ตอนที่แล้วChapter 228 ล่าสังหารกลุ่มนักฆ่าให้หมด.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 230 หนึ่งก้าวสังหาร

Chapter 229 เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน


กลุ่มมือสังหารกว่าร้อยคนที่ลงเขามาชุดแรก ถูกสังหารหมด ทั้งหัวหน้า รองหัวหน้า เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง.

เอ๊ะ ไม่ใช่.

ยังมีหนึ่งคนที่รอดชีวิต!

โกวจื่อ เป็นชายที่หื่นกระหายต้องการตายด้วยผู้หญิงนั่นเอง ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด.

หากโลกนี้มีมือถือ เขาคงโทรเรียกคนมาช่วยแล้ว เพราะว่าร่างของเขาถูกแช่แข็ง ไม่ต่างจากรูปปั้นน้ำแข็ง.

เขาถูกลู่เชียนเชียนแช่แข็งเอาไว้.

ตอนนี้ถูกนำมาวางบนหินก้อนหนึ่ง เหล่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่เข้ามาล้อมรอบ พร้อมกับพูดคุยกันไปมา.

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ร้ายกาจมาก คาดไม่ถึงว่าจะแช่แข็งคนเป็นได้!”

“หากไม่เห็นด้วยตัว คงไม่เชื่ออย่างแน่นอน!”

“ถูกแช่แข็งเอาไว้ ไม่หนาวงั้นรึ?”

ยิ่งกว่าหนาวซะอีก!

โก่วจื่อที่ถูกชั้นน้ำแข็งบาง ๆ ห่อหุ้มเอาไว้ เวลานี้หนาวแทบตกนรก เจ็บปวดไปทั่วร่าง.

หากเลือกได้ ขอตายด้วยปืน หรือถูกสับให้ตายไปเลยดีกว่า ไม่ต้องการทรมานเช่นนี้.

น่าเสียดาย.

ไม่สามารถเลือกได้.

เพราะว่าก่อนหน้านี้ด้วยคำพูดไม่มีหูรูดของเขา ทำให้ต้องรับผลกรรม.

“เจ้าสำนัก.”

ลี่ลั่วฉิวที่เผยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา “มันคนนี้ล่ะที่พ่นคำหยาบคายออกมา หากว่าไม่ทรมานมันล่ะก็ ขุ่นแม่คงไม่หายอารมณ์เสียแน่.”

ถางจู่ลี่ที่โกรธจนควันออกหู กับคำที่โก่วจื่อพ่นออกมาก่อนหน้านี้.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “มอบให้เจ้า.”

“ฟิ้ว!”

ลี่ลั่วฉิวที่โบกมือ จากนั้นก็นำมีดสั้นออกมา ก่อนที่จะเดินไปด้านหน้ารูปปั้นน้ำแข็ง ก่อนที่จะตัดไปที่ตำแหน่งแขน.

“แก๊ก!”

ชั้นน้ำแข็งที่ถูกถากออกไป เผยให้เห็นเนื้อด้านใน!

“แก๊ก แก๊ก แก๊ก!”

แขนของโกวจื่อที่ขาดออกจากกัน โลหิตที่ไม่ได้ไหลออกมา เพราะมันถูแช่แข็งไปแล้วนั่นเอง.

เจ็บหรือไม่?

โคตร ๆ เจ็บเลย!

ความเจ็บปวดที่ทรมานท่ามกลางนรกน้ำแข็ง เวลานี้ใบหน้าของเขาที่บิดเบี้ยวเป็นอย่างมาก เจ็บปวดเกินจะพรรณนา.

ถึงจะถูกแช่แข็ง แต่กับไม่ถูกปิดกั้นความเจ็บปวด!

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

มีดของลี่ลั่วฉิวที่เหวี่ยงออกไป บนส่วนต่าง ๆ ของชิ้นส่วนรูปปั้นน้ำแข็ง.

ลู่เชียนเชียนที่ไม่ได้ขยับ ดูเหมือนว่ากำลังกระตุ้นไอเย็น แช่แข็ง ผนึกร่างของชายคนดังกล่าวอยู่.

ต่อหน้าผู้หญิงทั้งสอง โกวจื่อเวลานี้รู้สึก ตายทั้งเป็น.

“อมหิตเกินไปแล้ว!”

เขาที่ปรารถนาที่จะได้ทรมานศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง คาดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นเขาที่ถูกทรมานแทน เวลานี้ยิ่งกว่าตกนรก.

“หลิงเสวี๋ย.”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “ไปเฉือนเนื้อมันออกมาส่วนหนึ่ง.”

“อ๋า? เอ่อ.....”

หลิงหยวนเสวียที่รับมืดมา ก้าวไปด้านหน้ารูปปั้นน้ำแข็ง ก่อนที่จะเหวี่ยงมีดออกไป.

“แก๊ก แก๊ก!”

มีดที่ตัดผ่านชั้นน้ำแข็ง กินลึกเข้าไป.

ท้ายที่สุด ชายที่มีนามว่าโกวจื่อ ตอนนี้ถือว่าตายทั้งเป็นอย่างแท้จริง.

ความเจ็บปวดอย่างลึกล้ำ ไม่จำเป็นต้องบรรยายสิ่งใดออกมา กับความปรารถนาของเขาที่ต้องการตายในมือของสตรี ตอนนี้ได้ตายโดยผู้หญิงแล้ว.

ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าจะเกินกว่าคำว่าสมปรารถนาอย่างแท้จริง.

กับสตรีที่เฉือนเนื้อของเขาออกไปเป็นชิ้น ๆ เป็นความเจ็บปวดและเศร้า ราวกับตกอยู่ในนรกอเวจี.

......

ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่เวลานี้ที่เข้าร่วมการสังหาร เก็บเกี่ยวประสบการณ์สังหารคนเรียบร้อยแล้ว.

ในโลกที่โหดร้าย แทบจะเป็นเรื่องธรรมดาในวิถีผู้ฝึกยุทธ์ เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องประสบ.

และคนที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงก็คือลี่ซ่างเทียน.

เขาได้รับประสบการณ์ในการสังหารโดยไม่เสียจิตใจเรียบร้อยแล้ว.

แม้นว่าเริ่มแรกจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทว่าก็ตระหนักได้ในที่สุด เกือบที่จะย่ำแย่ไปเหมือนกัน.

“วันนี้.”

ลี่ซ่างเทียนที่คิดในใจ “วันนี้ข้าลี่ซ่างเทียนเติบใหญ่แล้ว!”

หลิงหยวนเสวี๋ยเองก็ฆ่าคนแล้วเช่นกัน.

แม้นว่าจะเป็นการช่วยจากเหล่าศิษย์พี่ก็ตามที.

แม้นว่านางจะรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ทว่านางก็หาญกล้าขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่ามันจะช่วยพัฒนานางขึ้น ให้ดีขึ้นในภายหลัง.

“เจ้าสำนัก.”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “จากนี้จะทำอย่างไรดี?”

จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่บนโขดหิน ขณะที่กำลังเคี้ยวอาหารขบเคี้ยว เอ่ยออกมาว่า “ศิษย์พวกเขาตายไปตั้งหลายคน ตอนนี้คงโกรธเกรี้ยวแทบบ้า ไม่มีทางที่จะอดทนไว้ได้.”

......

ห้องโถงหอเหยี่ยวดำ.

“ปัง!”

โต๊ะน้ำชาที่ถูกเหล่ยเห่ยซาตบจนพัง ร่างกายที่เวลานี่เต็มไปด้วยจิตสังหาร โกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด

เขาได้สั่งกลุ่มมือสังหารดื่มโลหิต กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดลงเขาไป ทว่ากับตายไปทั้งหมดที่เชิงเขาสำนัก มันเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้จริง ๆ!

หากว่าเหล่าศิษย์ทั่วไปตกตายไป ก็ยังพอทำใจยอมรับได้.

แต่กองกำลังนักฆ่าดื่มโลหิตของเขานั้น ต้องใช้ทั้งเวลาและทรัพยากรมากมายในการฝึกฝน!

“เจ้าหอ.”

หยางจื่อขมวดคิ้วไปมา “ที่ใต้ภูเขามีกลุ่มคนกำลังซุ่มโจมตีอยู่ ดูเหมือนว่าสถานะการณ์ข้างนอกค่อนข้างมืดมน!”

สามารถสังหารกองกำลังดื่มโลหิตได้ในเวลาอันสั้น แม้แต่หัวหน้าทีมยังตกตายไปที่ด้านหน้าประตูสำนัก ไม่ใช่ชาวยุทธ์ทั่วไปจะทำได้.

“เซียนเซิงหยาง.”

เหล่ยเห่ยซาที่ระงับความโกรธเอาไว้ช้า ๆ กล่าวออกมาว่า “ใครกันที่กล้ามาหาเรื่องหอเหยี่ยวดำของข้าถึงเชิงเขา!”

“ไม่สามารถบอกได้.”

หยางจื่อที่ครุ่นคิดไปมา.

ทว่ายิ่งคิดก็ยิ่งงงงวย บอกไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร.

รองเจ้าหอเอ่ย “คนที่มานี้เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นหอสายฟ้า?”

“เป็นไปไม่ได้.”

หยางจื่อที่เงียบ ครุ่นคิด และเอ่ยออกมาว่า “หอสายฟ้า เองก็เป็นสำนักระดับเจ็ดไม่ได้มีพลังต่างจากพวกเรานัก พวกเขาไม่มีความสามารถขนาดนั้น.”

“......”

รองเจ้าหอที่สายตาสั่นส่ายไปมา กล่าวออกมาอย่างจริงจัง “เป็นฝีมือสำนักระดับหกหรือไม่?”

หยางจื่อที่ส่ายหน้าไปมา “หลายปีมานี้ เป้าหมายของพวกเรานั้นเป็นสำนักระดับแปดหรือเก้า ไม่เคยยั่วยุสำนักระดับหกเลย.”

เหล่ยเห่ยซาที่กล่าวด้วยความโกรธ “ไม่ว่ามันจะเป็นใคร กล้าสังหารคนของหอเหยี่ยวดำ จะต้องชดใช้!”

“เซียนเซิงหยาง.”

“มีแผนการที่ยอดเยี่ยม ที่จะโจมตีอีกฝ่ายหรือไม่?!”

หยางจื่อกล่าว “จากคำพูดของศิษย์ที่เห็นพวกเขาที่ทางเข้า ศัตรูควรจะมีจำนวนอย่างน้อย70-80 คน”

“ศัตรูอยู่ในที่มืด พวกเราอยู่ที่แจ้ง และพวกเขายังมีอาวุธลับที่ทรงพลังอีกด้วย.”

“หากว่าเป็นกลางคืนล่ะก็ พวกเขาคงไม่สามารถใช้อาวุธลับได้อย่างแม่นยำ หากว่าพวกเราส่งคนลงไปหลังเขาลอบโจมตีจากด้านหลัง และขนาบข้างจากด้านหน้าล่ะก็ น่าจะสามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้!”

“พูดมีเหตุผล.”

เหล่ยเหอซาจ้องมองไปยังรองเจ้าหอคนหนึ่ง กล่าวออกไปว่า ”เจ้าสาม เจ้านำเหล่าหัวหน้าหน่วยสักสองคน คัดเลือกศิษย์ที่มีท่าเท้ายอดเยี่ยม ลงเขาด้านหลัง อ้อมไปโจมตีด้านหลังศัตรู จากนั้นก็ส่งสัญญาณมาพวกเราจะโจมตีพร้อมกัน.

“รับทราบ.”

รองเจ้าหอที่จากไปอย่างรวดเร็ว.

......

ที่เชิงเขาเหยี่ยวดำ.

เซียวจุ้ยจื่อที่ใช้ไรเฟิลรูปแบบ 88  พร้อมกับส่องผ่านกล้องส่องทางไกลแปดเท่า จับตาทางเข้าของหอเหยี่ยวดำตลอดเวลา.

หลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น ๆ ที่กระจายออกไปรอบ ๆ ซุ่มโจมตีอยู่เช่นกัน.

ส่วนจุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่บนโขดหิน กล่าวออกมาว่า “ผ่านไปเป็นเวลานานแล้วพวกมันยังไม่ออกมา ดูไม่เหมือนกับนิสัยของสำนักมารเลย.”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “พวกเรามีปืนไฟไร้เทียมทาน พวกเขาไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางกล้าออกมา.”

“มีเหตุผล.”

จุนซ่างเซียวที่ตรวจสอบดูแผนที่ ก่อนที่จะชี้ไปยังพื้นที่หนึ่ง “เจ้าคิดว่าพวกมันจะลงมาที่ด้านหลังเขาตรงนี้ แล้วอ้อมเข้ามาโจมตีด้านหลังพวกเราหรือไม่?”

“ไม่มีทาง.”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “ที่นั่นเป็นหน้าผาที่ชันราวกับใบดาบ และยังสูงกว่าร้อยจั้ง หากกระโดดลงไป ถึงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับอาจารย์ยุทธ์ก็ยังได้รับบาดเจ็บหนัก.”

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “นี่คือสำนักงานใหญ่ของพวกเขา การที่มีทางขึ้น-ลงทางเดียว สถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นสำนักที่อันตรายมาก บางทีพวกเขาอาจจะมีวิธีที่พวกเราไม่รู้ก็ได้.”

หยางจื่อที่คิดจะลงด้านหลังเขาอ้อมตลบหลัง จุนซ่างเซียวเองก็คิดได้เช่นกัน.

“เจ้าดูแลพื้นที่ตรงนี้ไว้.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย ”เปิ่นจั้วจะนำคนไปดูที่หลังเขาเอง.

กล่าวจบ เขาก็นำเซียวจุ้ยจื่อและศิษย์อีกหลายคนไปยังหน้าผาหลังเขา ดูเหมือนว่าจะเป็นหน้าผาที่สูงชันมากมีความสูงราว ๆ พันเมตร หากว่ามีใครโดดลงมา ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัสแน่.

และแล้วเวลากลางคืนก็มาถึง.

“เจ้าสำนัก!”

เซียวจุ้ยจื่อที่จับตาดูอยู่เอ่ยถามเสียงเบา “มีบางคนกำลังจะลงมา.”

จุนซ่างเซียวที่รับปืนมา ส่องผ่านกล้องส่องทางไกลแปดเท่า แสงจันทร์ที่สาดส่อง เขาเห็นศิษย์หอเหยี่ยวดำรวมตัวกันที่หน้าผาด้านบน.

จากนั้น.

ศิษย์หลายสิบคนก็กระโดดลงมาพร้อมกัน.

“เย้ดเข้!”

จุนซ่างเซียวที่จ้องมองเงาที่กระโดดลงมา ที่มุมปากถึงกระตุก “กระโดดลงมาตรง ๆ เลยรึ? อย่างน้อยก็โหนเชือกแล้วค่อย ๆ ลงมา หรือผูกเชือกที่เท้าเอาไว้ ก็ได้ไม่ใช่รึไง?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด