ตอนที่แล้วบทที่ 4: วิชากระบี่ทลายวายุขั้นเชี่ยวชาญเล็กน้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6: ขอบเขตยุทธ์และขอบเขตเส้นลมปราณ

บทที่ 5 : เข้าร่วมสนามฝึก


บทที่ 5 : เข้าร่วมสนามฝึก

“เสี่ยวหยุน เจ้าเชี่ยวชาญวิชากระบี่ขั้นต้นแล้วหรอ?”

ระหว่างรับประทานอาหารเย็น ลู่เหอที่นั่งเงียบมานานก็ถามอย่างจริงจัง ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ยอมรับความจริงที่ว่าลู่หยุนได้เข้าไปในภูเขาเมฆานิมิตและได้นำซากหมาป่าครึ่งตัวกลับมาแล้ว

ในตอนแรก เมื่อลู่หยูบอกเขา เขาก็แทบจะไม่เชื่อเลย

ในมุมมองของเขา ลู่หยุนก็เพิ่งจะฝึกฝนวิชากระบี่ได้ยังไม่ถึงครึ่งเดือนเลย และเขาก็มีความบกพร่องแต่กำเนิด แบบนั้นแล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะประสบความสำเร็จได้ในเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้?

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นซากหมาป่าตัวนั้น เขาก็แทบจะไม่สงสัยอีกต่อไป

“ข้าอาจมีพรสวรรค์ ข้าฝึกฝนและมาถึงขั้นต้นแล้ว และแม้แต่ร่างกายของข้าก็ยังฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว” ลู่หยุนตอบอย่างไม่รีบร้อน

“หากเรารู้ก่อนหน้านี้ เราก็คงจะให้เจ้าได้เรียนวรยุทธ์ไปนานแล้ว เจ้าคงจะไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานนานขนาดนี้”

หลังจากได้ยินว่าร่างกายของลู่หยุนเริ่มฟื้นตัวแล้ว ลู่หยูก็มีความสุขมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอรีบตักเนื้อเพิ่มลงในชามของลู่หยุนและพูดเบาๆ ว่า “อย่างไรก็ตาม แม้ว่าร่างกายของเจ้าจะหายดีแล้ว แต่เจ้าก็ยังไม่ควรจะวิ่งเข้าไปในภูเขาเมฆานิมิต ที่นั่นมันอันตรายมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ข้ากับพี่ใหญ่จะทำยังไง?”

“ข้าเข้าใจแล้วพี่สาว”

ลู่หยุนพยักหน้าเห็นด้วย

เขาไม่ต้องการให้พี่ชายและพี่สาวรู้ว่าเขาเดินเข้าไปในภูเขาเพื่อหาสมุนไพรวิญญาณ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะโดนบ่นอีกครั้ง

ทันใดนั้น ลู่เหอก็วางตะเกียบลงแล้วพูดกับลู่หยุนว่า “เสี่ยวหยุน เนื่องจากเจ้าเชี่ยวชาญวิชากระบี่ทลายวายุได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน มันจึงพิสูจน์แล้วว่าพรสวรรค์ของเจ้าแข็งแกร่งกว่าของข้ามาก จากนี้ไปเจ้าก็แค่ฝึกฝนให้ดีและปล่อยให้เรื่องที่บ้านเป็นหน้าที่ของข้ากับเสี่ยวหยูพอ”

“เอาล่ะ ข้าจะเชื่อฟังพี่ใหญ่” ลู่หยุนตอบตกลงโดยทันที แต่ในใจของเขา เขาก็ยังคงคิดที่จะออกไปฝึกในภูเขา

มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะฝึกอยู่แต่ที่บ้าน

แม้ว่าตัวเขาเองจะเห็นด้วย แต่พลังโกงของเขาก็ไม่เห็นด้วย

“ข้ากินเสร็จแล้ว ข้ากลับห้องก่อนนะ”

หลังจากแลกเปลี่ยนกันสั้นๆ ลู่หยุนก็กลับไปที่ห้องของเขา

“เสี่ยวหยุนโตขึ้นมากแล้ว”

หลังจากที่ลู่หยุนจากไป รอยยิ้มก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่หยู

หลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยหยุดกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของลู่หยุน และในตอนนี้ ร่างกายของลู่หยุนก็ได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว และเขาก็ได้แสดงพรสวรรค์ออกมาแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงรู้สึกพึงพอใจอย่างไม่มีใครเทียบได้

“อืม…” ลู่เหอตอบ เขามองไปยังที่นั่งเปล่าข้างหน้าเขา สีหน้าของเขาดูครุ่นคิด

“พี่ใหญ่ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?” เมื่อสังเกตเห็นลู่เหอกำลังคิดอย่างลึกซึ้ง ลู่หยูก็ถามเบาๆ

“พรสวรรค์ที่โดดเด่นของเสี่ยวหยุนไม่ควรต้องสูญเปล่า” ลู่เหอกล่าว “หลังจากนี้ ข้าจะหารือกับหมู่บ้านและส่งเขาไปสมัครเข้าเรียนที่สถาบันศึกษาวรยุทธ์ด้วย”

เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่หยูก็พยักหน้า เธอเองก็หวังว่าลู่หยุนจะสามารถไปได้ไกลกว่านี้และมีอนาคตที่ดีกว่านี้

“นั่นแหละ ก่อนอื่นเราต้องตรวจสอบกันก่อนว่าเรามีเงินอยู่กี่ตำลึงที่บ้าน และดูว่าเราจะสามารถหาเงินสิบตำลึงมาได้ไหม ข้าจะมอบมันให้กับลุงเหมิงในภายหลังและให้เขานำเสี่ยวหยุนไปร่วมฝึกด้วย”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

หลังจากทานอาหารเสร็จ ลู่หยูก็รีบหยิบเงินสิบตำลึงออกมาแล้วมอบให้ลู่เหอ

เกี่ยวกับการสนทนาระหว่างพี่ชายและพี่สาวของเขา ลู่หยุนก็ไม่รู้ตัวเลย หลังจากกลับมาถึงห้องแล้ว เขาก็ล้มตัวลงบนเตียงและหลับไปในไม่ช้า

วันรุ่งขึ้น ในมื้อเช้า ลู่เหอหยุดลู่หยุนเอาไว้และพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะไปร่วมฝึกกับเด็กคนอื่นๆ ในหมู่บ้านเพื่อฝึกวรยุทธ์ร่วมกันภายใต้การดูแลของลุงเหมิง”

ฝึกร่วมกัน?

ลู่หยุนถึงกับผงะ

สิ่งที่เรียกว่าการฝึกร่วมกันคือเมื่อเด็กถึงวัยที่เหมาะสม พวกเขาจะมารวมตัวกันและรับการฝึกจากลุงเหมิง หนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้าน

เด็กๆ ในหมู่บ้านตั้งแต่อายุแปดขวบขึ้นไปจะมาเข้าร่วมการฝึกร่วมกันของหมู่บ้าน

เนื่องจากสภาพร่างกายของเขา ลู่หยุนที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหวจึงไม่สามารถเข้าร่วมการฝึกในหมู่บ้านได้

ตอนนี้ ร่างกายของเขาได้ฟื้นตัวแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะมีส่วนร่วมในการฝึกร่วม และเขาก็ยังสามารถใช้ประโยชน์และดูว่าเขาจะสามารถเรียนรู้วรยุทธ์อื่นๆ ได้หรือไม่

แค่วิชากระบี่ทลายวายุเพียงอย่างเดียวนั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับการปกป้องชีวิต แต่กระนั้นมันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับความก้าวหน้า

สนามฝึกตั้งอยู่ทางตะวันออกของหมู่บ้านธารวิญญาณ ในเวลานี้ ดวงอาทิตย์ก็เพิ่งจะเริ่มขึ้น และเยาวชนมากกว่าสี่สิบคนก็มารวมตัวกันแล้ว พวกเขากำลังฝึกซ้อมการชกหมัด ลมจากหมัดของพวกเขาพัดผ่านอากาศและทำให้เกิดฉากที่ค่อนข้างน่าประทับใจ

ท่ามกลางกลุ่มเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอายุประมาณสิบสองถึงสิบสามปีกำลังฝึกซ้อมชกหมัดอย่างไม่หยุดหย่อน ระดับวิชาของเขาสูงกว่าคนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด

แม้แต่ผู้ฝึกสอนที่เข้มงวดตามปกติอย่างลู่เหมิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะแสดงรอยยิ้มที่หาชมได้ยากออกมา

“สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน เทียนหูสมแล้วที่เป็นลูกชายของหัวหน้าทีม ดูหมัดพยัคฆ์ที่ดุเดือดของเขาสิ เห็นได้ชัดว่าเขาใกล้จะไปถึงระดับความเชี่ยวชาญเล็กน้อยแล้ว” สมาชิกในทีมล่าสัตว์สองสามคนแสดงความคิดเห็นขณะชายตามอง

“ถูกต้องแล้ว เทียนหูจะต้องเข้าเรียนในสถาบันศึกษาวรยุทธ์ได้อย่างแน่นอนในอนาคต จากนั้นหมู่บ้านธารวิญญาณของเราก็จะเป็นที่รู้จัก” จู่ๆ สมาชิกในทีมล่าสัตว์อีกคนก็เข้ามาเสริม

ทันทีที่เขาพูดสิ่งนี้ออกมา มันก็ทำให้คนอื่นเริ่มสนใจกันมากขึ้น

สถาบันศึกษาวรยุทธ์เป็นสิ่งที่ผู้คนจากหมู่บ้านเล็กๆ อย่างพวกเขาทำได้เพียงใฝ่ฝันถึงเท่านั้น

ใครก็ตามที่จบออกมาจากที่นั่นได้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านธารวิญญาณ

“เฮ้ นั่นเสี่ยวเหอไม่ใช่หรอ?”

“ลู่เหอ วันนี้เป็นวันหยุดของเจ้านี่ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่”

เมื่อพวกเขาเห็นลู่เหอและลู่หยุนเดินเข้ามา สมาชิกบางคนในทีมล่าสัตว์ก็หัวเราะและทักทายพวกเขา

“ข้าพาน้องชายมาเข้ารับการฝึกด้วยน่ะ” ลู่เหอตอบอย่างไม่เป็นทางการ

“ไม่ใช่ว่าน้องชายของเจ้ามีสุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่เกิดรึ? ข้าเกรงว่าการเรียนวรยุทธ์มันจะไม่ดีสำหรับเขาเอานะ!” ลู่ต้าไห่ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับลู่เหอพูด

“สุขภาพของเขาดีขึ้นแล้วในช่วงนี้ มันไม่มีปัญหาในการฝึกฝนวรยุทธ์แล้ว และเขาก็จะแซงหน้าพวกเราทุกคนในอีกไม่ช้า” ลู่เหอยิ้มและนำลู่หยุนเดินตรงไปที่สนามฝึก

“ลุงเหมิง ข้าพาน้องชายมาหา!”

ลุงเหมิงหรือที่รู้จักกันในชื่อลู่เหมิงเป็นชายที่น่าเกรงขามและมีร่างกายที่แข็งแรงกำยำ และเช่นเดียวกัน เขาเป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านธารวิญญาณ

เมื่อเขาเห็นลู่เหอและลู่หยุนเดินเข้ามา เขาก็ยกมือขึ้นเล็กน้อยและเด็กๆ ก็หยุดการฝึก

“ไม่เลว เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว เจ้าก็แข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆ” ลู่เหมิงมองดูลู่หยุน และเมื่อเห็นสัญญาณบางอย่าง เขาก็พยักหน้าเบาๆ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะฝึกกับพวกเขา เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้กลับก่อนหรือมาสาย เข้าใจไหม?” เสียงอันหนักแน่นของลู่เหมิงดังขึ้นกระทบแก้วหูของลู่หยุน

“ข้าเข้าใจแล้ว!” ลู่หยุนตอบเสียงดัง

“ดีมาก เข้าไปได้!”

ลู่หยุนมองไปรอบๆ และพบว่าไม่มีที่ว่างในหมู่เด็กๆ ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปที่แถวสุดท้าย

หลังจากนั้นไม่นาน เด็กอีกสองสามคนก็มาถึงสนามฝึกพร้อมกับพ่อแม่ของพวกเขา หลังจากที่ลู่เหมิงพูดคุยกับพวกเขาสองสามอย่างแล้ว พวกเขาก็ปล่อยเด็กไปต่อแถวรอฝึก

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นเต็มที่แล้ว ลู่เหมิงก็นับจำนวนคนแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ถ้าเยาวชนเข้มแข็ง หมู่บ้านก็จะแข็งแกร่ง อนาคตของหมู่บ้านธารวิญญาณขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ดังนั้นมาเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย ข้าจะฝึกฝนพวดเจ้าอย่างเข้มงวด”

ลู่เหมิงยิ้มเผยให้เห็นฟันขาวซี่ใหญ่ของเขา ด้วยการโบกมือ ชายร่างกำยำสองคนก็ถือกล่องเดินออกมา

“หยิบกระบี่ไปตามลำดับ”

เมื่อชายทั้งสองวางกล่องลง กระบี่หลายเล่มก็ถูกเปิดเผยออกมาให้เห็น

กระบี่แต่ละเล่มดูเหมือนกัน คุณภาพของพวกมันไม่ได้แตกต่างกันมาก พวกมันเป็นดาบเหล็กธรรมดาๆ ที่แทบจะใช้สับไม้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เด็กๆ ไม่ได้เลือกพวกมัน พวกเขาแค่หยิบพวกมันขึ้นมาแล้วกลับไปยืนที่จุดเดิม

“ดี! มันต้องแบบนี้!”

ลู่เหมิงมองฝูงชนอย่างพึงพอใจ

“ความสามารถประกอบขึ้นมาจากหยาดเหงื่อเก้าสิบเก้าส่วนและพรสวรรค์อีกหนึ่งส่วน วันนี้พวกเจ้าจะต้องฝึกฝนกระบวนท่าแรกของวิชากระบี่ทลายวายุร้อยครั้ง!”

“เริ่มได้!”

ตามคำสั่งของลู่เหมิง เด็กหลายสิบคนเริ่มฝึกกระบวนท่าแรกของวิชากระบี่ทลายวายุพร้อมๆ กัน

สักพักหนึ่ง เสียงดาบตัดผ่านอากาศก็ดังก้องไปทั่วสนามฝึก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด