ตอนที่แล้วบทที่ 31 : นักปรุงยาอันตราย ทีมกู้ภัย  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 : ทะลุขีดจำกัด ขนส่งเสบียง

บทที่ 32 : เยี่ยมผู้ป่วย สัญญาพันล้าน


บทที่ 32 : เยี่ยมผู้ป่วย สัญญาพันล้าน

สำนักงานกิลด์เคนัส

ชายคนหนึ่งกำลังดูวิดีโอบน YouTube

───────────────

โพสต์โดย: กิริกิริอัพ

วันที่โพสต์: 2023.10.04. (เผยแพร่ครั้งแรก 1 วันที่ผ่านมา)

ยอดวิว: 212,089

───────────────

└ระเบิดนั่นมันบ้าไปแล้ว 555

└ดูเศษชิ้นส่วนร่างกายส่วนบนของซอมบี้ยักษ์ที่ปลิวไปทั่วสิ…

└มีใครรู้บ้างว่านั่นคือสกิลอะไร?

วิดีโอนี้มียอดผู้ชมสูงถึง 200,000 ครั้งภายในวันเดียว

ชายคนนั้นจบวิดีโอโฮโลแกรมที่แสดงบนแว่นตาอัจฉริยะ

โฮโลแกรมตรงหน้าเขาหายไปจนหมด มันเผยให้เห็นใบหน้าของพัควอนแท

เขาถามยูซีวูซึ่งรายงานเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ว่า “นี่คือฝีมือของจองซังวสินะ เมื่อเขาจะติดต่อมากันนะ”

“มันยังไม่ถึงเวลาครับ”

“อืม... ฉันคิดว่าเขาจะโทรหาฉันโดยทันที แต่ฉันก็คิดผิด”

ในตอนแรก เขาคิดว่าซังวูเพียงแค่มีความสามารถในการสร้างร่างโคลน แต่เขาก็มีความสามารถเช่นนี้ด้วย

เหตุการณ์ฮันเตอร์แรงค์ F จัดการกับมอนสเตอร์แรงค์ C นั้นเป็นสิ่งที่สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน

และในตอนนี้ แต่ละกิลด์ก็เริ่มให้ความสนใจกับจองซังวู

เขาปวดหัวมาก

เขาลูบขมับแล้วเปิดปาก

“ฉันต้องการพบเขาด้วยตนเอง.. เลขาคิม!”

สาวงามที่ดูเย็นชาในชุดสูทเดินเข้ามา

“ช่วยติดต่อจองซังวูและจัดตารางเวลาให้ผมที”

“กำหนดการว่างเร็วสุดคือวันอังคารหน้า เอาเป็นตอนนั้นดีไหมคะ?”

“ไม่!”

พัควอนแทส่ายหัว

“เอาตอนนี้เลย!”

* * *

แรงสั่นสะเทือนจากการระเบิดตัวเองของร่างโคลนนั้นยิ่งใหญ่มาก

ส่วนหนึ่งของสถานีซินซอลดงเกือบจะพังถล่มลงมาแล้ว

แม้แต่ตัวซังวูเองก็ยังเกือบจะเอาตัวไม่รอดจากการถูกฝังทั้งเป็น ขาทั้งสองข้างของเขาหักและเขาก็ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

เมื่อซังวูลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็พยายามจะลุกขึ้นโดยไม่สนใจขาของเขาที่ใส่เฝือก

“อ้ะ-”

เขารู้สึกเจ็บขาอย่างรุนแรง และเป็นเรื่องยากที่จะก้าวเดินแม้แต่ก้าวเดียว

ในที่สุด ซังวูก็ตัดสินใจพักรักษาตัวในโรงพยาบาลและเข้ารับการรักษาเพิ่มเติม

' ถ้าไม่ใช่เพราะขาล่ะก็...'

เพราะเขาต้องหาทางรักษาน้องสาว หัวใจของซังวูจึงร้อนรนอยู่ตลอดเวลา

เขาลองไปใช้บริการฮีลเลอร์ประจำโรงพยาบาลดู และพบว่าราคาน่าเหลือเชื่อมาก

ค่าใช้จ่ายในการรับสกิลรักษาขั้นพื้นฐานที่สุดเป็นเวลาหนึ่งนาทีคือ 300,000 วอน

' ...ท้ายที่สุดแล้ว ฮีลเลอร์ก็ยังเป็นบุคคลผู้ทรงเกียรติ'

ถึงกระนั้น ซังวูก็ยังยอมจ่ายไปสามล้านวอนเพื่อที่เขาจะได้สามารถกลับมาล่าได้อย่างรวดเร็ว

มันได้ผล!

อาการเจ็บปวดได้หายไปเยอะมากแล้ว

ระยะเวลาการรักษาในโรงพยาบาลนั้นลดลงจาก 2 เดือนเหลือ 2 วัน

อย่างไรก็ตาม สภาพของเขาก็ยังไม่เต็ม 100%

การล่าตามปกติจะเป็นไปไม่ได้ในสถาพนี้

' ถึงฉันจะออกไปล่าเองในตอนนี้ แต่มันก็คงได้เงินไม่เยอะเท่าไหร่'

ซังวูคิดอย่างสงบ เขาพยายามสงบสติอารมณ์ที่ร้อนรนลง

อะไรจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่เขา?

' แต่ถ้าฉันส่งร่างโคลนไปล่าแทน ความเจ็บปวดระดับนี้ก็คงจะไม่เป็นไร'

ซังวูตัดสินใจฝึกการหายใจมานาอยู่ในโรงพยาบาล และให้ร่างโคลนของเขาออกไปล่าและฝึกฝนแทน

ซังวูพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลาหลายวันก่อนจะหายดีในที่สุด

ซังวูซึ่งฝึกการหายใจมานาอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ตลอดเวลาได้ลืมตาขึ้นมา

ด้วยเหตุผลบางอย่าง วันนี้เขาก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ

ตามที่เขาคาดไว้ พลังฟื้นฟูที่เริ่มเพิ่มขึ้นทีละน้อยดูเหมือนจะช่วยให้เขาฟื้นตัวได้ดีขึ้น

' หน้าต่างค่าสถานะ'

───────────────

[ จอง ซังวู ]

[ ค่าสถานะ]

• ความแข็งแกร่ง: 0.820 → 0.850
• ความว่องไว: 0.643 → 0.660
• แรงกาย: 0.776 → 0.791
• ความอดทน: 0.670 → 0.688
• มานา: 1.084 → 1.153
• พลังชีวิต: 0.327 → 0.336
• พลังฟื้นฟู: 0.416 → 0.423

[ สกิล ]

• [ ร่างโคลน (Lv.3)/ประเภทร่าย]
• [ เสริมแกร่งร่างโคลน (Lv.4)/ประเภทติดตัว ]
• [ สกิลแฟมิเลีย (Lv.3)/ประเภทร่าย ]
• [ สกิลการทำสมาธิ (Lv. 5)/ประเภทร่าย ]
• [ สกิลการหายใจมานา (Lv.19)/ประเภทร่าย ]
• [ สกิลนักแม่นปืน (Lv.3)/ประเภทติดตัว ]
• [ สกิลการวิ่ง (Lv.1)/ประเภทร่าย ]

───────────────

เมื่อสกิลหายใจมานาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มานาของเขาก็เพิ่มขึ้นมาเกือบ 0.1 ในเวลาเพียงไม่กี่วัน

และนอกจากนี้ก็ยังมีค่าสถานะอื่นๆ ที่ร่างโคลนของเขาสร้างขึ้นขณะออกล่า

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังเป็นเพียงฮันเตอร์แรงค์ F ที่ระดับค่าสถานะเฉลี่ยยังไม่เกิน 1

' ...มันยังไม่พอ ฉันยังต้องฝึกฝนให้มากขึ้น ฉันยังต้องแข็งแกร่งขึ้น และฉันจะต้องเคลียร์ดันเจี้ยนระดับสูงให้ได้มากขึ้น'

ด้วยอัตราการเติบโตนี้ หนทางของเขาก็ยังอีกยาวไกล

ในช่วงเวลานี้เองที่เขาตัดสินใจว่าควรออกจากโรงพยาบาลและไปเริ่มต้นการล่า

อย่างไรก็ตาม จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งเปิดประตูห้องโรงพยาบาลที่ซังวูพักอยู่และเข้ามาพบเขา

มันคือพัควอนแท หัวหน้ากิลด์เคนัสซึ่งเป็นกิลด์ใหญ่อันดับสามของเกาหลี

“สวัสดีครับ ผมขอโทษด้วยนะครับที่มาที่นี่อย่างกะทันหัน”

“ไม่เป็นไรครับ ผมได้รับการติดต่อผ่านทางคุณเลขาแล้ว”

เขาตอบรับการมาเยือนหลังจากได้รับโทรศัพท์จากเลขาเมื่อเช้า

เมื่อเขาเห็นว่าฮันเตอร์ชื่อดังที่เขาเคยเห็นในทีวีได้ติดต่อเข้ามาเพื่อขอพบเขา เขาก็รู้สึกภูมิใจราวกับตัวเองเป็นคนดัง

แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีดีใจออกมามากนัก

' ก่อนหน้านี้เขาเคยให้นามบัตรฉันมา ฉันเดาว่าเขาคงจะต้องการอะไรบางอย่างจากฉันแน่'

เขาคิดว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับสกิลร่างโคลนของเขา

แน่นอน เขาไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะลงมาด้วยตัวเองเพื่อชวนฮันเตอร์แรงค์ F เข้าร่วมกิลด์

“ผมขอโทษด้วยที่ต้องมาพบคุณในสภาพนี้ แต่ก็อย่างที่คุณเห็น···.”

ซังวูชี้ไปที่ขาที่ยังไม่ได้ถอดเฝือกออก

“ไม่เป็นไรครับ ก่อนอื่นผมขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”

หัวหน้ากิลด์รู้สึกเสียใจให้กับฮันเตอร์แรงค์ F?

ซังวูถึงกับตกใจ

“ว่าแต่คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมหรอครับ?”

“ผมจะบอกคุณตรงๆ เลยนะครับ คุณจองซังวู ผมต้องการสกิลร่างโคลนของคุณ”

“สกิลร่างโคลนของผมหรอ?”

พัควอนแทอธิบายว่าทำไมสกิลร่างโคลนของซังวูจึงจำเป็น

มันมีเพียงทางเดียวที่จะช่วยทีมจู่โจมที่ 1 ซึ่งติดอยู่ในหอคอยโอดินออกมาได้ ซึ่งนั่นก็คือการใช้ร่างโคลนของซังวู

ซังวูที่กำลังฟังทุกอย่างอยู่รู้สึกว่าสถานการณ์มันน่าสงสารมาก

ถ้าเป็นซังวูธรรมดา เขาก็คงจะเสนอความช่วยเหลือไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม การได้เห็นพัควอนแทร้องขอเช่นนี้ มันก็ทำให้เขาต้องคิดเกี่ยวกับสถานการณ์นี้อย่างใจเย็น

สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อฉันยังไง?

“คุณคิดถูกแล้วครับ สกิลร่างโคลนของผมไม่ใช่ภาพมายา แต่มันคือของจริง”

“ขอบคุณพระเจ้า หากเป็นเช่นนั้น คุณก็สามารถใช้ร่างโคลนของคุณเพื่อเข้าสู่หอคอยโอดินได้ใช่ไหมครับ? โปรดช่วยผมด้วย ได้โปรดเถอะครับ”

“ร่างโคลนของคุณเป็นทางออกเดียว-”

ซังวูพูดต่อ

“ผมก็อยากจะช่วยนะครับ แต่ผมก็ไม่สามารถสัญญาปากเปล่าได้ โปรดทำการเจรจาโดยละเอียดผ่านตัวแทนของผมอีกทีดูก่อนนะครับ”

มันเป็นเรื่องปกติที่จะฝากเรื่องสัญญาไว้กับผู้ที่เชี่ยวชาญมัน

เขายิ้ม

พัควอนแทตกตะลึงกับคำตอบที่ไม่คาดคิดของซังวู

อย่างไรก็ตาม เขาก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายได้โดยทันที

“...นั่นไม่ใช่ปัญหาครับ แล้วผมจะติดต่อกลับมานะครับ”

เขาตอบตกลงอย่างรวดเร็วแล้วเดินกลับไป

' ฉันใจร้ายเกินไปหน่อยรึเปล่านะ? ไม่สิ ก็ฉันมีเรื่องต้องใช้เงินนี่'

หลังจากที่พัควอนแทจากไป

แขกอีกคนก็มาที่ห้องในโรงพยาบาล

“พี่คะ”

มันคือฮายอน

เธอคงมาที่นี่หลังเลิกเรียน ดังนั้นเธอจึงยังสวมชุดนักเรียนอยู่

เธอวางตะกร้าผลไม้ที่นำมาฝากไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วนั่งลงบนเก้าอี้

ซังวูสะดุ้งกับการมาเยี่ยมอย่างกะทันหันของเธอและยกร่างกายส่วนบนขึ้น

“ฮายอน เธอไม่จำเป็นต้องมาก็ได้”

“ไม่ค่ะ พี่ไม่สบายดังนั้นหนูเลยต้องมาเยี่ยม แล้วตอนนี้พี่รู้สึกยังไงบ้างคะ?”

“ก็ใช้ได้ ฉันเกือบจะหายเป็นปกติแล้ว ฉันวางแผนที่จะเข้ารับการทดสอบอีกครั้งวันนี้ไม่ก็พรุ่งนี้และจะออกจากโรงพยาบาล”

“อ้า ขอบคุณพระเจ้า แต่พี่คะ พี่คงไม่ได้ไปถูกนักเลงตีขาหักมาใช่ไหมคะ?”

“นี่เธอเป็นฉันเป็นคนยังไงกัน?”

ฮายอนหัวเราะอย่างขมขื่น

เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น ซังวูก็สามารถลืมเรื่องน้องสาวของเขาไปได้ครู่หนึ่งและหัวเราะออกมา

อย่างไรก็ดี เขาก็ยังคงรู้สึกอึดอัดอยู่ข้างใน

ซังวูที่ฟังฮายอนมาได้สักพักก็ตัดสินใจเปิดปากพูด

“เฮ้ ฮายอน”

“...มีอะไรหรอคะ?”

“ฉันขอโทษนะที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ฉันคิดว่าฉันคงจะต้องหยุดสอนเธอแล้ว”

มันเป็นคำพูดที่ดูเย็นชาเกินกว่าจะถ่ายทอดออกมาทางโทรศัพท์หรือข้อความได้

ในที่สุดซังวูก็หยิบยกหัวข้อที่ถูกเลื่อนออกมานานแล้วขึ้นมา

เมื่อพูดเช่นนั้น ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วห้องในโรงพยาบาล

“...เพราะน้องสาวของพี่หรอคะ?”

“ห้ะ? มันเป็นเพราะฉันต้องหาเงินค่ารักษาพยาบาลและหาการรักษา ตอนนี้ฉันต้องหาเงินอย่างจริงจัง ฉันยังมีพ่อกับแม่เพิ่มเข้ามา และตอนนี้ฉันก็เป็น…”

ค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลเป็นเงินจำนวนหลายสิบล้านวอนต่อเดือนเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการใช้ห้องผู้ป่วย Mana นั้นมีราคาแพงมาก

เงินเดือนของจองซองฮยอนซึ่งเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาๆ ไม่สามารถจ่ายหนักขนาดนี้ได้

ซังวูพูดต่อ

“ฉันเป็นหัวหน้าครอบครัวของเราไปแล้ว”

เมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านั้น เธอก็ก้มศีรษะลงโดยไม่สบตา

“แล้วหนูจะบอกแม่ให้นะคะ...”

ไหล่ของฮายอนสั่น

ซังวูคิดว่าฮายอนกำลังร้องไห้ ดังนั้นเขาจึงวางมือลงบนไหล่ของเธอเบาๆ และกล่าวคำปลอบโยน

“ฮายอน อย่าร้องไห้ไปเลย”

“...คิคิคิคิ พี่ถูกหลอกแล้ว~ ฉันไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย เบะ~”

ฉากนี้ไร้สาระมากจนซังวูหัวเราะ

“ฉันขอโทษนะที่ต้องพูดแบบนี้ แต่เธอได้กินยาบ้างไหม”

“ห้ะ! พี่อยากตายหรอ? หนูแค่หยอกเล่น หยอกเล่นไง ยังไงก็ตาม ขอบคุณมากนะคะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ฉันก็ด้วย นี่เป็นการสอนพิเศษครั้งแรกของฉัน และฉันก็รู้สึกขอบคุณที่ได้ทำมัน”

“อะไรเนี่ย? พี่พูดอย่างกับเราจะไม่ได้เจอกันอีกเลย”

“ก็ใช่นะสิ ฉันคิดว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว”

ซังวูพูดอย่างจริงจัง

จากนั้นฮายอนก็ตบไหล่ซังวูอย่างแรง

“อ้าก”

“พี่พูดอะไรน่ะ? ไม่ว่าจะยังไงก็อย่าลืมส่งข้อความหาหนูก็แล้วกัน”

คราวนี้เป็นฮายอนที่จ้องมองด้วยสายตาจริงจัง

“ตกลง ฉันจะทำทุกครั้งที่ทำได้”

“ดีมาก ถ้าพี่ไม่ติดต่อหนูมานะ หนูจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยคยองกุกและไปทุบตีพี่…”

“มหาวิทยาลัยคยองกุก? แต่ฉันกำลังคิดที่จะลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว…”

“ห้ะ? หยุดนะ? ไม่เอาแบบนี้สิ!”

ฮายอนกรี๊ด

“มันน่าเสียดายจริงๆ ที่ฉันจะต้องลาออก บางทีฉันอาจจะเปลี่ยนไปพักการเรียนเอาไว้ก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียนต่อในภายหลังแทน”

“อืม...แบบนั้นดีกว่านะ เอาอันนี้แหละ”

“เอาล่ะ หนูจะเป็นฮันเตอร์ในภายหลังอยู่ดี ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงพี่ก็หนีหนูไม่พ้นหรอก”

“เอ่อ? เธอยังไม่ยอมแพ้กับการเป็นฮันเตอร์อีกหรอ?”

“ใครพูดกันว่าหนูยอมแพ้? ไม่ว่าพ่อจะพูดยังไง หนูก็แค่อยากไปเรียนมหาวิทยาลัยและเป็นฮันเตอร์”

“..เด็กหัวแข็ง”

“เฮ้!”

ฮายอนพยายามบีบแขนของซังวู

ซังวูปกป้องตัวเองอย่างสิ้นหวังด้วยการจับมือของฮายอนขณะที่เธอพยายามจะบีบเขา

ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันโดยเอามือประสานกัน

ข้อต่อนิ้วของพวกเขาผสานกันแนบแน่น ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ฮายอนเจ็บปวด

“โอ้ย-หยุด! ยอมแพ้แล้ว หนูยอมแพ้แล้ว!”

การสอนครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของซังวูจบลงด้วยท่าทีอบอุ่นใจ(?) ในขณะที่พวกเขาทะเลาะกันแบบนั้น

ในขณะเดียวกัน...

คิมอูฮยอนกำลังเดินเข้ามาในห้องพยาบาลที่มีคนสองคนอยู่

' ฉันควรจะเข้าไปดีไหมนะ…'

คิมอูฮยอนเองก็เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยเนื่องจากแรงระเบิดในครั้งนั้น

โชคดีที่อาการบาดเจ็บของคิมอูฮยอนดีกว่าซังวู

หลังจากฟื้นตัวได้ระยะหนึ่ง เขาก็ไปเยี่ยมซังวูเพื่อกล่าวขอบคุณ

' ไม่ได้ เขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้ ดังนั้นฉันควรจะขอบคุณเขา'

เขาลังเลอยู่หลายครั้งว่าจะเข้าไปดีหรือไม่เข้าไปดี

และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง

ภาพเตียงโรงพยาบาลปรากฎขึ้นในสายตาของเขา

เขาเห็นฉากจองซังวูและจางฮายอนกำลังจับมือกันราวกับว่าพวกเขากำลังจะกอดกัน(?)

' พระเจ้าช่วย!'

คิมอูฮยอนประหลาดใจและพยายามปิดประตูเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น

จากนั้นเขาก็รีบกลับไปที่ห้องของตนโดยลากแท่นน้ำเกลือไปด้วย

คิมอูฮยอนนอนอยู่บนเตียงในห้องโรงพยาบาล

' ...นั่นคือแฟนของเขาหรอ? เธอน่ารักมาก'

ความคิดนั้นแล่นเข้ามาในใจเขาครู่หนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้า คิมอูฮยอนก็หมดสติและเข้านอนไป

* * *

วันถัดมา

ซังวูซึ่งอาการขาดีขึ้นมากแล้วมุ่งหน้าไปที่ล็อบบี้เพื่อทำขั้นตอนการขอออกจากโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตาม มันก็มีเงาที่คุ้นเคยกำลังยืนรออยู่ที่นั่น

มันคือคิมอูฮยอน เขาดูตัวเล็กมากสำหรับผู้ชาย

ด้วยเหตุนี้เอง ซังวูจึงแอบย่องไปข้างหลังเขาและแตะไหล่ของคิมอูฮยอนเบาๆ

“เฮ้”

“อ้า-!”

คิมอูฮยอนรู้สึกตกใจมาก ขณะเดียวกัน ซังวูก็หัวเราะคิกคักเมี่อเห็นฉากนี้

“นายตกใจอะไรขนาดนั้นกัน?”

“ก็ฉันตกใจนี่”

“นายร้องอย่างกับผู้หญิงเลย ว่าแต่นายสบายดีรึเปล่า?”

“...เอ่อ”

ซังวูหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นสมาร์ทโฟนของเขาให้อีกฝ่าย

' อะไร? นี่เขาเป็นเกย์หรอ? ไม่ได้นะ เขามีแฟนแล้วไม่ใช่หรอ!'

คิมอูฮยอนไม่รู้ว่านี่หมายความว่ายังไง เขากำลังดูสมาร์ทโฟนของเขาและจองซังวูสลับกันไปมา

“นายต้องการอะไร?”

“เอาเบอร์นายมาให้ฉัน”

“เอ่อ เบอร์?”

“ใช่ ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนาย”

“...ตกลง แค่เบอร์เท่านั้นนะ”

คิมอูฮยอนป้อนหมายเลขเบอร์โทรของเขาลงอย่างงุ่มง่าม

' บ้าเอ้ย แต่เขาก็มีแฟนแล้วนะ?'

คิมอูฮยอนที่กดเบอร์อยู่รู้สึกอึดอัดใจ แต่หลังจากกดเสร็จเขาก็คืนสมาร์ทโฟนให้ซังวู

หลังจากได้รับสมาร์ทโฟนของเขาคืนมาแล้ว ซังวูก็โทรออก

จากนั้นเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นในกระเป๋าของคิมอูฮยอน

“เอาล่ะ นั่นคือเบอร์ของฉัน บันทึกเอาไว้ด้วยล่ะ”

“อ่า.. โอเค..”

คิมอูฮยอนตอบอย่างคลุมเครือและหันกลับไปอย่างทื่อๆ

“เฮ้ ทำไมนายไม่เห็นถามชื่อฉันเลยล่ะ?”

“โอ้ ฉันลืมไปเลย นายชื่ออะไรล่ะ?”

“จองซังวู นายล่ะ?”

“ฉันคิมอูฮยอน...”

“เป็นชื่อที่เท่มาก แล้วฉันจะติดต่อนายไป”

“เอ่อ... แล้วก็..”

“แล้วก็อะไร?”

“ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้นะ!”

คิมอูฮยอนรีบหันหลังกลับและเดินออกไปจากโรงพยาบาล

' เขาเป็นคนขี้อายจริงๆ'

เมื่อคิดเช่นนั้น ซังวูก็รีบบันทึกหมายเลขเบอร์โทร

' เราเข้ากันได้ดีเหมือนคนกับม้าเลย'

* * *

สองวันต่อมา

ซังวูและคังจุนโมกำลังเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของกิลด์เคนัส

“ผมต้องเซ็นตรงไหนบ้างครับ?”

“มีตรงนี้และนี้ ใช่ครับ แค่นี้เสร็จแล้ว”

หลังจากได้รับคำแนะนำจากคังจุนโมและลงนามในสัญญา ซังวูและหัวหน้ากิลด์เคนัสก็แลกเปลี่ยนสัญญากัน

พัควอนแทยืนขึ้นและเสนอที่จะจับมือ

“ขอบคุณครับ”

“เช่นกันครับ”

ซังวูจับมือเขาไว้แน่น

ซังวูได้รับประโยชน์อย่างมากจากสัญญานี้

เงื่อนไขสำคัญของสัญญามีดังนี้

───────────────

A : จอง ซังวู

B : กิลด์เคนัส

1. เงินตอบแทนหนึ่งพันล้านวอน
2. จ่าย 100 ล้านวอนสำหรับร่างโคลนแต่ละตัวที่ถูกส่งไปยังหอคอยโอดินในแต่ละวัน
3. ฝ่าย A สืบข้อมูลภายในหอคอยโอดินให้กับฝ่าย B
4. ตามที่ฝ่าย A ร้องขอ ฝ่าย B สามารถชำระเป็นอัญมณีระดับต่ำสุดแทนเงินสดได้ อย่างไรก็ตาม ประเภทของอัญมณีระดับต่ำสุดจะต้องตรงกับความปรารถนาของฝ่าย A ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจะต้องจ่ายในอัตรา 10 อัญมณีต่อเงินสด 1 ล้านวอน
5. เพื่อที่จะพัฒนาความสามารถของฝ่าย A ตัวแทนฝ่าย B 'พัควอนแท' จะสอนฝ่าย 'A' หนึ่งครั้งเป็นเวลา 2 ชั่วโมง

• ··

───────────────

มันเป็นเงื่อนไขที่ดีมาก

แม้ว่าจะไม่สมเหตุสมผลจากมุมมองของกิลด์เคนัส แต่พวกเขาก็ยอมรับเงื่อนไขของซังวูโดยไม่ปริปากบ่น

ในทางกลับกัน คังจุนโมก็มองว่าพวกเขาโผล่เข้ามาได้ถูกจังหวะมาก

อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถตกลงเงื่อนไขสำหรับเป้าหมายสูงสุดของซังวูได้ นั่นคืออีลิกเซอร์!

' มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเงื่อนไขคือถ้าฉันช่วยเหลือทีมจู่โจมที่ 1 ได้ ฉันก็จะได้รับอีลิกเซอร์หรือแมนดราโกร่า แต่นั่นมันก็คงจะเกินไปหน่อย'

ไอเทมเหล่านั้นสามารถรักษาน้องสาวของซังวูได้ก็จริง แต่มันก็มีมูลค่าสูงกว่าสัญญามาก

ไม่ว่าทีมจู่โจมที่ 1 จะยอดเยี่ยมสักแค่ไหน แต่มันก็ไม่ได้คุ้มราคากันเลย

ข้อตกลงประเภทนี้จะต้องพบกับการต่อต้านจากภายในกิลด์ ไม่ว่าพัควอนแทจะมีมนุษยธรรมมากสักแค่ไหนก็ตาม

ในขณะเดียวกัน ซังวูก็ได้รายได้ที่ดีผ่านสัญญานี้

เพราะเงื่อนไขคือทุกร่างโคลนที่เขาส่งไปนั้นจะได้รับ 100 ล้านวอน

หากกิลด์เคนัสต้องการจะจ้างร่างโคลนของเขาให้ไปทำงานด้วยทุกวัน เขาก็จะได้รับรายได้มหาศาลจากพวกเขา

' แน่นอนว่ากิลด์เคนัสจะไม่ทำอย่างนั้น'

ถึงอย่างนั้น ซังวูก็ยังมีความสุขเพราะดูเหมือนว่าเป้าหมายของเขาจะค่อยๆ กลายเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว

' ถ้าฉันยังเพิ่มค่าสถนะของฉันด้วยอัญมณีต่อไป... มันก็มีความเป็นไปได้ที่ฉันจะกลายเป็นฮันเตอร์แรงค์ S'

ฮันเตอร์แรงค์ S นั้นล้วนมีค่าสถานะเกิน 100

เงินเดือนประจำปีโดยเฉลี่ยของพวกเขาอยู่ที่หลายแสนล้านวอน

เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะได้รับอีลิกเซอร์มาด้วยตัวเองได้เลยหรือเขาจะยังต้องหามันผ่านงานประมูล

ด้วยเหตุนี้เอง แทนที่จะเป็นเงินจำนวน 100 ล้านวอนหรือ 1 พันล้านวอน ซังวูจึงได้เพิ่มเงื่อนไขให้พวกเขาสามารถจ่ายเป็น 'อัญมณี' แทนได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อการเติบโตของตัวเขาเอง

' 1 พันล้าน... ตอนนี้ฉันก็พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นแล้วสินะ'

ซังวูรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อยกับวิธีที่เขาสามารถทำสัญญามูลค่าหลายร้อยล้านวอนได้อย่างงงๆ

ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลไม้แล้ว

“ถ้าอย่างนั้นผมขอเงินตามสัญญาก่อนเลยได้ไหมครับ? ขอแบบเป็นอัญมณีนะครับ?”

“ได้ครับ ผมเตรียมมันไว้ให้แล้ว กรุณาตามผมมาได้เลยครับ”

พัควอนแทเป็นผู้นำ

มีความรู้สึกคาดหวังปรากฎขึ้นในดวงตาของซังวู

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด