ตอนที่แล้วตอนที่ 46 สัญญาณภัยเตือนภัยทั่วเมือง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 48 ทะลายประตู

ตอนที่ 47 ฉันไม่ได้มาเพื่อสู้


คนในเมืองฐานทัพต่างก็สับสน ทำไมถึงได้มีการแจ้งเตือนทั่วเมืองได้กัน? พวกเขานั้นไม่ได้ยินการส่งสัญญาณแจ้งเตือนระดับสูงแบบนี้มานานแล้วซึ่งมันเกิดขึ้นไปเมื่อการจู่โจมของสัตว์กลายพันธุ์เมื่อสิบปีก่อนนี่เอง หรือว่าสัตว์กลายพันธุ์มันบุกโจมตีมาอีก?

พวกผู้อาวุโสที่ได้ประสบกับการโจมตีครั้งก่อนต่างก็หน้าซีดกันเลย เมืองฐานทัพนั้นไม่ได้ใหญ่โตเหมือนแต่ก่อน มันแค่ใหญ่กว่าสถานที่รวมตัวมากเฉยๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะความกล้าหาญและการเสียสละของผู้คนครั้งก่อนในการต่อสู้กับสัตว์กลายพันธุ์ ป่านนี้ก็คงไม่มีเมืองฐานทัพของพวกเขาอย่างทุกวันนี้หรอก

เมื่อชายอ้วนได้ยินเสียงสัญญาณเตือน ร่างของเขาก็สั่นสะท้ายพร้อมกับมีความกลัวปรากฏขึ้นในสายตาของเขา “เป็นไปได้ไงกัน? สัตว์กลายพันธุ์โจมตีเมืองตอนนี้เนี่ยนะ?”

เขานั้นรู้ดีว่าทุกครั้งที่มันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเมือง คนเหนือมนุษย์ทุกคนในเมืองนั้นจะต้องรับคำสั่งให้ไปต่อสู้เพื่อเมืองฐานทัพโดยไม่มีข้อยกเว้น ถ้าหากใครปฏิเสธต่อสู้และถูกพบหล่ะก็ พวกเขาก็จะถูกคนอื่นฆ่าตาย ณ ตรงนั้นเลย

โดยเฉพาะคนเหนือมนุษย์ที่แข็งแกร่ง พวกเขานั้นจะต้องนำหน้าบุกโจมตีในแนวหน้า นี่ก็คือเหตุผลหลักที่ทำให้มนุษย์ยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้

ชายอ้วนนั้นเป็นคนเหนือมนุษย์ระดับ 5 ดาวสูงสุด และนับได้ว่าเป็นคนระดับสูงของเมืองฐานทัพ นอกจากผู้ควบคุมเมืองที่เป็นคนเหนือมนุษย์ระดับ 7 ดาวแล้ว ในเมืองฐานทัพนั้นไม่ค่อยจะมีคนเหนือมนุษย์ระดับ 6 ดาวเท่าไหร่ หรือก็คือ ความแข็งแกร่งของเขานั้นอยู่ในอันดับที่ 15 ของเมืองฐานทัพนั่นเอง

เขานั้นจะต้องถูกส่งออกไปแนวหน้าแน่นอนเมื่อเวลานั้นมาถึงซึ่งมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากจะเห็น

ไม่เพียงชายอ้วนเท่านั้น แต่กระทั่งหัวหน้าตระกูลใหญ่บางคนก็กลัวกันขึ้นมาเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงแจ้งเตือน พวกเขาจึงรีบไปสอบถามเหตุผลของการส่งสัญญาณแจ้งเตือนระดับสูงนี้

“นายท่าน คนของพวกเราพบกองทัพขนาดใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาที่เมืองฐานทัพครับ พวกนั้นไม่ได้มาจากเมืองฐานทัพใหนเลย กรุณาสั่งการด้วยครับ นายท่าน”

หัวหน้าตระกูลต่างๆก็ตกตะลึง กองทัพขนาดใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาที่เมืองฐานทัพ และพวกนั้นไม่ใช่คนของเมืองฐานทัพใหนเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?

ทันใดนั้นพวกเขาก็ตระหนักได้ว่ากองทัพนี้น่าจะมาจากฐานทัพทหารนั่น

“เยี่ยมเลย ครั้งก่อนเรายังไม่คิดบัญชีกับมันเลย พวกกลับกล้ามาหาเราถึงที่ พวกมันคิดว่าเมืองหวังฉางเป็นแกะหรือไง?”หนึ่งในหัวหน้าตระกูลก็โมโหขึ้นมา

สิ่งที่ทรงพลังของเมืองฐานทัพนั้นไม่ใช่การจู่โจมแต่เป็นการตั้งรับต่างหาก ยังไงซะ ถ้าหากการป้องกันอ่อนแอน เมืองฐานทัพก็คงจะล่มสลายไปนานแล้ว

“รีบไปตรวจสอบสิว่าพวกมันเป็นกองทัพแบบใหนกัน”

ทันใดนนั้นข่าวเรื่องกองทัพไม่ระบุที่มาก็ไปถึงมือของผู้นำตระกูลต่างๆ และพวกเขาก็ทำได้เพียงเฝ้ามองดูข้อมูลของศัตรูอย่างระมัดระวังและทำได้เพียงเงียบ

พวกเขานั้นพบว่าอีกฝ่ายนั้นมีรถถัง 500 คันที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนแถมมันก็ทรงพลังกว่ารถถังแบล็คไลอ้อนด้วย

นอกจากพวกเขายังพบยานยนต์ต่อต้านอากาศยาน 80 คันที่ทำลายหน่วยเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาเมื่อตอนนั้นด้วย แค่อาวุธที่ทรงพลังทั้งสองอย่าง ก็ทำให้พวกเขาปวดหัวมากเลย

รถถังนั้นเป็นกองทัพภาคพื้นดิน ส่วนยานยนต์ต่อต้านอากาศยานนั้นมีไว้จัดการกองทัพอากาศ พวกเขานั้นแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีโอกาสได้ออกไปสู้เลยและทำได้เพียงตั้งรับอย่างเดียว นี่มันเป็นความอับอายของเมืองฐานทัพก็ว่าได้!!

ไม่เพียงแค่นั้น สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจมากที่สุดคืออีกฝ่ายนั้นมีกองพันทหารราบหลายกองด้วย คนใหญ่คนโตของเมืองฐานทัพนั้นก็ไม่อาจจะเข้าใจได้ว่าไอ้พวกกองพันราบพวกนี้มันจะทำหน้าที่อะไรในสงครามนี้กัน

มีเพียงซูเฉินเท่านั้นที่ยิ้มอ่อนออกมา ตั้งแต่ทหารของเขากำเนิดขึ้นมา เขานั้นไม่เคยให้พวกนั้นได้ใช้ความสามารถพิเศษกันเลย

ใช่แล้ว ทหารของซูเฉินนั้นมีความสามารถพิเศษที่ทำให้พวกเขานั้นมีบทบาทอันสำคัญในสงครามนี้

คนในเมืองฐานทัพนั้นไม่รู้ว่าทำไมกองทัพพวกนี้ถึงมาที่นี่ หรือว่าพวกนี้มาที่นี่เพื่อแก้แค้นกันสำหรับการต่อสู้ครั้งก่อน?

แต่เวรเอ้ย พวกเราต่างหากที่เป็นคนพ่ายแพ้ แล้วที่พวกเอ็งมาล้างแค้นนี่มันหมายความว่าไงกัน?

คนผู้มีอิทธิพลในเมืองฐานทัพนั้นก็หงุดหงิดมาก พวกเขานั้นอุตส่าห์เดินทางออกไปเพื่อจัดการอีกฝ่ายแต่กลับถูกตีพ่ายจนแพ้กลับมาแถมนี่ยังโดนมาเยียบย่ำอีก แล้วพวกเขาควรจะเอาเหตุผลไปใช้กับใครดี?

ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้นแต่พวกเขาก็ยังมองเห็นเฮลิคอปเตอร์จู่โจม 500 ลำบนท้องฟ้าด้วย ศัตรูนั้นมีกระทั่งกองทัพอากาศ แล้วพวกเขาจะสู้กลับได้ไง?

เมืองฐานทัพนั้นมีความสามารถในการต่อต้านอากาศยานแต่พวกมันได้ดีขนาดนั้น ในบริเวณแถบนี้ไม่ค่อยมีสัตว์กลายพันธุ์บินได้ที่ทรงพลังเท่าไหร่ซึ่งนั่นทำให้การป้องกันในจุดนี้ของเมืองหวังฉางนั้นมีแค่เพียงไม่กี่ส่วน

ถ้าหากเฮลิคอปเตอร์ 150 คันมุ่งมายังเมืองหวังฉางหล่ะก็ มันก็จะต้องมีหลายลำที่ทะลุป้องกันเข้ามาและนั่นจะส่งผลให้คนข้างในเกิดอันตรายได้

นี่เป็นสิ่งที่คนใหญ่คนโตในเมืองหวังฉางไม่อยากจะเห็น

กล่าวได้ว่าแม้ทีมของซูเฉินจะไม่สามารถทำให้หวังฉางราบเป็นหน้ากองได้แต่มันก็ทำให้เมืองหวังฉางเสียหายร้ายแรงได้ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เกิดสัญญาณแจ้งเตือนระดับสูงขึ้น

เพราะการปรากฏของการแจ้งเตือนระดับสูง เรื่องของซูเฉินก็กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปชั่วขณะ

“พี่ซูเฉิน หรือว่ากองทัพที่อยู่ข้างนอกจะเป็นของ….”ลั่วฮางนั้นได้ยินเสียงคนรอบข้างและคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ทันที

ซูเฉินก็เหลือบไปชมลั่วฮาง สมองหมอนี่ทำงานเร็ว “ใช่แล้ว ก่อนที่พวกเราจะออกจากโรงประมูล ฉันได้ติดต่อพวกนั้นให้ส่งกองทัพมาต้อนรับพวกเราหน่อย”

ลั่วฮางก็ปาดเหงื่อ พี่เฉิน ไอ้การต้อนรับของพี่กับของผมมันไม่ใช่อันเดียวกันซะหน่อย?

นี่มันไม่ใช่การต้อนรับแล้วแต่เป็นประกาศสงครามมากกว่า?

เมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพของซูเฉิน เมืองฐานทัพนั้นก็ไม่กล้าจะอยู่เฉยและได้ส่งคนออกไปหาจุดประสงค์ของกองทัพที่มาในทันที ถ้าหากสามารถเจรจากันได้ นั่นก็จะดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เรื่องนี้จบลง คนระดับสูงของเมืองฐานทัพนั้นคงไม่ปล่อยฐานทัพทหารนั่นไปแน่ พวกเขาไม่ยอมปล่อยให้คนที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งของพวกเขาต่อต้านพวกเขาแน่ คนแบบนั้นหน่ะถือว่าเป็นกบฏของมนุษย์ชาติ!!

ชายที่สวมชุดเหมือนกับสุภาพบุรุษตะวันตกก็ขับรถออกมาแล้วตะโกนออกไปไกลกว่าหลายร้อยเมตร “ฉันเป็นผู้เจรจาที่ทางเมืองฐานทัพส่งมา พวกนายมาจากเมืองฐานหรือเปล่า? กรุณาให้ผู้บัญชาการของพวกคุณมาพูดด้วย”

ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็เดินออกมา และนั่นก็คือซูซาน

ซูเฉิน ซูยี่และซูเอ้อนั้นอยู่ในเมืองฐานทัพ ดังนั้นซูซานจึงเป็นคนเดียวที่สามารถเป็นผู้แทนพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากซูเฉินสามารถพูดคุยกับซูซานได้อย่างเรียลไทม์ คำพูดของซูซานก็เท่ากับเป็นคำพูดของซูเฉิน

“ฉันเป็นผู้บัญชาการกองทัพ บอกคนในเมืองให้เปิดประตูเมืองซะ พวกรามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประมูลของโรงประมูลเทียนหยู ไม่ได้มาสู้”ซูซานก็พูดโกหกอย่างแนบเนียน

ผู้เจรจาที่อยู่อีกด้านนั้นก็เกือบจะล้มลงจากรถ แกมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประมูลแต่กลับพากองทัพมาซะใหญ่โตเนี่ยนะ แกคิดว่าฉันโง่หรือไง?

ไอ้ท่าทางแบบนี้ แกคิดว่าพวกเราจะเชื่อไงว่าแกไม่ได้มาเพื่อสู้?

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น แค่เพียงเคลื่อนพลแบบนี้ก็เป็นการใช้น้ำมันไปเยอะมากจนน่าหวาดกลัวแล้ว โชคร้ายที่เขานั้นไม่รู้ว่าของพวกนี้มันไม่ได้ใช้น้ำมันแต่เป็นพลังงานซึ่งมันถูกมาก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด