ตอนที่แล้วChapter 3: สกิล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 5: ลอบลงมือ

Chapter 4: เสียงปืน


บุหรี่ครึ่งซองอยู่ในมือของฉินหราน

[ชื่อ: บุหรี่]

[ชนิด: อื่น ๆ]

[สภาพ: ปกติ]

[คุณสมบัติ: มีผลลดความกลัวและกระวนกระวายได้เล็กน้อย]

[การเสริมสถานะพิเศษ: ไม่มี]

[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]

[หมายเหตุ: เมื่อเผชิญหน้ากับความกลัวหรือตระหนกอย่างแท้จริง มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย!]

ถัดจากซองบุหรี่ก็เป็นไฟแช็กอีกอัน หน้าตาและรายละเอียดของไฟแช็กอันใหม่นี้ก็เหมือนอันที่ฉินหรานได้รับมาก่อนหน้าเลย เขาไม่สูบบุหรี่ อย่างแรก เพราะสุขภาพของเขา และอย่างที่สอง ต้องขอบคุณสภาพการเงินที่ทำให้เขาซื้อไม่ไหว

ความผิดปกติทางพันธุกรรมและความจริงที่ว่าบุหรี่หนึ่งซองมีราคาเท่ากับอาหารสองมื้อในโลกแห่งความเป็นจริงเพียงพอให้เขาอยู่ห่าง ๆ จากมัน แต่ว่าพอมาอยู่ในเกม เขาไม่ได้รังเกียจที่จะลอง แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ตอนนี้

ฉินหรานก้มลงไปค้นตามตัวผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง พอเขาแน่ใจว่าไม่มีของมีค่าอะไรเหลือแล้วจึงจากมา

ตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย และฉินหรานไม่อยากอยู่ในบ้านที่ดึงดูดความสนใจมากอย่างนี้เพื่อรอให้โจรเข้ามาปล้น เขาจำเป็นต้องหาที่ซ่อนที่เงียบสงบ สถานที่ที่ปลอดภัยให้ซ่อนตัวและวางแผนการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป หลังเดินมาตามทางเดินยาวผ่านห้องนั่งเล่น ฉินหรานก็มาหยุดอยู่ที่ข้างประตูที่เปิดสู่ภายนอก เขามองรอบ ๆ ก่อนค่อย ๆ ชะโงกออกไปดูว่าข้างนอกมีอะไรรออยู่บ้าง

ทั้งหมดที่เขามองเห็นคือซากปรักหักพังของอาคารต่าง ๆ เศษสิ่งของ และก้อนหินที่เกลื่อนอยู่ทั่วไป มันดูร้าง

ฉินหรานประเมินสภาพพื้นที่ในหัว หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ เขาก็ก้มตัวลง และก้าวสั้น ๆ ออกจากตัวบ้าน ครู่เดียวก็มาถึงซากกำแพงแห่งหนึ่ง มันน่าจะเคยเป็นกำแพงบ้านหรืออาคารสักแห่ง จากความยาว มันน่าจะเคยเป็นอาคารสูงอย่างน้อย 3-4 ชั้น ทว่าทั้งหมดที่เหลืออยู่ตอนนี้คือกำแพงที่พังทลายลงมาจนเหลือความสูงเท่า ๆ กับเด็กคนหนึ่ง ก้อนหิน อิฐ และเศษไม้เก่า ๆ

ฉินหรานพักอยู่ใต้เงาของกำแพงนั้นและสังเกตสภาพรอบตัว แม้ทุกอย่างจะพังทลายลงมาแล้ว แต่ประเมินจากฐานตึกและโครงสร้างแล้ว ฉินหรานสรุปได้ว่าแถวนี้น่าจะเป็นเขตที่พักอาศัยระดับสูง ในเขตที่พักอาศัยแบบนี้จะต้องมีท่อน้ำ ระบบระบาย หรืออาจจะมีห้องใต้ดินด้วยซ้ำ นี่เป็นข่าวดีสำหรับฉินหราน เพราะมันแปลว่าเขาอาจไม่ต้องเผชิญหน้ากับผู้รอดชีวิตคนอื่นไปอีกสักระยะ

ประเมินจากการที่ผู้รอดชีวิตคนไหน ๆ ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นโจรได้ ฉินหรานคิดว่าทางที่ดีที่สุดก็คือหลีกเลี่ยงการพบเจอพวกเขาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

เขาก้มตัวลงและขยับไปข้างหน้า เขากำลังมองหาปากท่อระบาย และไปยังชั้นใต้ดินที่เขามั่นใจว่ามีอยู่ผ่านทางนั้น การค้นหากินเวลาไปประมาณสามสิบนาที และในช่วงเวลานี้เขาพบปากท่อระบายน้ำสองแห่ง

ข่าวร้ายก็คือ จุดแรกนั้นฝังอยู่ใต้เศษซากปรักหักพัง แม้ว่าจะสามารถมองเห็นทางเข้าได้อย่างชัดเจน แต่ว่าก็คงไม่สามารถเปิดและมุดเข้าไปซ่อนได้ หากจะเข้าไปซ่อนด้านในนั้น เขาไม่เพียงต้องขนย้ายเศษสิ่งต่าง ๆ ที่ทับปากท่ออยู่ออกแต่ยังต้องทำอย่างเงียบ ๆ อีกด้วย เพราะเสียงดังแค่เล็กน้อยก็อาจจะดึงดูดผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ และพวกโจรเข้ามาหาเขาได้ เขายังเห็นหน่วยลาดตระเวนติดอาวุธอย่างน้อยที่สุดสองคนแถวนี้แต่พวกเขายังไม่ได้พบเห็นฉินหราน และเขาเองก็ไม่ได้อยากดึงดูดความสนใจของพวกเขาเหมือนกัน

ฉินหรานหลบหน่วยลาดตระเวนมิดชิดและรอจนกระทั่งพวกเขาจากไปถึงค้นหาต่อ เขาเคลื่อนไหวไปแบบนี้จนกระทั่งเจอปากท่อระบายน้ำแห่งที่สอง เพื่อที่จะพบว่ามันมีอุปสรรคแบบเดียวกับท่อแรก และยิ่งไปกว่านั้นก็คือมีปัญหาอื่นที่ใหญ่กว่ามากโผล่ขึ้นมา

ฉินหรานเจอเข้ากับคนสองคนที่เผชิญหน้ากันอยู่ คนหนึ่งนั้นถือท่อนไม้อยู่ ในขณะที่อีกคนถือท่อนเหล็กที่ตรงปลายมีก้อนคอนกรีตใหญ่ติดอยู่ ปากท่อระบายน้ำที่ฉินหรานพบอยู่ระหว่างทั้งสองคนพอดี

ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขาจะไม่ได้สะดุดความสนใจของทั้งคู่ ไม่ใช่เพราะฉินหรานเคลื่อนไหวเงียบเชียบ แต่เป็นเพราะทั้งสองฝ่ายต่างเพ่งสมาธิไปที่อีกฝ่ายมากกว่า ฉินหรานขมวดคิ้วมองไปที่พวกเขา เขาไม่ได้คิดจะเข้าไปขัดจังหวะและไม่ได้คิดจะฉกฉวยผลประโยชน์จากคนทั้งคู่

นอกเสียจากว่าหนึ่งในนั้นจะสามารถจัดการกับอีกฝ่ายให้หมดสติหรือตายไปได้อย่างเงียบ ๆ เสียงเอะอะจากพวกเขาจะต้องดึงดูดความสนใจมากมายได้เป็นวงกว้าง เมื่อถึงตอนนั้น ฉินหรานอาจต้องเผชิญหน้าไม่แค่กับหนึ่งหรือสองคน แต่อาจจะเป็นโจรติดอาวุธทั้งกลุ่มเลยก็ได้

พวกเขาจะสามารถจัดการอีกฝ่ายได้เงียบ ๆ จริง ๆ เหรอ?

ในสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั้น ฉินหรานต้องโชคดีมาก ๆ ถึงจะสามารถหลบหนีออกไปได้ อย่างไรเสีย หากหนึ่งในพวกเขาสามารถฆ่าอีกคนซึ่งหน้าได้ คนผู้นั้นคงไม่ใช่เป้าหมายที่จัดการได้ง่าย ฉินหรานไตร่ตรองและสรุปออกมาได้

เขาก้มตัวลงโดยยังระวังให้พวกเขาอยู่ในสายตา แล้วค่อย ๆ ขยับถอยหลังช้า ๆ เขาพยายามเคลื่อนไหวเงียบ ๆ เพื่อไม่ดึงความสนใจของทั้งคู่ แต่ความพยายามทั้งหมดของเขาก็สูญสลายไปเมื่อเขาบังเอิญเหยียบลงไปบนแผ่นไม้แผ่นหนึ่ง

แกรบ!

เสียงแผ่นไม้หักที่ดังขึ้นทำให้เขาตัวแข็งอยู่กับที่

"บ้าชะมัด!" ฉินหรานสบถเงียบ ๆ เขาไม่เห็นจำได้เลยว่ามีแผ่นไม้นี่อยู่ระหว่างทางที่เขาเข้ามา แต่ตอนนี้พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว สองคนที่ประจันหน้ากันอยู่นั้นหันมองมาทางต้นเสียง พวกเขาเพิ่มความระวังขึ้นนึกสงสัยขึ้นมาว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินหรานไม่อยากให้สถานการณ์เลวร้ายดังนั้นจึงเดินออกจากที่ซ่อน ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขาไม่มีอาวุธ

"นายนั่นเอง!" จู่ ๆ ก็มีเสียงอุทานแหบ ๆ จากหนึ่งในสองคนนั้น

ฉินหรานนึกออกทันทีว่าใคร ก็คือผู้หญิงคนนั้นที่เขาเจอในบ้าน ทันทีที่เธออุทานออกมา อีกฝ่ายที่ถือแท่งเหล็กก็ถอยหลบออกไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับฉินหราน คนผู้นั้นก็ไม่อยากสู้กับอีกฝั่งที่มีสองคนเหมือนกัน คนผู้นั้นไม่มีข้อมูลอะไรมากไปกว่าคำพูดจากปากของผู้หญิง แต่นั่นก็ดูเหมือนจะพอให้เขารู้ว่าฉินหรานและผู้หญิงคนนั้นรู้จักกันและนั่นก็เป็นเหตุผลเพียงพอให้ต้องหลีกทางออกไป

ฉินหรานได้แค่ยักไหล่เมื่อเรื่องคลี่คลายไปแบบนี้ เขามั่นใจเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าผู้หญิงคนนั้นจงใจพูดขึ้นมา ใช้ประโยชน์จากเขาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก็เหมือนตอนอยู่ในบ้านเมื่อครู่ ผู้หญิงเข้ามาก่อนและรู้เห็นการมีอยู่ของฉินหรานแต่เพื่อจะจัดการกับคนร้ายที่ไล่ล่าเธอเธอจึงไม่พูดอะไรแถมพยายามชักนำและทำท่าทางหวาดกลัวเหลือเกินเพื่อหลอกอีกฝ่ายให้ตกลงสู่กับดักของเธอ เห็นได้ชัดเจนว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดจริง ๆ และฉินหรานก็ไม่อยากอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเธอ อีกอย่าง เธอยังเคยแสดงความใจดีเล็ก ๆ ออกมาเมื่อตอนนั้น เขาคิดว่าเธอเป็นคนที่ควรจะผูกมิตรไว้

ฉินหรานไม่ว่าอะไรถ้าจะต้องแลกเปลี่ยนของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขามีเพื่อข้อมูลดี ๆ จากเธอ

"ผม..."

ปัง!

เสียงปืนดังขึ้นก่อนที่ฉินหรานจะพูดจบประโยค

ผู้ชายที่เพิ่งปลีกตัวออกไปเมื่อครู่นี้ถูกยิง สมองของเขาระเบิดออกมาเหมือนแตงโมถูกรถทับ เศษเลือดเนื้อกระจายไปทั่วบริเวณ ในเวลาเดียวกัน มีคนสองคนเดินออกมาจากความมืดพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็นบนใบหน้า ฉินหรานมองไปที่ซากศพไร้หัวบนพื้น จากนั้นมองไปที่มือปืนทั้งสอง เขาสั่นไปทั้งตัวและรีบถอยไปยังกำแพงที่ด้านหลังตัวเอง ซ่อนตัวจากวิถีกระสุน

"บ้าชะมัด!" ผู้หญิงคนนั้นก็ซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงเดียวกัน พอพวกมันเริ่มยิงปืนขึ้นอีกรอบเธอก็สบถไม่หยุด "ไอ้หน้าตัวเมียเอ๊ย! ทำไมคนของอีแร้งถึงมาอยู่ที่นี่ได้?"

ฉินหรานสัมผัสได้ชัดเจนถึงความกลัวและเกลียดชังบนใบหน้าเลอะฝุ่นนั้น

"อีแร้ง?" ฉินหรานพึมพำคำนั้นเบา ๆ แน่นอนว่าเขารู้ว่าที่เธอพูดนั้นไม่ได้หมายถึงอีแร้งที่เป็นนก แต่เป็นฉายาอะไรสักอย่าง ใครที่มีฉายาแบบนั้นไม่น่าจะใช่คนดี ในอาณาจักรสัตว์ อีแร้งเป็นที่รู้จักในนามของนกที่กินซากศพและสัตว์เน่าเปื่อยเป็นอาหาร หากใครสักคนมีฉายาแบบนั้น...

ฉินหรานคิดถึงศพไร้หัวแล้วก็ตัวแข็งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

"ใจเย็น! ใจเย็นไว้!" ฉินหรานบอกตัวเอง

จากนั้นเขาดึงมีดทำครัวออกมาและยื่นมันให้ผู้หญิงข้าง ๆ มีพวกเดียวกันสักคนนั้นมีประโยชน์ในสถานการณ์แบบนี้ และมีดทำครัวนั่นก็ดีกว่าท่อนไม้ที่เธอถืออยู่ในมือ ผู้หญิงคนนั้นเข้าใจความคิดของฉินหรานและรับมีดเล่มนั้นไว้อย่างกระตือรือร้น เธอกระชับมันไว้แน่น สายตาของเธอดูแน่วแน่ หลังจากอยู่รอดในภาวะสงครามมาได้นานถึง 4 เดือน เธอผ่านอะไรแบบนี้มาพอสมควร เธอรู้ว่าควรจะทำอะไร

"เบี่ยงเบนความสนใจและจู่โจม" เธอพูด

"เบี่ยงเบนความสนใจ? จู่โจม?" ฉินหรานถาม เขารู้สึกกลัว

แน่นอนว่าการเบี่ยงเบนความสนใจนั้นมีความเสี่ยงสูง ผิดพลาดเพียงก้าวเดียวหมายถึงความตาย และฉินหรานย่อมไม่ได้อยากตายแบบนี้ เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่ก่อนที่เขาจะได้บอกว่าไม่เห็นด้วย ผู้หญิงคนนั้นก็อธิบายแผนของเธอ

"ฉันจะไปล่อมันออกมา! นายใช้กริชเป็นและฉันหลบเก่ง นี่เป็นแผนที่ดีที่สุดแล้ว!" หลังจากเธออธิบายความคิดของตัวเองจบ เสียงฝีเท้าก็ดังใกล้พวกเขาเข้ามา ผู้ชายสองคนนั้นเดินเข้ามาอย่างไม่สนใจระวังพวกเขาสองคนเลย

"อย่าฆ่าฉัน!" เสียงแหบ ๆ ของผู้หญิงก็ดังออกจากปากเธออย่างไม่มีแววลังเล จากนั้นเธอก็วิ่งหนีไปตามซากปรักหักพัง

.

.

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด