ตอนที่แล้วบทที่ 515: เอลฟ์ขอความช่วยเหลือ เงื่อนไขในการลงมือ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 517: ป่าฝันร้าย รีบเข้าป่า!

บทที่ 516: เทเลพอร์ตไปหลายพันลี้ เมืองนอร์มา!


การช่วยชีวิตคนก็เหมือนกับการดับไฟ ในเมื่อเขายอมรับคำขอของเยว่เชียนหัวไปแล้วเขาก็รีบเตรียมการทันที

ในเมืองเชิ่งหลงมีผู้รับผิดชอบตามแผนกต่าง ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้ถังเจิ้นออกไปข้างนอกซักระยะ ทางเมืองก็ยังคงดำเนินงานต่อได้ตามปกติ

เมื่อทุกอย่างมันเอื้ออำนวยก็ได้เวลาออกเดินทางเพื่อหา ‘ปันผล’ ให้กับต้นมารดรซักหน่อย!

อันที่จริงแล้วในภารกิจช่วยเหลือครั้งนี้แค่มีถังเจิ้นไปคนเดียวก็เกินพอ แต่แบบนั้นมันจะดูไม่จริงใจแบบชัดเจนเกินไป ดังนั้นเขาเลยจะเอาคนไปเพิ่มด้วยอีกซักหน่อย นายจ้างจะได้ยอมจ่ายเงินอย่างสบายใจหน่อย

เมื่อเยว่เชียวหัวออกจากห้องไปแล้วถังเจิ้นก็เรียกผู้ช่วยเข้ามาพบและยื่นรายชื่อให้

ซึ่งคนที่มาร์กเครื่องหมายไว้ทั้งหมดล้วนเป็นนักรบที่ถังเจิ้นเลือกให้ไปยังป่าฝันร้ายด้วยกัน

นอกจากเจ้าอ้วนที่เป็นลอร์ด 3 ดาวแล้ว พวกที่เหลือทั้งหมดล้วนเป็นนักรบเลเวล 5 ซึ่งห่างจากระดับลอร์ดแค่ก้าวเดียว!

เพราะปฏิบัติการช่วยเหลือครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย ดังนั้นการต่อสู้ที่อันตรายถึงชีวิตนี่แหละที่จะช่วยให้คนเหล่านี้ก้าวข้ามอุปสรรคสุดท้ายและขึ้นเป็นระดับลอร์ดได้สำเร็จ

หลังจากที่คำสั่งเรียกตัวออกไปแล้ว นักรบที่ถูกเลือกทั้งหมดจะมีเวลาเตรียมตัวแค่ไม่ถึงครึ่งวัน ซึ่งในช่วงเวลานี้ถังเจิ้นก็ได้เตรียมของที่จะเอาไว้ใช้หลีกเลี่ยงการถูกลวงตาเอาไว้ด้วย

เวลาผ่านไปได้ประมาณ 3 ชั่วโมง ทางเยว่เชียนหัวได้นำกลุ่มนักรบเอลฟ์กลับมาที่เมืองหลัก ซึ่งที่นี่มีนักรบเชิ่งหลง 70 คนนำโดยถังเจิ้นเตรียมพร้อมรอแล้ว

เมื่อเยว่เชียนหัวมาถึงแพลตฟอร์มซื้อขายศิลาเสาเอก สิ่งที่เธอได้เห็นก็คือนักรบเชิ่งหลงในชุดเกราะสีดำมะเมื่อมที่ติดอาวุธทั้งตัวจนแทบจะยันซอกฟัน

มองปราดเดียวก็บอกได้เลยว่านักรบที่ยืนเงียบ ๆ เหล่านี้ล้วนเก่งกาจที่สุดในหมู่ผู้ที่เก่งกาจที่สุดด้วยกันแล้ว!

มีถังเจิ้นที่สวมเกราะดำมะเมื่อมด้วยเช่นกันยืนหัวแถวเป็นหัวหน้าหน่วย สัญลักษณ์ของเมืองเชิ่งหลงบนแผ่นอกนั้นเด่นหราจนต่อให้จะทำเป็นไม่เห็นซักแค่ไหนมันก็เห็นอยู่ดี

“ในเมื่อท่านพร้อมแล้วข้าก็ขอเริ่มการเคลื่อนย้ายเลยแล้วกัน!”

ถังเจิ้นพยักหน้าตอบ เยว่เชียนหัวเห็นแบบนั้นก็เดินเข้าไปหาแท่นหินและทาบฝ่ามือลงไป

ต่อมาแท่นหินก็ได้ปะทุแสงเจิดจ้าปกคลุมทุกคนที่อยู่ในห้อง

เมื่อแสงดับไปแล้วพวกถังเจิ้นรวมไปถึงคนอื่น ๆ ทั้งหมดก็ได้หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

********************************

โหลวเฉิงแห่งหนึ่งนามว่าเมืองนอร์ม่านั้นตั้งอยู่ใกล้กับป่าฝันร้าย จากภูมิประเทศที่ได้เปรียบนี้ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่นักรบส่วนใหญ่ที่จะเข้าไปยังป่าฝันร้ายแทบจะปักหลักอยู่ที่นี่ตลอดปีเพื่อเตรียมตัวเติมของหรือไม่ก็แวะพัก

วันนี้ก็เหมือนเช่นเคย มีกลุ่มนักรบจากหลากหลายเผ่ามาแวะเติมเสบียงในย่านการค้าของเมืองเพื่อให้ตนเองพร้อมตะลุยป่าฝันร้ายมากที่สุด ซึ่งเป้าหมายของคนเหล่านี้ก็คือวัตถุดิบหายากที่มีเฉพาะในนั้น

ทว่าเมื่อเดินออกจากย่านการค้าแล้วจู่ ๆ พื้นหญ้าตรงหน้าก็มีจุดแสงสีดำปรากฏขึ้น โดยเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ก่อนแล้วค่อยเริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้น ๆ

ปรากฏการณ์ทีเกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ดึงดูดสายตาของบรรดานักรบทั้งหลายทันที แต่ละคนต่างชักอาวุธของตัวเองออกมาและจ้องตรงตำแหน่งดังกล่าวเขม็งด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย

ในตลาดย่านการค้าไกล ๆ มีนักรบประจำโหลวเฉิงที่วิ่งออกมาจากอาคารที่พักและเล็งธนูใส่หลุมดำดังกล่าว

ตอนนี้หลุมดำได้ขยายตัวออกอย่างรวดเร็วจนมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร และได้มีนักรบเอลฟ์กลุ่มหนึ่งที่เดินอกผายไหล่ผึ่งเชิดหน้าสูงออกจากหลุมดำนั่นมา

เนื่องจากเอลฟ์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชื่อเสียงของแผ่นดินใหญ่ ดังนั้นนักรบทั้งหมดจึงต้องรู้จักอยู่แล้ว เมื่อทุก ๆ คนเห็นพวกเย่เชียนหัวเดินออกมาจากหลุมดำจึงได้คลายอารมณ์ตึงเครียดลงในทันที

ไม่มีนักรบคนใดเต็มใจที่จะมีเรื่องกับเผ่าพันธุ์ผู้ทรงอำนาจ เนื่องจากไม่มีใครสามารถจ่ายค่าเสียหายของการกระทำดังกล่าวไหว

เยว่เชียนหัวและหมู่คณะของเธอเดินออกมาจากหลุมดำแล้วก็เหลือบมองนักรบที่อยู่โดยรอบด้วยท่าทางอันหยิ่งยโสและสายตาดูหมิ่นเหยียดหยาม

แม้แต่ในหมู่นักรบต่างเผ่าด้วยกันเองก็ยังมีการแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงและชั้นต่ำ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะได้รับการปฏิบัติจากพวกเยว่เชียนหัวอย่างเท่าเทียมกัน

และเมืองเชิ่งหลงแต่เดิมเองก็อยู่ในสถานะเดียวกัน แต่เมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งของเมืองเชิ่งหลงแล้วก็ต้องรีบเปลี่ยนทัศนคติใหม่หมด

เผ่าพันธุ์มนุษย์ในแผ่นดินใหญ่แห่งนี้อ่อนแอที่สุดแล้ว แต่เมืองเชิ่งหลงนั้นกลับแข็งแกร่งเกินไปจนผิดปกติ

ในโลกที่เคารพในความแข็งแกร่งใบนี้ ตราบใดที่แข็งแกร่งเพียงพอก็สามารถได้รับความเคารพที่สมควร!

และเมื่อมองกลับกันแล้วการที่พวกเยว่เชียนหัวให้ความเคารพเมืองเชิ่งหลงมันก็สะท้อนถึงความตระหนักของพวกเจ้าตัวเองว่าเมืองเชิ่งหลงแข็งแกร่งจริง ๆ ด้วยนั่นเอง ถ้าไม่ตระหนักล่ะก็คงไม่คิดจะขอความช่วยเหลือตั้งแต่แรกแล้วล่ะ

หลังจากที่พวกเยว่เชียนหัวเดินออกจากประตูวาร์ปแล้วพวกถังเจิ้นก็เดินตามออกมาเงียบ ๆ เหยียบลงบนพื้นหญ้าข้าง ๆ

พอทุกคนมากันครบแล้วหลุมดำนั้นก็สั่นสะเทือนแล้วหดตัววูบเดียวหายไปเลยโดยไม่เหลือร่องรอย

เนื่องจากเยว่เชียนหัวเป็นนายจ้างเธอจึงต้องเป็นฝ่ายวางแผนการเดินทาง ดังนั้นถังเจิ้นจึงไม่ต้องเปลืองเซลล์สมองคิดอะไร

นักรบเอลฟ์ได่เดินเข้าไปหานักรบต่างเผ่าคนหนึ่งและถามคำถามด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ และพอได้คำตอบแล้วก็เดินเข้าตลาดไปเลยโดยไม่แม้แต่จะขอบคุณ

ซึ่งขณะที่เดิน ๆ อยู่นั้นก็มีทหารนอร์มาให้การต้อนรับด้วย ทว่าฝ่ายเอลฟ์ก็ยังไม่สนใจใคร ถึงกระนั้นฝ่ายนอร์มาก็ไม่ได้บ่นอะไร

ฉากเหล่านี้เป็นไปเหมือนปกติ ทั้งพวกเผ่าอื่นหรือชาวนอร์มาต่างก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ เลยราวกับว่าเป็นสามัญสำนึก

ถังเจิ้นที่เห็นฉากนี้ก็ประหลาดใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ตนเองได้เห็นด้านความลุแก่อำนาจของเอลฟ์

ส่วนเจ้าอ้วนที่มาด้วยนั้นไม่ได้แปลกใจอะไรเลย เจ้าตัวได้ท่องเที่ยวไปทั่วทั้งผืนแผ่นดินมาตลอดชีวิตจึงรู้ถึงพฤติกรรมของพวกเอลฟ์มาตั้งนานแล้ว

“ก็ปกติอะนะ เอ็งยังไม่เคยออกจากแดนร้างก็เลยไม่ชินไง เอ็งไม่รู้ร้อกว่าไอ้พวกเผ่าใหญ่ ๆ มันหน้าหมั่นไส้เบอร์ไหน!”

เจ้าอ้วนเบ้ปากซึ่งบ่งบอกเลยว่าหมั่นไส้พวกเอลฟ์หนักมากจนต้องเผยรอยยิ้มประชด

“แต่ฉันว่าก็ดีเหมือนกันนา เวลาจะทำอะไรแม่งโคตรสะดวกอะ แต่ก็เสียตรงที่ว่าไม่ว่าจะมีอำนาจขนาดไหนมันก็ต้องดูว่าเอาไปใช้กับใครก่อน!”

ถังเจิ้นยิ้มยิ้มเยาะพลางส่ายหน้าแล้วก็รอเงียบ ๆ โดยแก้เบื่อโดยการมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ

เมื่อเทียบกับแดนร้างแล้วที่นี่คือโคตรอุดมสมบูรณ์ เหมือนย้ายจากทะเลทรายโกบีมาอยู่อุทยานแห่งชาติที่มีพร้อมทั้งแมกไม้นานาพรรณ เสียงนกร้อง และกลิ่นดอกไม้หอมจากทุกทิศทาง

ส่วนแดนร้างนี่ก็มีแต่ดิน หิน และวัชพืช แทบไม่อาจนับเป็นดินแดนสำหรับอยู่อาศัยได้เลย!

ในขณะที่ถังเจิ้นกำลังเชยชมสภาพแวดล้อมโดยรอบอยู่นั้น พวกนักรบจากหลากหลายเผ่าต่างก็จ้องมองพวกเขาอยู่ตลอดเวลา

ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะเกราะที่พวกเขาสวมอยู่มันโคตรจะเด่น และปืนไรเฟิลที่ถืออยู่ในมือก็แปลกประหลาดเกินไป

นักรบเชิ่งหลงที่ติดตามถังเจิ้นมากลุ่มนี้ก็อย่างที่บอกคือติดอาวุธไปยันซอกขี้ฟัน ปืนที่ใช้บรรจุกระสุนได้ 20 นัด พัฒนาโดยสันนิบาติอเมริกัน ลำกล้องขนาด 15 มม. พร้อมอำนาจสังหารที่สุดแสนจะน่าทึ่ง!

ตัวปืนมีติดอุปกรณ์เสริมเช่นไฟฉายแรงสูงไว้ด้วยยิ่งทำให้ในสายตาของชนพื้นเมืองเหล่านี้แล้วยิ่งดูโคตรประหลาดเข้าไปใหญ่

เนื่องจากเป็นอาวุธอันตรายร้ายแรงดังนั้นย่อมไม่ใช่สิ่งที่พวกระดับทั่ว ๆ ไปจะรับมือได้แน่ ๆ และตอนนี้ก็มีให้เฉพาะนักรบเชิ่งหลงเท่านั้น

ชุดเกราะ ปืน และดาบที่สะพายหลังไว้ ทั้งหมดล้วนเป็นอุปกรณ์ประจำการและทรงคุณค่าราคาแพงอย่างยิ่ง

ประกอบเข้ากับอุปกรณ์ยิบย่อยอื่น ๆ ทั้งหมดแล้วคือเต็มเอี้ยดไปหมดทั้งตัว หากเป็นตัวละครในเกมก็คือเต็มทุกช่องสวมใส่จนไม่เหลือช่องให้ใส่เพิ่มแล้ว

พวกตนเองก็เป็นนักรบ อีกฝ่ายเองก็เป็นนักรบเหมือนกัน แต่แล้วทำไมพอเทียบกันแล้วตนเองถึงดูไม่ต่างจากผู้พเนจรเลยฟะ

และก็กลายเป็นประเด็นที่พวกต่างเผ่าพูดกัน

“ไอ้พวกนี้มันมนุษย์นี่หว่า แล้วไมแม่งรวยจังวะ ดูของที่พวกมันใส่ดิมีแต่งาม ๆ ทั้งนั้น!”

“กูว่าเพราะพวกแม่งเป็นเผ่าทาสของเอลฟ์แหละ ไม่งั้นพวกมันไม่เดินตามตูดเอลฟ์มาหรอก!”

“บ้า ถ้าเป็นเผ่าทาสจิงแล้วไม่แม่งใส่ของดีกว่าเผ่านายทาสอีกล่ะ”

ความคิดมากมายแตกต่างกันไป สารพัดการคาดเดาในที่มาของพวกถังเจิ้นได้หลั่งไหลออกมาเพียบ

ส่วนเจ้าอ้วนนั้นแสดงออกชัดเจนเลยว่าไม่ชอบถูกมองเหมือนสัตว์ในเล้า เหลือบตามองแรงไปทีหนึ่งแล้วสะบัดมือใส่ไอ้พวกขี้นินทาซึ่ง ๆ หน้าซะ

แรงลมโหมกระหน่ำ... ไม่มี... แต่พวกปากไม่มีหูรูดกลับลอยขึ้นจากพื้นแล้วปลิวกระเด็นไปเป็น 10 เมตรพร้อมแหกปากกลางอากาศยาว ๆ จนกระทั่งตกพื้น

การลงมือของเจ้าอ้วนนั้นก็แค่คำเตือนแท้ ๆ พวกปากไม่มีหูรูดแม้จะดูเหมือนโดนไปอย่างแรง แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้เจ็บตัวอะไรมาก

พวกที่เหลือเมื่อเห็นฉากนี้ต่างก็ตะลึง มือก็รีบยกขึ้นมาปิดปากแล้วถอยกรูดออกไปห่าง ๆ หลายสิบเมตร

การใช้ชีวิตในโลกโหลวเฉิงนั้นจะต้องฝึกฝนสายตาให้มีแววเข้าไว้ ต้องรู้จักดูให้ออกว่าใครที่ยั่วยุได้และใครที่ห้ามยั่วยุ

และที่เจ้าอ้วนนั่นแสดงให้เห็นก็คือพลังระดับลอร์ด แถมไม่ใช่แค่ลอร์ดดาวสองดาวแน่ ๆ ดังนั้นหากยังไม่ใครที่กล้าไม่รูดซิปปากอีกล่ะก็มันผู้นั้นรับรองว่าตาย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด