บทที่ 32 : ไกด์ทัวร์นรก
บทที่ 32 : ไกด์ทัวร์นรก
“ไล่ตามมันไป เขาอยู่ข้างหน้าแล้ว!”
ภายในป่าที่เต็มไปด้วยหิมะอันกว้างใหญ่ ตู้ชิงนำลูกน้องของเขาไล่ตามเงาดำที่กำลังหลบหนีอยู่ตรงหน้าพวกเขาไปอย่างมุ่งมั่นไม่ลดละ
ในฐานะหัวหน้าแก๊งระดับกลางของแก๊งฉิงจู ความแข็งแกร่งของเขาก็นับได้ว่าทรงพลังในหมู่อันธพาล
เขาไม่เพียงแต่ฝึกฝนวิชางูเขียวของแก๊งเท่านั้น แต่เขายังฝึกฝนเส้นลมปราณของเขาและพัฒนากำลังภายในขึ้นมาแล้วอีกด้วย
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะยังคงไม่มีนัยสำคัญในโลกยุทธ์อันกว้างใหญ่ แต่มันก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วในชนบทอย่างนี้
ด้วยพลองเหล็กคู่หนึ่งในมือของเขา เขาก็สามารถจัดการกับคนติดอาวุธยี่สิบคนได้อย่างง่ายดายโดยไม่เสียเหงื่อ
ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้เอง มันจึงทำให้ตู้ชิงไม่หวาดกลัวที่จะไล่ตามศัตรูไป
' มันเป็นแค่พรานภูเขาบ้านนอก มันคงไม่มีอะไรมากไปกว่าพละกำลังอันแข็งแกร่งแล้ว… อืม ทักษะยิงธนูของมันเองก็ดีเหมือนกัน แต่ทั้งหมดนี้ก็ล้วนไร้ค่าเมื่ออยู่ภายใต้พลองเหล็กของข้า!'
ด้วยความคิดที่แวบเข้ามาในจิตใจของเขา ตู้ชิงเลียริมฝีปากของเขา และเริ่มจินตนาการภาพตอนที่เขาใช้ท่อนเหล็กเพื่อเปิดกะโหลกศีรษะของนายพรานผู้เคราะห์ร้าย
ภาพสมองของนายพรานที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมคงเป็นภาพที่น่าดู
“อ้ากกก!”
ขณะที่ตู้ชิงกำลังคิดว่าจะทรมานนายพรานอย่างไรดีหลังจากจับเขาได้ เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เขามองกลับไปที่ลูกน้องคนหนึ่งซึ่งกำลังไล่ตามหลังเขามาติดๆ จู่ๆ อีกฝ่ายก็หายตัวไปและตกลงไปในหลุมลึก
“บ้าเอ้ย!”
ตู้ชิงสาปแช่งด้วยเสียงต่ำและรีบไปตรวจสอบ
ขณะที่เขาเข้าใกล้ เขาก็เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ต้าจวงกำลังนอนอยู่ในหลุม ร่างกายของเขาถูกแทงด้วยเสาไม้แหลมกว่าสิบอัน เลือดสดไหลออกมาจากปาก จมูกและบาดแผลของเขา
ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาคงไม่รอด
“ช่วยข้าด้วย… แค่ก… แอ่ก…” เมื่อต้าจวงเห็นหัวหน้าของเขาเดินเข้ามาใกล้ ความหวังอันริบหรี่ก็ฉายประกายในดวงตาของเขา เขาพยายามยกแขนขึ้นเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ในที่สุดเชาก็ทิ้งแขนลงครึ่งหนึ่งและหยุดเคลื่อนไหวโดยสิ้นเชิง
ฉากนี้ทำให้สมาชิกแก๊งฉิงจูคนอื่นๆ ที่รวมตัวกันรอบหลุมตกใจ พวกเขามีทั้งความโกรธและหวาดกลัว
เมื่อเห็นลูกน้องอีกคนของเขาตายลง ความโกรธแค้นในใจของตู้ชิงก็พุ่งทะลุถึงจุดเดือด เขาตะโกนออกมาอย่างดุเดือดว่า “ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าหนีไปได้! ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”
หลังจากตะโกนสองครั้ง เขาก็หันหน้าไปทางผู้ใต้บังคับบัญชาที่เหลือ ดวงตาแดงเขาก่ำ ใบหน้าเขาบิดเบี้ยว “ตามข้ามา เราจะไม่หยุดจนกว่าเราจะจับเจ้าพรานนั่นได้!”
“รับทราบครับ!”
สมาชิกแก๊งที่เหลืออีกสี่คนตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นในขณะที่พวกเขาไล่ตามต่อไป
พวกเขาไม่รู้เลยว่าในไม่ช้าพวกเขาจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจของพวกเขา
อันตรายบนภูเขามักน่ากลัวเกินกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้
ภายใต้การนำทางของพรานมหาเทพ สมาชิกแก๊งฉิงจูก็เริ่มตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามันมีอันตรายซ่อนตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง และความตายก็กำลังติดตามพวกเขามาดั่งเงา
กับดัก แมลงมีพิษ สัตว์ดุร้าย...
ในระหว่างการเดินทางระยะสั้นผ่านภูเขา ลู่หยวนกก็ได้วางกับดักเพิ่มเอาไว้อีกเล็กน้อยเช่นกัน
และภายใต้การนำทางอันน่าทึ่งของไกด์ทัวร์นรก สมาชิกแก๊งฉิงจูจึงเริ่มหลงทางและมุ่งหน้าลงไปที่นรกทีละคนๆ
โดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัว สหายห้าคนของพวกเขาก็ได้ตายตกลงไปในระหว่างการไล่ล่าแล้ว
ตอนนี้เหลือเพียงสองคนเท่านั้นในกลุ่ม
ในระหว่างการไล่ล่า ใบหน้าของตู้ชิงก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขาเกือบจะกลายเป็นบ้าจากการที่ลูกน้องของเขาเสียชีวิตลงอย่างต่อเนื่อง
และในขณะนี้ สมาชิกแก๊งธรรมดาคนสุดท้ายก็หันหลังหนีและกรีดร้องออกมาว่า “ข้าทนไม่ไหวแล้ว! ข้าจะออกจากภูเขาแล้ว!”
“หยุด อย่าหนีนะ!”
เมื่อเห็นว่าคนของเขากำลังพยายามที่จะหนี ตู้ชิงก็โกรธจัดและตะโกนตำหนิทันที
แต่ชายคนนั้นก็ไม่ฟังและยังคงวิ่งต่อไปอย่างสิ้นหวัง
“เจ้าอยากตายนักใช่ไหม!”
หลังจากถูกทรมานจิตใจจากการไล่ล่าจนเสียสติ ในที่สุดตู้ชิงก็ไม่สามารถระงับเจตนาฆ่าของเขาได้อีกต่อไป เขากำพลองเหล็กของเขาแน่นและพุ่งตัวกลับไปหาอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ยกมันขึ้นเพื่อฟาดศีรษะของผู้ที่กำลังหลบหนีอย่างโหดเหี้ยม
แผล่ะ!
เช่นเดียวกับการทุบแตงโม กะโหลกของผู้ที่กำลังหนีได้แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและกระเซ็นลงไปบนพื้น
“จุ๊ๆ ช่างเลือดเย็นอะไรแบบนี้”
ลู่หยวนซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังกองใบไม้หนาทึบที่อยู่ห่างไกลออกไปมองผ่านช่องว่างและอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเมื่อเห็นภาพนั้น
พวกอันธพาลเหล่านี้โหดเหี้ยมไม่เพียงแต่กับศัตรูเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนของพวกมันเองด้วย
การตัดสินใจของเขาที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ระยะประชิดกับชายคนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ใครจะรู้ว่าคนร้ายเหล่านี้จะทำอะไรเขาหากเขาเข้าใกล้จนเกินไป?
เขาเป็นเพียงนายพรานผู้อ่อนแอและทำอะไรไม่ถูก เขาจะต่อกับพวกคนชั่วเช่นนี้ได้ยังไง? เขาทำได้เพียงพึ่งพาสติปัญญาของเขาเพื่อชัยชนะเท่านั้น
“แต่เมื่อพิจารณาจากการแสดงของตู้ชิงแล้ว เขาก็น่าจะฝึกฝนกำลังภายในด้วยเช่นกัน อืม ฉันสงสัยจังว่าเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงรึเปล่านะ?” ลู่หยวนขมวดคิ้ว
เขาเพิ่งเรียนรู้วรยุทธ์ฝ่ามือและแทบจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับโลกยุทธ์เลย
ด้วยความรู้ที่จำกัดเช่นนี้ การเผชิญหน้ากับหัวหน้าแก๊งฉิงจูโดยตรงจึงทำให้เขาเริ่มสงสัย
“ดูเหมือนว่าฉันจะยังต้องหาวิธีที่จะทำให้เขารู้สึกแย่ลงไปอีก”
ด้วยความคิดนั้น ลู่หยวนก็ยกธนูขึ้นและเล็งไปที่ตู้ชิงซึ่งเพิ่งจะบดขยี้กะโหลกศีรษะของคนของเขาลงและกำลังตกอยู่ในความงุนงงไปชั่วขณะ
ในชั่วพริบตา ลู่หยวนก็ยิงธนูออกไปอย่างไม่ลังเล...