ตอนที่แล้วบทที่ 27 : ขอบเขตเส้นลมปราณ พัฒนารากฐานขั้นรู้แจ้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29:  อัพเกรดออร่าหยางพิสุทธิ์

บทที่ 28 : ลดระยะเวลาการสะสมคะแนนพลังงาน  


บทที่ 28 : ลดระยะเวลาการสะสมคะแนนพลังงาน

ขอบเขตเส้นลมปราณมุ่งเน้นไปที่การล้างเส้นลมปราณภายในร่างกายเป็นหลัก

ดังนั้นยิ่งเรามีศักยภาพสูงมากเท่าไหร่ ความเร็วในการเปิดเส้นลมปราณก็จะยิ่งเร็วขึ้นมากเท่านั้น และมันก็จะยิ่งมีจำนวนมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ วรยุทธ์ที่แตกต่างกันก็ยังส่งผลต่อการเปิดเส้นลมปราณในจำนวนที่แตกต่างกันด้วย

จำนวนเส้นลมปราณจะเป็นสิ่งที่กำหนดขีดจำกัดของพลังปราณแท้สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตเส้นลมปราณ

ลู่หยุนเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเส้นลมปราณก็จริง แต่ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเส้นลมปราณเลยแม้แต่เส้นเดียว แต่กระนั้นปราณแท้ของเขาก็ยังน่าจะเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเส้นลมปราณคนอื่นๆ ที่ได้เปิดเส้นลมปราณแล้วสองถึงแม้แต่สี่เส้น!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง...

ในตอนนี้ ปริมาณพลังปราณแท้ของลู่หยุนก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเส้นลมปราณที่ได้เปิดเส้นลมปราณไปแล้วหลายเส้นเลย

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ลู่หยุนก็ยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตยุทธ์ขั้นกลางเท่านั้น แต่ตอนนี้ เขาก็ได้มาถึงขอบเขตเส้นลมปราณขั้นต้นแล้ว และเมื่อวิชาฐานรากผสมของเขาได้พัฒนาไปจนถึงขั้นรู้แจ้ง ปราณแท้ของเขาจึงเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในขอบเขตเส้นลมปราณมาเป็นเวลานานแล้ว

การปรับปรุงนี้มีนัยยะสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังเข้าใจดีว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะหน้าจอค่าคุณสมบัติ

หากไม่มีมัน เขาก็คงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก0หลายเดือนกว่าจะบรรลุผลลัพธ์ดังกล่าวด้วยพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวของเขา

ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ก็คือสถาบันศึกษาวรยุทธ์ซึ่งมีอัจฉริยะและผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน และขอบเขตเส้นลมปราณก็นับได้ว่าไม่มีอะไรพิเศษเลย

“แม้ว่าขอบเขตเส้นลมปราณจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่อย่างน้อยฉันก็ได้ก้าวข้ามศิษย์ใหม่ไปเป็นจำนวนมากแล้ว และรากฐานของฉันก็น่าจะมั่งคงมากที่สุดในหมู่ศิษย์ใหม่”

“อย่างไรก็ตาม การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดภายในวันเดียวนี้ก็อาจทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นได้ แบบนี้แล้วฉันจะแก้ไขปัญหานี้ยังไงดีนะ?”

“ข้อแก้ตัวอย่างการกินยาแล้วพัฒนานั้นเห็นได้ชัดว่ายังไร้สาระเกินไป”

รอยยิ้มของลู่หยุนค่อยๆ จางหายไป

การปรับปรุงจากขอบเขตยุทธ์ขั้นกลางไปสู่ขอบเขตเส้นลมปราณขั้นต้นภายใน 1 ปีนั้นก็นับว่าเร็วมากแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงการพัฒนาขึ้นมาภายใน 1 วันเลย

สำหรับคนอย่างลู่หยุน การบรรลุผลลัพธ์เช่นนี้ได้ในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งวันก็เป็นสิ่งที่แม้แต่อัจฉริยะโดยกำเนิดระดับ 8 หรือ 9 ดาวก็ยังไม่สามารถบรรลุได้!

ลู่หยุนส่ายหัวเล็กน้อย ความก้าวหน้าของเขาผิดปกติเกินไปจริงๆ

“ในตอนนี้ ฉันจะเข้าสู่ความสันโดษเป็นเวลาหนึ่งเดือน จากนั้นจึงค่อยหาข้อแก้ตัวเพื่อแสดงความก้าวหน้าของฉันในขอบเขตเส้นลมปราณ”

“ถึงแม้ว่ามันจะยังดูสะดุดตา แต่ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว”

การซ่อนพรสวรรค์ไว้มากจนเกินไปนั้นอาจไม่เพียงแต่จะล้มเหลวในการดึงดูดความสนใจของสถาบันศึกษาวรยุทธ์เท่านั้น แต่มันยังอาจถึงขั้นทำให้พวกเขาดูถูกดูแคลนเขาแทนได้ด้วย

ทันใดนั้นเ ขาก็นึกถึงความไม่พอใจที่มู่ชิงหยุนเคยแสดงต่อเขาในระหว่างการสอบเข้าสถาบันศึกษาวรยุทธ์

หากความแข็งแกร่งของเขาในเวลานั้นสูงกว่าของมู่ชิงหยุนมาก อีกฝ่ายก็คงจะไม่กล้าแสดงความไม่พอใจหรือความเป็นปรปักษ์ต่อเขาอย่างแน่นอน

ท้ายที่สุดแล้ว ตราบใดที่เขาไม่โง่จนเกินไป เขาก็จะตระหนักได้เองว่ามใครที่เขาสามารถรุกรานได้และใครที่เขาไม่สามารถไปรุกรานได้

แน่นอนว่าในโลกแห่งความเป็นจริง มันก็ยังมีผู้ที่หยิ่งยโส มีสติปัญญาต่ำและไม่สามารถรับรู้ถึงความเป็นจริงได้อยู่

ถึงอย่างนั้น ลู่หยุนก็ยังเชื่อว่าเขาคงจะไม่เจอคนเช่นนี้ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในสถาบันศึกษาวรยุทธ์

และหากเขาบังเอิญเจอคนพวกนี้จริงๆ เขาก็คงทำได้เพียงสั่งสอนอีกฝ่ายเท่านั้น

เมื่อตระหนักได้ดังนี้แล้ว ลู่หยุนก็เหลือบมองก้อนหินในลานบ้าน และหัวใจของเขาก็เคลื่อนไหวในขณะที่เขาเอื้อมมือออกไปคว้ามัน

ก้อนหินน้ำหนักพันปอนด์ถึงแม้จะไม่เบาเท่าขนนก แต่มันก็ยังเป็นเหมือนกับของเล่นเด็กเมื่ออยู่ในมือของเขา เขาสามารถหยิบมันขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

“ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉันได้ทะลุขีดจำกัดพันปอนด์จนไปถึงระดับที่น่าเกรงขามแล้ว”

ลู่หยุนแอบประมาณว่าความแข็งแกร่งของเขาน่าจะอยู่ที่ประมาณสองถึงสามพันปอนด์ และนั่นก็คือความแข็งแกร่งทางกายภายโดยที่ยังไม่ผสมพลังปราณแท้เข้าไป

เมื่อเขาใช้พลังปราณแท้ผสมด้วย  แม้แต่ตัวเขาเองในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถประเมินขีดจำกัดของมันได้

[ชื่อ]: ลู่หยุน

[ที่อยู่]: สถาบันศึกษาวรยุทธ์วิญญาณเหิน

[วรยุทธ์]: วิชากระบี่ทลายวายุขั้นสมบูรณ์ (ไม่สามารถพัฒนาได้อีกต่อไป), วิชาฐานรากผสมขั้นรู้แจ้ง (ไม่สามารถพัฒนาได้อีกต่อไป), ออร่าหยางพิสุทธิ์ (ขั้นต้น)

[พรสวรรค์โดยกำเนิด]: ขั้น 5

[ขอบเขตวรยุทธ์]: ขอบเขตเส้นลมปราณขั้นต้น

[ค่าพลังงาน]: 30

“น่าเสียดายที่หน้าจอนี้ยังค่อนข้างเรียบง่ายและไม่สามารถแสดงข้อมูลทางกายภาพเพิ่มเติมได้ มิฉะนั้นมันก็คงจะช่วยให้ฉันสามารถเข้าใจความแข็งแกร่งของตัวเองได้ดีขึ้น”

หลังจากวางก้อนหินยักษ์ลงแล้ว ลู่หยุนก็จัดของสักพักก่อนที่จะเปิดประตูลานบ้านและมุ่งหน้าไปที่โรงอาหาร

ตั้งแต่เข้ามาในสถาบันศึกษาวรยุทธ์ เขาก็มัวแต่เก็บตัวอยู่อย่างสันโดษเพื่อฝึกฝนอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้กินอาหารมาเป็นเวลาหลายวันติดต่อกันแล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าเขาจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเส้นลมปราณแล้ว แต่เขาก็ยังต้องการอาหาร

และไม่ต้องพูดถึงหลังจากที่ไม่ได้กินอาหารมาเป็นเวลาหลายวันเลย ท้องของเขาเริ่มที่จะปั่นป่วนแล้ว

ศิษย์ธรรมดาและศิษย์ชั้นสูงต่างก็มีโรงอาหารเป็นของตัวเองซึ่งให้บริการอาหารฟรี อย่างไรก็ตาม ระดับของโรงอาหารชั้นสูงนั้นก็ดูดีกว่าเล็กน้อย

ด้วยการแสดงตราประจำตัวของเขา มันจึงทำให้ลู่หยุนสามารถเข้าไปในโรงอาหารได้อย่างง่ายดาย

ในขณะนี้เป็นเวลาอาหารเย็นแล้วและหลายคนก็กำลังนั่งอยู่ในโรงอาหาร

เขาหยิบข้าวกับจานอาหารขึ้นมา จากนั้นก็เลือกที่นั่ง

ต้องบอกว่าโรงอาหารชั้นสูงนั้นดูดีกว่าที่อธิบายไว้ในคู่มือลูกศิษย์มาก ไม่เพียงแต่มันจะมีอาหารให้เลือกมากมายเท่านั้น แต่อาหารเหล่านั้นยังใช้ส่วนผสมคุณภาพสูงอีกด้วย

หลังจากกินทุกอย่างเข้าไปแล้ว ลู่หยุนซึ่งรู้สึกหิวมาหลายวันก็รู้สึกว่าวิญญาณและจิตใจของเขามั่นคงขึ้น และร่างกายของเขาก็รู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

“ดูเหมือนว่าไม่เพียงแต่วรยุทธ์จะทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่มันยังทำให้ฉันกลายเป็นนักกินจุอีกด้วย!”

“ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าส่วนผสมเหล่านี้จะไม่ใช่วัตถุดิบวิญญาณ แต่มันก็มีสารอาหารมากสูงมาก ฉันสงสัยจังว่าการรับประทานมากๆ ในคราวเดียวจะสามารถช่วยเพิ่มคะแนนพลังงานให้กับฉันได้ไหมนะ”

ตามกฎก่อนหน้านี้ คะแนนพลังงานของเขาก็จะสะสมเอง 1 คะแนนโดยอัตโนมัติในทุกๆ ครึ่งเดือน

และตอนนี้ มันก็เป็นเวลาเกือบห้าวันแล้วนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่คะแนนพลังงานของเขาเพิ่มขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากกินและดื่มจนอิ่มแล้ว ลู่หยุนจึงกลับไปที่บ้านพักของเขาโดยทันที

หลังจากนั้น ลู่หยุนก็อยู่อย่างสันโดษเป็นส่วนใหญ่

นอกเหนือจากการไปโรงอาหารเพื่อรับประทานอาหารสามมื้อต่อวันแล้ว เขาก็เองแต่หมกตัวอยู่ในบ้านพักของตัวเอง เขาเริ่มทำความคุ้นชินกับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของเขา

คะแนนพลังงานที่เพิ่มขึ้นเปรียบเสมือนความรู้ที่สั่งสม

ศิษย์ใหม่มีโอกาสไปฟังบรรยายโดยอาจารน์ในสถาบันทุกสัปดาห์ และสำหรับลู่หยุนที่เข้าสู่สถาบันศึกษาวรยุทธ์ในฐานะศิษย์ชั้นสูง เขาก็สามารถไปปรึกษาอาจารย์ในสถาบันได้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม ลู่หยุนก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย

เขาเพียงต้องการจะเพิ่มคะแนนพลังงานสำหรับการฝึกฝนของเขาเท่านั้น ตราบใดที่เขามีคะแนนพลังงานมากเพียงพอ เขาก็จะไม่มีปัญหาคอขวดใดๆ

อย่างน้อยจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่พบปัญหาคอขวดใดๆ

ด้วยเหตุนี้เอง ลู่หยุนจึงยังคงเป็นคนธรรมดาและไม่มีตัวตนในสายตาของผู้คนเมื่อเขาเดินไปรับประทานอาหารที่โรงอาหาร

นอกจากนี้ เขาก็ยังไม่ได้ติดต่อหรือสื่อสารกับผู้อื่นเลย

ในความเห็นของลู่หยุน การมีส่วนร่วมในการเข้าสังคมที่ไร้ความหมายก็ไม่เพียงแต่จะไร้ประโยชน์เท่านั้น แต่มันยังเป็นการเสียเวลาอีกด้วย

มีเพียงการปรับปรุงความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้น เขาถึงจะสามารถยืนหยัดได้อยู่องอาจและไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด

มิฉะนั้นแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง แม้แต่การมีหน้าจอค่าคุณสมบัติก็ยังจะไร้ประโยชน์ในท้ายที่สุด

เพียงชั่วพริบตา ครึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไป

“ฉันไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้ในการทำความคุ้นเคยกับวิชาฐานรากผสม” ลู่หยุนถอนหายใจ ในตอนที่เขาอัพเกรดวิชากระบี่ทลายวายุจนถึงขั้นสมบูรณ์ เขาก็สามารถใช้งานมันได้อย่างราบรื่นราวกับว่าเขาเกิดมาพร้อมกับมัน

อย่างไรก็ตาม มันก็แตกต่างออกไปสำหรับวิชาฐานรากผสม เขาใช้เวลาครึ่งเดือนเต็มในการปรับตัวและทำความคุ้นเคยกับมัน

ลู่หยุนสันนิษฐานว่ามันอาจเป็นผลมาจากการที่เขายังไม่คุ้นชินกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในปัจจุบัน ดังนั้นเขาจึงปรับตัวได้ช้ากว่ารอบที่แล้ว

ในช่วงครึ่งเดือนนี้ นอกเหนือจากการปรับตัวและการทำความคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของเขาแล้ว เขาก็ยังได้รับประโยชน์อื่นๆ อีกด้วย

นั่นคือเขาค้นพบว่าเวลาที่เขาต้องใช้ในการสะสมค่าพลังงาน 1 คะแนนนั้นได้ลดลงมามากกว่าครึ่ง

ก่อนหน้านี้เขาใช้เวลาครึ่งเดือนในการสะสมคะแนนพลังงาน 1 คะแนน

แต่ตอนนี้ เขาก็ใช้เวลาแค่เพียง 7 วันเท่านั้น..

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด