ตอนที่แล้วบทที่ 23: เรือเหาะยักษ์ ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25 : วรยุทธ์ขั้นหนึ่งชั้นยอด!

บทที่ 24: สถาบันศึกษาวรยุทธ์วิญญาณเหิน


บทที่ 24: สถาบันศึกษาวรยุทธ์วิญญาณเหิน

“ไปกันเถอะ!”

ขณะที่ทุกคนตั้งท่าให้มั่นคง เรือเหาะสีดำก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปและบินเจาะทะลุเมฆและบินไปไกล

“ข้าสงสัยจริงๆ ว่าคนเหล่านี้จะสามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลังได้สักกี่คน มณฑลเมฆาวารีไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งปรากฎตัวขึ้นมานานแล้ว และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ปรากฏตัวและกลายเป็นพวกพรรคมารไปแล้ว”

บนแท่นสูงในจัตุรัสกลาง เจียงหงจื่อยืนเอามือไพล่หลังและจ้องมองเรือเหาะสีดำที่ค่อยๆ เหาะหายไป

“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ที่มณฑลเมฆาวารียังไม่มีผู้บัญชาการมณฑล ความรับผิดชอบของข้าก็จะยิ่งหนักมากขึ้น…” เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เจียงหงจื่อก็กังวล “หากฝูงสัตว์อสูรบุกโจมตีเราในช่วงเวลานี้ มันก็จะลำบากมากแน่นอน ข้าควรจะหาผู้บัญชาการคนใหม่ให้ได้เร็วๆ ซะแล้ว”

...

บู้มมมม!

กลางอากาศ เรือเหาะสีดำกำลังเร่งความเร็วไปข้างหน้า ขณะที่ภูเขาและแม่น้ำด้านล่างค่อยๆ หดเล็กลงเรื่อยๆ

บนเรือ เด็กชายและเด็กหญิงจากมณฑลต่างๆ ต่างเก็บตัวอยู่คนเดียว ขณะเดียวกัน พวกเขาก็มองดูกันและกันอย่างระมัดระวัง

ลู่หยุนสังเกตเห็นว่ามีบุคคลสองสามคนที่ดูโดดเด่นในแต่ละกลุ่มอยู่เสมอ

คนเหล่านี้เปล่งออร่าที่อธิบายไม่ได้ออกมา และคนรอบข้างก็ดูเหมือนกับว่ามีบทบาทในการสนับสนุนพวกเขา

“มีผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเส้นลมปราณอย่างเสี่ยวเฉินไม่น้อยกว่าสิบคน อย่างไรก็ตาม ฉันก็ไม่สามารถบอกได้ว่าระดับพรสวรรค์โดยกำเนิดของพวกเขาอยู่ในระดับใด บางทีพวกเขาอาจจะมีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 6 ดาวก็ได้” ลู่หยุนกระซิบกับตัวเองพลางครุ่นคิด

มณฑลเมฆาวารีมีผู้คนมากมาย แต่คนที่โดดเด่นที่สุดจริงๆ ก็มีเพียงผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวเท่านั้น ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 6 ดาวนั้นหายากมากเพียงใด

“หากไม่คำนึงถึงหน้าจอค่าคุณสมบัติ ความเร็วในการฝึกฝนและศักยภาพของฉันก็ยังไม่น่าเป็นห่วงอยู่ดี”

หลังจากสังเกตมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ลู่หยุนก็เลิกสนใจและเริ่มฝึกฝนขณะนั่งขัดสมาธิ

หลังจากการฝึกฝนมาหลายวัน วิชาฐานรากผสมของเขาก็ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก และความก้าวหน้าก็ไปถึง 57% แล้ว

ในอัตรานี้ เขาก็คิดว่าเขาจะใช้เวลาอีกเพียงประมาณสองเดือนเท่านั้นก่อนที่วิชาฐานรากผสมจะบรรลุถึงขั้นเชี่ยวชาญและก้าวไปสู่ขอบเขตยุทธ์ขั้นปลาย

แน่นอนว่านั่นคือความเร็วความก้าวหน้าแบบอย่างช้าที่สุด

ถ้าเขาใช้คะแนนพลังงานร่วมด้วย เวลาก็จะลดน้อยลงกว่านี้มาก

ในไม่ช้า เรือเหาะสีดำก็บินออกจากอาณาเขตของมณฑลเมฆาวารี ขณะที่ลู่หยุนหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

บู้มมมม!

ทันใดนั้น ลู่หยุนก็สัมผัสได้ถึงสั่นสะเทือนจากภายนอก เขาถอนตัวออกจากสถานะการฝึกฝนของเขาโดยทันที

“เรามาถึงสถาบันศึกษายุทธ์แล้ว ทุกคนเตรียมตัวลงจากเรือได้” เสียงตะโกนที่ดังและชัดเจนดังขึ้น และทุกคนบนเรือก็เริ่มเคลื่อนไหว

ลู่หยุนลืมตาขึ้น เขายืนขึ้นและมองไปข้างหน้า

ภูเขาอันไร้ที่สิ้นสุดปรากฏขึ้นในสายตาของเขา มันเหมือนกับมังกรยักษ์ที่นอนขดตัวอยู่บนพื้น

ท่ามกลางภูเขาและป่าไม้ กลุ่มอาคารมองเห็นได้อย่างเลือนลาง และมีเมฆลอยล่องไปมา มันทำให้ที่นี่ดูเหมือนกับแดนสวรรค์บนโลกมนุษย์

“นี่คือสถาบันศึกษายุทธ์วิญญาณเหินใช่ไหม? ที่แท้มันก็ตั้งอยู่ในเทือกเขานี่เอง” ลู่หยุนประหลาดใจ เขาเคยคิดว่าสถาบันศึกษาวรยุทธ์มังกรเหินนั้นน่าจะเป็นกลุ่มอาคารในเมือง แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ มันตั้งอยู่บนภูเขาที่ห่างไกลจากตัวเมือง!

ภายใต้การนำของหลินเฉินและคนอื่นๆ ศิษย์ใหม่ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์รวมถึงลู่หยุนก็กระโดดลงจากเรือเหาะและร่อนลงบนจัตุรัส

ที่จัตุรัส ผู้อาวุโสกำลังรอรับพวกเขาอยู่แล้ว

“กู้ชิงเฟิง, หยุนปู้ฟาน, หลินเฉิน ทำไมพวกเจ้าถึงมาสายกันเช่นนี้? ชายชราคนนี้รอพวกเจ้ามานานกว่าสองชั่วโมงแล้ว!” ซ่งเกาจุนผู้อาวุโสที่ดูแข็งแกร่งพูดเสียงดังตะโกนลั่น

“พวกเจ้าจะถูกลงโทษแน่ถ้าพวกเจ้าไม่ได้นำเมล็ดพันธุ์ดีๆ กลับมา”

ขณะที่เขาพูด เขาก็ได้พินิจพิเคราะห์ศิษย์ใหม่ของสถาบัน เมื่อเขาเห็นว่ามีอัจฉริยะมากกว่าสิบคน รวมทั้งเสี่ยวเฉินด้วย เขาก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะกระตุ้นให้พวกเขาดำเนินการต่อไป

“ไม่เลว ดูเหมือนว่ามันจะมีเมล็ดพันธุ์ที่ดีอยู่ไม่น้อย รีบเอารายงานมาให้ข้าดูได้แล้วว่าใครเป็นยังไงบ้าง”

กู้ชิงเฟิงรีบมอบรายชื่อและแสร้งทำเป็นว่าน่าสงสาร “ผู้อาวุโสซ่ง โปรดอย่าตำหนิข้าเลย มณฑลภูผาขาวนั้นห่างไกลมากจนไม่มีเมล็ดพันธุ์ดีๆ มากนัก ข้าพบผู้มีพรสวรรค์ระดับ 5 ดาวเพียงสองคนเท่านั้น”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของซ่งเกาจุนก็ดูสดใสขึ้น เขาแย่งชิงรายชื่อมาจากกู้ชิงเฟิงอย่างหยาบคายและเริ่มพลิกดูมัน

“ฮ่าฮ่า มีผู้มีพรสวรรค์ระดับ 5 ดาวสองคนจริงๆ ด้วย เจ้าโชคดีมากนะเด็กน้อย เจ้าสมควรได้รับรางวัลแล้ว!”

“อะแฮ่ม ผู้อาวุโสซ่ง ท่านจะมอบรางวัลอะไรให้กับข้ากัน?” ดวงตาของกู้ชิงเฟิงกวาดไปรอบๆ และเขาก็พูดอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ไปรับรางวัลของเจ้าที่ห้องโถงกิจการภายในด้วยตัวเอง ชายชราคนนี้ไม่สามารถให้รางวัลเจ้าเองได้หรอกนะ!”

หลังจากพูดอย่างนั้น ซ่งเกาจุนก็ไม่ได้สนใจกู้ชิงเฟิงอีกต่อไป เขาเดินเข้ามาและแย่งชิงรายชื่อจากหยุนปู้ฟาน

“ว้าว มณฑลวายุไหลทำได้ดีทีเดียว ไม่เพียงแต่จะมีผู้มีพรสวรรค์ระดับ 5 ดาวสามคนเท่านั้น แต่หนึ่งในนั้นยังเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับ 5 ดาวขั้นสูงอีกด้วย!”

ซ่งเกาจุนปิดรายชื่อและมองดูศิษย์ใหม่ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์พร้อมทั้งพูดเสียงดังว่า “ใครคือหม่าหยุนเฟย?”

เมื่อคำพูดจบลง สายตาของเหล่าศิษย์ใหม่ก็มารวมตัวกันที่จุดๆ เดียว

ลู่หยุนเองก็มองตามทางและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจ เขาดูหล่อเหลา มีออร่าที่ไม่ธรรมดาและดวงตาที่สดใส

เขาโค้งคำนับซ่งเกาจุนเล็กน้อยและพูดว่า “คารวะผู้อาวุโสซ่ง ข้าหม่าหยุนเฟยจากมณฑลวายุไหล”

เสียงของหม่าหยุนเฟยมั่นคง สีหน้าของเขาสงบ และท่าทางของเขาก็น่าประทับใจ

“พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวขั้นสูง ไม่เลว!” ซ่งเกาจุนพยักหน้าเล็กน้อย

หลังจากนั้น ชื่อของหม่าหยุนเฟยก็ได้ตราตรึงอยู่ในใจของทุกคน

พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวถือเป็นภูเขาลูกใหญ่แล้วสำหรับเหล่าศิษย์ใหม่ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ในปัจจุบัน

“หม่าหยุนเฟย บางทีเขาอาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควร!” ภายในกลุ่มศิษย์ใหม่ของมณฑลเมฆาวารี เสี่ยวเฉินพึมพำเบาๆ

ในเวลาเดียวกัน เจตจำนงการต่อสู้ก็ผุดขึ้นในใจของใครหลายๆ คน

เห็นได้ชัดว่าผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้มีความสนใจในตัวหม่าหยุนเฟยซึ่งมีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวเป็นอย่างมาก

เมื่อรู้สึกถึงเจตจำนงการต่อสู้อันแข็งแกร่ง หม่าหยุนเฟยก็แค่ยิ้มจางๆ และไม่ได้จริงจังกับมัน

“ดูยังกับพวกเด็กบ้าเลือด!” ลู่หยุนยิ้มเล็กน้อย โดยลืมไปเลยว่าดูเหมือนเขาจะอายุน้อยที่สุดในคนกลุ่มนี้

ดูเหมือนว่าการแสดงเปิดจะค่อนข้างดี ซ่งเกาจุนไม่ได้สนใจที่จะตรวจสอบสมุดรายชื่อของมณฑลอื่นๆ อีกต่อไป แต่เขาถามโดยตรงแทนว่า “มีใครในพวกเจ้ารับสมัครผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 6 ดาวขึ้นไปมาได้บ้างไหม?”

หลินเฉินและคนอื่นๆ ต่างเงียบกริบ มันค่อนข้างยากอยู่แล้วในการรับสมัครผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาว ดังนั้นแล้วจึงไม่ต้องพูดถึงผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 6 ดาว

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ชายที่ดูไม่แยแสก็เดินเข้ามา

“รายงานผู้อาวุโสซ่ง ข้าคัดเลือกผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 6 ดาวมาได้จากในมณฑลต้าเซิน” ชายผู้ไม่แยแสกล่าว

อะไรนะ!

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังออกมา ทุกคนก็ประหลาดใจและมองดูชายผู้เฉยเมยด้วยความอิจฉา

ผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 6 ดาวนั้นหายากมาก พวกเขาคงจะโชคดีแล้วที่ได้รับสมัครพวกเขามาสักหนึ่งคนในรอบหลายปี แม้แต่สถาบันศึกษาวรยุทธ์วิญญาณเหินในปัจจุบันก็ยังมีผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 6 ดาวเพียง 8 คนเท่านั้น

ลู่หยุนเองก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน ในบรรดาศิษย์หน้าใหม่ มันก็มีคนที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 6 ดาวอยู่จริงๆ

“หรือจะเป็นเขา?” ซ่งเกาจุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ มองดูชายหนุ่มคนหนึ่ง

ชายหนุ่มยืนอยู่ในฝูงชน เขารายล้อมไปด้วยคนอื่นๆ ราวกับว่าพวกเขาเป็นดวงดาวรอบดวงจันทร์ เมื่อเขารู้ว่าซ่งเกาจุนกำลังมองเขาอยู่ เขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มเล็กน้อย

“ชายหนุ่มคนนี้คือ ไป๋ห่าวซวน ผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 6 ดาวซึ่งปัจจุบันอยู่ในขอบเขตเส้นลมปราณขั้นกลาง” ชายผู้ไม่แยแสแนะนำ

ห้ะ…!

ศิษย์ใหม่ทุกคนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ โดยทันที พวกเขาจ้องมองไปที่ไป๋ห่าวซวนที่ยิ้มแย้มอย่างตั้งใจ

พรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 6 ดาว?

ขอบเขตเส้นลมปราณขั้นกลาง?

แค่คุณลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งในสองอย่างนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาโด่งดังในหมู่ศิษย์ใหม่

แต่กระนั้น เขาก็กลับครอบครองมันทั้งสองอย่าง

“ไป๋ห่าวซวน?” ลู่หยุนเหลือบมองชายหนุ่มและพบว่าเขาค่อนข้างพิเศษ

ของขวัญจากสวรรค์เช่นเสี่ยวเฉินที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวยืนอยู่คนเดียวในมุมหนึ่งโดยไม่มีใครเข้าใกล้เขา อย่างไรก็ตาม มันก็แตกต่างไปสำหรับไป๋ห่าวซวนซึ่งมีผู้คนมากมายอยู่รอบตัวเขา พวกเขาดูราวกับว่าพวกเขาเป็นผู้ติดตามของเขา

การเริ่มต้นจัดตั้งกลุ่มก่อนที่จะเข้าสู่สถาบันศึกษาวรยุทธ์เป็นสัญญาณของการวางแผนอันลึกซึ้ง และมันก็คุ้มค่าที่จะให้ความสนใจ

ด้วยการปรากฏตัวของไป๋ห่าวซวนซึ่งเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 6 ดาว คุณภาพโดยรวมของเหล่าศิษย์ใหม่จึงได้รับการปรับปรุง ในฐานะผู้อาวุโสนำทาง ซ่งเกาจุนก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเขาก็ไม่ได้สอบถามเกี่ยวกับผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวคนอื่นๆ อีกต่อไป เขาเริ่มกล่าวสุนทรพจน์ที่เตรียมมา

“ก่อนอื่นเลย ขอแสดงความยินดีด้วยสำหรับการผ่านการทดสอบและกลายมาเป็นสมาชิกของสถาบันศึกษาวรยุทธ์วิญญาณเหิน อย่างไรก็ตาม โปรดจำไว้ว่าการเป็นศิษย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์วิญญาณเหินไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าจะกลายเป็นคนพิเศษในทันที เพื่อให้บรรลุการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง พวกเจ้ายังต้องปรับปรุงและฝ่าฟันไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง…”

เสียงของซ่งเกาจุนดังก้องไปทั่วจัตุรัส

“นอกเหนือจากศิษย์ใหม่ที่มีพรสวรรค์โดยกำเนิดระดับ 5 ดาวแล้ว ทุกคนจะได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเป็นศิษย์ธรรมดาของสถาบันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” เขากล่าวต่อ

“เอาล่ะ พาพวกเขาออกไปได้!” ด้วยการโบกมือของซ่งเกาจุน อาจารย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์หลายคนก็พุ่งเข้ามาและนำทางเหล่าศิษย์ใหม่ออกไป

ขณะเดียวกัน ลู่หยุนก็ตรวจดูพื้นที่โดยรอบ มันยังมีคนเหลืออยู่อีก 23 คนรวมทั้งตัวเขาเองด้วยที่ยังไม่ไปไหน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด