ตอนที่แล้วChapter 250 สังหารเจ้าสำนักฉีซาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 252 ฮั่วหลง.

Chapter 251 เมื่อเข้าสู่ยุทธภพ ชีวิตและความตายก็ไม่อาจควบคุมได้ด้วยตัวเอง


เจ้าสำนักฉีซาน ผู้สูงส่ง เหลียวซางฟาง ท้ายที่สุดก็ตายลงด้วยความทรมาน ดวงตาเหลือกค้าง แขนขากุด ทั่วร่างเป็นรอยดาบเฉือนไม่มีชิ้นดี ความตายที่ค่อย ๆ สิ้นลง ด้วยความทรมานขั้นสุด.

โหดร้าย? ยิ่งกว่าคำว่าโหดร้าย!

สังหารศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง จะต้องชดใช้อย่างสาหัส!

จุนซ่างเซียวที่เก็บดาบ จิตสังหารที่ผ่อนลง ก่อนที่จะเดินไปหาเซียวจุ้ยจื่อและศิษย์อีกสองคน พร้อมกับส่งมอบเม็ดยาฟื้นฟูให้.

ฟิ้ว!

ฟิ้ว!

จากนั้น ทั้งสองก็ลุกขึ้นยืนได้.

เวลาเดียวกันคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ขณะพวกเขาเห็นเหลียวซางฟางที่ตายอย่างอนาถแขนขาขาดทั้งสองข้าง ภายในใจก็ตื่นตะลึง ยากจะพรรณนาออกมาได้.

ระดับบรรพชนยุทธ์ขั้นที่สอง เจ้าสำนักระดับหก ถูกสังหารอย่างง่ายดาย นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว.

และท้ายที่สุด เซียวจุ้ยจื่อก็เข้าใจ แม้นว่าเจ้าสำนักจะไม่ค่อยลงมือ ทว่ามีความแข็งแกร่งที่ร้ายกาจจริง ๆ.

แทบจะสามารถสังหารเหลียวซางฟางได้ในทันที.

จากนั้นคนของหอฝนพรำก็มาถึง รวมทั้งหลี่ชิงหยางและซูเซียวโม่ด้วย.

เหล่าชาวยุทธ์ที่ตามเหลียวซางฟางมา มีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นสองขั้นสาม ทว่าต่อหน้าคนของสำนักไท่กู่เจิ้งก็จากจะหลบหนีพ้น.

ตามกฎเดิม สังหารไม่ให้เหลือ.

หลังจากสังหารเสร็จ ก็นำศพมากองรวมกันและใช้เพลิงเผาให้เป็นเถ้าถ่าน.

เหล่าชาวยุทธ์ที่ตามมาไม่ได้ร่ำรวยนัก มีเพียงเหลียวซางฟางที่มีทักษะยุทธ์หลายอย่างและศิลาวิญญาณ แม้แต่เหรียญเงิน 2 ล้านถึง 3ล้าน.

นอกจากนี้ยังมีแกนผลึกระดับกลางนับร้อย ตลอดจนแกนผลึกระดับสูงกว่าสิบชิ้น.

จุนซ่างเซียวที่ได้รับแกนผลึกมาแอบคิดในใจ “สามารถใส่เข้าไปในเครื่องฟักไข่ น่าจะเพิ่มได้ 1 หรือสองเปอเซ็นล่ะ.”

หลังจากเผาศพของเหลียวซางฟางและพวกเรียบร้อยแล้ว เขาก็นำศิษย์กลับสำนักไท่กู่เจิ้ง.

ด้วยคนของหอฝนพรำถูกสังหาร ทำให้เซียวจุ้ยจื่อเวลานี้ ดวงตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า.

หากไม่เพราะว่าข้าประมาท ปล่อยให้คนของมนทลเหอหยางล้อมกรอบ ศิษย์น้องคงไม่ต้องตายเพราะข้า.

......

หลังจากลับสำนักไท่กู่เจิ้ง จุนซ่างเซียวที่สร้างสุสานขึ้นที่หลังเขา ทำหลุมศพอย่างดีให้กับศิษย์ที่ตายไป.

ในวันนี้ พวกเขาได้จัดพิธีศพขึ้น.

ศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งที่นำดอกไม้มาวางไว้หน้าหลุมศพ กล่าวลาเพื่อนร่วมสำนักที่จากไป.

“ข้าขอโทษ......”

จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่หน้าหลุมศพ ก้มหน้า ใบหน้าโศกเศร้าเป็นอย่างมาก “ศิษย์น้อง ข้าทำให้เจ้าต้องตาย.”

จุนซ่างเซียวที่ตบไปที่ไหล่ของเขา เอ่ยออกมาว่า “ฉินลี่ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเจ้า เจ้าควรจะใช้ชีวิตให้ดี แข็งแกร่งขึ้นเพื่อตอบแทนเขา.”

จากนั้น ก็เดินจากไป.

คำปลอบโยนใด ๆ ล้วนแต่ไร้ความหมาย มีเพียงแค่ให้เขาเป็นคนคิดเข้าใจเอง.

หนำซ้ำ ศิษย์เขาตกตายไป จุนซ่างเซียวก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน แล้วใครเล่าจะมาปลอบเขากัน.

เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนนิ่งไม่กล่าวอะไร ยืนอยู่ด้านหน้าหลุมศพอย่างสงบ.

จุนกระทั่งผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน เขาที่กำหมัดแน่น กล่าวเสียงเบา “ศิษย์น้อง หลับให้สบายเถอะ ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นแทนส่วนของเจ้า ปกป้องสำนักไท่กู่เจิ้งด้วยชีวิต ปกป้องสำนักของพวกเรา!”

นี่คือสิ่งที่เขาพอจะทำได้.

เขาที่ทำตามเจตนารมณ์ที่เจ้าสำนักกล่าวก่อนหน้านี้.

มีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือ ภายในใจที่กล่าวตำหนิตัวเอง.

หากเขาไม่ให้ศิษย์เดินทางไปเข้าร่วมงานประลอง ศิษย์ของเขาคนหนึ่งก็ไม่ต้องตาย.

เรื่องศิษย์ที่ตายไป เคยเกิดขึ้นที่เขาวายุทมิฬครั้งหนึ่งแล้ว.

ทว่าศิษย์คนนั้นขี้ขลาดหวาดกลัวในความตาย ไม่ลังเลที่จะทรยศสำนักเพื่อเอาชีวิตรอดจากโจวเทียนป้า ดังนั้นตายแล้วก็ตายไป จุนซ่างเซียวไม่มีความรู้สึกมากมายนัก.

อย่างไรก็ตาม ฉินลี่เพราะว่าต้องการช่วยพวกเดียวกันจึงต้องตาย นี่คือศิษย์ที่แท้จริงของเขา ทำให้ภายในใจของเขารู้สึกเศร้าเช่นกัน.

“กำลังคิดสิ่งใดรึ? ไม่ออกกำลังกายตอนเช้ารึอย่างไร?”ลี่ลั่วฉิวที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เผยยิ้มหวานให้กับเขา.

จุนซ่างเซียวส่ายหน้าไปมา “คนของหอฝนพรำตายไป เจ้าไม่เสียใจอย่างงั้นรึ?”

ลี่ลั่วฉิวที่ก้าวเดินเข้ามา นั่งลงที่ด้านหน้าเขา มือทั้งสองข้างที่กอดอกเอาไว้ กล่าวออกมาว่า “คนตายไม่ฟื้นคืนชีพ เศร้าแล้วมีประโยชน์อะไร?”

จุนซ่างเซียวที่ตกใจ.

ใช่แล้ว คนตายไม่ฟื้นคืนชีพ เศร้าไปแล้วมีประโยชน์อันใด?

ลี่ลั่วฉิวเอ่ยต่ออีก “ในเมื่อพวกเราเกิดในโลกที่ดุร้าย การจากไปของมิตรสหาย มีแต่ที่จะทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นั่นก็เพื่อที่จะตอบแทนวิญญาณของพวกเขาบนสวรรค์.”

คำพูดดังกล่าวนั้นเขาได้ใช้ปลอบเซียวจุ้ยจื่อ เพื่อที่จะให้ศิษย์ของเขาคิดได้ ทว่าไม่คิดเลยว่าจะมีคนนำมาปลอบเขาด้วยคำพูดนี้.

ลี่ลั่วฉิวเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “สำนักไท่กู่เจิ้งของพวกเราต้องการแข็งแกร่งขึ้นท่ามกลางโลกที่โหดร้าย ย่อมต้องมีขัดแย้งกับคนอื่น พวกเราย่อมมีศัตรูมาแผ้วพาน แม้แต่ถูกสังหารให้ตายไป.”

จุนซ่างเซียวรู้ว่า สิ่งที่นางต้องการสื่อนั้น ฉินลี่ตายแค่เริ่มต้น การจะก้าวเดินไปในโลกแห่งความโหดร้าย ศิษย์ของเขาจะต้องตกตายไปอีกมาก.

เขาไม่หวังที่จะให้ศิษย์ของเขาต้องตาย ทว่าไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อก้าวเดินไปในยุทธภพแล้ว เป็นหรือตายก็ยากจะบอกได้.

จุนซ่างเซียวนั่งพิงเก้าอี้เอ่ยออกมาว่า “ข้าจะพยายามยกระดับความแข็งแกร่งของศิษย์ ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น จะได้มีโอกาสรอดมากกว่าตาย.”

ลี่ลั่วชิวที่ลุกขึ้นและกล่าวออกมาว่า “ข้าก็จะฝึกฝนสมาชิกตึกฝนพรำ ให้พวกเขามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเผชิญอันตรายทั้งหมดได้.”

......

จุนซ่างเซียวที่เลิกล้มความคิดที่จะส่งศิษย์เข้าร่วมงานประลองต่อไปชั่วคราว ตอนนี้ได้ให้ทุกคนฝึกฝนในสำนักอย่างหนัก.

ไม่กี่วันหลังจากนั้น.

เมื่อครบเดือน ก็มีการจัดการประลองในสำนักขึ้น.

เพราะว่ามีศิษย์ที่มีความสามารถแตกต่างกัน ดังนั้นจึงมีการแบ่งระดับในการประลอง.

มีศิษย์หลายคนที่เข้าร่วม การประลองภายในหลายคน ศิษย์ที่ได้ลำดับหนึ่งก็จะได้รับทรัพยากรที่เพิ่มมากขึ้น.

สิ่งเหล่านี้ แม้นว่าระดับจะไม่ได้สูงนัก ทว่ารางวัลที่มอบให้ ก็จะทำให้ศิษย์ของเขาแข่งแกร่งขึ้น.

แน่นอน.

แม้นว่าจะเป็นการประลองภายใน ทว่าก็ทำให้ศิษย์ของเขาสนใจเป็นอย่างมาก.

โดยเฉพาะการประลองภายในประจำปี ผู้ที่ได้รับชัยชนะเลิศ จะได้กลายเป็นศิษย์สายใน.

สำนักไท่กู่เจิ้งเวลานี้มีศิษย์สายในเพียงเจ็ดคน การแข่งขันกันของศิษย์สายนอกย่อมสูงล้ำ พวกเขาก็หวังที่จะกลายเป็นศิษย์สายในเช่นกัน.

กล่าวตามตรงล่ะก็ คนที่มีโอกาสได้เป็นศิษย์สายในมากที่สุดตอนนี้ก็คือหลงจื่อหยาง หยางยูหัว.

จากนั้นก็เป็นกลุ่มของจางเหว่ยที่ได้รับน้ำยายกระดับทั้งสิบคน.

ในสำนักระดับหก ขอเพียงมีรากวิญญาณระดับสูง ไม่เพียงแต่ได้เป็นศิษย์สายในทันที ยังได้กลายเป็นศิษย์สายตรงด้วย แตกต่างจากสำนักไท่กู่เจิ้งที่ยังต้องแข่งขันกันอยู่ เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเล็กน้อย.

ไม่ต้องบอกก็รู้.

ใครบอกให้รากวิญญาณระดับศิษย์ชั้นยอดมีมากมายหลายคนล่ะ.

เวลานี้ลี่เฟยที่ทำภารกิจสำเร็จ เขาได้รับน้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์ระดับสุดยอด และเมื่อดื่มพลังบ่มเพาะของเขาก็ก้าวไปถึงระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่เก้าแล้ว.

ตามที่คำนวณ ศิษย์สายในของสำนักไท่กู่เจิ้ง มีเพียงเถียนซีคนเดียวที่ยังมีระดับรากวิญญาณขั้นสูง ส่วนคนอื่น ๆ ล้วนแต่มีรากวิญญาณระดับสุดยอดกันหมดแล้ว!

ในสำนักระดับแปด ไม่นับจุนซ่างเซียว ไม่นับลู่เชียนเชียน เวลานี้มีศิษย์รากวิญญาณระดับสุดยอดห้าคนและยังมีรากวิญญาณระดับสูงอีกสิบคน เรื่องนี้หากมีคนรับรู้ คงจะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งทวีปชิงหยุนอย่างแน่นอน.

“ขอบคุณเจ้าสำนักที่มอบยาให้กับข้า!”

หลังจากรากวิญญาณยกระดับ ลี่เฟยก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก.

“ไปได้.”

จุนซ่างเซียวโบกมือ.

เมื่อศิษย์ของเขาไปแล้ว จุนซ่างเซียวก็เข้าไปยังห้องหนังสือ นำแกนผลึกที่ได้มาจากเหลียวซางฟาง ใส่เข้าไปในเครื่องฟักไข่.

ด้วยแกนผลึกระดับสูงไม่น้อย อัตรากลายพันธ์ยกระดับจาก 85% กลายเป็น 87%”

เป็นความจริง นี่คือการผลาญเงินอย่างแท้จริง.

......

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ผ่านมากว่าสิบวันแล้ว.

จุนซ่างเซียวนอกจากบ่มเพาะ ชี้แนะศิษย์ของตัวเอง เขาก็มาดูเครื่องฟักไข่อยู่ทุกครั้ง.

“ติ๊ง!”

บนหน้าจอเครื่องฟักไข่นั้นแสดงตัวเลข 15/15 วันแล้ว.

“ฟู่!”

พลังวิญญาณของแกนผลึกในเครื่องฟักไข่ที่พลุ้งพล่านรวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาต่อมามันได้ถูกดูดซึมเข้าไปในไข่มังกร.

“แก๊ก!”

เสียงปริแตกที่ดังขึ้น.

ไข่มังกรเริ่มมีรอยร้าว กระจายไปทั่วไข่ทั้งใบช้า ๆ.

“ฟิ้ว!”

แสงสีแดงที่ส่องลอดรอยแตกของเปลือกไข่.

เปลือกไข่ที่หลุดร่อนออกไปเป็นแผ่นบาง ๆ!

จุนซ่างเซียวที่จ้องมองอย่างใจจดใจจ่อ ภาวนาในใจ “กลายพันธ์ เจ้าต้องกลายพันธ์ อ๊าก!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด