ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 557 - รวมกลุ่มกันอีกครั้ง?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 559 - ขอถามหน่อย! พวกเรากำลังตามหาอะไรกันอยู่?

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 558 - หือ! ทำไมถึงเป็นยัยนี่อีกแล้วล่ะ?


วูบ!!!! ตึง!!!

เหตุการณ์เหมือนเดิมกับคราวที่แล้วเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ปรากฏตัวขึ้นมาจากการเคลื่อนย้ายระยะสั้น ประตูที่อยู่ด้านหลังปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว และเดวิดเป็นคนเดียวที่ถูกส่งมาที่โถงทางเดินแห่งนี้

“เยี่ยม! ไม่มีใครมากวนใจเหมือนเดิม ให้มันได้อย่างนี้สิ!”

เขาพึมพำออกมาก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย โถงทางเดินแห่งนี้มีลักษณะไม่ต่างจากโถงทางเดินของห้องขังที่แล้วเท่าไรนัก แต่มันเต็มไปด้วยแสงสว่างสีเขียวที่ทำให้รู้สึกขนลุกเล็กน้อย ที่ผนังของโถงทางเดินแห่งนี้เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ และแบคทีเรียเรืองแสงที่อาศัยอยู่ในพวกมันเป็นสิ่งที่สร้างแสงสว่างสีเขียวพวกนี้ออกมา

ยิ่งเขาเดินรุดหน้าเข้ามาเรื่อย ๆ ตะไคร่น้ำบนผนังก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้น แต่โชคดีที่ความเข้มของแสงสีเขียวนั้นไม่ได้สว่างเข้มข้นขึ้นตามปริมาณของตะไคร่น้ำ ไม่อย่างนั้นมันต้องสร้างปัญหากับการมองเห็นด้วยสายตาไม่น้อยเลยทีเดียว

ห้องโถงใหญ่ที่ตั้งอยู่สุดทางของโถงทางเดินนี้มีขนาดและการจัดวางตำแหน่งไม่แตกต่างท้องพระโรงที่หรูหราของห้องขังที่แล้วเช่นกัน แต่แทนที่จะประดับด้วยคริสตัลและอัญมณี ทุกพื้นที่พื้นผิวแทบจะถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำและแบคทีเรียเรืองแสงแทน แม้แต่บนบัลลังก์ตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านในสุดของห้องก็ไม่เว้น

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเดวิดไม่ถูกรบกวน มันทำให้เขาสำรวจทั่วห้องได้ในพริบตา นอกจากร่างที่ถูกปกคลุมตะไคร่ที่นั่งนิ่งอยู่บนบัลลังก์ และขวดขนาดเล็กที่ตั้งอยู่กลางห้องห่างจากบันไดทางขึ้นไปบนบัลลังก์ไม่กี่ก้าวแล้ว มันไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย

สายตาของเดวิดถูกส่งจ้องมองไปที่ขวดเล็ก ๆ กลางห้องอย่างพิจารณา ก่อนจะขมวดคิ้วบ่นพึมพำออกมาอย่างประหลาดใจเล็กน้อย

“ขวดบรรจุเม็ดยาอย่างนั้นหรือ?”

ความสงสัยเกิดขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น ในไม่นานเขาก็เข้าใจได้ว่าทำไมถึงยังเป็นเม็ดยาอยู่ ไม่ใช่ขวดเซรั่มที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เพราะที่นี่ถูกปิดตายมาหลายพันหลายหมื่นปีแล้ว ในสมัยก่อนนี่อาจจะเป็นวิธีที่ดึงสรรพคุณของส่วนประกอบออกมาได้ดีที่สุดก็ได้

ปัญหาต่อไปที่เกิดขึ้นในใจก็คือ มันคือเม็ดยาอะไร? แล้วระยะเวลาที่ผ่านมานานขนาดนี้ สรรพคุณทางยาของมันยังหลงเหลืออยู่หรือไม่?

เดวิดไม่คิดจะรอให้เสียเวลาไปมากกว่านี้อีก เขาขยับตัวเดินเข้าไปด้านในอย่างไม่ลังเล ก้าวข้ามขวดยาที่วางอยู่บนพื้นไปแบบไม่ได้ใส่ใจมากนัก และเลือกที่จะเดินไปหยุดอยู่ตรงบันไดทางขึ้นไปที่แท่นบัลลังก์ สายตาจ้องมองไปที่ร่างซึ่งนั่งนิ่งอยู่บนนั้นเขม็ง ก่อนที่จะหันไปพิจารณาโซ่ที่ร้อยพันธนาการแขนขาทั้ง 4 ข้างเอาไว้อย่างแน่นหนาครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่านักโทษคนนี้จะยังทำลายพันธนาการชั้นแรกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“เฮ้! ยังมีจิตใต้สำนึกอยู่หรือเปล่า ถ้ายังมีก็ลุกขึ้นมาลงมือเร็ว ๆ เลย ฉันไม่มีเวลาให้แกมากนักนะ” เสียงของเดวิดดังขึ้นอย่างกึกก้อง เขาขี้เกียจเดาอีกแล้วว่าอีกฝ่ายจะขยับตัวได้หรือไม่ สู้เรียกกันตรง ๆ แบบนี้เลยดีกว่า

และมันได้ผล เสียงโซ่โลหะขยับตัวเบา ๆ ดังขึ้นมาให้ได้ยินก่อน มือทั้ง 2 ข้างของศพที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ขยับขึ้นมาก่อน ตามด้วยขาทั้ง 2 ข้าง และหลังจากนั้นไม่นาน รอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายวัยกลางคน ประกายสีเขียวที่เกิดจากตะไคร่บนใบหน้าทำให้รอยยิ้มนั้นดูน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ และร่างนั้นค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินออกมาจากบัลลังก์ในที่สุด

เดวิดถอยหลังออกมาอย่างช้า ๆ 2-3 ก้าวด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่สายตาที่จับจ้องไปยังรอยยิ้มประหลาดนั้นมีแววแปลกใจปนอยู่เล็กน้อย จิตใต้สำนึกของนักโทษระดับอาตมันคนนี้เหลืออยู่มากระดับไหนกันแน่!? หวังว่าคงจะไม่มากเกินไปนะ!

ซากศพของนักโทษวัยกลางคนเดินลงจากบันไดมายืนอยู่ที่พื้นเบื้องล่างแล้ว คลื่นพลังที่รุนแรงเริ่มก่อตัวขึ้นมาราวกับร่างนั้นยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ เลยก็ไม่ปาน คิ้วของเดวิดขมวดเข้าหากันเล็กน้อย จากกลิ่นอายที่เขาสัมผัสรับรู้! การต่อสู้ครั้งนี้จะทำแบบเล่น ๆ ไม่ได้เลย

ในเสี้ยววินาทีที่สีหน้าของเดวิดเปลี่ยนไปเล็กน้อย ร่างระดับอาตมันที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็หายวาบไปจากสายตาทันที กลิ่นฉุนโชยเข้ามาจนทำให้รู้สึกแสบจมูก ต้นกำเนิดของกลิ่นฉุนนั้นมาปรากฏอยู่ห่างจากหน้าอกของเขาเพียงแค่ไม่กี่เซ็นติเมตรเท่านั้น กงเล็บที่แหลมคมนั่นทอประกายสีเขียวเข้มอย่างน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

ตึง!!!!!

เสียงโซ่ถูกกระตุกดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับการสั่นสะเทือนของห้องโถง การโจมตีที่รุนแรงนี้ไม่สามารถสัมผัสถูกเป้าหมายได้ เพราะถึงแม้ว่ากงเล็บนี่จะรวดเร็วและทรงพลังขนาดไหน มันก็ไม่สามารถยืดพ้นระยะพันธนาการออกมาได้เลย โซ่ถูกดึงยืดจนตึงเปรี๊ยะและส่งเสียงคำรามเอี๊ยดอ๊าดลั่นออกมา แต่! มันไม่มีวี่แววว่าจะถูกทำลายลงไปแม้แต่น้อย

ตูม!!!!

เดวิดที่ขยับตัวถอยหลังออกมาให้พ้นระยะการโจมตีพุ่งตัวสวนกลับเข้าไปอีกครั้ง พร้อมกับปล่อยหมัดเข้าไปที่หน้าอกของอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง ก่อนที่จะต้องรีบพุ่งตัวหนีกลับมาอีกครั้ง

ตึง!!!! ตูม!!!! ตึง!!!!! ตูม!!!!

การต่อสู้ดำเนินไปอยู่แบบนี้อยู่ครู่หนึ่ง หน้าอกของซากศพระดับอาตมันมีร่องรอยเสียหายยับเยินจนแทบจะไม่เหลือสภาพ แต่หมัดของเดวิดก็เกิดอาการเจ็บร้าวขึ้นมาไม่น้อยแล้วเช่นกัน เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไป ร่างกายของยอดฝีมือระดับอาตมันแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ และยิ่งเป็นซากศพที่ไม่มีความรู้สึกแบบนี้ยิ่งจัดการได้ยากขึ้นไปอีก บาดแผลที่ตัวเองสร้างขึ้นพอที่จะสังหารยอดฝีมือระดับร่างสมบูรณ์ให้ตายได้ทุกคนแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือระดับอาตมันตัวจริงก็ต้องอ่อนแรงลงไปไม่น้อย แต่เจ้าซากศพตัวนี้ดูเหมือนว่าจะไม่สะทกสะท้าน และพลังในการโจมตีของมันไม่ตกลงเลยแม้แต่น้อย ถ้าจิตใต้สำนึกของมันมีมากกว่านี้และวางแผนการต่อสู้ได้ บางที! เดวิดอาจจะไม่อยู่ในสภาพที่ไร้รอยขีดข่วนเหมือนกับตอนนี้เลย

กี๊ซซซ!!!!!!!

ยังไม่ทันที่เขาจะคิดเรื่องนี้จบ เจ้าซากศพที่ปกติจะพุ่งกงเล็บเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งเหมือนทำอย่างอื่นไม่เป็นก็อ้าปากส่งเสียงร้องที่โหยหวนออกมา และนั่นไม่ใช่เสียงร่ำร้องอย่างโกรธแค้นโหยหวนธรรมดา มันเป็นการโจมตีด้วยคลื่นเสียง และผลของมันคือการทำให้การเคลื่อนไวของเดวิดช้าลง เขาถอยออกมาไม่พ้นระยะการโจมตี กงเล็บสีเขียวเข้มที่เหม็นฉุนนั้นตัวสร้างบาดแผลบนบ่าข้างซ้ายของเดวิด เลือดจำนวนหนึ่งกระฉูดสวนออกมาทันที

รอยยิ้มบนใบหน้าของชายวัยกลางคนนั้นแสยะกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย ก่อนที่มันจะกลายเป็นเหมือนการอ้าปากค้าง นั่นเป็นเพราะมีกงเล็บที่แข็งแกร่งไม่แพ้กันเสียบทะลุเข้าไปในหน้าผากของมันจนมิด ไม่ว่าจิตใต้สำนึกที่หลงเหลืออยู่จะแข็งแกร่งและมากมายขนาดไหน กงเล็บนี้สลายพวกมันไปได้หมดสิ้นอย่างแน่นอน

ตุบ!! เคร้ง!! เคร้ง!!!

ฉั๊วะ!

เดวิดรีบถอนกงเล็บของตัวเองออกมาจากหน้าผากของอีกฝ่าย ปล่อยให้ร่างนั้นร่วงลงไปนอนอยู่ที่พื้นพร้อมกับเสียงกระแทกดังลั่นของโซ่ที่พันธนาการข้อมืออยู่ สิ่งที่เขารีบทำหลังจากนั้นอย่างไม่ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว มันคือการใช้กงเล็บตวัดเฉือนเนื้อบนไหล่ซ้ายของตัวเองออกไปจำนวนหนึ่ง และรีบตวัดมันทิ้งลงไปกับพื้นทันที

“ให้ตายสิ! พิษนี่มันจะร้ายแรงเกินไปมั้ย?” เดวิดพึมพำออกมาด้วยเสียงที่สั่นสะท้านเล็กน้อย สายตาที่จ้องมองการเปลี่ยนแปลงของเศษเนื้อเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของตัวเองถูกสลายกลายเป็นของเหลวสีเขียวในชั่วเวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เขาไม่ยากจะคิดภาพเลยว่าถ้ามันยังอยู่บนไหล่ของตัวเอง หัวใจที่อยู่ไม่ห่างจากบาดแผลที่เกิดขึ้นนักจะถูกทำลายลงไปในเวลากี่วินาที!

สัญชาตญาณเตือนถึงอันตราย และความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียนที่รับรู้หลังจากได้รับบาดเจ็บ! มันทำให้เดวิดตัดสินใจยุติการทดสอบพละกำลังของตัวเองลงอย่างกระทันหัน เขากระตุ้นใช้กงเล็บของแวมไพร์ออกมาเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของซากศพอย่างไม่ลังเล และรู้สึกดีใจที่ตัวเองทำอย่างนั้น พิษที่ติดมากับกงเล็บนี้สามารถสังหารยอดฝีมือระดับอาตมันได้อย่างแน่นอน และเดวิดไม่คิดว่าตัวเองจะรอดจากมันได้ด้วย ไม่ว่าคลื่นทำลายล้างที่ร่างกายสร้างขึ้นจะมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมสักแค่ไหน

หลังจากที่ยืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้บาดแผลที่หัวไหล่ของตัวเองฟื้นฟูคืนสภาพกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ เดวิดก็เดินเข้าไปจ้องอยู่ที่โซ่เหล็กทั้ง 4 เส้นด้วยสายตาขบคิด กงเล็บแวมไพร์ถูกแปรสภาพให้กลายเป็นกงเล็บของร่างผสม แล้วมันก็ถูกใช้ตวัดตัดเข้าไปอย่างเต็มแรง โชคดีที่ได้ผล เขาออกแรงอย่างต่อเนื่องอีก 3 ครั้ง เมื่อซากศพหลุดพ้นจากพันธนาการได้แล้ว เดวิดก็ส่งเลือดของตัวเองเข้าไปสำรวจว่ายังมีเลือดหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่ ซึ่งก็ต้องพบกับความผิดหวัง ซากศพระดับอาตมันร่างนี้ไม่เหลือเลือดอยู่ในสภาพของเหลวเลยแม้แต่หยดเดียว

เขายัดซากศพเข้าไปในแหวนเก็บของอย่างลวก ๆ ก่อนที่จะเดินกลับมาก้มลงหยิบขวดใส่เม็ดยาที่ตั้งอยู่กลางห้องขึ้นมาดู เม็ดยาที่อยู่ในนั้นส่งประกายสีเขียวแบบเดียวกับแสงที่อยู่ในห้องโถงออกมาอย่างต่อเนื่อง เดวิดขมวดคิ้วเล็กน้อย “มันปนเปื้อนไปหมดแล้วหรือยังไงกัน?”

วูบ!!!!!!

คลื่นอากาศสั่นสะเทือนพร้อมกับเสียงเบา ๆ ที่เป็นสัญญาณว่ามีคนถูกส่งตัวเข้ามาดังขึ้น เดวิดส่งสัมผัสศักดิ์สิทธ์ออกไปตรวจสอบทันที แล้วคิ้วของเขาก็ต้องขมวดแน่นขึ้นไปอีก

“หือ? ยายนี่อีกแล้วเหรอ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด