ตอนที่แล้วบทที่ 39 : ดาวเคราะห์ไทเบิร์น  ผู้รอดชีวิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 41: บาปทั้งเจ็ดประการ คนเดียวไม่ไหวก็ไปเป็นทีม!

บทที่ 40 : วิธีสร้างสกิล ระเบิดพลีชีพขั้นร้ายแรง!


บทที่ 40 : วิธีสร้างสกิล ระเบิดพลีชีพขั้นร้ายแรง!

“เอ่อ? เขาพูดว่าสวัสดีใช่ไหม?”

“นายได้ยินเหมือนกันใช่ไหม? สวัสดี~”

สมาชิกทีมจู่โจมที่ 1 ทักทายหมายเลข 11 อย่างอบอุ่น

เนื่องจากก่อนหน้านี้ร่างโคลนได้ให้คำอธิบายบางอย่างแก่พวกเขาเช่น ' กิลด์เคนัสส่งผมมาเพื่อส่งเสบียง' ดังนั้นสมาชิกของทีมจู่โจมที่ 1 จึงไม่แปลกใจมากนักกับสิ่งที่ร่างโคลนหมายเลข 11 พูด

“ยินดีที่ได้รู้จัก พวกคุณคือสมาชิกของทีมจู่โจมที่ 1 ของกิลด์เคนัสใช่ไหม?”

“เอ่อ? ใช่ ถูกต้องเลย”

ซังวูเข้าควบคุมหมายเลข 11 และอธิบายทีละขั้นตอน

“ผมชื่อจองซังวู ตอนนี้กิลด์เคนัสจ้างผมมาเพื่อทำภารกิจนี้ แต่สิ่งที่กำลังพูดคุยกับพวกคุณอยู่ในตอนนี้ก็คือร่างโคลนของผม ผมดีใจที่ได้พบกับผู้รอดชีวิตจากทีมจู่โจมที่ 1 นะครับ”

“อ้า! ตอนนี้คุณกำลังเชื่อมต่อมาจากภายนอกหรอ?”

“ใช่ครับ”

“เยี่ยม! ในที่สุด!”

สมาชิกทีมจู่โจมที่ 1 กอดกันอย่างมีความสุข

ในไม่ช้าผู้นำทีมพัคยูนาก็สงบสติอารมณ์ลงและเริ่มถามคำถาม

“ตอนนี้ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง? เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว? พี่ชายของฉันยังโอเคดีอยู่ไหม?”

“โอ้ ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ตอนนี้พวกเราทุกคนกำลังรวมตัวกันอยู่ที่หน้าทางเข้า ส่วนเวลาข้างนอกก็ผ่านไป 7 เดือนแล้วนับตั้งแต่ทีมจู่โจมที่ 1 เข้ามาในหอคอยโอดิน หัวหน้ากิลด์พัคสบายดี แต่ตอนนี้มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่กี่คนกันครับ?”

เมื่อได้ยินคำถามสุดท้าย ใบหน้าของพัคยูนาก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

“จากสมาชิกทั้งหมด 10 คน มี 2 คนเสียชีวิตลงไปแล้ว พวกเราเหลือกันเพียง 8 คนเท่านั้น”

“นี่...ทุกคนอยู่ที่นี่กันหมดแล้วใช่ไหมครับ?”

“ใช่...”

พัคยูน่ามองไปที่สมาชิกทีมรอบๆ บังเกอร์

ใบหน้าของพวกเขาหยาบกร้านและสภาพของพวกเขาก็ดูทรุดโทรม

ไม่เพียงแต่ในกิลด์เคนัสเท่านั้น แต่ในกิลด์ส่วนใหญ่ สมาชิกส่วนใหญ่ของทีมจู่โจมก็มักจะประกอบไปด้วยฮันเตอร์หลากหลายประเภท

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็มีตำแหน่งหน้าที่สำหรับแต่ละบุคคล และในกรณีของทีมจู่โจมที่ 1 ของกิลด์เคนัส ตำแหน่งของพวกเขาก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 แทงค์ 5 สนับสนุนและ 3 ฮีลเลอร์ ซึ่งนี่ก็นับเป็นมาตรฐานสำหรับทีมจู่โจม 10 คน

มันนับเป็นทีมจู่โจมที่มีประสิทธิภาพ

และผู้นำของทีมจู่โจมที่ 1 ก็คือพัคยูนา ฮันเตอร์สายสนับสนุน แม้ว่าเธอจะอายุยังน้อย แต่เธอก็ได้เป็นผู้นำทีมจู่โจมที่ 1 แล้วด้วยความสามารถและการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าทีม 10 คนคือขีดจำกัดของพื้นที่มิติย่อยของเธอ เธอจึงถูกตัดสินว่ามีความเหมาะสมสำหรับการเป็นผู้นำของทีมจู่โจมที่ 1

' แต่ฉันก็ล้มเหลว'

กิลด์เคนัสตัดสินว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะพวกเขาจะสามารถเคลียร์หอคอยโอดินได้ด้วยสกิลที่พิเศษของพัคยูนา

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พัคยูนาเข้าไปในหอคอยโอดิน เธอก็ตระหนักได้ว่าทุกอย่างผิดปกติ

เธอเชื่อว่าทุ่งกว้างน้ำแข็งนี้มีจุดสิ้นสุด และมันก็มีทางที่จะไปยังชั้นถัดไป แต่กระนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะผ่านชั้นต่อไปได้อย่างไร

และในทุกที่ที่เธอไป มันก็จะมีผู้พิทักษ์น้ำแข็งคอยดักซุ่มรอโจมตีพวกเธออยู่

ยิ่งไปกว่านั้น มอนสเตอร์ในชั้นนี้ก็ยังไม่ได้จำกัดอยู่เพียงผู้พิทักษ์น้ำแข็งเท่านั้น

นกน้ำแข็งและมังกรที่บินอยู่บนท้องฟ้า โกเลมน้ำแข็งและยักษ์ที่ดูสูงหลายสิบถึงหลายร้อยเมตร

มันมีมอนสเตอร์มากมายที่พวกเธอไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้า

' จัมเปอร์... เคยเคลียร์ที่นี่ได้จริงหรอ? เขาเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ'

ในท้ายที่สุด หลังจากเข้ามาได้ไม่นาน พวกเขาก็สูญเสียแทงค์ไปหนึ่งคนและผู้สนับสนุนไปอีกหนึ่งคนเนื่องจากการโจมตีของผู้พิทักษ์น้ำแข็ง

แม้ว่าจะเป็นทีมจู่โจมที่ 1 ที่ประกอบด้วยฮันเตอร์แรงค์ B และ A

แต่พัคยูนาก็ยังตระหนักได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเธอจะสามารถเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ได้

' เอาชีวิตรอด พวกเราต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ก่อน'

หลังจากนั้น เธอจึงชักชวนให้พวกเขาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่มิติย่อยของเธอ

จากนั้น เมื่อสถานการณ์ดูเหมือนจะสงบลงแล้ว พวกเขาก็จะเคลื่อนไหวในช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 20 ถึง 30 นาทีแล้วจึงค่อยกลับมาซ่อนตัวซ้ำอีกครั้ง

การตัดสินใจนี้นับได้ว่าเป็นการเดินหมากที่ยอดเยี่ยมมาก

ไม่มีผู้เสียชีวิตตั้งแต่นั้นมา

ขณะเดียวกัน เสบียงสำหรับสามเดือนก็ถูกใช้หมดลงอย่างรวดเร็ว

เนื่อง​จาก​พวกเขา​ไม่​มี​อะไร​จะ​กิน ดังนั้นพวกเขาจึง​ทำได้เพียงละลายน้ำแข็งโดยรอบเพื่อเอามาทำเป็นน้ำดื่มประทังชีวิตได้เท่านั้น

และแล้วในที่สุด เลือดของพวกเขาก็แทบจะใสจนกลายเป็นน้ำแล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงกลับมายังจุดเริ่มต้นโดยหวังว่าทางเข้าจะเปิดขึ้นอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น โดยไม่คาดคิด พวกเขาก็กลับได้พบกับบังเกอร์และเสบียงที่ถูกทิ้งไว้โดยร่างโคลนของซังวูแทน

ในตอนแรก พวกเขาก็คิดว่ามันเป็นภาพหลอนหรือไม่ก็ภาพลวงตา แต่ไม่นานพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าเสบียงเหล่านี้มีอยู่จริง

สมาชิกทีมจู่โจมที่ 1 ในที่สุดก็สามารถหายใจได้อย่างโล่งอกในที่สุด

ตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็ใช้ชีวิตโดยยึดประตูทางเข้าเป็นฐานที่มั่น

และเมื่อการเอาชีวิตรอดประสบความสำเร็จแล้ว ความปรารถนาอีกอย่างหนึ่งก็เกิดขึ้น

มันเป็นความปรารถนาที่จะออกไปข้างนอก

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีทางออก ดังนั้นพวกเธอจึงทำได้เพียงปักหลักอยู่ที่นี่ต่อไปเท่านั้น

ซังวูเล่าข่าวเกี่ยวกับผู้รอดชีวิตที่พัคยูนาบอกมาให้กับคนอื่นๆ ฟัง

เขาต้องการจะพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกับสมาชิกของทีมจู่โจมที่ 1  แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อใดพวกเขาจะถูกโจมตีจากผู้พิทักษ์น้ำแข็งอีก ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงพยายามแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างรวดเร็ว

“หัวหน้าทีมพัคยูนา มีข้อมูลใดบ้างที่คุณค้นพบจนถึงตอนนี้?”

“ข้อมูลที่เราค้นพบจนถึงขณะนี้คือ...”

พัคยูนาบอกเล่าเกี่ยวกับมอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณน้ำแข็งขั้วโลก

ซังวูถ่ายทอดเรื่องราวดังกล่าวให้สมาชิกกิลด์เคนัสรอบๆ ร่างหลักเขาฟัง

จากนั้นเขาก็ต้องอ้าปากค้าง

“ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงหรอ? ผมไม่คิดเลยว่าพวกมอนสเตอร์จะ…”

“ถูกต้อง พวกเรามาที่นี่เพื่อแสวงหาและหวังจะเพลิดเพลินไปกับความมั่งคั่งและชื่อเสียง... ยังไงก็ตาม ตอนนี้ฉันก็อยากจะออกไปข้างนอกจริงๆ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฝากบอกพี่ฉันด้วยว่าฉันขอบคุณที่เขายังส่งเสบียงมาให้เราอย่างสม่ำเสมอ”

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะบอกเขาให้ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่ามันก็ยังพอมีทางจะพาพวกคุณออกมาได้อยู่นะครับ”

" ห้ะ? ยังไง?”

“มันมีวิธีอะไรอีก?”

จากคำพูดของซังวู สมาชิกของทีมจู่โจมที่ 1 ทุกคนก็ดูดีใจกันมากและถามอย่างกระตือรือร้น

เขารู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อถูกรุมล้อม

“มันเป็นเพียงสิ่งที่ผมคิดขึ้นมาเองนะครับ คุณมีสกิลพื้นที่มิติใช่ไหมล่ะครับ? ถ้าผมสามารถใช้สิ่งนั้นได้ ผมก็คิดว่าผมน่าจะสามารถใช้พื้นที่มิตินั้นพาพวกคุณทั้งหมดเข้ามาข้างในและค่อยพาพวกคุณออกมาได้นะครับ”

“อ้า...”

แม้ว่าพัคยูนาจะสกิลพื้นที่มิติย่อย แต่นี่ก็มาจากสกิลเฉพาะของเธอ

ฮันเตอร์แรงค์ S บางคนจะซื้อสกิลพื้นที่มิติย่อยนี้มาเพื่อใช้สำหรับเก็บของส่วนตัว

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะสามารถหาซื้อสกิลพื้นที่มิติย่อยได้

' อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะมีขายในงานประมูล แต่ราคาของมันก็คงจะสูงถึงหลายสิบล้านล้านวอน มันเป็นสกิลที่มีประโยชน์มาก... แต่ถึงอย่างนั้น การจะได้มันมาก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย...'

เขาแค่อยากจะให้ความหวังพวกเขา แต่ในเวลานี้ ซังวูก็รู้สึกเสียใจที่เขาทำให้พวกเขาคาดหวังมากเกินไป

พัคยูนากำลังคิดอย่างลึกซึ้งอยู่ จากนั้นครู่หนึ่งเธอก็เปิดปากของเธอ

“ในบันทึกก่อนหน้านี้ มันก็มีฮันเตอร์ที่มีสกิลการเคลื่อนที่ผ่านมิติเคยเข้ามาอยู่ด้วย แต่กระนั้นมันก็ไม่มีใครกลับมาได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นการเคลื่อนย้ายผ่านพื้นที่มิติย่อยหรอ... มันก็สมเหตุสมผลดีนะ”

“ใช่ ถ้าเพียงแต่ผมมีเงินล่ะก็!”

“คุณไม่จำเป็นต้องมีเงินหรอก คุณอยากเรียนรู้มันไหม?”

“ห้ะ? เอ่อ... ก็อยากครับ”

ซังวูรู้สึกเขินอาย

อย่างไรก็ตาม สกิลมิติเป็นสิ่งที่เรียนรู้กันได้ง่ายอย่างงั้นเลยหรอ?

“ผมสามารถเรียนรู้สิ่งนั้นได้ด้วยหรอครับ? หรือว่าผมจะต้องเข้าใจทฤษฎีอย่างพวกฟิสิกส์หรือแนวคิดเชิงพื้นที่มิติก่อน?”

“คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้ แต่ฉันจะบอกคุณให้ แม้ว่าคุณจะไม่เข้าใจทฤษฎีอย่างแน่ชัด แต่ถ้าคุณรู้ว่าสกิลมันทำงานยังไงและจะใช้มันได้ยังไง คุณก็จะสามารถเรียนรู้สกิลเหล่านั้นได้แล้ว นั่นคือประโยชน์ของระบบ  ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าฉันบอกหลักการไป ฉันก็คิดว่าคุณเองก็น่าจะสามารถเรียนรู้มันได้ด้วยเช่นกัน คุณคิดว่ายังไงล่ะ?”

“อย่างนี้นี่เอง!”

ทันทีที่ซังวูได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตระหนักอะไรบางอย่างได้

หลายคนเข้าใจผิดว่าหากพวกเขาต้องการจะเรียนรู้สกิล พวกเขาก็จำเป็นจะต้องเรียนรู้และเข้าใจทฤษฎีของมันอย่างถ่องแท้

แต่นี่เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

มันเป็นระบบต่างหากที่อนุญาตให้คุณสามารถใช้สกิลได้โดยไม่ต้องรู้ทฤษฎีใดๆ

' ถ้ามองในมุมมองแบบนี้ ระบบก็เป็นอะไรที่ขี้โกงจริงๆ ฉันสงสัยจังว่าใครเป็นคนสร้างมันขึ้นมา'

ระบบเป็นสิ่งที่อยู่เหนืออารยธรรมของมนุษย์ และแม้แต่เทคโนโลยีก็ยังไม่สามารถเข้าถึงมันได้

บางคนอ้างว่ามันถูกสร้างขึ้นมาโดยพระเจ้า ในขณะที่บางคนอ้างว่ามันถูกสร้างขึ้นและสืบทอดต่อมาโดยมนุษย์ต่างดาว

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดหนึ่ง หลังจากภัยพิบัติผ่านพ้นไป ผู้คนก็เริ่มมองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันและไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับที่มาของมันอีกต่อไป

ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าพวกเขาจะขาดความสามารถ แต่พวกเขาก็จะยังสามารถใช้สกิลต่างๆ ได้

แน่นอนว่ามันไม่ได้มีเพียงข้อดีเท่านั้น

สิ่งนี้ยังหมายความถึงการพึ่งพาระบบที่อาจมากเกินไปด้วย

มันจะเกิดอะไรขึ้นหากจู่ๆ ระบบก็หายไปอย่างกะทันหัน?

คนที่เอาแต่พึ่งพาระบบและสกิลจะกลายเป็นผู้อ่อนแอ!

' แต่เมื่อเราเข้าใจหลักการและมีทักษะพื้นฐานที่มากเพียงพอ ระบบก็จะเป็นสิ่งที่ผลักดันเราให้เราแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดได้’

เมื่อเห็นซังวูหรือหมายเลข 11 จู่ๆ ก็เงียบไป สมาชิกทีมจู่โจมที่ 1 ก็ไม่ได้พูดอะไรและเอาแต่รออย่างเงียบๆ

แต่ในตอนนั้นเอง...

“พวกเขากำลังมาแล้ว!”

สมาชิกของทีมจู่โจมที่ 1 ที่มีสกิลตรวจจับตะโกนขึ้น

ดูเหมือนจะมีบางอย่างถูกตรวจพบในมุมมองของเขา

หลังจากได้ยินการแจ้งเตือนของสมาชิกในทีม พัคยูนาก็เปิดพื้นที่มิติย่อยขึ้นมาโดยทันที

“ทุกคนเข้ามาเร็ว!”

จากนั้นสมาชิกของทีมจู่โจมที่ 1 ก็หลบเข้าไปซ่อนตัวอย่างรวดเร็วในพื้นที่มิติย่อย

“คุณซังวูเองก็เข้ามาด้วยกันเร็ว!”

อย่างไรก็ตาม หมายเลข 11 ก็ส่ายหัว

" ไม่เป็นไรครับ เชิญพวกคุณเข้าไปกันก่อนเลย ผมมีบางอย่างที่ยังต้องทำการทดสอบ แล้วผมจะแจ้งข่าวผู้รอดชีวิตให้กับกิลด์เคนัสทราบนะครับ ลาก่อน”

พัคยูนาผู้ซึ่งมองดูหมายเลข 11 อยู่ครู่หนึ่งพยักหน้า จากนั้นเธอก็ปิดทางเข้าพื้นที่มิติย่อยและหายตัวไป

เมื่อประตูมิติปิดลง เหล่าผู้พิทักษ์น้ำแข็งก็ปรากฏตัวขึ้น

พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำมาจากวัตถุโปร่งใส ร่างของพวกมันดูคล้ายกับผลึกแก้วใส

พวกมันรีบพุ่งตรงไปที่หมายเลข 11 โดยทันที

ในขณะเดียวกัน หมายเลข 11 ก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด

ซังวูกำลังพยายามทำความเข้าใจอะไรบางอย่างอยู่

' ทุกสิ่งที่ฉันทำจะกลายเป็นสกิล ในกรณีนี้ แม้ฉันจะไม่มีความเข้าใจใดๆ แต่ฉันก็จะยังสามารถใช้งานมันได้.. ฉันไม่ต้องพยายามเข้าใจทุกสิ่งจนสมบูรณ์ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ทฤษฎีที่แน่ชัด แต่ฉันก็แค่ต้องปฏิบัติตามกลไกการทำงานของมัน ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อความสามารถของเราเพิ่มขึ้น เราก็จะสามารถเข้าใจหลักการการทำงานโดยธรรมชาติของมันได้ เพราะอย่างนั้นเอง แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก แต่ฉันก็จะยังสามารถสร้างสกิลขึ้นมาได้ผ่านการเข้าใจหลักการทำงานของมัน”

มีสกิลหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของซังวู

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้งานอย่างไม่ระมัดระวังได้

นั่นเป็นเหตุผลที่ซังวูปล่อยให้ฮันเตอร์คนอื่นๆ หลบเข้าไปในพื้นที่มิติย่อยก่อน

แม้มันจะมีบังเกอร์อยู่ใกล้ๆ แต่พวกเขาก็อาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลทระทบของมันได้

ในตอนนี้ คนเดียวที่เหลืออยู่บนดินแดนน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกก็คือหมายเลข 11 และผู้พิทักษ์น้ำแข็งที่กำลังพุ่งเข้ามา

ในที่สุดมันก็ถึงตาของซังวูแล้วที่จะทดสอบสิ่งที่เขาคิด

' หมายเลข 11 นายจำผลข้างเคียงของการใช้ยากระตุ้นมานาได้ใช่ไหม?  เอาเลย! จงเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นระเบิดมานาแล้วพลีชีพเอาพวกแม่งลงนรกไปด้วยกันเลย!!!'

ซังวูออกคำสั่งให้กับหมายเลข 11

จากนั้นมานาในร่างกายของหมายเลข 11 ก็เริ่มเกิดความผันผวน

ในเวลาเดียวกัน ร่างทั้งร่างของหมายเลข 11 ก็กำลังร้อนผ่าว ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงความผันผวนราวกับว่าร่างของเขากำลังจะระเบิด

' เวรเอ้ย...'

เพราสกิลแฟมิเลียที่เชื่อมโยงเขากับหมายเลข 11 ซังวูจึงต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์นี้ด้วย

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาต้องการจะดูและสังเกตกระบวนการระเบิดมานาทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ

มานาพุ่งชนกันและเด้งตัวออกไปชนกับมานาตรงข้ามและก่อให้เกิดวัฎจักรนรกที่มานาพุ่งแตกตัวกระทบกันอย่างต่อเนื่อง พวกมันพุ่งกระแทกกันอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าพวกมันต้องการจะระเบิดออกมาจากร่างของเขา

[ เลเวลสกิลควบคุมมานา เพิ่มขึ้น ]

ในไม่ช้า แสงสว่างก็ส่องออกมาจากรอยปริแตกบนผิวหนังของหมายเลข 11

ในตอนนั้นเอง ร่างกายภายนอกของหมายเลข 11 ก็รู้สึกหนาวสั่น แต่อุณหภูมิหายในร่างกายของเขาก็กลับกำลังร้อนระอุ

' เร็วขึ้นอีก!'

ในเวลาเดียวกัน การโจมตีของผู้พิทักษ์น้ำแข็งก็ได้เริ่มต้นขึ้น และร่างของหมายเลข 11 ก็เริ่มแข็งตัว

อย่างไรก็ตาม ลำแสงก็ยังคงส่องออกมาจากรอยปริแตกอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดร่างทั้งร่างของหมายเลข 11 ก็กลายเป็นแสงสว่างสีขาวนวล

ในเวลาเดียวกัน ซังวูที่สัมผัสได้ว่าร่างของเขากำลังจะระเบิดก็ต้องอดทนเผชิญหน้ากับแรงกดดันและความร้อนสูงที่กำลังปะทุอยู่ภายในร่างกายของเขาด้วย

จนกระทั่ง....

บึ้มมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด