ตอนที่ 1311 วิสัยทัศน์ที่แตกต่าง (ฟรี)
ตอนที่ 1311 วิสัยทัศน์ที่แตกต่าง
เมื่อได้ยินแบบนั้น..
นักวางค่ายกลบางคนมองดูทะเลดวงดาวเป็นเวลานาน และในที่สุดก็ส่ายหัว “ข้าไม่เห็นอะไรเลย มันควรจะเป็นค่ายกล อย่างไรก็ตาม ค่ายกลที่ถูกสร้างโดยจักรพรรดิสวรรค์นั้นได้เหนือกว่ารูปแบบค่ายกลทั่วไปแล้ว”
“หากต้องการเข้าใจความลึกลับบางอย่างของมัน เกรงว่าจะเป็นยอดปรมาจารย์เป็นอย่างน้อย”
ในสายตาของคนเหล่านี้ ความลึกลับของแผนภูมิดาวนั้นเกินขอบเขตความเข้าใจของพวกเขา
นอกจากนี้
คนเหล่านี้ไม่รู้ว่าค่ายกลซูโจวเทียนอยู่ในระดับใด
แม้ว่าค่ายกลจะค่อยๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในเผ่าต่างๆ
แต่เมื่อเทียบกับการบ่มเพาะ
มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเป็นยอดปรมาจารย์ได้
ดังนั้น ในสายตาของพวกเขา มีเพียงยอดปรมาจารย์เท่านั้นที่สามารถมองผ่านความลึกลับของค่ายกลซูโจวเทียนได้
“เฮอะ!” เสียงเยาะเย้ยเหยียดหยามดังขึ้นจากฝูงชน
โดยทันที หลายคนมองไปที่แหล่งที่มาของเสียง
ชายวัยกลางคนในชดคลุมดำส่ายหัวและพูดว่า "จะเข้าใจค่ายกลที่จักรพรรดิสวรรค์สร้างขึ้นได้ง่ายขนาดนี้ได้อย่างไร ข้าแน่ใจว่าไม่มียอดปรจารย์ค่ายกลขั้นหนึ่ง หรือขั้นสองที่สามารถมองเห็นผ่านมันได้ แม้ว่าจะยอดปรมาจารย์ค่ายกลขั้นสาม แต่ก็มีโอกาสมากที่มันจะเหมือนกัน”
“พวกเจ้ามองยอดปรมาจารย์ค่ายกลสูงเกินไป และดูถูกดูแคลนความสำเร็จในทักษะค่ายกลของจักรพรรดิสวรรค์ต่ำเกินไป”
“พวกเจ้าต้องรู้ว่า นานแล้วก่อนที่ค่ายกลจะได้รับความนิยม ทักษะค่ายกลของจักรพรรดิสวรรค์ก็มาถึงระดับที่ไม่อาจหยั่งถึงได้”
“ตอนนี้ เขาได้ดักจับอสูรดารามากมายด้วยค่ายกลเดียว อย่างน้อยที่สุดนี่คือค่ายกลเต๋า และมีโอกาสมากที่จักรพรรดิสวรรค์ได้เป็นเซียนค่ายกลแล้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลายคนก็ตระหนักรู้
อย่างแท้จริง
พวกเขาทั้งหมดละเลยสิ่งหนึ่งไป และนั่นคือ ความแข็งแกร่งของอสูรดารา
ปัจจุบัน อสูรดาราที่อ่อนแอที่สุดที่ปรากฏอยู่ที่อมตะระดับสี่ ค่ายกลของยอดปรมาจารย์มีสิทธิ์อะไรที่จะดักจับผู้เชี่ยวชาญเช่นนั้น?
ไม่ต้องพูดถึง
มีอสูรดาราหลายร้อยตัวในระดับดังกล่าว
มีเพียงค่ายกลเต๋าในตำนานเท่านั้นที่สามารถบรรลุผลลัพธ์ดังกล่าวได้
“ถูกต้อง ยอดปรมาจารย์ค่ายกลขั้นสามเทียบได้กับผู้ทรงอำนาจเท่านั้น มีเพียงเซียนค่ายกลเท่านั้นที่สามารถทียบกับอมตะได้ หากต้องการทำในสิ่งที่จักรพรรดิสวรรค์ทำ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เซียนค่ายกลธรรมดาทำได้อย่างแน่นอน”
มีคนพยักหน้าเห็นด้วย
หากเซียนค่ายกลมีพลังเทียบเท่ากับอมะ ดังนั้นจักรพรรดิสวรรค์อย่างน้อยก็ต้องเป็นเซียนค่ายกลขั้นสูงสุด หรือก้าวข้ามไปอีกระดับแล้ว
ในดินแดนนอกสวรรค์ ผู้ฝึกฝนของเผ่าต่างๆ ตกตะลึง
เหล่าเทพแห่งศาลสวรรค์ซึ่งกลายเป็นผู้ชมโดยสมบูรณ์ก็ไม่ต่างกันเลย
“ช่างเป็นค่ายกลที่ทรงพลังจริงๆ!”
เซียวเฉิงเฟิงมองไปที่ทางทะเลดวงดาวที่พร่างพราย และหายใจเข้าลึก ๆ ในใจ
ด้วยวิสัยทัศน์ของเขา เขาไม่สามารถมองเห็นร่องรอยใดๆ ของค่ายกลตรงหน้าได้เลย แต่เขาก็เข้าใจได้ว่านี่คือค่ายกลรูปแบบหนึ่ง
แต่ในการรับรู้ของเขา มีเพียงทางทะเลดวงดาวเท่านั้นที่กว้างใหญ่ และลึกล้ำ และไม่มีทางที่จะคาดเดาความลึกของมันได้
ต้องรู้ว่า
ฐานการบ่มเพาะของเซียวเฉิงเฟิงได้มาถึงอมตะระดับห้าแล้ว เมื่อรวมกับรากฐานของชาติก่อน แม้ว่าจะไม่มีทางเปรียบเทียบกับอมตะสามระดับบน แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับเขาที่จะเทียบได้กับอมตะระดับหก
ยังไงก็ตาม
เขายังไม่มีทางรับรู้ถึงความลึกของทะเลดวงดาวได้
ขณะนี้ หัวใจของเซียวเฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความตกใจ
ง้าวผ่าฟ้าในมือของเขาสั่นเล็กน้อย และเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยินก็ถ่ายทอดเข้าสู่จิตใจของเขา
“ค่ายกลนี้ดูคล้ายกับค่ายกลที่ศาลสวรรค์ใช้เพื่อดึงพลังดารา มันจะเป็นค่ายกลแบบเดียวกันหรือเปล่า?”
"อืม?"
การแสดงออกของเซียวเฉิงเฟิงแข็งทื่อ
หากง้าวผ่าฟ้าไม่ได้กล่าวถึงมัน เขาคงไม่สังเกตเห็นมัน
ตอนนี้อีกฝ่ายได้เตือนเขาแล้ว เซียวเฉิงเฟิงก็ตระหนักว่ามันมีความคล้ายคลึงกันบางอย่าง
เพียงแต่ความรู้ในด้านค่ายกลของเขานั้นธรรมดามาก และไม่มีทางที่จะเห็นเบาะแสได้มากนัก
อย่างไรก็ตาม เซียวเฉิงเฟิงเกือบจะแน่ใจแล้ว
แม้ว่าทะเลดวงดาวที่อยู่ตรงหน้าเขาจะไม่ใช่ค่ายกลเดียวกับที่อยู่ศาลสวรรค์ แต่ก็ต้องมีความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างสิ่งเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความรู้เดี่ยวกับค่ายกลมากนัก และตอนนี้ทำได้เพียงดูเท่านั้น
เช่นเดียวกับที่เซียวเฉิงเฟิงรู้สึกตกใจ
เทพองค์อื่นๆ ของศาลสวรรค์ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก
ทะเลดวงดาวอันพร่างพราว.
มันทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันกว้างใหญ่ราวกับเหวลึก และมันก็เข้ากันไม่ได้กับความว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ราวกับว่ามันเป็นโลกใบใหม่
เทพองค์หนึ่งถอนหายใจ “ทะเลดวงดาวนี้ดูน่าตื่นตา และงดงาม แต่ก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่มิติว่างเปล่าควรจะเป็น!”
ความรู้สึกนั้นมันออกมาจากที่ใดก็ไม่รู้
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกจากปาก เขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย สงสัยว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น
อย่างไรก็ตาม
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็คิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ และรู้สึกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
เมื่อเปรียบเทียบกับมิติว่างเปล่าที่อ้างว้าง และไม่มีสีสันที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยอันตรายทะเลดวงดาวที่แวววาวที่อยู่ตรงหน้าพวกมันก็ดูน่าพึงพอใจมากกว่า
เมื่อเทพบางองค์ได้ยินเช่นนั้น
พวกเขายังพยักหน้าเห็นด้วย
ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด มีเพียงฉู่กวงถู และหนิวต้าหลี่เท่านั้นที่มองเห็นเบาะแสของค่ายกลนี้
ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาทั้งสองเคยได้เห็นแผนภูมิดาวแล้ว
เมื่อเขาเห็นทะเลดวงดาวปรากฏขึ้น หนิวต้าหลี่ ก็อุทานออกมาว่า "แผนภูมิดาวโจวเทียนของจักรพรรดิฉินนั้นทรงพลังยิ่งกว่าเมื่อก่อน”
“แม้ว่าค่ายกลตรงหน้าจะยังคงด้อยกว่าค่ายกลซูโจวเทียนของยุคที่หนึ่งอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีช่องว่างให้พัฒนา”
ค่ายกลซูโจวเทียนในยุคที่หนึ่ง
ตลอดเวลาที่ค่ายกลซูโจวเทียนปรากฏขึ้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของค่ายกล
เพราะเหตุนี้ค่ายกลซูโจวเทียนที่ถูกสร้างขึ้นในยุคอื่นไม่สามารถเปรียบเทียบกับค่ายกลซูโจวเทียนในยุคที่หนึ่งได้
เหตุผลก็คือ
จำนวนผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังที่หลอมรวมพลังเพื่อสร้างค่ายกลเป็นปัญหาหนึ่ง สมบัติที่ใช้เป็นแกนกลางของค่ายกลก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง
ท้ายที่สุดแล้ว ค่ายกลซูโจวเทียนในยุคที่หนึ่ง มีอาวุธต้นกำเนิดเป็นแดนกลางของค่ายกล มันยังรวบรวมผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังเอาไว้ แม้แต่ผู้ข้ามกฏก็อาจตายได้หากพวกเขาเข้ามาในค่ายกล
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังจากยุคที่หนึ่ง หนิวต้าหลี่จะได้เห็นค่ายกลซูโจวเทียนที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร
ทะเลดวงดาวที่อยู่ตรงหน้าเขา
ยังคงมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างมันกับค่ายกลซูโจวเทียนของยุคที่หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม
มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าค่ายกลซูโจวเทียนในยุคอื่นๆ มากนัก
เขาบอกได้ว่า
แม้ว่าแผนภูมิดาวในมือของฉินซู่เจียนยังไม่อาจเทียบได้กับอาวุธต้นกำเนิด แต่ก็ใกล้เคียงกับระดับนั้น
“เป็นไปได้ที่จะสร้างค่ายกลซูโจวเทียนได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยความแข็งแกร่งของคนเพียงคนเดียว น่าเสียดายที่นายท่านจะไม่ได้เห็นมัน”
หนิวต้าหลี่คิดอะไรบางอย่างได้ และถอนหายใจอีกครั้ง
เมื่อได้ยินสิ่งนี้
ฉู่กวงถู่เงียบไป
เขารู้ว่าใครเป็นนายท่านที่หนิวต้าหลี่กล่าวถึง
สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไท่ชิง!
หากจักรพรรดิศาตราสามารถเรียกได้ว่าเป็นช่างตีเหล็กอันดับต้นๆ ของยุคที่สอง นั่นเป็นเพราะการดำรงอยู่ของสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไท่ชิง
เมื่อเป็นเรื่องของการตีเหล็ก
สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไท่ชิงคือจุดสูงสุดที่แท้จริง
มันอาจจะพูดได้ว่า ต้นกำเนิดของช่างตีเหล็กมีต้นกำเนิดมาจากสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไท่ชิง
แนวคิดของแผนภูมิดาวโจมเทียนก็มาจากสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ไท่ชิงเช่นกัน
มันน่าเสียดาย
แม้ว่าแผนภูมิดาวจะถือกำเนิดขึ้นในยุคต่อมา แต่ก็ยังห่างไกลจากการไปถึงจุดสูงสุดของยุคที่หลัง
ไม่ว่ามันจะอยู่ในยุคใดก็ตาม
มันยากมากที่จะสร้างสิ่งที่เทียบได้กับอาวุธต้นกำเนิด
อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้
การกำเนิดของอาวุธต้นกำเนิดนั้นได้รับการหล่อเลี้ยงจักรวาล และธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม แผนภูมิดาวในมือของฉินซู่เจียนมีคุณสมบัติที่จะเทียบเท่าเป็นอาวุธต้นกำเนิด
ในยุคที่หนึ่งได้ในอนาคต
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้.
ฉู่กวงถูก็ถอนหายใจเช่นกัน “ยุคนี้แตกต่างจากยุคอื่นมาก จักรพรรดิศาสตราเคยกล่าวไว้ว่าอาวุธต้นกำเนิดไม่สามารถหลอมสร้างได้ เพราะแม้เขาจะไม่ได้สร้างอาวุธต้นกำเนิดที่แท้จริงได้”
“แต่จากรูปลักษณ์ของมันตอนนี้ มันจะไม่คงอีกนานก่อนที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เทียบได้กับอาวุธต้นกำเนิดในยุคก่อนจะปรากฏขึ้น”
แผนภูมิดาวโจวเทียนยังพัฒนาได้อีก
ในระดับของเขา โดยพื้นฐานแล้วเขารู้ทุกอย่าง
แต่ปัญหาคือ …
ถ้าต้องการพัฒนาแผนภูมิดาว จะต้องมีแกนดาวจำนวนมาก แม้แต่ในยุคที่หนึ่ง กนดาวก็หายาก และมีค่ามาก
แม้ว่าดวงดาวทั้งหมดจะถูกทำลายไป แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับแกนดาวมากนัก
ไม่มีแกนดาว
ไม่มีทางที่จะพัฒนาแผนภูมิดาวได้
นี่เป็นสิ่งที่ยากที่สุด
ในเวลานี้ ค่ายกลซูโจวเทียนได้ถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์ ฉินซู่เจียนหยิบระฆังเทียนตี้ และกระจก สวรรค์ออกมา และวางพวกมันที่ตำแหน่งของแกนกลางค่ายกล
ในทันที ค่ายกลถูกกระตุ้น และเปล่งพลังออกมา