ตอนที่แล้วบทที่ 6 : กับดักจับสัตว์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8: การแสวงหาผลประโยชน์

บทที่ 7 : การพัฒนาและการเข้าเมือง


บทที่ 7 : การพัฒนาและการเข้าเมือง

โห่—

เสียงดังก้องทำลายความเงียบในป่าบนภูเขา และลูกธนูก็เจาะทะลุใบไม้อย่างรวดเร็วและฝังตัวเองลงที่คอของกระต่ายท่ามกลางพุ่มไม้

กระต่ายดิ้นรนอยู่สองสามลมหายใจก่อนที่มันจะสงบลง

ลู่หยวนผลักพุ่มไม้ที่อยู่ข้างหน้าเขา เขาหยิบกระต่ายขึ้นมา ดึงลูกธนูออกมาอย่างชำนาญแล้วใส่กลับเข้าไปในกระบอก ก่อนจะโยนเหยื่อลงในตะกร้าบนหลังของเขา

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมดนี้แล้ว เขาก็เหลือบมองทักษะของเขา

[ ทักษะยิงธนูอย่างหยาบ (ขั้นกลาง) ]

เขาอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

“ในเดือนที่ผ่านมา ฉันยิงธนูไปหลายพันลูก ฆ่ากระต่ายและไก่ป่าไปหลายร้อยตัว และทักษะยิงธนูของฉันก็พัฒนาขึ้นไปไกลมาก”

ลู่หยวนครุ่นคิดถึงความรู้สึกของการยิงธนูเมื่อกี้นี้

แม้ว่าขั้นกลางจะไม่ใช่การปรับปรุงที่มากมายอะไรนักเมื่อเทียบกับขั้นต้น

แต่ในขณะที่ยิงธนูเมื่อกี้นี้ เขาก็รู้สึกได้เลยว่าการง้างคันธนูและความเร็วของลูกธนูนั้นพัฒนาขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก

หากประเมินเป็นคะแนน ขั้นต้นก็อาจนับเป็นหนึ่งเต็มสิบ ขณะที่ขั้นกลางนั้นได้สามเต็มสิบ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง พัฒนาการของเขาก็เพิ่มขึ้นจากหนึ่งเต็มสิบเป็นสามเต็มสิบ ซึ่งเป็นความก้าวหน้าที่ค่อนข้างน่าทึ่ง

“ไม่เพียงแต่ความแม่นยำของฉันจะพัฒนาขึ้นเท่านั้น แต่การมองเห็นและความแข็งแรงของกล้ามแขนของฉันก็ยังดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน”

ลู่หยวนง้างสายธนูในมือของเขาอย่างตั้งใจและรู้สึกว่ามันไม่มีปัญหาใดๆ

ต้องรู้ว่าก่อนที่เขาจะพัฒนาระดับทักษะขึ้นมาถึงขั้นกลาง เขาก็ต้องใช้แรงพยายามทั้งหมดในการง้างสายรั้งธนู

แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องใช้ความพยายามเพียงประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในการง้างสายธนูเท่านั้น

“เป็นเพราะระดับทักษะของฉันเพิ่มขึ้นรึเปล่านะ มันจึงทำให้สมรรถภาพทางกายของฉันดีขึ้นด้วย?” ลู่หยวนคิดและตั้งตารอดู

ในเกมที่เขาเตรียมจะเล่นก่อนจะข้ามมิติมา ระดับทักษะโดยพื้นฐานก็มีสี่ขั้น: ขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นปลายและขั้นสมบูรณ์

หากการยิงธนูของเขาขั้นก้าวไปสู่ขั้นปลายหรือขั้นสมบูรณ์ได้ ร่างกายของเขาก็จะพัฒนาไปมากขนาดไหนกัน?

“เมื่อทักษะยิงธนูของฉันพัฒนาไปถึงขั้นสมบูรณ์ได้ ความแข็งแกร่งของฉันก็อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าได้เลยไหม? แต่นี่ก็เป็นเพียงทักษะยิงธนูอย่างหยาบเท่านั้น หากฉันสามารถได้รับคัมภีร์ลับหรือแม้แต่เคล็ดวิชาเซียนศักดิ์สิทธิ์มาครองได้ มันก็จะมีการปรับปรุงมากขนาดไหนกัน?”

ลู่หยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อคิดถึงมัน

แม้ว่าการข้ามมิติมาในตอนแรกจะดูเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่โชคร้ายสำหรับเขา แต่เมื่อค้นพบประสิทธิภาพของระบบแล้ว ลู่หยวนก็รู้สึกว่าสิ่งต่างๆ อาจไม่ได้เลวร้ายมากขนาดนั้น

มันแค่แย่ที่เขาต้องมาเป็นนายพรานและต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างทุลักทุเลเช่นนี้

ถ้าเขาได้เกิดใหม่เป็นเซียนที่สามารถเดินทางผ่านสวรรค์และโลก บินขึ้นภูเขา ลอยข้ามทะเลและมีอายุยืนยาวและมีอิสรภาพได้ นั่นก็คงจะวิเศษมาก

“ดังนั้นในอนาคตข้างหน้า ฉันจะต้องฝึกยิงธนูต่อไป”

ลู่หยวนเก็บธนูและมองไปที่ป่าโดยรอบที่เงียบสงบและขมวดคิ้ว “แต่กระต่ายทางฝั่งตะวันตกของภูเขาถูกฉันล่าไปเกือบหมดแล้ว ต่อไปฉันจะต้องฝึกยิงธนูทางทิศตะวันออกของภูเขาบ้าง”

เจ็ดวันต่อมา ลู่หยวนต้องวางธนูและลูกธนูลงเพื่อยุติกิจวัตรการล่ากระต่ายของเขาไว้ชั่วคราว ซึ่งนั่นก็ทำให้กระต่ายที่อยู่ทางด้านตะวันออกของภูเขาสามารถถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกได้

หลังจากนั้นเขาก็ถือเพียงมีดสั้นและตะกร้าใบใหญ่ก่อนจะเดินออกจากภูเขาที่เขาอาศัยอยู่มานานกว่าหนึ่งเดือน

คราวนี้ ลู่หยวนวางแผนที่จะไปที่เมืองมณฑลต้าหยูที่ตีนเขา

เนื่องจากเขาข้ามมิติมาเป็นเวลานานแล้ว ข้าวสารเดิมจึงหมดแล้วเมื่อวานนี้

สำหรับเกลือ ส่วนใหญ่มันก็ถูกใช้ไปหมดแล้วตั้งแต่ตอนที่เขาทำเนื้อรมควันก่อนหน้านี้ และแม้ว่าเขาจะประหยัด แต่มันก็ยังหมดลงไปเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว

เมื่อปราศจากเกลือ แม้แต่ชายที่แข็งแกร่งและมีร่างกายแข็งแรงดีก็ยังสามารถสูญเสียพละกำลังและอ่อนแอลงได้

สถานการณ์นี้ค่อนข้างร้ายแรงสำหรับลู่หยวนซึ่งอาศัยอยู่ในป่าลึกและมักจะมาพร้อมกับสัตว์ป่าอยู่เสมอ

เขาสามารถหิวได้ แต่เขาขาดกำลังไม่ได้เพราะนั่นอาจนำไปสู่ความตายได้

เมืองมณฑลต้าหยูตั้งอยู่ที่เชิงเขาต้าหยู และมันก็ตั้งอยู่ติดกับริมแม่น้ำสายใหญ่ซึ่งห่างจากภูเขาไปประมาณสิบกิโล

อย่างไรก็ตาม สถานที่ที่ลู่หยวนอาศัยอยู่นั้นก็ค่อนข้างห่างไกล และเพื่อที่จะไปถึงเมือง เขาจึงต้องใช้ทางอ้อมมากกว่าสิบกิโล รวมเป็นระยะทางมากกว่า 30 กิโล

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดและมาถึงเทศมณฑลในอีกสองชั่วโมงต่อมาในเวลาประมาณสิบโมงเช้า

หลู่ยวนถือตะกร้าปาดเหงื่อออกจากหน้าผากและเข้าแถวที่หน้าประตูเมือง

ยามเฝ้าประตูเมืองทั้งสองคนมองดูเสื้อผ้าของเขาและตรวจดูตะกร้าของเขา เมื่อเห็นว่ามันเต็มไปด้วยหนังสัตว์ พวกเขาจึงพูดด้วยความรังเกียจว่า “ค่าธรรมเนียมเข้าเมืองหนึ่งร้อยเหรียญ”

ลู่หยวนหยิบเหรียญจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วจ่ายไป

ที่จริงแล้วค่าธรรมเนียมเข้าเมืองโดยปกติแล้วก็ไม่ได้มากถึงร้อยเหรียญ

คนทั่วไปมักจะถูกเรียกเก็บเพียงไม่กี่เหรียญหรือไม่เกินสิบเหรียญ ซึ่งนั่นก็เป็นจำนวนเงินสูงสุดแล้ว

อย่างไรก็ตาม สถานะในปัจจุบันของลู่หยวนก็คือนายพรานภูเขาหรือเรียกอีกชื่อ พรานเถื่อนแห่งต้าหยู!!!

นายพรานภูเขาเป็นพลเมืองที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้อยู่ในรายชื่อสำมะโนประชากรของรัฐ เขาไม่มีตัวตนและเป็นเพียงคนนอก

ด้วยสถานะเช่นนี้ ถึงแม้จะมีคนฆ่าเขา แต่รัฐก็จะไม่เข้ามายุ่ง

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันก็ไม่มีใครคิดจะมุ่งเป้าไปที่นายพรานภูเขาโดยเฉพาะเพื่อความสนุกสนาน ท้ายที่สุดแล้ว ฆาตกรโรคจิตก็เป็นเพียงคนส่วนน้อยในหมู่ฝูงชนจำนวนมหาศาล

นอกจากนี้ มันก็จะไม่มีใครกำหนดเป้าหมายไปที่คุณ หากคุณยังคงทำตัวตามสถานะของคุณ

เช่นเดียวกับในตอนนี้ ทหารยามทั้งสองคนนี้ใช้ประโยชน์จากความไร้สัญชาติของเขาและเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเมืองแพงกว่าปกติถึงสิบเท่า แบบนี้แล้วเป็นคุณคุณจะจ่ายไหม?

ถ้าคุณจ่าย คุณก็จะไม่ต้องลำบากใจอีก

แต่ถ้าคุณไม่จ่าย พวกเขาก็จะจับกุมคุณโดยทันที พวกเขาจะกล่าวหาว่าคุณเป็นพวกไร้สัญชาติและเป็นคนเถื่อน ซึ่งข้อกล่าวหาเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคุณที่จะได้ไปเยี่ยมเรือนจำ

และหากคุณยังกล้าต่อต้านอีก คุณก็จะถูกจับไปประหารชีวิตแน่

และไม่ว่านายพรานหนุ่มจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน แต่เขาเพียงคนเดียวจะไปสู้กับกองทหารยามได้ยังไง?

บทเรียนจากอดีตนั้นเจ็บปวด และลู่หยวนก็ไม่ต้องการจะเสี่ยงชีวิตเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ซ้ำอีกครั้ง

หลังจากจ่ายเงินตามความเป็นจริงแล้ว ทหารยามทั้งสองก็ไม่ได้ทำอะไรเขาอีกและปล่อยเขาไป

ตลาดในเมืองตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก มีพ่อค้าแม่ค้ามากมายมารวมตัวกันที่นั่น

ลู่หยวนจำเป็นต้องไปที่นั่นเพื่อขายหนังสัตว์ของเขา

เขารู้ทางไปตลาดจากในความทรงจำ และหลังจากตระเวนไปทั่วเมืองได้สักพัก เขาก็มาถึงตลาด

แต่ขณะที่เขากำลังจะมุ่งหน้าไปยังร้านค้าที่รับซื้อหนังสัตว์ในตลาดนั้นเอง มันก็ได้มีร่างหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาก่อน

“เปียวเย่”

เมื่อเห็นผู้นำที่เป็นชายร่างกำยำสวมแจ็กเก็ตตัวใหญ่เดินเข้ามา ลู่หยวนก็ยิ้มและทักทายอีกฝ่ายก่อน

ชายคนนี้ชื่อ “เปียวเย่” และเขากับพวกก็ล้วนเป็นสมาชิกของแก๊งหมาป่าทมิฬแห่งมณฑลต้าหยู

แก๊งนี้ควบคุมการค้าในมณฑล และทุกคนที่หาเลี้ยงชีพอยู่ในมณฑลก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการคุ้มครองให้กับพวกเขา

และตอนนี้ คนเหล่านี้ก็ได้มาที่นี่เพื่อเก็บเงินเขาอย่างแน่นอน...

4.5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด