟื้นฟูระดับกลาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 260 ธรรมเนียมยุทธภพ.

Chapter 259 เจ้าเมืองลี่หยางผู้อบอุ่น.


ในทวีปชิงหยุนนั้น ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง จะบาดเจ็บมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำ.

ทำไม?

เพราะว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำระมัดระวังตัว อยู่แบบเจียมเนื้อเจียมตัวมากกว่า.

ยิ่งมีระดับพลังบ่มเพาะที่สูงก็จะยิ่งหาญกล้าแม้แต่ยโสโอหะว ทำอะไรตามใจ แม้แต่ลงมือกับคนอื่นตามอารมณ์ตัวเอง.

ดังนั้นเม็ดยาระดับกลางที่ใช้สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ระดับอาจารย์ยุทธ์และบรรพชนยุทธ์ น่าจะขายได้ดีกว่าเม็ดยาระดับต้นที่เหมาะกับศิษย์ยุทธ์และเปิดชีพจร.

หากไม่เพราะว่าเส้นทางไปยังมนทลหลิวหยางค่อนข้างไกล เจ้าสำนักจุนคงเดินทางไปพบกับประมุขอ้าย เพื่อประมูลยาดังกล่าวนี้แน่.

อีกอย่าง เขาเองก็ต้องการทดสอบตลาดราคาของเม็ดยานี้ด้วยเช่นกัน.

และอีกหนึ่งเรื่องที่เขาต้องทำ คือการรับศิษย์!

นับว่าเป็นเรื่องที่แปลก.

นับตั้งแต่ที่เขารับสมัครศิษย์ไป 500 คน จวบจนถึงตอนนี้ก็ยังมีที่ว่างอีกมาก ทำให้จุนซ่างเซียวเศร้าใจเป็นอย่างมาก.

เขาที่จัดการสำนักเห่าฉีไปอย่างไม่ไว้หน้า ไม่มีผู้เยาว์ของมนทลชิงหยางอย่างเข้าสำนักเขาเลยรึ?

ไร้วิสัยทัศน์อะไรเช่นนี้?

ไม่ใช่ว่าคนของมนทลชิงหยางไร้วิสัยทัศน์.

ทว่านับตั้งแต่งานรับศิษย์ร้อยสำนัก ผู้เยาว์ทั้งหมดได้เข้าร่วมสำนักอื่น ๆ ไปจนหมดแล้ว.

ที่เหลืออยู่คือกลุ่มคนที่ไร้พรสวรรค์ แม้แต่รากวิญญาณระดับต่ำก็ยังไม่มี.

โฆษณาประกาศของเจ้าสำนักจุนเองก็มีเพียงแค่เมืองชิงหยางและเมืองฮูหยางเท่านั้น.

ส่วนอีกหกเมือง ถึงบิดามารดาของพวกเขาต้องการส่งศิษย์เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง แต่ก็หวาดกลัวต่อพันธมิตรร้อยสำนักเช่นกัน.

ในเวลานี้ เหล่าผู้เยาว์ที่ต้องการเข้าร่วมจึงมีน้อย เพราะว่าส่วนใหญ่หวาดกลัว ไม่กล้าส่งลูกหลานออกมานั่นเอง.

“ไม่ได้การ ไม่ได้การแล้ว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “จะต้องรับศิษย์ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะรับคะแนนสนับสนุน อย่างน้อยก็น่าจะได้หลายร้อย อ๊าก.”

ห้าแต้มสนับสนุน เขาไม่กล้าเปิดค่ายกลรวมวิญญาณและค่ายกลคุ้มกันสำนักเลย เพราะว่าสองวันนี้ใช้แต้มไปมหาศาล.

หลังจากเตรียมการมาระยะหนึ่ง.

เจ้าสำนักจุนไม่สามารถรอให้คนมาสมัครที่สำนักเองได้ เขาจะต้องลงมือเอง เดินทางไปโฆษณาที่เมืองใหญ่.

แปดเมืองใหญ่ของมนทลชิงหยาง มีหกเมืองที่เขาสามารถลงมือได้ ดังนั้นจึงเลือกหนึ่งในนั้นนั่นก็คือเมืองลี่หยาง.

“จุ้ยจื่อ.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าตามข้ามาด้วย.”

“ครับ.”

เซียวจุ้ยจื่อตอบรับ.

หากเป็นก่อนหน้านี้ การเดินทางไปยังเมืองลี่หยาง อาจทำให้เขาสั่นไหว ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาที่ยกระดับสูง และพรสวรรค์ก็คืนกลับมาแล้ว แน่นอนเขาหาได้สนใจเรื่องราวใด ๆ อีกต่อไป.

จุนซ่างเซียวที่เลือกศิษย์อีกหลายคน ส่วนมากเป็นศิษย์สายนอก ที่มีพรสวรรค์ธรรมดา ความแข็งแกร่งศิษย์ยุทธ์ขั้นสามและสี่.

เขาต้องการที่จะบอกให้ทุกคนได้รู้ การเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง ไม่ต้องมีรากวิญญาณที่โดดเด่น ด้วยการสนับสนุนของเปิ่นจั้ว สามารถการเป็นคนแข็งแกร่งได้.

......

เมืองลี่หยาง.

จุนซ่างเซียวที่มายืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูเมือง พร้อมกับศิษย์ที่ตามมาด้วย 20-30 คน พวกเขาที่เงยหน้ายืดอก เผยความอหังการออกมา.

“นั่นมันสำนักไท่กู่เจิ้ง!”

“พวกเขามาทำอะไรกัน?”

เหล่าชาวยุทธ์ที่พูดคุยกันเสียงเบา.

ก่อนเข้าร่วมงานประลองสำนัก ผู้คนต่างก็ดูแคลนเหยียดหยันพวกเขาเป็นอย่างมาก หากแต่ในเวลานี้สำนักไท่กู่เจิ้งเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ.

พวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว.

ตลอดสองข้างทางไปยังตำหนักเจ้าเมือง เหล่าชาวยุทธ์ที่ต้องคอยหลบเปิดทางให้กับพวกเขา.

จุนซ่างเซียวและศิษย์ เดินตรงไปยังตำหนักเจ้าเมือง ก่อนที่จะไปหยุดที่หน้าคฤหาสน์ ยกมือประสานเอ่ยออกไปเสียงดัง “เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งจุนซ่างเซียว ขอเข้าพบกับเจ้าเมืองอ้าว.”

เหล่าทหารเฝ้าประตูที่เร่งรีบเข้าไปรายงานในทันที.

เพียงไม่นาน.

เจ้าเมืองอ้าวผู้มีเคราแหลมสองข้างก้าวเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม ยกมือประสาน “เจ้าสำนักจุน มาด้วยตัวเองเลยรึ?.”

เหล่าชาวยุทธ์บนถนนที่ตื่นตระหนก.

แม้นว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะเป็นที่พูดถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทว่าสำนักระดับแปด คู่ควรที่จะให้เจ้าเมืองอ้าวออกมาต้อนรับด้วยตัวเองด้วยรึ?

จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานระหว่างอก ก่อนที่จะนำศิษย์ก้าวเข้าไปด้านในท่ามกลางสายตาของผู้คน.

......

“อาวุโสใหญ่.”

ตระกูลเซียว อาวุโสสามที่ก้าวเข้ามาในห้องโถง ท่าทางโกรธเกรี้ยวเอ่ยกล่าวออกมาเสียงดัง “เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งนำศิษย์เข้ามาในเมืองลี่หยาง.”

อาวุโสใหญ่ที่ดื่มชาอยู่ใบหน้ามืดครึ้มเอ่ยออกมาว่า “ไอ้ขยะก็มารึ?”

“มา.”อาวุโสสามเอ่ย.

“แก๊ก ซ่า!”

อาวุโสใหญ่ที่บดถ้วยน้ำชา ดวงตาที่เป็นประกายเต็มไปด้วยความโกรธและจิตสังหารที่พลุ่งพล่าน.

นับตั้งแต่งานประลองยุทธ์สำนัก เซียวจุ้ยจื่อได้ชนะเลิศการแข่งขัน เป็นการตบหน้าตระกูลเซียวอย่างรุนแรง เขายากจะกลืนมันลงได้ จากนั้นเขาก็ส่งมือสังหารไปสังหารอีกฝ่ายนอกเมือง.

แม้นว่าจะล้มเหลว ทว่าก็ไม่ได้เผยสถานะร่องรอยให้อีกฝ่ายรับรู้.

อย่างไรก็ตาม หากตระกูลเซียวรู้ว่าหายนะที่พวกเขาได้รับในชั่วระยะเวลาที่ผ่านมาไม่นานมานี้ เป็นฝีมือของจุนซ่างเซียว พวกเขาอาจจะเข้าใจได้ว่าเรื่องดังกล่าวนั้นถูกเปิดโปงไปนานแล้ว.

“มันมาทำอะไรกัน?”อาวุโสใหญ่ที่ก้าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา.

อาวุโสสามเอ่ย “มาขอพบเจ้าเมืองอ้าว.”

“ชิ.”

อาวุโสใหญ่แค่นเสียงดูแคลน “เจ้าเมืองอ้าวและฉินเห่าหรานมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา สำนักไท่กู่เจิ้งไม่ถูกกับฉินเห่าหราน คิดว่าจะได้เข้าพบอย่างงั้นรึ?”

“เรื่องนี้......”

อาวุโสสามที่หยุดและเอ่ยออกมาว่า “เจ้าเมืองอ้าวถึงกับออกมาต้อนรับจุนซ่างเซียวด้วยตัวเอง.”

“อะไรนะ?”

อาวุโสใหญ่ที่ดวงตาเบิกกว้าง.

เจ้าเมืองอ้าวที่ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะเป็นประมุขตระกูลเซียวไปขอพบ ก็ใช่ว่าจะสามารถพบได้!

ไม่ต้องบอกเลยว่าเจ้าสำนักระดับแปด มีคุณสมบัติใดที่เจ้าเมืองต้องออกมาต้อนรับ?

เพราะว่าคับแค้นเซียวจุ้ยจื่อ จึงเป็นศัตรูกับสำนักไท่กู่เจิ้งไปด้วย ทำให้พวกเขาลืมไปว่า สำนักระดับแปดแห่งนี้เอาชนะสำนักเห่าฉีได้.

ขอถาม ตระกูลเซียวมีความสามารถพอรึ?

ตอบได้เลยว่าไม่.

ในมนทลชิงหยางมีเพียงแค่นิกายระดับห้า นิกายเขาซางซาน ที่มีคุณสมบัตินั้น.

ดังนั้น การที่สำนักเช่นนี้ ขอเข้าพบ เจ้าเมืองย่อมออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง เรื่องนี้ปัญหาอยู่ที่ใด?

เจ้าเมืองอ้าวไม่เพียงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ยังเผยให้เห็นว่าพวกเขาเป็นแขกคนสำคัญ ต้อนรับอย่างอบอุ่น.

จุนซ่างเซียวที่รู้สึกงงงวยเล็กน้อยเช่นกัน.

สถานการณ์ตอนนี้หมายความว่าอย่างไร ไม่ใช่ว่าเจ้าเมืองว่ากำลังประจบเขาหรอกรึ?

“สำนักไท่กู่เจิ้งทรงพลังจริง ๆ ได้ยินมาว่าส่งศิษย์เข้าร่วมงานประลองมนทลปิงหยาง มนทลเหอหยาง และมนทลฮวยหยิง และยังได้รับชัยชนะเลิศมาทั้งหมด น่าชื่นชมนัก.”เจ้าเมืองอ้าวเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.

เป็นเช่นนี้นะเอง.

ไม่สงสัยเลยว่า ต้อนรับอย่างอบอุ่น!

ดูเหมือนว่าคงไม่ใช่เจ้าเมืองอ้าว เจ้าเมืองอีกเจ็ดเมืองคงจะได้รับข่าวเรียบร้อยแล้วเช่นกัน.

การประลองที่มนทลปิงหยาง เย่ซิงเฉินที่ได้รับชัยชนะนั้น ต้องบอกได้ว่า น่าตื่นตะลึงขนาดใหน.

ไม่เพียงแค่ส่งศิษย์เข้าร่วมประลอง ยังเป็นการแข่งขัน กับดินแดนระดับแปดอีกด้วย เรื่องนี้ได้ทำให้ผู้คนมากมายตื่นตระหนก.

เจ้าเมืองหลายคนต่างก็คาดเดาว่า มนทลปิงหยางส่งศิษย์ระดับสูงออกมาประลองหรือไม่ หรือว่าพวกเขาส่งศิษย์ระดับต่ำออกมาประลองใช่หรือไม่?

จากนั้น พวกเขาก็ได้ข่าวจากมนทลฮวยหยิงว่าหลี่ชิงหยางได้ชัยชนะเลิศกลับมา เรื่องนี้ทำให้เจ้าเมืองหลากหลายคน งงงวยเข้าไปอีก.

สถานที่ แห่งนั้นมีสำนักมารมากมาย.

งานประลองนี้ ต่อสู้เอาความเป็นความตายเข้าแลก ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งกับได้รับชัยชนะอย่างงั้นรึ?

ใช่แล้ว เป็นความจริง.

หลังจากที่พวกเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้ว.

จากนั้น พวกเขาก็ได้ยินข่าวว่าเซียวจุ้ยจื่อก็ได้รับชัยชนะเลิศงานประลองยุทธ์สำนักที่มนทลเหอหยาง เจ้าเมืองต่าง ๆ เวลานี้ถึงกับดวงตาเบิกกว้างขึ้นมา!

ได้รับชัยชนะเลิศจากมนทลระดับแปดสองแห่ง จากมนทลที่มีสำนักมารมากมายอีกหนึ่งแห่ง สำนักไท่กู่เจิ้งส่งศิษย์สามคนไปยังสามสถานที่ ได้รับชนะเลิศทุกคน เรื่องนี้ต้องน่าเกรงขามขนาดใหน.

อย่างไรก็ตามการประลองยังไม่ได้จบแค่นั้น ซูเซียวโม่และลี่เฟยที่ถูกส่งออกไปไกลหน่อย ต้องรอระยะเวลาอีกสักหน่อยถึงจะมีข่าวถูกส่งมา.

ไม่เช่นนั้นแล้ว บางทีเจ้าเมืองต่าง ๆ คงจะตื่นตกใจยิ่งกว่านี้.

“เจ้าเมืองอ้าว.”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวเข้าหัวข้อหลักทันที “จุนโหมวเดินทางมาครั้งนี้ ต้องการที่จะรับสมัครศิษย์ในเมืองที่ทรงเกียรติของท่าน ได้โปรดรับรองการรับสมัครครั้งนี้ด้วย.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด