ตอนที่แล้วตอนที่ 19 ค่ำคืนที่สายฝนเป็นสายเลือด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21 เก้าสายฟ้ากลั่นกายา

ตอนที่ 20 สังหารเหล่าโจรให้สิ้นซาก!


ตอนที่ 20 สังหารเหล่าโจรให้สิ้นซาก!

ตายแล้ว!

หลี่จีนักศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งตายแล้วจริงๆ

เขาตายด้วยน้ำมือของคนแปลกหน้าในชุดดํา

ในวัดร้างนั้นยังมีพวกโจรเหลืออยู่มากกว่าสิบคน พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่ลู่ชางเฉิงด้วยความกลัวในสายตาของพวกเขา

ดูเหมือนพวกเขาจะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้นําที่แข็งแกร่งพวกเขาจะตายแล้วจริงๆ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางคนที่ใจสู้ แทนที่จะกลัวความตายเขากลับปลุกระดมให้ทุกคนมุ่งเข้าหาลู่ชางเฉิงแทน

แววตาของลู่ชางเฉิงนั้นเปลี่ยนไปเป็นความเย็นชา

สิ่งที่เขาต้องการทำก็คือการฆ่าพวกโจรที่เข้าไปบุกสำนักเมียวชูจนทำให้อาจารย์เหวินต้องตาย

ซึ่งแน่นอนว่าลูกน้องของหลี่จีทุกคนนั้นเป็นโจรและจะต้องถูกเขาฆ่าเช่นกัน!!

"วิ้งง"

ทันใดนั้น ร่างของลู่ชางเฉิงก็เริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกับกริชในมือของเขา

"ชั้วะ"

โจรคนหนึ่งเอามือกุมคอและล้มลงกับพื้น

ในพริบตา โจรหลายสิบคนก็ทยอยลงไปนอนตายบนพื้น

ภายในวัดร้างตอนนี้เต็มไปด้วยศพจำนวนมาก

กลิ่นคาวของเลือดนั้นคละคลุ้งจนทําให้รู้สึกคลื่นไส้

ลูกน้องของหลี่จีทั้งหมดตายแล้วและไม่มีใครรอดไปได้สักคนเดียว

ทั้งหมดเป็นเพราะด้วยความเร็วของลู่ชางเฉิง จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนีเขาไปได้

ลู่ชางเฉิงยืนอยู่นิ่งๆภายในวัดที่รกร้าง และน่าแปลกมากที่แม้เขาจะฆ่าคนไปมากมาย แต่เขาแทบไม่มีเลือดมาติดอยู่บนร่างกายของเขาเลย

ที่มุมหนึ่งของวัดร้าง คนของสำนักเมียวชูหลายคนพากันหมอบลง

เมื่อสายตาของลู่ชางเฉิงจ้องไปที่คนของสำนักเมียวชู ใบหน้าของเจิ้งเหรินซินและคนอื่นๆก็ซีดลง

บางคนถึงกับตัวสั่นไปทั้งร่าง

ในตอนนี้ ลู่ชางเฉิงนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าหลี่จีเสียอีกในสายตาของพวกเขา

และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าลู่ชางเฉิงจะฆ่าพวกเขาเพื่อปิดปากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยหรือไม่?

แต่สุดท้าย ลู่ชางเฉิงก็หันหลังกลับและเริ่มเดินไปที่ร่างของหลี่จีและคนอื่นๆ

"นั่นเขากําลังทําอะไรน่ะ?"

"ดูเหมือนว่าเขากําลังหาอะไรบางอย่างรึเปล่า?"

เจิ้งเหรินซินและนักศิลปะการต่อสู้คนอื่นๆต่างจ้องมองกันและคิดแบบเดียวกัน

แต่ไม่ว่าลู่ชางเฉิงจะทําอะไร ตอนนี้พวกเขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวโดยประมาทได้ เพราะกลัวว่าจะถูกเล่นงานไปด้วย

ลู่ชางเฉิงกําลังค้นสิ่งของที่ของในร่างของศพ

ซึ่งนั่นทำให้เขาได้ธนบัตรจํานวนมากมาจากศพ ซึ่งธนบัตรเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกปล้นจากสำนักเมียวชู แต่ลู่ชางเฉิงนั้นไม่ได้คิดที่จะเอากลับไปคืน

เขาจะเอาเงินนี้มาเป็นของตัวเองแทน!!

แต่ลู่ชางเฉิงนั้นไม่สามารถขนเงินจำนวนมากขนาดนี้ไปได้ ดังนั้นเขาจึงพยายามเอาไปให้ได้มากที่สุด

“หืม? อะไรน่ะ...คู่มือศิลปะการต่อสู้รึ?”

ทันใดนั้น ลู่ชางเฉิงก็พบกับคู่มือศิลปะการต่อสู้บางอย่างจากร่างของหลี่จี

คู่มือศิลปะการต่อสู้นี้ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ และก็ไม่ใช่ในขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะด้วย ซึ่งมันค่อนข้างดูลึกลับมาก

แต่เนื่องจากตอนนี้หลี่จีได้ตายไปแล้ว ลู่ชางเฉิงจึงไม่สามารถถามเรื่องนี้กับเข้าได้

ส่วนศพอื่นๆ ลู่ชางเฉิงได้พบทักษะและวิชาต่อสู้บางอย่าง

"เปรี้ยงง"

ภายนอกวัดร้าง เสียงฟ้าร้องดังก้องและภายในวัดก็เต็มไปด้วยรูปปั้นที่เปื้อนไปด้วยเลือด

หลังจากที่ค้นร่างศพจนหมดแล้ว ลู่ชางเฉิงก็ลุกขึ้น

ขณะที่เขาเดินผ่านคนของสำนักเมียวชู เขาไม่ได้เหลือบมองพวกเขาด้วยซ้ำ

"ฟุ่บบ"

ร่างของลู่ชางเฉิงหายไปในยามค่ำคืนอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตาทันที

"เฮ้อออ..."

ในที่สุดเจิ้งเหรินซินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

"เร็วเข้า รีบแก้มัดก่อนเถอะ"

พวกเขาทั้งหมดในตอนนี้กำลังถูกมัด

เนื่องจากตอนนี้คนของหลี่จีได้ตายไปแล้ว เชือกเหล่านี้จึงไม่สามารถรั้งพวกเขาได้อีกต่อไป

ในไม่ช้าคนของสำนักเมียวชูก็เป็นอิสระ

พวกเขามองไปที่ศพที่ตายเกลื่อนไปทั่ววัดร้างและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียวสันหลัง

“คนสวมหน้ากากคนนั้นโหดเหี้ยมจริงๆ เขาฆ่าทุกคนอย่างไร้ความปราณี”

นักศิลปะการต่อสู้ของสำนักเมียวชูบางคนเริ่มพูด

"ไม่ใช่หรอก"

“ถ้าไร้ความปราณจริงๆ พวกเราก็คงจะตายไปแล้ว”

เจิ้งเหรินซินพูดอย่างเย็นชาและเหลือบไปมองคนอื่นๆที่ทําได้แค่ก้มหน้าลง

เจิ้งเหรินซินพูดถูก ถ้าคนสวมหน้ากากคนนั้นไร้ความปราณีจริงๆ พวกเขาก็คงจะถูกฆ่าไปด้วย

“เป็นไปได้ไหมว่าคนๆนั้นมีความเชื่อมโยงกับสำนักเมียวชูของเราน่ะ?”

"แต่นอกจากตระกูลเจิ้งแล้วในเมืองหนานหยางยังมีใครที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่อีกหรือ?"

“แม้แต่หลี่จีก็ยังตายด้วยน้ำมือของคนสวมหน้ากากคนนั้น และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครในเมืองหนานหยางที่แข็งแกร่งในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ได้...”

ในขณะที่ทุกคนกําลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นก็มีเสียงล้อเกวียนดังมาจากนอกวัดร้าง

ใบหน้าของเจิ้งเหรินซินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับว่าเขากําลังคิดอะไรบางอย่างได้

"หรือว่ายี่เฟิงกำลังกลับมาแล้ว"

“ตอนนี้หลี่จีได้ตายไปแล้ว พวกโจรเหล่านั้นจึงสมควรถูกฆ่าทั้งหมด!”

"ทุกคน ฆ่าโจรพวกนั้นให้หมดซะ..."

เจิ้งเหรินซินเริ่มวางแผนและเตรียมการรออย่างเงียบๆ

ในไม่ช้า กลุ่มโจรก็มาถึงด้านนอกวัดร้าง

โจรเหล่านี้ลากเกวียนที่เต็มไปด้วยสินทรัพย์มากกว่าสิบคันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนที่พวกเขาจะพูดว่า "ท่านครับ ครั้งนี้พวกเรารวยเละแล้วครับท่าน..."

ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปในวัดร้าง พวกโจรก็ได้กลิ่นตีจมูกทันที

ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เห็นศพที่กองอยู่บนพื้น

นอกจากนี้ พวกเขายังเห็นศพของหลี่จีอีกด้วย

"เป็นไปไม่ได้!"

พวกโจรอุทานด้วยความตกใจ

แต่เมื่อพวกโจรเหล่านี้ตั้งสติได้ พวกเขาจึงเลือกที่จะหันหลังและวิ่งทันที แต่มันก็สายเกินไปแล้ว

"ตายซะไอ้พวกชั่ว!"

เจิ้งเหรินซินเป็นคนแรกที่โจมตีด้วยการเอาดาบแทงเข้าไปด้านหลังของโจรจนทะลุ

สายเลือดในตอนนี้ไหลรินมารวมกับสายฝนที่ตกลงสู่พื้น

"ฆ่าพวกมันให้หมด!"

ด้วยคําสั่งของเจิ้งเหรินซิน นักศิลปะการต่อสู้ของสำนักเมียวชูจึงรีบออกไปโจมตีพวกโจรหลายสิบคนทันที

แต่ถึงอย่างนั้นการสังหารหมู่พวกโจรก็จบลงอย่างรวดเร็ว

เพราะสำนักเมียวชูนั้นมีข้อได้เปรียบด้านพลังอยู่

แต่ในตอนนี้ สีหน้าของเจิ้งเหรินซินนั้นกลับค่อนข้างมืดมนลง

“มีนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะถึงสี่คนแท้ๆ แต่กลับปล่อยให้พวกโจรบางส่วนหนีไปได้งั้นรึ?”

เจิ้งเหรินซินโกรธมาก แต่เขาเองก็รู้สึกหมดหมดเช่นกัน

ตระกูลเจิ้งในเมืองหนานหยางนั้นใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมานานเกินไปและไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการต่อสู้ ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลให้พวกเขามีข้อได้เปรียบด้านพลัง แต่พวกเขาก็ไม่เด็ดขาดพอและปล่อยให้บางคนหนีรอดไปได้

แต่ถึงอย่างนั้นก็โชคดีที่มีเพียงคนเดียวที่สามารถหลบหนีไปได้ และเขาเป็นเพียงนักศิลปะการต่อสู้ในขอบเขตการแบ่งเบากระดูกเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น หัวหน้าของโจรกลุ่มนี้อย่างหลี่จีได้ "ตาย" ไปแล้ว

ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหาใดๆตามมาในอนาคตแน่ๆ!

“ท่านผู้นำ การจัดการกับศพมากมายขนาดนี้พวกเราต้องรายงานต่อเจ้าหน้าที่แล้วปล่อยให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นเข้ามาจัดการแทนครับ”

มีคนหนึ่งพูดแนะนําขึ้น

"รายงานต่อเจ้าหน้าที่งั้นเหรอ?"

ใบหน้าของเจิ้งเหรินซินเปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะพูดว่า "ไม่ ไม่ได้ รายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ไม่ได้เด็ดขาด"

“พวกโจรเหล่านี้ โดยเฉพาะหลี่จีถูกประกาศจากกองทัพจักรวรรดิอย่างเป็นทางการว่าตายไปแล้ว!”

“และเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีเจ้าหน้าที่บางคนที่ได้รับการเลื่อนตําแหน่งด้วยสาเหตุนี้ ถ้าเจ้ารายงานเรื่องนี้ไปและบอกว่าหลี่จียังไม่ตาย เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลื่อนตําแหน่งจะคิดอย่างไร?”

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าคนๆนั้นจะทำอะไร? แต่ถ้าพวกเรารายงานเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ สำนักเมียวชูจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน!”

“ดังนั้น พวกเจ้าไปกำจัดร่างของพวกโจรซะ และจําเอาไว้ว่าอย่าพูดเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด แค่บอกว่าพวกเขาเป็นโจรธรรมดาๆและอย่าพูดถึงหลี่จีด้วย!”

คนของสำนักเมียวชูเริ่มตัวสั่นและเข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์

หลี่จีนั้นถูกตราหน้าจากทางการว่า "ตาย" ไปแล้ว และพวกเขาคงไม่สามารถบอกว่าตอนนี้หลี่จีตัวจริงได้ตายแล้วอีกครั้งแน่นอน

พวกเขาจะต้องแสร้งทําเป็นไม่รู้อะไรเลยในครั้งนี้

“อีกอย่าง คนสวมหน้ากากลึกลับคนนั้นอาจมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับสำนักเมียวชูของเราด้วย...”

หนึ่งในนักศิลปะการต่อสู้คนหนึ่งพูดขึ้น

พวกเขาเองก็ไม่ได้โง่ เรื่องที่ว่าคนสวมหน้ากากลึกลับได้ฆ่าหลี่จีและโจรคนอื่นๆแต่ไม่ได้ทําอะไรพวกเขานั้นมันก็น่าสงสัยมากอยู่แล้ว

"ถึงอย่างนั้นก็อย่าได้ตามสืบตัวตนของคนลึกลับคนนั้น"

“แค่แกล้งทําเป็นว่าพวกเจ้าไม่เห็นเขาก็พอ และจงจําเอาไว้ว่าเหตุการณ์ในวันนี้ไม่มีคนลึกลับคนนั้น ไม่มีหลี่จี มีเพียงกลุ่มโจรธรรมดาที่พ่ายแพ้ต่อสำนักเมียวชูเท่านั้น”

"ครับ ท่านผู้นำ"

หลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มฝังศพและทําความสะอาดวัดร้างอย่างรวดเร็ว

...

ลู่ชางเฉิงกลับมาเปลี่ยนชุดของเขาและกลับเข้าไปที่ลานเล็กๆของเขา

เขารินเหล้าหนึ่งแก้วแล้วเทลงบนพื้นในทิศทางของศพอาจารย์เหวิน

"ท่านอาจารย์เหวิน ข้าล้างแค้นให้กับท่านสำเร็จแล้ว..."

ลู่ชางเฉิงพึมพําเบา ๆ

ในที่สุดการฆ่าหลี่จีก็ทําให้หัวใจของเขาสงบลง

ด้วยหัวใจที่สงบ ตอนนี้เขาจึงสามารถฝึกฝนต่อได้

พลังฉีและเลือดของเขาในตอนนี้ค่อยๆพุ่งสูงขึ้นและก็เขาเริ่มทําให้กระดูกของเขากลับมามั่นคงอีกครั้ง

หนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ...

แม้ว่าข้างนอกห้องนั้น เสียงฟ้าร้องยังดังก้องพร้อมกับสายฝนที่ตกหนักลงมา แต่หัวใจของลู่ชางเฉิงนั้นสงบมากและประสิทธิภาพในการฝึกฝนของเขาก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน

"ครืนนนน"

ทันใดนั้น ร่างกายของลู่ชางเฉิงก็สั่นสะท้านพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง

จากนั้นประโยคเล็กๆก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

"วิชาลับการเสริมร่างกระทิงอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบ ค่าความเข้าใจ +4 แต้ม"

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด