ตอนที่แล้วตอนที่ 36 เมืองหลินเจียง สำนักอสรพิษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 38 เราจะคุยกันดีๆ ได้หรือยัง?

ตอนที่ 37 ภารกิจ : หยุดหักค่าจ้างของข้า (ฟรี)


ตอนที่ 37 ภารกิจ : หยุดหักค่าจ้างของข้า

เมืองหวงซาน

ผู้นำของทั้งสามตระกูล หนิว จาง หลู่ มาร่วมตัวกัน

“ข้าได้ยินมาว่าราชสำนักเพิ่งจัดตั้งกองตรวจการ คงไม่ง่ายที่จะรับมือเลย” ผู้นำตระกูลจางพูดช้าๆ

“ไม่ง่ายที่จะรับมือ? เฮอะ” หัวหน้าหนิวพูดอย่างเย็นชา “ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วยังไงพวกเราไม่ได้ทำอะไรที่น่าละอายเลย”

“มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ผู้บัญชาการคนนั้นกลับทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เขาต้องการจับกุมคนของเรา และยึดทรัพย์สินของเรา เขาคิดว่าเรารังแกได้ง่ายจริงๆ รึ”

“เอาล่ะ แต่เพื่อความปลอดภัย เราก็ต้องหาทางรับมือไว้ก่อน”

"อืม นั่นสมเหตุสมผล"

สำนักอสรพิษ

ซูเซินรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ในห้องโถงใหญ่ของสำนัก

“กองตรวจการ?”

"ข้าได้เข้ามาถึงระดับ 3 แล้ว ตราบใดที่ข้าไม่ก่อกบฏ หรือสังหารหมู่ผู้คนในเมือง อีกฝ่ายจะไม่ติดตามเรื่องเล็กน้อยใดๆ"

“แต่เราไม่สามารถประเมินราชสำนักต่ำเกินไปได้ เราควรควบคุมอัตราการเสียชีวิตในอนาคตอันใกล้นี้เพื่อไม่ให้มีคนตายมากเกินไป”

"ขอรับ"

เจ้าสำนักอสรพิษไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้

กองตรวจการ

ซูหยางกำลังแกว่งดาบอยู่ที่ลานบ้านตามปกติ

ครึ่งวันต่อมา เล่ยเจ๋อก็มาขอพบเขา

“สถานการณ์เป็นอย่างไร?” ซูหยางเก็บดาบเข้าฝักแล้วถามออกไป

เล่ยเจ๋ออธิบายทุกอย่างที่เขาพบในเมืองหวงซานอย่างละเอียด

สามตระกูลในเมืองหวงซาน จาง หลิว และหลู่ รวมมือกันเพื่อควบคุมธุรกิจในเมืองหวงซาน และควบคุมอัตราค่าจ้าง

สำหรับคนธรรมดา ค่าจ้างรายวันสำหรับคนใช้แรงงานคือ สิบเหวิน

ราคานี้เป็นค่าจ้างขั้นต่ำที่ราชสำนักกำหนด และได้รับการดูแลร่วมกันโดยนายอำเภอท้องถิ่น และกองเจิ้นหวู่

จุดประสงค์ก็เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น

พ่อค้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้กำหนดค่าจ้างตามต้องการ และเอารัดเอาเปรียบประชาชน

แต่หลังจากที่ทั้งสามตระกูลรวมพลังกันเพื่อควบคุมธุรกิจในเมืองหวงซาน พวกเขาก็เริ่มควบคุมอัตราค่าจ้าง

กดค่าจ้างให้ต่ำลง

นายอำเภอ และกองเจิ้นหวู่ไม่เห็นด้วยหรือ?

พวกเขามีวิธีแก้ด้วยการระบุในสัญญาว่า พวกเขาจะได้รับเงินค่าจ้างวันละสิบเหวิน แต่ถ้าพวกเขาทำอะไรผิดพวกเขาจะต้องจ่ายค่าชดเชย

ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ทั้งสามตระกูลก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ และเริ่มหักค่าจ้างจากคนงาน

ทั้งกองเจิ้นหวู่ และนายอำเภอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้

แม้จะเป็นเช่นนี้ คนงานยังทำงานต่อเหรอ?

ยุคนี้พวกเขาจะไปไหนได้?

บรรพบุรุษของพวกเขาอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้วถึงอยากจะย้ายก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีเงิน

พวกเขาสามารถปล่อยให้มันบีบคั้นเท่านั้น

จะต่อต้านได้อย่างไรถ้าไม่มีพลังพอที่จะต่อต้าน?

สิ่งนี้ไม่สามารถต่อต้านได้โดยคนจำนวนมาก

นักสู้ระดับ 8 คนใดก็ตามสามารถปราบปรามคนธรรมดาได้หลายสิบคน

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีนักสู้ระดับ 5 อยู่ในทั้งสามตระกูล

หากไม่มีใครยับยั้ง มันจะเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่นักสู้ระดับ 5 จะสังหารคนทั้งเมือง

ผู้ที่มีความแข็งแกร่งสามารถหาเงินได้มากขึ้น และจะไม่ได้รับผลกระทบ

ทั้งสามตระกูลก็ฉลาดมาก และจะไม่รังแกนักสู้ หรือผู้ฝึกฝน เป้าหมายของพวกเขาคือ คนธรรมดาสามัญเท่านั้น

“เตรียมม้าให้ข้า” ซูหยางไม่ได้พูดอะไรมาก เนื่องจากบางคนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เขาจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง

“ขอรับ!” เล่ยเจ๋อตื่นเต้น และแก้แค้นสามตระกูลที่รวมมือกันพยายามสังหารเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่แข็งแกร่งพอ เขาก็คงโค่นล้มทั้งสามตระกูลไปแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็ขี่ม้าออกจากเมืองเทียนเฟิง

หลังจากนั้นไม่นาน ซูหยางก็ปรากฏตัวในเมืองหวงซาน

ทันทีที่เขามาถึงเมืองหวงซาน ซูหยางก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่สิ้นหวังของผู้คน เหมือนช่วงพลบค่ำแห่งชีวิต

เหมือนพวกเขาอยู่อย่างมึนงง ไร้ความหวังใดๆ

สถานการณ์ที่นี่รุนแรงกว่าที่เคยปรากฏในเมืองผิงซานมาก

แม้ว่าจะมีการกดขี่ของผู้มีอำนาจในเมืองผิงซาน แต่อย่างน้อยผู้คนก็กล้าพูดออกมา และโกรธเคือง

แต่ที่นี่ ซูหยางไม่ได้ยินเสียงแห่งความไม่พอใจเลย ไม่ต้องพูดถึงการต่อต้าน

เมื่อเปิดแผงคุณสมบัติ ภารกิจในเมืองหวงซานก็ปรากฏขึ้น

[ ภารกิจ : หยุดหักค่าจ้างของข้า ]

[ ระดับ : 12 ]

[ ข้อกำหนด : ทำให้ตระกูลจาง ตระกูลหนิว และตระกูลหลู่ในเมืองหวงซานให้สัญญาว่าจะไม่หักค่าจ้างคนงานอีกต่อไป ]

[ รางวัล : เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต 12 ดวง ]

เมื่อเขาเห็นชื่อของภารกิจนี้ ซูหยางตัดสินใจว่าภารกิจนี้จะต้องทำให้เสร็จสิ้น และเขาต้องช่วยโดยเร็วที่สุด!

หลังจากเข้าไปในเมือง ซูหยางก็มาที่กองเจิ้นหวู่อย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เขาเข้าไปในกองเจินหวู่ ซูหยางก็เห็นทหารที่ได้รับบาดเจ็บบางส่วนยังคงถูกห่อด้วยผ้าสีขาว

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูหยางก็โกรธเล็กน้อยเช่นกัน

หลังจากที่จางไป๋ซานออกมาทักทาย ซูหยางก็พูดตรงๆ

“จางไป๋ซาน เรียกทุกคนให้มาร่วมตัวกัน ยกเว้นพี่น้องที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเคลื่อนไหวไม่ได้”

“ใต้เท้า ทำไมเราไม่หารือกันก่อนล่ะ?” จางไป๋ซานลังเลเล็กน้อย หากทำอะไรโดยประมาท เขาเกรงว่าเรื่องหลังจากนี้จะรุนแรงยิ่งขึ้น

“ขั้นแรกให้จับกุมทุกคนที่ทำร้ายคนของเรา จากนั้นค่อยมาหารือกัน” ซูหยางกล่าวอย่างสงบ

พวกเขาชอบใช้กำลัง แทนการใช้เหตุผลไม่ใช่เหรอ?

งั้นเขาก็จะทำแบบเดียวกัน!

ในไม่ช้า จางไป๋ซานก็รวบรวมทหารที่ยังเคลื่อนไหวได้ให้มารวมตัวกัน

ในเรื่องนี้ ทหารเหล่านี้ยังคงสับสน

พวกเขาบาดเจ็บกันหมดแล้วแต่ยังอยากจะไปอีกเหรอ?

แต่คำพูดถัดไปของซูหยางทำให้พวกเขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

บนสนามฝึก

จางไป๋ซาน และเล่ยเจ๋อยืนอยู่ทั้งสองฝั่งของซูหยาง

ความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นชัดเจน

ทหารหลายร้อยคนในสนามฝึกดูสงสัย มีคนมาจากเบื้องบนงั้นเหรอ?

"ให้ข้าแนะนำตัวเองก่อน"

“ข้าซูหยาง ผู้ตรวจการสี่ทิศแห่งกองตรวจการ ความแข็งแกร่งระดับ 4 ถ้าตำแหน่งนี้ พวกเจ้าทุกคนถือได้ว่าเป็นคนของข้า”

“วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อสองสิ่ง อย่างแรกเพื่อช่วยให้พวกเจ้าได้รับความยุติธรรม! อย่างที่สอง เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากทั้งสามตระกูล”

ซูหยางมองไปรอบ ๆ อย่างสงบ

เหล่าทหารตกตะลึงในตอนแรก

ใครบางคนจากเบื้องบนจะสามารถช่วยพวกเขาได้รับความยุติธรรมจริงหรือ?

“หยิบอาวุธของตน แล้วตามข้ามา ตามหาคนที่โจมตีเจ้า และจัดการพวกเขาซะ พวกเจ้ากล้าไหม?”

คำพูดของซูหยางก้องอยู่ในใจของทหารทุกคน

โต้กลับ

ในอดีต เจ้าหน้าที่ระดับบนถูกติดสินบน และไม่มีใครสนใจคนระดับล่าง

พวกเจ้าสมควรที่จะถูกทุบตี

ใครบอกให้พวกเจ้าไปยั่วยุพวกเขา?

เมื่อมีคนพร่ำบ่น ผู้บังคับบัญชาจะถามเพียงว่าพวกเขาทำสิ่งเหล่านั้นไปทำไม ทำไมจึงสร้างปัญหา

เมื่อสร้างปัญหาก็สมควรแล้วที่จะต้องถูกลงโทษจะได้ไม่แส่หาเรื่องอีก

ทำบางสิ่งก็โดนดุ ไม่ทำอะไรเลยก็โดนดุ ถ้าทำให้ไม่พอใจก็โดนดุ

หลังจากทนทุกข์ทรมานกับความคับข้องใจทั้งหมด พวกเขาก็ทำได้แค่ไปนอน หรือไปย่านโคมแดง!

เมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เบื้องบนไม่สนับสนุนพวกเขา แต่กลับจัดการกับพวกเขาแทน ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกท้อแท้

คราวนี้ จู่ๆ จางไป๋ซานก็ออกคำสั่งที่ต่างจากปกติ และพวกเขาก็ต้องเชื่อฟัง

หลังจากถูกทุบตี พวกเขาทั้งหมดก็อดกลั้นอย่างเงียบๆ

พวกเขาเตรียมพร้อมมานานแล้วที่จะถูกทุบตีอย่างไร้ผล

แต่ตอนนี้ สิ่งต่างๆ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว

ผู้บังคับบัญชาคนนี้เพิ่งบอกว่าตนจะสนับสนุนพวกเขาเหรอ?

ต้องการช่วยพวกเขาโต้กลับ?

ด้สนการก่อตั้งกองตรวจการ ในที่สุดพวกเขาก็มีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งแล้ว?

เหล่าทหารตัวสั่นเล็กน้อย และภาพการถูกทุบตีกลับราวกับสุนัขยังคงชัดเจนอยู่ในใจของพวกเขา

ความคับข้องใจในอดีตเปรียบเสมือนน้ำที่ทลายเขื่อน และไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป

ตะโกน:

“ในเมื่อใต้เท้าอยู่ที่นี่ ทำไมเราจะไม่กล้า!”

ขณะที่คนแรกพูด แรงผลักดันที่เกิดจากเขาก็เหมือนกับคลื่นลูกหนึ่ง

“ใต้เท้า เราจะไปกับท่าน!”

ในกองเจิ้นหวู่ บรรยากาศที่น่าสังเวช และสิ้นหวังถูกพัดพาไป ทุกคนเต็มไปด้วยพลัง พวกเขาเป็นเหมือนกลุ่มหมาป่าที่ต้องการแก้แค้น!

"ตกลง!" ซูหยางหันกลับมาแล้วพูดอย่างเย็นชา "ไปกันเถอะ!"

รอบๆ กองเจิ้นหวู่

ผู้คนทั้งหมดมองดูอย่างอยากรู้อยากเห็น

ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ยินเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในกองเจิ้นหวู่

อีกฝ่ายกำลังเทำอะไรอยู่?

พวกเขาซึ่งแม้จะเป็นคนทั่วไปก็รู้เช่นกันว่าทหารของกองเจิ้นหวู่ถูกทุบตีเมื่อวานนี้

ชีวิตของพวกเขาเศร้าหมองมากตอนนี้ พวกเขาไม่ตำหนิเหล่าทหารในเมืองหวงซาน

เพราะพวกเขารู้ว่าทหารเหล่านี้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว

สิ่งที่พวกเขาบ่นคือราชสำนัก ทำไมอีกฝ่ายถึงตาบอด และมองไม่เห็นความโศกเศร้าของพวกเขาเลย

ทำไมไม่ส่งคนที่แข็งแกร่งกว่านี้มาแก้ปัญหาล่ะ

เมื่อคนเหล่านี้อยากรู้

ทหารหลายร้อยคนจากกองเจิ้นหวู่ เดินออกมาอย่างเป็นระเบียบ

ด้วยก้าวย่างที่สม่ำเสมอ แรงผลักดันรวมตัวกันกลายเป็นเหมือนหอก และเคลื่อนตัวข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ

แตะ แตะ แตะ

ด้วยการก้าวเท้าที่พร้อมกัน ทหาร และชุดเกราะอยู่ในโทนเดียวกัน พวกเขาเปล่งพลังกดดันเหมือนพยัคฆ์ที่กำลังล่าเหยื่อ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด