ตอนที่แล้วบทที่ 13 : คนมีฝีมือราคาไม่ถูก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15 : สกิลเลเวลอัพ

บทที่ 14 : การแก้แค้นและการฝึกหนัก!


บทที่ 14 : การแก้แค้นและการฝึกหนัก!

“อะไรนะครับ? คุณอยากให้ผมโทรเรียกทีมเก็บกู้ซากงั้นหรอครับ?”

“อะไรนะครับ? มันมีซากกระต่ายเขาเดียวเยอะมากด้วย?”

เวลาเย็น

เมื่อคังจุนโมวางสายซังวู เขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังภูเขาอูจังซานโดยทันที

' เขาบอกให้ฉันโทรเรียกทีมเก็บกู้ซากเลยหรอ? นี่เขาจะต้องล่าได้เยอะขนาดไหนกัน?'

ฮันเตอร์ทำอะไรกับซากของมอนสเตอร์หลังจากที่พวกมันตายแล้ว?

ฮันเตอร์ส่วนใหญ่ที่ออกล่าตามลำพังหรือฮันเตอร์รายย่อยมักจะขนย้ายและนำพวกมันไปขายด้วยตัวเอง แม้ว่าพวกเขาจะสามารถจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเองได้ แต่กระบวนการก็ค่อนข้างยุ่งยาก

ด้วยเหตุนี้เอ ฮันเตอร์แรงค์ E ขึ้นไปหรือฮันเตอร์บริษัทใหญ่จึงมักจะมีการโทรติดต่อบริษัทเก็บกู้ซากมอนสเตอร์มืออาชีพ หรือไม่ก็สมัครใช้บริการผ่านแอปของกิลด์ฮันเตอร์โดยเฉพาะ

ซากศพของมอนเตอร์ที่เก็บรวบรวมมาด้วยวิธีนี้จะถูกส่งไปยังโรงชำแหละโดยตรง ซึ่งพวกมันก็จะถูกแยกส่วนอย่างประณีตและขายเป็นไอเทม

แต่ฮันเตอร์แรงค์ F เพียงคนเดียวจะถึงขั้นต้องเรียกทีมเก็บกู้ซากเลยหรอ?

เมื่อเขาโทรหาทีมเก็บกู้ซาก เขาก็จะต้องจ่าย 200,000 วอนต่อคน ดังนั้นเมื่อพิจารณาว่าราคาตลาดของซากกระต่ายเขาเดียวอยู่ที่ประมาณ 100,000 ถึง 120,000 วอนต่อตัว หากคุณเรียกพวกเจาเข้ามา คุณก็มีแนวโน้มว่าจะขาดทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้วยเหตุนี้เอง ในท้ายที่สุดแล้ว คังจุนโมจึงไม่ได้โทรหาทีมเก็บกู้ซากโดยทันทีแม้ว่าซังวูจะร้องขอแล้วก็ตาม

จนกว่าฉันจะได้เห็นด้วยตาของฉันเอง!

หลังจากมาถึงภูเขาอูจังซานแล้ว คังจุนโมก็มุ่งหน้าตรงไปที่ชั้นสาม

' ให้ตายเถอะ พวกแม่งเก็บค่าเข้ากูอีกแล้ว ;-; '

“ขออนุญาตนะครับ เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมขอผ่านทางหน่อยครับ”

คังจุนโมฝ่าฝูงฮันเตอร์ไปได้และมาถึงที่ตั้งของซังวูกับร่างโคลน

เขาอ้าปากค้างทันทีเมื่อเห็นฉากที่น่ามหัศจรรย์นี้

“โอ้พระเจ้า...”

ซากกระต่ายเขาเดียวกองพะเนินอยู่เต็มโถงทางเดิน

เลือดที่ไหลนองลงมาผ่านรูกระสุนในร่างกายของพวกมันทำให้โถงทางเดินเปียกโชกไปด้วยเลือด

“คุณฮันเตอร์.. เอ่อ? มันคือหมายเลข 2 หรอ?”

คังจุนโมเดินเข้าไปหาชายที่สวมหน้ากากอนามัยและแว่นกันแดด

จากนั้นชายคนนั้นหรือหมายเลข 2 ก็หันกล้องสมาร์ทโฟนไปที่คังจุนโม แล้วหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “คุณมาถึงแล้วหรอครับ?”

“เอ่อ? คุณฮันเตอร์นี่เอง มันเกิดอะไรขึ้นครับ?”

คังจุนโมมองคนในจอสมาร์ทโฟนและจำอีกฝ่ายได้ในทันที อย่างไรก็ตาม เสียงพูดก็มาจากหมายเลข 2 แทนที่จะดังมาจากในสมาร์ทโฟน

“คุณตัวแทน  จริงๆ แล้วตอนนี้ผมเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน ผมรู้แค่ว่านี่คือสิ่งที่หมายเลข 2 ล่ามาได้ ยิ่งไปกว่านั้น คุณตัวแทน ทีมเก็บกู้ซากจะมาถึงเมื่อไหร่กันครับ?”

“เอ่อ ทีมเก็บกู้ซาก? อ้า! สักครู่นะครับ กรุณารอสักครู่!”

จากนั้นคังจุนโมก็รีบโทรหาบริษัทเก็บกู้ซากมอนสเตอร์ที่เขารู้จัก

“เอ่อผู้จัดการคิม นี่ผมเองครับ ไม่ครับ ฉันไม่ได้โทรมาชวนคุณดื่ม ตอนนี้คุณช่วยส่งทีมเก็บกู้ซากมาที่สนามล่าอูจังซานหน่อยได้ไหมครับ? ครับ? จำนวนคนในทีมหรอครับ...”

คังจุนโมจ้องมองภูเขากระต่าย(?)อยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเปิดปากของเขา

“เอาคนงานมาประมาณ 10 คนก็ได้ครับ ไม่มีคนพอหรอครับ? เอ่อ...งั้นตอนนี้มีกี่คนครับ? ตกลงครับ กรุณาส่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ทีนะครับ”

จากนั้นเขาก็วางสาย

ฮันเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆ พูดกับคังจุนโม

“ขอโทษนะครับ คุณคือผู้จัดการของฮันเตอร์คนนั้นใช่รึเปล่า?”

“ใช่ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ?”

“อ่า ยินดีที่ได้รู้จักครับ ชายคนนั้นเขานิ่งมากจนผมไม่รู้จะพูดกับเขายังไงดี”

ชายคนนั้นหยิบนามบัตรออกมาแล้วมอบให้คังจุนโม

นามบัตรนี้มีคำว่า 'สมาคมฮันเตอร์มหาวิทยาลัยซองซิล' เขียนอยู่

คังจุนโมตระหนักได้ทันทีว่าจุดประสงค์ของชายคนนี้คือการรับสมัคร

“ผมอยากรับสมัครเขาเข้ามาร่วมทีมด้วยน่ะครับ ขอผมทราบชื่อฮันเตอร์คนนั้นหน่อยจะได้ไหมครับ?”

“เฮ้ เราก็เหมือนกัน...”

“กรุณาเอานามบัตรของผมไปด้วย”

เมื่อคังจุนโมบอกว่าเขาเป็นผู้จัดการของซังวู นามบัตรก็หลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกมุม

ในสถานการณ์ที่วุ่นวายนี้ คังจุนโมก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องควบคุมมันให้อยู่มือ

“ทุกคนโปรดเงียบด้วย!”

จากนั้นทุกอย่างก็หยุดอยู่ในความสงบ

คังจุนโมพูดกับพวกเขา

“บุคคลนี้อยู่ภายใต้นามบริษัท JM เอเจนซี่ของเรา ผมไม่สามารถเปิดเผยชื่อของเขาได้ และมันก็จะไม่มีการรับสมัครใดๆ เกิดขึ้นกับคนของเรา”

คังจุนโมพูดออกมาอย่างมั่นใจ

มีรอยยิ้มปรากฎขึ้นบนมุมปากของเขา

* * *

ห้องของฮายอนตกแต่งอย่างน่ารักด้วยตุ๊กตา

ซังวูและฮายอนนั่งเคียงข้างกันที่หน้าโต๊ะเรียน

ซังวูกำลังดูสมาร์ทโฟนของเขา ขณะที่ฮายอนกำลังแก้ไขโจทย์ปัญหา

หน้าจอสมาร์ทโฟนกำลังแสดงภาพคังจุนโมที่กำลังควบคุมฝูงชนอยู่

ใช่.

ซังวูกำลังวิดีโอคอลกับหมายเลข 2 เขาเฝ้าดูสถานการณ์โดยรอบหมายเลข 2 แบบเรียลไทม์ และสั่งการระยะไกลเกี่ยวกับสิ่งที่หมายเลข 2 ควรพูดและควรเคลื่อนไหวอย่างไร

“พี่ซังวู พี่กำลังดูอะไรอยู่”

ในเวลานั้นเอง ฮายอนก็เงยหน้าขึ้นมองซังวูราวกับว่าเธอได้แก้ไขโจทย์ปัญหาทั้งหมดเสร็จแล้ว

ทันใดนั้น ซังวูก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของฮายอนที่อยู่ข้างๆ เขากดวางสายลงโดยทันที

“โอ้ มันไม่มีอะไรเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ออกคำสั่งให้หมายเลข 2 ทำตามคำสั่งของคังจุนโม

“ไม่จริง! เห็นๆ กันอยู่ว่าพี่เอาแต่ดูสมาร์ทโฟน”

“ฮ่าฮ่า ขอโทษที... พอดีฉันมีเรื่องเร่งด่วนน่ะ”

“มันเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ หรอ?”

ในเวลาเดียวกัน ฮายอนก็เริ่มแสดงสีหน้าชั่วร้าย

“พี่กำลังดูอะไรลามกอยู่ใช่ไหม?”

“ห้ะ? เปล่า! ฉันไม่ได้ดูอะไรพวกนั้นซะหน่อย”

“โอ้โห นี่พี่มาติวหนูแล้วก็ดูหนังโป๊ไปด้วยเนี่ยนะ! ว้าย คนโรคจิต!”

“เปล่านะ!”

“ไม่เป็นไรนะพี่ หนูเป็นคนใจกว้างและเข้าใจทุกอย่าง”

“ห้ะ! เธออยากโดนตีใช่ไหม?”

“ตีเลย ตีเลย~ คิคิ พี่ตีหนูไม่ได้หรอก”

ฮายอนแลบลิ้นออกมาและยั่วโมโหซังวู

ซังวูคว้าหัวของเธอเข้ามาในทันทีและล็อคหัวเธอไว้

“อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!”

“หนูจะไม่ทำอีกแล้ว พอแล้ว”

“หึ! ดูวิธีที่เธอพูดกับผู้ใหญ่สิ!”

“หนูยอมแพ้แล้ว หนูยอมแพ้แล้ว!”

จางฮายอนประกาศยอมแพ้ขณะพยายามดิ้นรนขัดขืน

จากนั้นซังวูก็ปล่อยเธอออกไป

ผมยาวตรงของฮายอนพันกันยุ่งเหยิงเป็นกระจุก

อย่างไรก็ตาม ซังวูก็ไม่แสดงอาการใดๆ เลยและแสดงสีหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังจากพูดคุยและหัวเราะกันสักพัก พวกเขาก็เติมพลังและเริ่มเรียนหนักอีกครั้ง

หลังจากสอนเสร็จก็เป็นเวลาเกือบ 22.00 น.

ที่บ้านของฮายอน ซังวูกำลังนั่งอยู่ด้วยกันในห้องนั่งเล่นกับฮายอนและคิมอ๊กจอง พวกเขากำลังนั่งกินไก่ทอดกันอยู่

“ขอบคุณนะซังวู ฉันจะกินให้อร่อยเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็ได้รับค่าสอนพิเศษมาเยอะแล้ว แค่นี้ไม่ได้มากมายอะไรเลย”

“ช่ายช่าย ถูกต้องแล้ว พี่ซังวูไม่ได้สอนหนักอะไรเลย.. แอ่ก!”

ซังวูยัดขาไก่เข้าไปในปากของฮายอนอย่างรวดเร็ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมเป็นคนทุ่มเทให้กับงานอยู่แล้วครับ คุณแม่ไม่จำเป็นต้องห่วงเลย คุณแม่กินเยอะๆ เถอะครับ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ซังวูเองก็กินเยอะๆ เถอะจ่ะ”

ขณะที่เขากำลังกินไก่ทอดอยู่นั้น เขาก็ได้รับสายโทรเรียกเข้า

ซังวูลุกขึ้นและเดินออกไปรับโทรศัพท์

“สวัสดีครับ?”

-ลูกชาย~

ลีแอซุกแม่ของซังวูพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“เอ่อ.. แม่”

- ขอบใจนะลูกสำหรับไก่ทอด ว้าว~

จริงๆ แล้ว ในตอนที่ซังวูสั่งไก่มากินที่นี่ เขาก็ได้สั่งไก่ไปให้ที่บ้านของเขาที่บูชอนด้วย

เนื่องจากเขาไม่ได้กลับไปบ้านพ่อแม่ในช่วงวันหยุด เขาจึงคิดว่าเขาควรจะติดต่อพวกเขากลับไปบ้าง ด้วยเหตุนี้เอง มันจะมีการติดต่อไหนที่ดีกว่าไปกว่าการส่งไก่ทอดไปให้กัน?

“ฮ่าฮ่า ดีใจครับที่แม่ชอบ”

-แน่นอนสิลูก~ ตั้งใตเรียนนะลูก~ แล้วก็กลับมาบ้านบ้าง~

“ เอ่อ.. แม่ครับ ผมกำลังออกกำลังกายอยู่ เดี๋ยวผมต้องไปก่อนแล้วนะครับ

-แม่! นั่นแม่กำลังคุยกับพี่ชายหนูอยู่หรอ?

ขณะนั้นเอง เสียงคนอื่นก็ดังเข้ามาในสาย จากนั้นเสียงผู้หญิงอีกคนก็ดังชัดขึ้น

นั่นคือจองจีวู น้องสาวของซังวู

-พี่ชาย! ขอบคุณนะสำหรับไก่!

" จ้า~”

-แต่พี่คะ คือเงินในกระเป๋าตัง...

ทันทีที่ซังวูได้ยินคำว่า 'เงิน' กับ 'กระเป๋าตัง' เขาก็กดวางสายลงในทันที

พวกเขาเป็นพี่น้องที่ดีจริงๆ

เสียงโทรเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้ง แต่ซังวูก็ปรับเป็นโหมดเงียบโดยทันที

' ถ้าอยากได้รับก็ต้องพยายามหามาด้วยตัวเองนะน้องสาว~'

ในความเป็นจริง ซังวูผู้ซึ่งมีปรัชญาแปลกๆ ก็กำลังทำสิ่งที่ขัดกับคำพูดของเขาโดยการสั่งให้ร่างโคลนของเขาไปทำทุกอย่างแทน

ซังวูกลับมาดูทีวีและกินไก่

ขณะที่ฮายอนและเขากำลังคุยกันอย่างมีความสุข จู่ๆ ข้อความก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา

[ ความว่องไวเพิ่มขึ้น 0.001 ]

จากนั้นซังวูก็นึกถึงหมายเลข 1 ที่กำลังเรียนศิลปะการต่อสู้ที่ไฮเปอร์ยิม

' มันก็ผ่านมาสักระยะแล้วที่ค่าความว่องไวของฉันเพิ่มขึ้น โอ้ใช่ คิดดูอีกที ฉันก็ลืมหมายเลข 1 ไปเลย โดยปกติแล้วการฝึกจะใช้เวลา 2 ชั่วโมง ดังนั้นตอนนี้เขาก็คงจะฝึกเสร็จแล้วสินะ'

เนื่องจากผลงานอันน่าตกใจของหมายเลข 2 ในวันนี้ เขาจึงลืมเรื่องหมายเลข 1 ไปโดยสิ้นเชิง

ในตอนนี้ หมายเลข 1 ก็อยู่ที่ยิม เขากำลัง ‘ฟังครูฝึกอย่างระมัดระวังและฝึกซ้อมอย่างหนัก’ เขาจะต้องฝึกฝนอย่างหนักตามคำสั่งที่ได้รับและ 'ตอบให้เสียงดังฟังชัด'

'หมายเลข 1 หลังจากฝึกเสร็จแล้วก็ไปออกกำลังกายในยิมต่อเลย'

ซังวูออกคำสั่งในใจอีกครั้งและกลับมาใช้กินไก่ทอดต่อ

เขาไม่ได้รู้เลยว่าหมายเลข 1 เองก็ได้สร้างเรื่องเอาไว้เหมือนกัน

* * *

ณ ไฮเปอร์ยิม

ลีจงฮุนที่กำลังฝึกหมายเลข 1 อยู่รู้สึกประหลาดใจ

' อะไรกัน? ทำไมการเคลื่อนไหวของคุณถึงช้าเป็นเต่าแบบนั้นกัน?'

ตอนแรกเขาต้องการจะแก้เผ็ดทัศนคติที่เย่อหยิ่งของซังวูจากเมื่อวันก่อน ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อหมายเลข 1 มาถึง เขาจึงได้เริ่มการฝึกฝนอย่างหนักโดยทันที

การฝึกนี้คือการกลิ้งเพื่อฝึกหลบหลีก

นี่เป็นการฝึกต่อจากการฝึกครั้งเมื่อวาน

การฝึกนี้เป็นการฝึกที่สำคัญมาก แต่มันก็เป็นการออกกำลังกายที่ใช้พลังมากกว่าที่คิดด้วยเช่นกัน นี่เป็นเพราะคุณต้องเหวี่ยงตัวและกลิ้งตัวไปมาบนพื้น

เหนือสิ่งอื่นใด ความรู้สึกของการทำร้ายตัวเอง(?) ที่เกิดจากการกลิ้งตัวลงบนพื้นยังส่งผลต่อสภาพจิตใจด้วย ด้วยเหตุนี้เอง นี่จึงเป็นการฝึกฝนที่เข้ากันได้ดีกับแผนการอันชั่วร้ายของลีจงฮุน

แต่แล้วนี่คืออะไร?

ทันทีที่เขาเริ่มฝึก ลีจงฮุนรู้สึกได้ทันทีว่าการเคลื่อนไหวของหมายเลข 1 นั้นช้ากว่าเมื่อวานแบบครึ่งๆ

แน่นอนว่าลีจงฮุนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับร่างโคลน ดังนั้นเขาจึงคิดว่านี่เป็นกลอุบายหนึ่งของซังวู

“คุณซังวู นี่มันไม่ช้ากว่าเมื่อวานมากไปหน่อยหรอครับ? คุณไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”

“ผมทำได้เท่านี้ครับ”

“นั่นคือทั้งหมดที่คุณสามารถทำได้แล้วหรอ? เร็วขึ้นอีก! ขยับให้เร็วขึ้นอีก! พวกมอนสเตอร์ไม่มาสนใจคุณหรอกนะ! ทำให้การเคลื่อนไหวของคุณรวดเร็วขึ้นซะ! ออกแรงที่เท้าของคุณให้มากขึ้นไปอีกเมื่อคุณกระโดด!”

ท้ายที่สุดแล้ว เนื่องจากเขาเป็นโค้ช เขาจึงดำเนินการแก้ไขการเคลื่อนไหวและวิธีการกลิ้งของหมายเลข 1 ต่อไปอีกประมาณ 10 นาที

ลีจงฮุนไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาทีแล้วเพราะซังวูหรือหมายเลข 1 กำลังมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก ถึงอย่างนั้น อีกฝ่ายก็กลับไม่เคยแสดงอาการหยุดและยังคงดำเนินการฝึกฝนต่อไปโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ

เมื่อเห็นดังนี้ ในที่สุดเขาก็มองดูนาฬิกา

' โอ้ ผ่านไป 10 นาทีแล้วหรอเนี่ย? 'ฉันใช้เวลานานเกินไปรึเปล่านะ?'

การกระโดดไปด้านข้าง กระโดดไปข้างหน้า และกลิ้งสุดกำลังนั้นเป็นการเคลื่อนไหวที่ยากกว่าที่คุณคิด

จากประสบการณ์ของลีจงฮุน ผู้เริ่มต้นส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถยืนหยัดได้นานถึง 5 นาที พวกเขามักจะเส้นยึดและขยับต่อไม่ไหวกันซะก่อน

อย่างไรก็ตาม หมายเลข 1 ก็ยังทำตามได้โดยปกติ และลีจงฮุนก็ตัดสินใจที่จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปเพื่อแก้แค้นที่ซังวูทำไว้เมื่อวันก่อนหน้า

' เอาล่ะ กลิ้งต่อไปอีกสัก 5 นาทีแล้วค่อยให้พักก็แล้วกัน นายจะได้ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของศิลปะการต่อสู้อย่างแท้จริง และนายจะได้รู้ไว้ว่าคำสั่งของโค้ชนั้นเด็ดขาดแค่ไหน!’

แม้ว่าเขาอยากจะจงใจแก้แค้นซังวู แต่เขาก็ยังทำงานหนักเพื่อพยายามเคี่ยวเข็นหมายเลข 1 อย่างเอาเป็นเอาตายเช่นกัน

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?

การเคลื่อนไหวของหมายเลข 1 ค่อยๆ ดีขึ้น แต่ลีจงฮุนก็เริ่มกังวลขึ้นมาหลังจากเห็นว่าหมายเลข 1 ยังคงไม่พูดอะไรเลย

“เฮ้ คุณซังวู คุณเหนื่อยรึเปล่าครับ?”

“ฮะ ฮะ ใช่ครับ”

“งั้นเราจะหยุดกันก่อนดีไหมครับ? เรายังมีการฝึกอื่นๆ อยู่อีกด้วย”

“ได้ครับ ฮะฮะ”

จากนั้นหมายเลข 1 ก็หยุดลง

ลีจงฮุนไม่รู้ว่าซังวูหรือหมายเลข 1 มีสกิลด้านความอดทนหรือเป็นเพราะเขามีความอุตสาหะอย่างยิ่งกันแน่

‘ เมื่อวานเขาดูเย่อหยิ่ง แต่วันนี้เขากลับกลายเป็นคนเชื่อฟังคำสั่งซะแล้ว?’

ลีจงฮุนมอบน้ำให้กับหมายเลข 1

“เฮ้ คุณซังวู ผมรู้สึกประหลาดใจจริงๆ นะครับที่เห็นคุณฝึกหนัก นี่ครับ ดื่มน้ำหน่อย”

“ได้ครับ”

หมายเลข 1 ดื่มน้ำหมดภายในครั้งเดียว

“คุณคงจะกระหายน้ำมากสินะครับ.. การฝึกก่อนหน้านี้ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้เริ่มต้น แต่คุณก็ผ่านมันมาได้ ตอนนี้คุณอยากจะฝึกกันต่อเลยไหมครับ?”

“ได้ครับ”

ต่างจากซังวูคนเมื่อวานที่ลีจงฮุนพบ เขาคิดว่ามันแปลกเล็กน้อยที่คำตอบของซังวู(?)นั้นสั้นและกระชับ ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร

“เอาล่ะครับ ครั้งนี้ผมจะฝึกในหัวข้ออื่นต่อเลยนะครับ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด