ตอนที่แล้วตอนที่ 91 มอบคำอธิบายออกมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 93 ใช้งานกระจก

ตอนที่ 92 การหายไปของผู้ทรงพลัง


มอร์เทรียสก้าวเดินลงจากบันไดหินหลายขั้นตรงหน้า แสงจากคบเพลิงเริ่มหรี่ลงและห่างกันมากขึ้นเป็นระยะ จนถึงจุดหนึ่งก็ไม่มีแสงใดๆส่องสว่างอีก เบื้องหน้าคือประตูบานใหญ่ที่มันเคยมาเยือนหลายต่อหลายครั้ง เพียงแต่ในระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้มันลงมาที่นี่มากกว่าเวลานับร้อยปีรวมกัน มันยังสงสัยว่าในช่วงชีวิตนี้ของมันอาจเป็นจุดเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยหรือไม่เพราะเรื่องราวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้กลับปรากฎออกมาไม่เว้นแต่ละวัน คราวนี้อาจารย์เรียกมันลงมาที่นี่ด้วยตนเอง เห็นได้ชัดว่าคงมีเรื่องสำคัญใดเกิดขึ้นอีกแน่นอน

มอร์เทรียสไม่ทันจะเปิดประตูด้วยตนเอง บานประตูก็ถูกเปิดจากด้านใน ภายใต้ความืดมิดของราตรีกาล ดวงไฟสีเขียวสองดวงส่องประกายออกมาจากดวงตาของหัวกะโหลกในชุดคลุม เจ้าแห่งภูติพรายทั้งมวลกำลังรอมันอยู่

ออลล์ฟีเซียสยังคงนั่งอยู่บนบัลลังก์ตัวเดิมเสื้อคลุมสีดำที่มันสวมยังคงเป็นวัตถุเวทมนตร์ที่ทรงพลังเกินหยั่งคาดเหมือนแต่ก่อน มอร์เทรียส อดสะท้านไม่ได้ยามที่มองไปยังร่างของอาจารย์มัน

ออลล์ฟีเซียส เจ้าแห่งภูติพรายทั้งมวล

ออลล์ฟีเซียส เจ้าแห่งภูติพรายทั้งมวล

“อาจารย์”

ประธานสภาแห่งซินก้มคำนับไปที่ร่างบนบัลลังก์ โครงกระดูกโบกฝ่ามือของมันขึ้นไปบนอากาศแสงสว่างลางๆแผ่ออกมาจากด้านหลังบัลลังก์เพื่อให้ความสว่างแก่ทั้งห้อง

“เบร์โตริโอ เดินทางออกนอกเฮอราบอสเมื่อครู่นี้”

เสียงแหบแห้งของคนตายดังมาจากปากว่างเปล่าของออลล์ฟีเซียส

มอร์เทรียสมีสีหน้าแปลกใจ

“เขาไม่เคยทำเช่นนี้”

ในอดีตอันเนิ่นนานตลอดระยะเวลาเกือบร้อยปี เบร์โตริโอปกครองเฮอราบอสผ่านมหาวิหารในเมืองหลวงจักรวรรดิเสมอมา การเดินทางของมันครั้งนี้อาจมีเหตุผลสำคัญบางอย่าง

“ข้าอยากรู้ว่ามันไปที่ใด และเพื่ออะไร มอร์เทรียสศิษย์ข้า เรื่องนี้สำคัญมาก ตามการคำนวณของข้าเบร์โตริโอใกล้หมดอายุขัยแล้ว นี่เป็นจังหวะที่หาได้ยาก เราควรบุกยึดเฮอราบอสหลังมันตายลง”

“ท่านอาจารย์ไม่ใช่ว่าข้าจะเพิกเฉยแต่การสืบข่าวในมหาวิหารเป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง เรามีสายลับในสังฆมณฑลน้อยมากและแต่ละตัวตนก็ใช้เวลาและทรัพยากรมหาศาล การสืบข่าวนี้อาจทำให้เราเสียพวกเขาไป”

มอร์เทรียสมีสีหน้าลำบากใจ

“ข้าไม่สนมอร์ทเรียส เลี้ยงทหารหมื่นวันเพื่อใช้แค่วันเดียว และวันนั้นก็คือวันนี้ ดังนั้นเจ้าต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ข่าวนี้มาให้ข้า”

ร่างโครงกระดูกไม่แสดงอารมณ์ใด แต่มอร์เทรียสรู้ว่าอาจารย์ของมันกำลังจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“แล้วแต่ท่านจะบัญชาอาจารย์ข้า พ่อมดระดับตำนานปรากฎตัวที่วอร์บัส พร้อมกับมังกรและวิญญาณจอมเวทย์ที่อยู่ในระดับตำนานเช่นเดียวกัน เขาอาจเป็นคนที่เราเคยทำนายถึงหรือไม่?”

นี่เป็นปัญหาที่ค้างคาอยู่ในใจมันตลอด พ่อมดคนนั้นเป็นระดับตำนานจริงๆแน่หรือ?

“ควรเป็นเช่นนั้น ยกเว้นว่าจะมีพ่อมดระดับตำนานคนที่สอง เราตามหาตัวมันเจอหรือยัง?”

ล่าสุดข่าวที่มอร์เทรียสแจ้งมาคือมันมอบหมายให้มุขมนตรีคนหนึ่งไปสืบถึงตัวตนของบุคคลนั้นและนี่ก็ผ่านมานานแล้ว

“นางหายตัวไปแล้วอาจารย์ แต่ข่าวล่าสุดที่นางส่งมาคือพบกระท่อมที่คาดว่าจะเป็นบ้านกลางป่าต้องห้ามของพ่อมดคนนั้น ข้ากังวลว่าถ้าเขาเป็นระดับตำนานจริงๆ เบอส์มัวส์อาจไม่เพียงพอเสียแล้ว”

“เจ้าถึงสนับสนุนอัคมาร์ให้เป็นมุขมนตรีอีกครั้งสินะ? เอาเถอะต่อให้มีอัคมาร์เพิ่มเข้ามาข้าก็ไม่มั่นใจในแผนการของเจ้านัก เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะมอบความช่วยเหลือให้เจ้าเอง”

ออลล์ฟีเซียสแอบคำนวณบางอย่างอยู่ในใจ

“ขอบคุณท่านอาจารย์”

สีหน้าโล่งใจของมอร์เทรียสถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจน

“อืม เร่งต่อเรือในอ่าวพินกวิกให้เรียบร้อยโดยเร็ว สถานการณ์ในมหาทวีปดูเหมือนจะวุ่นวายขึ้นทุกวัน เราต้องบุกยึดเฮอราบอสให้ได้โดยเร็วที่สุด ใครจะรู้ว่าในอนาคตอันใกล้จะเกิดสิ่งที่เหนือความคาดหมายขึ้นอีกหรือไม่ ไปเถอะ”

ออลล์ฟีเซียสไล่มอร์เทรียสออกไปก่อนจะปิดประตูห้องใต้ดินลงอีกครั้ง เสียงฝีเท้าที่เบาดุจขนนกดังแว่วมาจากด้านหลังบัลลังก์

“นางชีเฒ่าเฟโอโดราไม่อยู่ที่มหานครแดนเหนือแล้ว ข้าต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกี่ยวข้องกับการออกจากเฮอราบอสของเบร์โตริโอหรือไม่”

เสียงอ่อนหวานของเทพบุตรเอลฟ์แห่งโอลาชีดังสะท้อนอยู่ในห้องที่มืดสลัว มันพึ่งมาจากป้อมร้างกลางป่าต้องห้ามในทันทีที่รับรู้ได้ว่าพลังขั้นครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิ์หายไปจากมหานครแดนเหนือ สิ่งนี้เป็นเรื่องบังเอิญ มันไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอเรื่องที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ แน่นอนว่าเฟโอโดราก็เช่นเดียวกัน นางประเมินไว้ว่าการหายไปของนางจะแพร่กระจายออกไปหลังจากนี้อีกหลายเดือน แม้ศัตรูที่เก่งกาจจะรู้ข่าวนี้เร็วมากขึ้นแต่ก็ไม่ควรเร็วเช่นนี้ บรรพชนแดนเหนือโดมินิกยังเดินทางมาไม่ถึง

“ฝ่าพระบาท”

ร่างโครงกระดูกลุกขึ้นจากบัลลังก์หินใต้ร่างของมัน เสียงของกระดูกกระทบกันดังก็อบแก็บเมื่อออลล์ฟีเซียสคุกเข่าลงตรงหน้าเอลฟ์หนุ่มและก้มล้มจูบหลังเท้าของเดเมียนด้วยความเทิดทูนบูชา

“ท่านเกรงว่าพวกมันจะวางแผนอันใดหรือฝ่าพระบาท หม่อมฉันส่งลูกศิษย์ไปสืบให้พระองค์แล้ว”

“ทุกสิ่งดูเหมือนจะไม่เป็นไปตาที่ข้าคาดเอาไว้ ตัวแปรบางตัวจู่ๆก็ปรากฎขึ้นมาจากความว่างเปล่า เรามีเวลาไม่มาก พระบิดาต้องการให้เจ้าเร่งลงมือโดยเร็ว”

เดเมียนยังรอผู้ทรงพลังปริศนาที่ลงมือกวาดล้างป้อมร้างกลางป่าต้องห้ามนั้นอยู่จนถึงตอนนี้ หากมันปรากฎตัวเมื่อไหร่เขาจะลงมือกำจัดตัวแปรตัวนี้ทันที

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วฝ่าพระบาท หากเบร์โติรโอใกล้หมดอายุขัยจริง เราจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป”

“เบร์โตริโอ เฟโอโดรา อวาเรย์ออน ดูแมน ครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิ์สี่คนของดินแดนแถบนี้กำลังจะอำลาโลกไปพร้อมกัน เวอร์ดานดิอยู่ไม่ไกลจากเป้าหมายของเราแล้ว มหาพฤกษาต้นนั้นกำลังรอข้าไปหามัน”

เดเมียนมีสีหน้าครุ่นคิดบางอย่างภายในใจ แววตาของมันเปี่ยมด้วยความคาดหวัง

“แต่หอคอยดำกับลัทธิเทพโบราณนั่น?”

ออลล์ฟีเซียสเป็นตัวตนที่อยู่มายาวนานมาก มันยังคงจำอิทธิพลมืดที่ชักใยโชคชะตาของผู้คนอยู่เบื้องหลังอย่างลัทธิเทพโบราณได้

“มันจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว”

เดเมียนหันหลังกลับมันก้าวเดินไปยังทิศทางหนึ่ง แสงสีเลือดกระจายออกมาจากร่างของมันและโอบอุ้มมันให้หายไปในพริบตา

ร่างโครงกระดูกลุกขึ้นยืนและก้มคำนับไปยังทิศทางที่เดเมียนหายตัวไป มันกลับไปนั่งบนบัลลังก์และหลับตาลงอีกครั้ง


คลื่นและลมรุนแรงสาดซัดลงบนเกาะหินขนาดเล็กกลางมหาสมุทร พายุฝนพัดกระหน่ำบนท้องฟ้าครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตรทำให้ดินแดนนี้ทั้งหมดไม่เคยได้พบกับความสงบสุข ร่างแก่ชราในชุดคลุมเปลือกไม้ยืนตรงอย่างมั่นคงอยู่กลางเกาะหินขนาดเล็กนั่น หยดน้ำจากฟ้าพร่างพราวตกลงมาต้องตัวนางไม่หยุดหย่อนแต่ม่านแสงโปร่งใสที่แผ่ออกมาจากร่างกลับกันพวกมันเอาไว้ ทำให้ตัวของนางไม่เปียกแม้สักนิด

ในมหาสมุทรแถบนี้ ชื่อเรียกของมันมีมาอย่างยาวนานนับแต่ยุคของสงครามทวยเทพครั้งที่สอง นาม "ทะเลปีศาจ" นั้นบ่งบอกถึงตัวแทนของแห่งความตาย ดินแดนต้องห้ามของสรรพชีวิต และสุดขอบแผ่นดินมนุษย์ของมหาทวีป

คุณแม่อธิการเฟโอโดรา เยือนทะเลปีศาจด่านหน้าแห่งแดนรกร้างเสื่อมทราม

คุณแม่อธิการเฟโอโดรา เยือนทะเลปีศาจด่านหน้าแห่งแดนรกร้างเสื่อมทราม

หญิงชราคือคุณแม่อธิการเฟโอโดรา นางมองไปยังผืนแผ่นดินที่อยู่ไกลลิบๆเบื้องหน้า กลิ่นอายความตายและพลังที่ปั่นป่วนสับสนกระเพื่อมออกมาจากแผ่นดินส่วนนั้น จนนางที่ยืนอยู่ไกลขนาดนี้ยังสัมผัสได้ชัดเจน

“ช่างเป็นแผ่นดินที่ชั่วร้ายอะไรขนาดนี้ ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย”

เฟโอโดราพูดอยู่คนเดียวท่ามกลางพายุฝน

“ยุคที่สามกำลังจะสิ้นสุดลง ยุคที่สี่คือโลกแบบไหนกันนะ น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจจะอยู่ได้นานที่จะได้เห็นวันนั้น”

หญิงชราก้าวเดินลงไปจากเกาะหินใต้ฝ่าเท้า คลื่นทะเลสาดซัดอย่างบ้าคลั่งพยายามจะกลืนผู้บุกรุกให้จมลงไปใต้ก้นมหาสมุทร รัศมีของครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิ์กันคลื่นลูกแล้วลูกเล่าเอาไว้ก่อนที่มันจะซัดมาถึงตัวหญิงชรา ตอนนี้สายตาของนางไม่ได้มองไปยังขอบแผ่นดินของทวีปรกร้างผืนนั้นแล้ว แต่มองไปยังใต้ทะเลแทน

สัตว์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังแหวกว่ายอยู่ในนั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเดินทางมาที่นี่ นางยังจำประสบการณ์มากมายในครั้งแรกได้ ผืนนภาห่างจากขอบทวีปไปนับพันกิโลเมตรถูกปกคลุมไปด้วยพลังแห่งกฎของสายฟ้า พายุและกฎบ้าคลั่งมากมายที่สามารถปรากฎในทะเลได้ พวกคนที่ลอยไปบนอากาศเพื่อหวังจะเข้าไปยังแดนรกร้างเสื่อมทรามจะตายก่อนที่จะเดินทางไปถึง

หนทางเดียวที่ทำได้คือเดินไปบนผิวของทะเล หรือใช้เรือเดินสมุทร ซึ่งข้อหลังนี้มหานครแห่งออซเคยทำมาก่อน พวกเขาข้ามทะเลส่วนนี้ไปได้ แต่เมื่อหายไปในพายุบ้าคลั่งใกล้กับขอบของทวีป พวกเขาก็ไม่ได้กลับออกมาอีก

เฟโอโดรารู้ว่าการเดินทางครั้งนั้นจบลงแบบใด มีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่

ปลาฉลามยักษ์ขนาดสิบสองเมตรหลายสิบตัวกระโจนขึ้นมาจากน้ำและพยายามงับร่างของนางที่อยู่บนผิวน้ำลงไป บางตัวต่อสู้กับฉลามตัวอื่นจนเกิดโลหิตแดงฉานอาบย้อมไปทั่วผืนสมุทร เฟโอโดราเปล่งคำพูดที่งดงามเหมือนบทเพลงของชนชาวเสรีที่ท่องไปทั่วทุ่งหญ้าและท้องหิมะในแดนเหนือ ท่วงทำนองของมันขับกล่อมจนฉลามใต้ผืนมหาสมุทรถึงกับมึนเมา

สัตว์มากมายแหวกว่ายหนีไปคนละทิศละทาง พวกมันกำลังกลับไปยังบ้านที่จากมา

นางชีเฒ่าทอดฝีเท้าเดินไปบนผิวน้ำอีกครั้ง โดยปราศจากการปองร้ายของสัตว์ชนิดใด บทเพลงยังคงถูกขับกล่อมด้วยเสียงของนางไปตลอดระยะทาง อำนาจกฎของระดับเทพเจ้าทำให้ดินแดนรอบนอกนี้ไม่อาจใช้พลังย่นระยะทางได้ นางต้องก้าวข้ามมันไปด้วยความเร็วเต็มพิกัดของครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิ์จนกว่าจะถึงแผ่นดิน

เมื่อหลุดจากห้วงของสัตว์ร้าย ผืนน้ำสีทองดุจทองคำเหลวก็ปรากฎในสายตานาง แสงของมันระยิบระยับส่องประกายกับแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านเมฆฝนบางส่วนลงมาจนเกิดเป็นภาพงดงาม เฟโอโดราหยุดที่ขอบของมหาสมุทรส่วนนี้ กฎบางเบาของเทพเจ้าทำให้ทั้งทะเลกลายเป็นทองคำ ความโลภเกาะกินเข้าไปในจิตใจของนาง เสียงกระซิบของสิ่งมีชีวิตบางอย่างบอกกับนางว่าเพียงแต่นางกลืนน้ำทะเลนี้ลงไป นางก็จะบรรลุสิ่งที่ตนปราถนา

ระดับศักดิ์สิทธิ์!

จู่ๆสร้อยคอที่ดูแมนให้กับนางไว้ก็ส่องแสงสว่างสีน้ำเงินเข้มออกมา สติสัมปชัญญะของนางกลับมาแจ่มชัดจนรู้แจ้งว่าทะเลตรงหน้ากำลังจะล่อลวงนาง เฟโอโดราไม่สนใจเสียงกระซิบจากตัวตนปริศนา นางห่อมหุ้มร่างของตนเองด้วยพลังเวทมนตร์จนหนาหลายชั้น จากนั้นจึงหยิบเอาใบไม้ใบหนึ่งออกมา มันส่องแสงสีเขียวมรกตที่งดงามที่สุดก้านใบของมันเป็นสีเขียวเข้มตัดกับใบที่เป็นสีเขียวอ่อน หญิงชราอมมันเอาไว้ในปากพลังสีเขียวของชีวิตเข้มข้นก็เปร่งประกายมาจากรอบตัวนางอยู่ด้านนอกของชั้นพลังเวทมนตร์อีกชั้นหนึ่ง

นางก้าวเดินไปบนทะเลสีทองอย่างอาจหาญ และไม่สนใจเสียงล่อลวงใดอีก นางรู้ดีว่าการแตะต้องมันแม้เพียงนิด ร่างของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลจะกลายเป็นทองคำในพริบตา

ใต้ก้นทะเลทองคำนี้ อัดแน่นไปด้วยร่างของผู้ทรงพลังนับไม่ถ้วนจากอดีตกาล

บางทีพวกเขาอาจยังไม่ตาย แต่ถูกเปลี่ยนเป็นโลหะไปทั้งร่างกาย วิญญาณอันทุกข์ทรมานอาจกำลังกู่ร้องโดยไร้สุ้มเสียงอยู่ภายในร่างที่ไม่มีวันดับสูญนั้น

ห้วงสมุทรสีทองแถบนี้สงบนิ่ง คลื่นลมนั้นไม่มีสักนิดประดุจเป็นคนละมิติกับดินแดนด้านนอก เมื่อเฟโอโดราเดินมาถึงชายขอบของทะเลสีทอง เสียงโหยหวนของดวงวิญญาณนับล้านก็ดังแว่วมาจากทิศทางของสายลม ดินแดนเบื้องหน้าคือห้วงทะเลวิญญาณที่กลบฝังสิ่งมีชีวิตมากมายลงไปในช่วงสงครามแห่งทวยเทพ

สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่อาจเข้าสู่วัฏแห่งชีวิตและความตาย กฎที่น่าสะอิดสะเอียนกำลังสะกดพวกมันเอาไว้ กฎแห่งความตาย…

เฟโอโดราเก็บใบไม้สีเขียวเข้าไป ปลดม่านพลังเวทมนตร์และถือสร้อยคอของดูแมนเอาไว้ในมือรัศมีสีน้ำเงินเข้มส่องประกายออกมาจากร่างของนาง ในผืนทะเลดำมืดดุจนรกภูมิด้านหน้า แสงสีน้ำเงินของนางเป็นแสงสว่างเดียว

นางชีเฒ่าก้าวเดินเข้าไปในทะเลแถบนี้ตามเส้นทางเดิมที่นางเคยเดินผ่าน ดวงวิญญาณมากมายล่องลอยผ่านไปเหมือนไม่เห็นร่างของหญิงชรา จนเมื่อนางเดินมาได้ครึ่งทางดวงตาดวงยักษ์ของวิญญาณขนาดมโหฬารก็ลืมขึ้น มันจ้องมองมาทางนี้ เหมือนกับรับรู้ได้ว่าท่ามกลางความว่างเปล่ามีร่างของผู้แปลกปลอมอยู่ตรงนั้น นางหยุดชะงักทันที

“เทียนแห่งชีวิตของเจ้าใกล้ดับสูญแล้ว เจ้าเดินต่อไปเถอะ นี่จะไม่ใช่ที่ตายของเจ้า”

เสียงดังเข้าไปในจิตวิญญาณของคุณแม่อธิการ นางรู้ว่าตัวตนนี้เป็นใคร เขาอาจเป็นเทวฑูตระดับอนุเทพของเทพเจ้าบางองค์ที่ร่วงหล่นอยู่ที่นี่ เป็นหนึ่งในเครื่องสังเวยของสงครามของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย เฟโอโดราก้มคำนับและเดินต่อไปหลายชั่วโมง จนถึงสุดขอบของทะเลวิญญาณ แผ่นดินของทวีปดำมืดก็มาปรากฎอยู่ด้านหน้า

แดนรกร้างเสื่อมทราม นางมาถึงแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด