ตอนที่แล้วบทที่ 41: บาปทั้งเจ็ดประการ คนเดียวไม่ไหวก็ไปเป็นทีม!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43 : พื้นที่ปนเปื้อน หินประหลาด

บทที่ 42 : ลงสุสานใต้ดิน  พื้นที่ปนเปื้อน  


บทที่ 42 : ลงสุสานใต้ดิน  พื้นที่ปนเปื้อน

ฮว้าาาา!

โกเลมเนื้อเน่าขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นในขณะที่มันทำลายบ้านเรือนโดยรอบ

โกเลมเนื้อเน่า!

มันเป็นโกเลมที่ทั้งร่างกายถูกสร้างขึ้นมาจากซากศพของมนุษย์และมอนสเตอร์

ศีรษะ มือ เท้าและแขนขาของมนุษย์ประสานกันเป็นร่างของมันและทำให้รูปลักษณ์ของมันดูน่ากลัว

“...มันน่าขยะแขยงยิ่งกว่าซอมบี้ยักษ์ซะอีก”

แม้แต่ซังวูก็ยังไม่กล้าโจมตีเพราะรูปลักษณ์ที่น่าขยะแขยงของมัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่ามันกำลังพุ่งเข้ามาทางพวกเขา ทันใดนั้นเสียงตะโกนก็ดังขึ้น

“ฆ่ามัน!!!”

เมื่อสิ้นเสียงตะโกน เปลวเพลิงน้ำเงินก็พุ่งผ่านซังวูไป

จากนั้นเปลวเพลิงก็พุ่งตรงไปที่โกเลมเนื้อเน่าโดยทันทีและปกคลุมทั่วร่างกายของโกเลม

ฉ่าฉ่าฉ่า!

โกเลมเนื้อเน่ากลายเป็นโกเลมเนื้อสุกก่อนที่มันจะถูกกลืนหายไปภายใต้เปลวเพลิงสีน้ำเงิน

“อ้าาา...”

เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังลอดออกมาจากหัวที่ห้อยอยู่กลางร่างของมัน

ในที่สุดโกเลมยักษ์ก็ตายลง

มันเป็นตอนจบที่ดูไม่มีอะไรเลยเมื่อพิจารณาจากขนาดและรูปลักษณ์ที่ใหญ่โตของมัน

“...โกเลมเนื้อเน่าอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรอ?”

ซังวูเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดและอุทานออกมา

“เปล่า นี่เป็นเพราะหัวหน้าของเราแข็งแกร่งมากต่างหาก”

คำตอบดังขึ้นมาจากด้านข้างของเขา

ซังวูมองดูว่าใครเป็นคนตอบเขา

เขาไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คิมซุนอาก็ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว

เธอแบกกระเป๋าที่ดูหนักไว้บนหลัง และอุปกรณ์บันทึกวิดีโอที่ดูเหมือนลูกปัดทรงกลมก็ลอยอยู่ข้างๆ

“หัวหน้าของคุณน่ะหรอ?”

“ใช่ หัวหน้ากิลด์ของเรา อ้าใช่ ท่านผู้ชมทั้งหลาย นี่คือฮันเตอร์ที่เราพามาล่าด้วยในวันนี้นะคะ”

“เอ่อ... สวัสดีครับ”

ซังวูมองไปที่กล้องบันทึกวิดีโอของคิมซุนอาแล้วกล่าวสวัสดี

แม้คิมซุนอาจะขออนุญาตเขาก่อนออกล่าแล้ว แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะเขินกล้อง

' ดูเหมือนฉันจะทำตัวเล่นๆ ไม่ได้แล้ว'

ซังวูคิดเช่นนั้นเนื่องจากในช่วงแรกที่เขาเป็นฮันเตอร์ เขาก็เรียนรู้จากการดูวิดีโอกลยุทธ์ต่างๆ เช่นกัน

“โอ้~ คุณฮันเตอร์ คอมเมนต์กำลังร้อนแรงเลย คุณอยากเห็นมันไหมคะ?”

“จริงหรอครับ? ขอผมดูหน่อยนะครับ”

คิมซุนอาพยักหน้า จากนั้นหน้าจอช่องแขทก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเขา

───────────────

-[นักศึกษาหญิงที่จบมารับราชการทหาร]: เขาหล่อมาก~

-[จอมเวทย์ขั้นสูง]: ไอ้โกเลมนั่นต้องกลิ่นตัวเหม็นมากแน่ๆ

-[ชิรุเคน]: นี่มันฮันเตอร์สกิลร่างโคลนคนนั้นนี่...

-[คยองโด1418]: ซังวู???  นายไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไงกันวะ?!

• ··

───────────────

ข้อความแชทซึ่งส่วนใหญ่เต็มไปด้วยคำชมเชยโผล่เข้ามาอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าซังวูจะอ่านมันไม่ทัน แต่เขาก็ยังประหลาดใจและทักทายผู้ชม

“โอ้ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมได้ออกรายการอะไรกับเขา ชื่อของผมคือจอง ซังวู และเป็นฮันเตอร์แรงค์ C ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

เมื่อซังวูกล่าวทักทายเสร็จ แชทก็ยิ่งเร็วขึ้นไปอีก

มีความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของซังวูและร่างโคลนของเขาเช่น หล่อ เสียงดี เป็นต้น

เนื่องจากมันเป็นคำชม ดังนั้นซังวูจึงรู้สึกดีด้วยเหตุผลบางอย่าง

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงยอมตอบคำถามต่างๆ จากเหล่าผู้ชม

“นานแค่ไหนแล้วที่คุณปลุกพลังขึ้นมา..? มันยังไม่ถึงปีเลยครับ คุณอายุเท่าไรแล้ว..? ผมยังอายุน้อยอยู่ครับ ฮ่าฮ่าฮ่า”

อย่างไรก็ตาม หลังจากตอบคำถามได้ไม่นาน

คิมซุนอาก็ตัดบทเพื่อไม่ให้สิ่งนี้รบกวนการล่าของซังวู

“เอาล่ะทุกคน ไว้ฉันจะให้พวกคุณได้พบกับฮันเตอร์สุดหล่อคนนี้อีกครั้งในภายหลังนะ คุณจะเห็นหัวหน้ากิลด์ของเราตรงนั้น พวกคุณเห็นไหมว่าเธอสังหารโกเลมเนื้อเน่าลงด้วยเปลวเพลิงสีน้ำเงินของเธอภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว! มันไม่น่าทึ่งหรอ?”

ความสนใจของผู้ชมเริ่มมุ่งไปที่ร่างของโกเลมเนื้อเน่า

ซังวูเองก็หันไปมองในทิศทางเดียวกัน

เปลวเพลิงสีน้ำเงินกำลังเผาไหม้ร่างของโกเลมซึ่งกลายเป็นกองซากศพไปแล้ว ขณะเดียวกัน มันก็สามารถมองเห็นแผ่นหลังของสาวร่างเล็กในบริเวณนั้นได้

นั่นคือฮันมิโฮ

เธอกลมกลืนไปกับเปลวเพลิงสีน้ำเงินเช่นเดียวกับที่กำลังเผาไหม้โกเลมอยู่ นอกจากนี้ หางจิ้งจอกสีขาวหลายๆ อันก็ยังยื่นออกมาจากบั้นท้ายของเธอ

' พวกเขาบอกว่าเธอมีสกิลที่ทำให้เธอสามารถแปลงร่างเป็นจิ้งจอกเก้าหางได้ และมันก็เป็นเรื่องจริง แต่จิ้งจอกเก้าหางยิงไฟออกมาได้ด้วยหรอ?’

เขาเคยได้ยินมาว่าจิ้งจอกเก้าหางเป็นปีศาจโบราณที่มีพลังเวทย์มนต์หลากหลาย

เปลวเพลิงสีน้ำเงินที่ฮันมิโฮใช้อาจเป็นหนึ่งในความสามารถที่เกี่ยวข้องของมัน

' แม้เธอจะดูขี้เล่นและเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะไปถึงแรงค์ A ได้'

ซังวูแก้ไขอคติของเขาเกี่ยวกับฮันมิโฮเล็กน้อย

บุคลิกของเธอแปลกแต่เธอก็แข็งแกร่ง

หลังจากนั้น เมื่อฮันมิโฮเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่ดูแข็งแกร่งหรือน่าขยะแขยง เธอก็วิ่งออกไปเพียงลำพังและเผาพวกมันทั้งหมดด้วยตัวเอง

ฮันมิโฮกลายเป็นเปลวเพลิงสีน้ำเงินและกวาดล้างฝูงซอมบี้กับเหล่ามอนสเตอร์ขณะยิงเปลวเพลิงออกไปจากระยะไกล

เธอล่าสัตว์ขณะร้องเพลงด้วยความสนุกสนาน

“ความรักของฉันกำลังร้อนแรง~ วู้~”

“ความรักของเราช่างดีเหลือเกิน~”

มันเหมือนกับการไปปิกนิก

มันเหมือนกับการพักผ่อนของแรงค์ A

คิมซุนอาพูดคุยกับผู้ชมอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเช่นนั้น

“ร้องเพลงกลางดงมอนสเตอร์! เต้นหรอ...? เธอก็เต้นเป็นบางครั้งเหมือนกันนะ พวกคุณลองไปดูในวิดีโอที่ฉันโพสต์ไปครั้งที่แล้วสิ ไซส์หน้าอกของหัวหน้าคืออะไร? เอ่อ... ฉันจะขอละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกันนะ”

พวกเขาคือสมาชิกกิลด์โยโล่ที่ไม่รู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อล่ามอนสเตอร์หรือเล่นสนุกสนาน

ถึงกระนั้น ต้องขอบคุณการแสดงของฮันเตอร์แรงค์ A ฮันมิโฮ ปาร์ตี้นี้จึงสามารถล่าได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีความเสี่ยงมากนัก

' นี่คือพลังของแรงค์ A งั้นหรอ?'

ซังวูเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน

เพราะเขาเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยการกำจัดฝูงมอนสเตอร์อย่างบ้าคลั่งด้วยร่างโคลนของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่เคยได้เผชิญหน้ากับการล่าเป็นทีมร่วมกับคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ร่างโคลน

“ทุกคน นี่คือทางเข้าสุสานใต้ดิน”

และเมื่อปาร์ตี้ของพวกเขาเจาะลึกเข้าไปในใจกลางกรุงปารีส พวกเขาก็ค้นพบทางเข้าสุสานใต้ดินที่สร้างขึ้นเป็นพอร์ทัล

พอร์ทัลนี้ดูเหมือนหลุมยุบที่เปิดลงสู่พื้นที่ใต้ดิน

“พวกเราจะเข้าไปตอนนี้เลยไหม?”

ภายใต้การนำของแบชอลมิน พวกเขาได้เข้าไปในพอร์ทัลสุสานทีละคน

ท่ามกลางซากอาคารในเมืองที่ถูกทิ้งร้าง กล้องวงจรปิดที่ซ่อนอยู่กำลังบันทึกภาพทางเข้าพอร์ทัลสุสาน

* * *

ซังวูรู้สึกประทับใจเมื่อเขาเข้าไปในพอร์ทัล

นี่เป็นเพราะการล่าดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก

' นี่คือพลังของกิลด์ระดับสูงหรอ? การล่าดูง่ายมากเพราะพวกเราทำตามกลยุทธ์?'

ซังวูรู้สึกหนักใจเล็กน้อยในตอนแรกที่พัควอนแทบอกให้เขามาล่าร่วมกับกิลด์อื่นๆ

เนื่องจากเขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการล่าแบบเป็นปาร์ตี้เลย

อย่างไรก็ตาม วิธีการล่าที่เขาได้สัมผัสอยู่ตอนนี้ก็คือโลกใหม่อย่างแท้จริง

เป็นเรื่องยากสำหรับบริษัทขนาดเล็กอย่าง JM เอเจนซี่ที่จะสามารถให้ความรู้แก่เขาในเรื่องของกลยุทธ์การล่าได้

ขณะที่คิดถึงเรื่องนั้น ซังวูก็มองเข้าไปในสุสานใต้ดินที่เขาเดินอยู่

ถ้ำด้านล่างไม่มีแสงสว่างเลย แสงในตอนนี้มาจากการส่องไฟของสมาชิกกิลด์ที่เข้ามาก่อนหน้า และไฟมานาที่เป็นแหล่งกำเนิดแสงที่ลอยอยู่ในอากาศ

อย่างไรก็ตาม ทางเดินภายในสุสานใต้ดินนั้นก็แคบกว่าที่คาดเอาไว้มาก ราวกับว่าความมืดกำลังกลืนกินแสงสว่าง

โถงทางเดินนี้มีความสูงเพียง 2 ถึง 3 เมตร และกว้างเพียง 4 ถึง 5 เมตร

มันแคบเกินไปที่คนสามคนจะเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน

นอกจากนี้ ผนังก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยเยื่อเมือกสีแดงเข้มแปลกๆ ที่ให้ความรู้สึกน่าขยะแขยง

“ทางเดินบนชั้นหนึ่งจะแคบมาก แต่มันจะค่อยๆ กว้างขึ้นเมื่อเราลงไปถึงที่ชั้นสอง ผมคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีที่จะให้แทงค์หรือคนที่สามารถสร้างความเสียหายได้สูงเป็นคนเดินนำ ดังนั้นใคร...”

“ผมนำเองครับ”

ซังวูเดินมาข้างหน้า

นี่เป็นเพราะเขาต้องการจะใช้สกิลดูดซับมอนสเตอร์

“ยอดเยี่ยม ถ้าอย่างนั้นคุณซังวูและร่างโคลนของเขาจะเป็นผู้นำนะครับ ผมและกิลด์กงกูรเยจะตามไปข้างหลัง ส่วนสมาชิกกิลด์โยโล่ก็โปรดดูแลด้านหลังด้วย แบบนี้โอเคไหมครับหัวหน้าฮัน?”

“จ้า เอาแบบนั้นแหละ~”

“ครับ ถ้าอย่างงั้นก็ไปกันเลย ถ้าหลงทางเราจะต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ ดังนั้นระวังไว้ให้ดีและตามผมมานะครับ!”

ซังวูเดินเข้าไปในสุสานในขณะที่รับคำแนะนำจากสมาชิกกิลด์กงกูรเยที่มีสกิลแผนที่

ทางเดินเต็มไปด้วยมอนสเตอร์อันเดด เช่นเดียวกับพื้นดิน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างจากบนพื้นดินก็คืออันเดดเหล่านี้มีสีที่ต่างออกไป

ซอมบี้สีม่วงและสเกเลตันสีแดงเข้ม

พวกมันเร็วกว่าและแข็งแกร่งกว่าอันเดดบนพื้นมาก

นอกจากนี้ มันก็ยังมีนักรบสเกเลตันจำนวนมากที่มีกระดูกเป็นสีดำเทาและแข็งเหมือนเหล็ก

นอกจากนี้ มันก็ยังมีนักธนูสเกเลตันและนักเวทย์สเกเลตัน

พัฟ พัฟ!

ลูกศรที่ยิงออกมาโดยนักธนูสเกเลตันติดอยู่ในร่างของร่างโคลน

[ ความต้านทานกายภาพเพิ่มขึ้น 0.001]

อย่างไรก็ตาม ร่างโคลนก็ไม่ได้สนใจและฟาดกระบองลงบนหัวพวกมัน

โผล้ะ! โผล้ะ! โผล้ะ!

พวกอันเดดถูกฟาดหัวแตกและล้มลงกับพื้นโดยทันที

อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ไม่ได้ตายลงทันทีเหมือนกับตอนอยู่บนพื้น

พวกมันโจมตีขาของร่างโคลนแทน

เฮ้อ!

สิ่งนี้ทำให้ข้อเท้าของร่างโคลนหักและล้มลง

อย่างไรก็ดี ร่างโคลนก็ยังฟาดกระบองลงใส่หัวของสเกเลตันสีแดงที่โจมตีข้อเท้าของเขาโดยไม่สนใจความเจ็บปวด

โผล้ะ! โผล้ะ!

แตก!

ศีรษะของสเกเลตันสีแดงแตกออกด้วยการฟาดกระบองเพียงไม่กี่ครั้ง

[ ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 0.001 ]

[ มานาเพิ่มขึ้น 0.001 ]

ในเวลานั้นเอง ซังวูก็ตรวจพบความผันผวนของมานาที่ด้านหน้าซึ่งมีสเกเลตันยืนอยู่

“ก้มหัวลง!”

สมาชิกกิลด์ที่อยู่ด้านหลังตะโกนขึ้น

ซังวูก้มหัวลงพร้อมกับร่างโคลนของเขา

“บาเรีย!”

พร้อมกับเสียงที่คุ้นเคยของคิมซุนอา แสงเจิดจ้าก็ปรากฎขึ้นและขว้างกั้นการโจมตีเอาไว้

ตู้มม!

ลูกศรมานาพุ่งเข้าใส่บาเรียแล้วหายไป

แม้ว่าจะไม่สามารถทะลุผ่านบาเรียมาได้ แต่มานาสีดำก็ยังคงแผ่กระจายออกไปโดยรอบ

“มันอันตรายถ้าโดนมันโจมตีตรงๆ ! เราต้องฆ่านักเวทย์สเกเลตันก่อน!”

ดวงตาของซังวูเป็นประกายเมื่อเสียงตะโกนของแบชอลมินดังขึ้น

นักรบอันเดดขวางอยู่แนวหน้า

ขณะเดียวกัน นักธนูและผู้เวทย์สเกเลตันก็ยืนอยู่ข้างหลังพวกมันและทำการโจมตีจากระยะไกล

' เราต้องบุกทะลวงเข้าไปในคราวเดียว'

หลังจากคำนวณเสร็จแล้ว ซังวูก็ออกคำสั่งร่างโคลนของเขา

“วิ่ง!”

“ระวังด้วย!”

เสียงตะโกนของแบชอลมินดังขึ้นตาม

ร่างโคลนทั้งสิบสองยืนเรียงกันสามแถว แถวละสี่คนและรีบเร่งบุกเข้าไปข้างหน้าโดยไม่สนใจการโจมตีของเหล่ามอนสเตอร์

อาวุธแต่ละชิ้นที่พวกเขาถือมีพลังโจมตีที่รุนแรง

อาวุธที่ถือโดยร่างโคลนสามตัวแรกโจมตีอันเดดที่อยู่ข้างหน้าสุดอย่างแรง

โผล้ะ!

พวกอันเดดถูกผลักล้มลงกับพื้น

โดยไม่รอช้า ร่างโคลนแถวหน้าสุดก็พุ่งต่อไปและเผชิญหน้ากับพวกอันเดดแถวที่สอง

ขณะเดียวกัน ร่างโคลนที่อยู่ด้านหลังทั้งเก้าตัวก็รุมทุบรุมตีอันเดดแถวแรกที่ล้มอยู่กับพื้น

จากนั้นเหตุการนี้ก็เกิดซ้ำอีกหลายครั้งและทางเดินก็เริ่มเปิดออกทีละน้อย

ปัง!

ในตอนนี้ นักธนูและนักเวทย์สเกเลตันก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว

เมื่อเห็นพวกมันอยู่ไม่ไกล ซังวูก็ตะโกนบอกแบชอลมินที่อยู่ข้างหลังเขา

“ตอนนี้แหละ!”

แบชอลมินที่อยู่ถัดไปพยักหน้าและยกโล่ขึ้น

โล่ขนาดใหญ่พอที่จะครอบคลุมทั้งร่างกายของเขา

ขาของเขาพองจนแทบจะระเบิด

จากนั้นในที่สุดเขาก็ 'พุ่ง' ตัวออกไป

บึ้มมม!

มันเป็นสกิลพุ่งชนด้วยร่างกายที่น่าสะพรึงกลัว

แบชอลมินพุ่งชนเหล่าอันเดดและเปิดทางโล่งจนถึงตัวพวกนักธนูและนักเวทย์สเกเลตัน

เขาเหวี่ยงโล่ของเขา

ผลั่ก!

ร่างของนักเวทย์สเกเลตันถูกทำลายลงเป็นชิ้นๆ ด้วยการโจมตีอันหนักหน่วงของฮันเตอร์แรงค์ B

ในเวลาเดียวกัน แบชอลมินก็โจมตีนักธนูสเกเลตันที่อยู่ใกล้ๆ

นักธนูสเกเลตันพังลงอย่างง่ายเช่นกัน

“ต่อเลย!”

เมื่อได้ยินเสียงนั้น สมาชิกกิลด์คนอื่นๆ ก็รีบรุดไปข้างหน้า

เนื่องจากร่างโคลนสามารถหยุดพวกอันเดดไว้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถจัดการกับพวกมันลงได้อย่างง่ายดาย

ในที่สุดพวกเขาก็จัดการอันเดดทั้งหมดลงได้

“ฮ่า มันจบแล้ว”

โชคดีที่ร่างโคลนที่ถูกโจมตีไม่ได้ถูกเรียกกลับ

ในขณะนี้ ฮีลเลอร์ก็ได้ทำการรักษาร่างโคลนที่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อรวมกับพลังฟื้นฟูของร่างโคลน เขาจึงสามารถกลับมาสู้ได้อีกครั้ง

ซังวูสั่งร่างโคลนเหล่านั้นให้ค้นหาอัญมณีของเหล่าอันเดด

" ขอบคุณสำหรับความพยายามของคุณ เราคงจะไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ถ้าไม่ใช่เพราะร่างโคลนของคุณ

แบชอลมินผู้ซึ่งมีส่วนร่วมอย่างมากในการจัดการกับนักเวทย์สเกเลตันได้เข้ามาหาและกล่าวชื่นชมซังวู

“ไม่เลยครับ มันเป็นเพราะคุณต่างหาก”

“ฮ่าฮ่า ไม่หรอก ความจริงฉันว่าถ้าไม่ใช่เพราะพื้นที่ส่วนนี้มันแคบ ร่างโคลนของคุณก็คงจะสามารถปิดฉากพวกมันได้ด้วยตัวเองแล้ว”

“อืม...”

อันที่จริง ซังวูก็รู้สึกแบบเดียวกัน

เขาไม่สามารถใช้ข้อได้เปรียบในด้านจำนวนในสถานที่ที่แคบเช่นนี้ได้

ซังวูมองไปที่ฮันมิโฮที่กำลังเฝ้าดูการล่าอย่างสบายๆ อยู่ที่ด้านหลัง และกำลังพูดคุยกับคิมซุนอาและหัวเราะคิกคัก

จิ้งจอกเก้าหางที่สามารถควบคุมเปลวเพลิงสีน้ำเงินได้

หากเธอเป็นคนยืนอยู่ข้างหน้า การล่าก็คงจะสิ้นสุดลงได้ในทันที

“ซังวู อย่าท้อแท้ไปล่ะ ตอนนี้มันก็แค่ชั้นหนึ่งเท่านั้น ถ้าคุณลงไปที่ชั้นใต้ดินชั้นสอง คุณก็จะได้พบกับพื้นที่ที่ใหญ่กว่านี้เอง”

“ชั้นสอง?”

“ใช่ ที่นี่ไม่ได้มีเพียงชั้นเดียวเท่านั้น”

แบชอลมินหยิบแผนที่ออกมาแสดง

แผนที่สุสานนั้นซับซ้อนคล้ายเขาวงกต

กลุ่มของซังวูกำลังยืนอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า ‘ลาวิลเล็ตเต้’ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของใจกลางฝรั่งเศส

“ถ้าคุณดูที่นี่ เราก็อยู่ตรงลาวิลเล็ตเต้ และเราจะขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือแบบนี้และมุ่งหน้าสู่อูเบอร์วิลเลอร์แล้วจากนั้น...”

แบชอลมินชี้ไปที่แผนที่แล้วพูด

มือของเขาลากขึ้นไปทางขวาแล้วลากขึ้นต่อไปทางซ้ายจากจุดที่พวกเขาอยู่

ซังวูเกิดความสงสัย

“เราเดินตัดมันไปเลยไม่ได้หรอ? ทำไมเราถึงต้องเดินอ้อมแบบนี้ด้วย?”

ซังวูถามโดยชี้ไปที่เส้นทางตรง

“โอ้ นั่นไม่ได้นะ พื้นที่ตรงนั้นมันเกินกำลังของเรา”

“เพราะอะไรงั้นหรอ?”

“ก็เพราะตรงนั้นมันเป็นศูนย์กลางของพื้นที่ปนเปื้อนยังไงล่ะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด