ตอนที่แล้วบทที่ 28 : เริ่มต้นเกมส์ล่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 30 : ต้องแก้แค้น

บทที่ 29 : ชั่วและจน!


บทที่ 29 : ชั่วและจน!

ที่สุดปลายถนนในหมู่บ้านเสี่ยวหยู

จ้าวเอ๋อและลูกน้องอีกสองคนของเขากำลังซ่อนตัวอยู่ในกอหญ้าข้างถนนอยู่ในขณะนี้

พวกเขากำลังจ้องมองไปที่บนถนนอันกว้างใหญ่อย่างตั้งใจผ่านช่องว่างระหว่างกอหญ้าและจับตาดูทุกคนที่ผ่านไปมา

“พี่จ้าว เรารออยู่ที่นี่มาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่โผล่มาเลย ท่านคิดว่าเขาจะใช้เส้นทางอื่นรึเปล่า?” หูจื่อถามหลังจากที่พวกเขารอมาได้ระยะหนึ่งแล้ว

เขาไม่ได้ถามเพราะความกลัว แต่เขาถามเพราะกังวลว่าเงินจะหลุดมือพวกเขาไป

“เป็นไปไม่ได้”

จ้าวเอ๋อส่ายหัวอย่างเด็ดขาด “ไม่มีนายพรานคนไหนที่จะไม่ดีใจเมื่อได้เงินมาจากการล่าสัตว์ พวกเขาจะรีบตรงกลับไปที่บ้านของพวกเขาเพื่อพักผ่อนโดยทันทีอย่างแน่นอน”

“ซึ่งถนนเส้นหมู่บ้านเสี่ยวหยูนี้ก็เป็นเส้นทางที่สั้นและเร็วที่สุดแล้ว หากพวกเขาเลือกที่จะใช้เส้นทางชนบทเล็กๆ การเดินทางของพวกเขาก็อาจจะกินเวลามากกว่าสองถึงสามเท่าตัวก็ได้”

“และเขาก็เพิ่งจะมาถึงที่นี่ ดังนั้นเขาจึงจะต้องไม่กล้าใช้เส้นทางที่ไม่รู้จักหรือหลบอยู่ในบริเวณนี้นานแน่”

“นอกจากนี้ ในพื้นที่อันกว้างใหญ่ของภูเขาต้าหยู มันก็มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่ได้รับการคุ้มครองจากพวกนายพรานและทำให้ที่นี่ค่อนข้างปลอดภัย”

“หากเขาเข้าสู่สันเขาผ่านเส้นทางอื่น เขาก็อาจจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเอาได้ ซึ่งแม้แต่นายพรานที่มีประสบการณ์ก็ยังไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตนเองได้เลย”

“มาถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังคิดว่าเขาจะกล้าเปลี่ยนเส้นทางอยู่อีกไหม?”

หูจื่อส่ายหัวโดยทันที “ไม่แน่นอน มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะทำอย่างนั้น หากข้ามีเงินมากมายขนาดนี้ ข้าก็คงจะหาที่ที่ปลอดภัยสำหรับซื้อบ้าน แต่งงานกับภรรยา ซื้อที่ดินและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแน่”

จ้าวเอ๋อพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตราบใดที่เราดักรออยู่ที่นี่ เจ้าเด็กนั่นก็จะไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ และแม้ว่าเขาจะเข้าไปในเส้นทางบนภูเขา แต่พวกพี่ใหญ่ก็จะตามเขาไปจนทันอยู่ดี”

“เจ้าเด็กนั่นคงจะหนีไม่พ้น-” คำพูดของจ้าวเอ๋อถูกตัดลงเมื่อเขาเห็นอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาหาเขาจากระยะไกล

ก่อนที่เขาจะมองเห็นมันได้ชัด ความเจ็บปวดอันทุกข์ระทมก็ปรากฎขึ้นที่ดวงตาของเขา และแรงกำลังอันมหาศาลก็กระแทกเข้าที่หัวของเขาและเหวี่ยงเขาปลิวออกมาจากกอหญ้า

“พี่จ้าว!”

“เกิดอะไรขึ้น?”

เหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหันนี้ทำให้ลูกน้องทั้งสองคนสับสน

พวกเขารีบลุกขึ้นจากที่ซ่อนเพื่อไปตรวจดูอาการของจ้าวเอ๋อ

แต่ทันทีที่พวกเขาลุกยืนขึ้น หนึ่งในนั้นก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังคอ ตามมาด้วยเลือดที่พุ่งกระเซ็นไปทั่ว ก่อนที่พลังอันทรงพลังจะส่งเขาล้มลงไปกับพื้นอีกเช่นกัน

จากนั้น หูจื่อก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่โจมตีพวกเขาอยู่คือลูกธนูเหล็ก พวกมันถูกยิงมาจากตำแหน่งปริศนาอย่างแม่นยำและรวดเร็ว

' มันจะต้องเป็นนายพรานคนนั้นแน่ๆ!'

เกือบจะในทันที หูจื่อก็ตระหนักได้ว่ามันคือศัตรูของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะรู้แล้วว่าเป็นใคร แต่เขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูเพื่อแก้แค้น เขาตัดสินใจที่จะรีบวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด

สหายของเขาได้เสียชีวิตลงไปแล้วถึงสองคน และตอนนี้มันก็เหลือเขาซึ่งอ่อนแอที่สุดอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าความเชี่ยวชาญด้านทักษะยิงธนูของนายพรานนั้นน่ากลัวมาก

ความรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นได้เข้าปกคลุมจิตใจของหูจื่อโดยทันที

ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องเงินอีกต่อไปแล้ว มันมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่ในใจของเขา หนีรอดไปให้ได้!

อย่างไรก็ตาม การล่าที่เตรียมการมาอย่างดีก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น นายพรานผู้เก่งกาจจะปล่อยให้เหยื่อหลุดรอดไปง่ายๆ ได้อย่างไร?

หลังจากเดินไปได้เพียงสองก้าวและวิ่งไปได้เพียงไม่ถึงสิบเมตร เขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงตรงหัวใจ

ขณะที่ร่างของเขาพลิกหมุนไปในอากาศ ดวงตาของเขาก็จ้องมองไปที่ร่างสหายทั้งสองที่ไร้วิญญาณ มันมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่ในใจของเขา “ข้ากำลังจะตายหรอ?”

ตุ้บ!

พร้อมกับเสียงหล่นดังก้อง ร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ท้องฟ้าสีคราม และม่านตาของเขาก็ค่อยๆ ขยายออก

จากระยะไกล บนสันเขาเตี้ยๆ ลู่หยวนได้ลดคันธนูลง

เมื่อตระหนักได้ว่าเขากำลังถูกไล่ล่า เขาจึงตระหนักได้ต่อทันทีว่ามันอาจมีการดักซุ่มโจมตีรอเขาอยู่

ด้วยเหตุนี้เอง ลู่หยวนจึงได้หลีกเลี่ยงการเดินบนถนนอย่างเปิดเผยและเลือกเดินตามริมไหล่ทางอย่างระมัดระวังแทน

แน่นอนว่าเขาคิดไม่ผิด

เขาค้นพบจ้าวเอ๋อและสมาชิกแก๊งฉิงจูอีกสองคนที่กำลังเฝ้าดักอยู่โดยทันทีที่เขามาถึง

และเมื่อเขาพบพวกมันแล้ว มันก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก

ลู่หยวนยกมือขึ้นแล้วยิงลูกธนูออกไปสามลูกเพื่อเป็นบัตรผ่านให้พวกมันทั้งสามคนได้เดินทางตรงลงไปยังยมโลก

“ตอนนี้เมื่อจัดการพวกมันเสร็จแล้ว มันก็ไม่น่าจะมีการซุ่มโจมตีดักรออยู่อีกต่อไปแล้ว” ลู่หยวนคิดขณะที่เขาเดินเข้าไปหาศพของจ้าวเอ๋อกับสหายของเขา

เขารีบมาถึงบริเวณที่ร่างของพวกเขานอนกองอยู่

เขาก้มลงและค้นศพและในไม่ช้า ลู่หยวนก็พบถุงเงินทั้งสามใบ

เมื่อเปิดถุงและนับเงินข้างใน เขาก็พบว่ายอดรวมกันนั้นน้อยกว่าสิบตำลึง และถุงเงินของจ้าวเอ๋อก็มีเงินมากที่สุด ซึ่งก็คือหกตำลึง

“ไอ้พวกโง่นี่ นอกจากจะชั่วแล้วยังจนอีก!” ลู่หยวนถ่มน้ำลายใส่ศพทั้งสามด้วยความรังเกียจ จากนั้นจึงเก็บถุงเงินลงในกระเป๋า เขาดึงลูกธนูเหล็กทั้งสามออกมาจากศพเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่และหันกลับเข้าไปบนภูเขา

ก้าวของเขาเบาและไร้เสียง ใบหน้าของเขาเองก็ดูยิ้มแย้ม

แม้ว่าเขาจะดูถูกจ้าวเอ๋อและคนอื่นๆ ที่ยากจน แต่รายได้พิเศษเกือบสิบตำลึงก็นับว่าไม่เลวแล้ว...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด