ตอนที่แล้วบทที่ 4 ยุคสุดท้ายรอบนี้ต้องร้อนแรงกว่าเดิม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6 การค้นพบโดยบังเอิญ

บทที่ 5 ปีศาจออกอาละวาด


บทที่ 5

ปีศาจออกอาละวาด

ความกลัว!

เสียงกรีดร้อง!

ความตาย!

ความสิ้นหวัง!

กลียุคกำลังเกิดขึ้นไปทั่วทุกมุมโลกในเวลาเดียวกัน

เฉินเทียนเซิงนั่งอยู่บนโซฟาในห้อง 301 พยายามสงบสติอารมณ์ที่ปั่นป่วน ก่อนเริ่มทำความเข้าใจระบบในหัวของเขา

หน้าระบบนั้นเรียบง่ายมาก

มีภาพตัวละครเสมือนจริง แบ่งออกเป็นส่วนหัว ลำตัว แขน ต้นขา และช่วงเข่าลงมา

ถัดจากนั้นเป็นข้อมูลแปลก ๆ

พลังกาย :

ความแข็งแรง :

ความเร็ว :

พลังใจ :

เมื่อเขาโบกมือ หน้าถัดไปก็ปรากฏขึ้น โดยหน้านั้นคือระบบคะแนน และสิ่งเดียวที่เขาซื้อได้ในตอนนี้คือแพ็กของขวัญ

คะแนนสิบแต้มสามารถแลกของขวัญได้ครั้งเดียว ส่วนหนึ่งร้อยแต้มนั้นสามารถแลกของขวัญได้สิบครั้งติดต่อกัน

นอกจากนี้ยังมีช่องของขวัญอย่างอื่นอยู่อีก แต่ยังไม่ปลดล็อกในขณะนี้ จึงไม่สามารถกดเข้าไปดูรายละเอียดได้

หลังจากนั่งศึกษาระบบไประยะหนึ่ง เฉินเทียนเซิงก็ขมวดคิ้ว

“มันเหมือนกับระบบในเกมเลยนี่ ถ้าเราฆ่าซอมบี้ก็จะได้รับคะแนนเพิ่ม และคะแนนก็สามารถเอาไปแลกของขวัญได้ เป็นไปได้ไหมว่ามนุษย์คนอื่นหรือสิ่งมีชีวิตที่เหลือก็มีระบบแบบนี้เหมือนกัน?”

เขาไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ มีระบบแบบเดียวกันรึเปล่า จากประสบการณ์ในช่วงสิบปีเมื่อชาติที่แล้ว การจะได้มาซึ่งอำนาจ ต้องอาศัยต่อมไพเนียล*ในหัวของซอมบี้ หรือที่เรียกกันว่าผลึกกลายพันธุ์

*ไพเนียล = หรือก็คือต่อมเหนือสมอง เป็นต่อมเล็ก ๆ ที่ช่วยสร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของวัยรุ่นก่อนถึงวัยกลางคน ถ้าหากต่อมนี้เกิดการเสียหาย จะทำให้เกิดการเจริญเติบโตเร็วกว่าผิดปกติ

หายนะต่อมานั้นเกิดขึ้นประมาณสามเดือนให้หลังจากวันสิ้นโลก ระบบการแลกเปลี่ยนด้วยเงินถูกพังลง หากใครต้องการแลกเปลี่ยนเสบียงหรือสิ่งของ ทุกคนสามารถทำ           การแลกเปลี่ยนโดยใช้อาหารหรือผลึกกลายพันธุ์

แน่นอนว่ารากฐานของการอยู่รอดนั้น ผลึกกลายพันธุ์มีส่วนเกี่ยวข้องเต็ม ๆ หลังจากการวิจัยและพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ขององค์กรหนึ่ง ได้ผลวิจัยออกมาว่า ในผลึกกลายพันธุ์ที่ถูกดึงออกมานั้น สามารถให้พลังพิเศษแก่ผู้ที่ครอบครอง คนประเภทนี้จะถูกเรียกว่า มนุษย์ยุคใหม่

ในช่วงต้นของวันสิ้นโลก ทุกคนไม่รู้ถึงความสำคัญของผลึกกลายพันธุ์ เพราะทุกคนต่างหวาดกลัวและหลบซ่อนเพื่อเอาตัวรอด แต่สิ่งนี้ก็ทำให้คนส่วนใหญ่ตามการวิวัฒนาการของมนุษย์ยุคใหม่ไม่ทัน

ชาติก่อนของเฉินเทียนเซิงถูกคนอื่นกดดันและริบของที่ควรเป็นของเขาไปหมด เป็นผลให้ในช่วงห้าปีให้หลัง ขณะที่ทุกคนต่างวิวัฒนาการไปเป็นมนุษย์ยุคใหม่ เขาได้เพียงยาเสริมกำลังที่เพิ่มพลังให้เขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ช่วงเวลานั้นทุกคนต่างแข็งแกร่งมากขึ้น ส่วนเขาเป็นคนเดียวที่แข็งแกร่งน้อยที่สุด ทุกคนจึงให้ค่าเขาเป็นแค่อาหารซอมบี้เท่านั้น

แน่นอนว่าชีวิตใหม่นี้เขาจะไม่ยอมให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอย

ขณะนั้นข้างนอกยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง จากคำอธิบายของนักวิทยาศาสตร์ที่เขารู้จักในชาติก่อน บอกไว้ว่าในเม็ดฝนนั้นเต็มไปด้วยมลพิษผสมอยู่ซึ่งก็คือพรีออน* โดยหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่สัมผัสกับฝนนี้จะเกิดการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังมีวิจัยออกมาว่าสามวันก่อนวันสิ้นโลก ปริมาณพรีออนในอากาศสูงมาก ทั้งยังทำให้เกิดอัตราการติดเชื้อถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์

*พรีออน = หรือเรียกอีกอย่างว่าโปรตีนมัจจุราช เป็นโปรตีนขนาดเล็กไม่ละลายน้ำ ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร้อนและเย็น ทั้งยังทนต่อความแห้งแล้งและย่อยสลายอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นอนุภาคโปรตีนที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในสัตว์และมนุษย์ รวมถึงเป็นเชื้อติดต่ออีกต่างหาก นอกจากนี้มันยังเป็นสาเหตุของโรควัวบ้าอีกด้วย

ตอนนี้เขายังทำอะไรไม่ได้ จึงตัดสินใจนอนให้เต็มอิ่ม เตรียมร่างกายให้พร้อม รอจนกว่าฝนจะหยุด ต่อจากนี้เขาจะต้องเอาตัวรอดจากช่วงแพร่ระบาดไปให้ได้ แล้วค่อยไปล่าซอมบี้เพื่อเก็บผลึกกลายพันธุ์ รวมถึงศึกษากลไกการแลกเปลี่ยนของขวัญของร้านค้าในระบบ

ในขณะที่โลกต้องเผชิญกับจุดจบ เฉินเทียนเซิงได้เตรียมตัวเป็นอย่างดี ต่างจากคนอื่นที่กำลังหนีเอาตัวรอด

...

หลิวเหล่ยเป็นถึงทายาทของเจ้าของหอพัก เขาจึงมีห้องพักส่วนตัวอยู่หลายห้อง

ห้อง 601 ก็เป็นหนึ่งในห้องพักของเขาเช่นกัน หลังจากเกิดหายนะ ผู้ที่รอดชีวิตมาได้ต่างเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องนี้

เนื่องจากเขาเป็นที่รู้จักของใครหลายคน จึงมีกลุ่มคนไม่น้อยวิ่งหนีตามเขาเข้ามา ในกลุ่มมีทั้งนักเลงและตำรวจ เขาไม่กล้าไล่ทุกคนออกไปจึงยอมให้อยู่ต่อ ตอนนี้ทุกคนยืนอยู่หน้าทีวีเพื่อฟังการรายงานข่าว

“สถานีของเราได้รับการรายงานอย่างเร่งด่วนว่า น้ำฝนที่เต็มไปด้วยสารพิษตกไปทั่วทั้งโลกอย่างฉับพลัน นักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ระบุว่าในเม็ดฝนมีพรีออนจำนวนมาก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนหรือทั่วประเทศอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหน ให้กักตัวจนกว่าฝนจะหยุด...”

เมื่อเปลี่ยนช่อง รายการข่าวทุกช่องล้วนมีแต่ข่าวเตือนภัย

“ทุกคนต้องอยู่แต่ในบ้าน โปรดเชื่อมั่นในรัฐบาลของพวกคุณ การช่วยเหลือจะมาถึงภายในสามวัน โปรดให้ความร่วมมือด้วย”

เว่ยเฉียงตบหน้าผากตัวเองแล้วบ่นขึ้นมาว่า

“ทำไมจู่ ๆ ถึงมีไวรัสแบบนี้โผล่ออกมา แล้วไอ้พรีออนนี่มันอะไรกัน?”

ในขณะที่ทุกคนต่างยืนนิ่งเงียบไม่มีสติ

ผู้กองหวังที่ยืนอยู่ใกล้หน้าต่างโพล่งขึ้นมาว่า

“ฉันเคยได้ยินมาว่าพวกกวางซอมบี้ในสหรัฐอเมริกา หรือโรควัวบ้าในยุโรป สาเหตุของพวกมันก็มาล้วนมาจากไวรัสชนิดนี้”

“โกหกน่า มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?” ทุกคนในห้องต่างตื่นตระหนกในทันที

ผู้กองหวังหลับตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ

“บางที นี่อาจเป็นแพนดอรา*ก็ได้ การที่พระเจ้าลงโทษมนุษย์ยังไงล่ะ จุดจบมวลมนุษย์โลก มันมาถึงแล้ว!”

*แพนดอรา = ผู้หญิงคนแรกในตำนานเทพโอลิมปัส เธอได้เผลอไปเปิดกล่องแห่งความชั่วร้ายจึงทำให้มนุษย์เกิดมีความชั่ว จนเทพต้องเดือดร้อนมาจัดการ สุดท้ายเหล่าเทพจึงตัดสินใจล้มล้างมวลมนุษย์

หลังจากพูดจบ ผู้กองหวังก็ชักปืนออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วเล็งไปที่ขมับของเขา

“ฉันไม่อยากเป็นซอมบี้กินคน หรือกินเมียตัวเอง ฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธอเด็ดขาด!”

“ปัง”

เสียงปืนดังขึ้น เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วห้อง คนอื่น ๆ ต่างตกใจกลัวแล้วพากันวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง

หม่าเชี่ยนเชี่ยนทนดูภาพตรงหน้าไม่ไหว เธอจึงอาเจียนออกมาด้วยความขยะแขยง

ตอนนี้เกิดความโกลาหลขึ้นในห้อง เสียงกรีดร้องและเสียงปืนได้ดึงดูดความสนใจของเหล่าซอมบี้ตามโถงทางเดิน ไม่นานก็มีเสียงทุบประตูดังขึ้นไม่หยุด

เสียงกรีดร้องของความหวาดกลัว ดึงดูดซอมบี้เกือบทั้งอาคารให้ยิ่งกรูกันเข้ามา

“หุบปาก หุบปาก ทุกคนเงียบเดี๋ยวนี้”

เว่ยเฉียงตบหน้าผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังกรีดร้องอยู่ด้วยความโกรธ ก่อนหันกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วยกเก้าอี้ไปพิงประตูเอาไว้ จากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังออกมาด้วยความตื่นตระหนก ก่อนก้มตัวลงไปหยิบปืนของผู้กองหวัง แล้วหันปืนไปทางประตูด้วยมือที่สั่นเทา

ขณะเดียวกันนั้น

“กรึกกรึก”

“ตูม ปัง ปัง”

จู่ ๆ เสียงระเบิดก็ดังขึ้น ปรากฏการณ์ฟ้าผ่าทำให้เกิดแสงจ้าและเกิดเสียงดังจนแสบแก้วหู

นอกจากนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน รวมถึงไฟบนฝ้าเพดานที่กะพริบไปมา

หลังจากนั้นยังคงมีเสียงฟ้าร้องอยู่นาน

เมื่อไฟทุกดวงดับลง เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“หุบปาก ขืนยังแหกปากไม่เลิก ฉันจะยิงเธอเป็นคนแรกถ้าซอมบี้บุกเข้ามา!”

เว่ยเฉียงตะคอกใส่หญิงสาวขณะถือปืนไปด้วย แม้ว่ามือของเขาจะสั่นเทา แต่ดวงตาของเขาเหมือนกับเสือ ที่เต็มไปด้วยความหิวกระหาย

หญิงสาวคนนี้จำยอมยกมือขึ้นปิดปากแล้วเริ่มร้องไห้ ในขณะที่หม่าเชี่ยนเชี่ยนมีสีหน้าซีดเซียว เอาแต่หมอบตัวสั่นอยู่ตรงมุมห้อง

เนื่องจากมีปืนในมือ การข่มขู่จึงได้ผล ทั้งยังทำให้           เว่ยเฉียงรู้สึกมีอำนาจอีกด้วย เดิมทีเขาไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว ด้วยอำนาจนี้ ยุคที่มีซอมบี้คงไม่น่ากลัวเท่าไหร่

“ยังไงฉันก็ต้องตาย ถ้าฉันตายวันนี้และพรุ่งนี้ก็ไม่ต่างกันหรอก เธอน่ะ เข้ามาในห้องนอนกับฉันเดี๋ยวนี้!”

เว่ยเฉียงจิกหัวของหญิงสาวอย่างทารุณและโหดร้าย ก่อนดึงเธอเข้าไปในห้องนอนด้วยความหื่นกระหาย

“หุบปาก ถ้ายังขัดขืนฉันไม่เลิก ฉันได้ส่งเธอไปลงนรกแน่!”

ขณะที่ซอมบี้ยังคำรามอยู่ข้างนอก

ภายในห้องนอนเต็มไปด้วยเสียงโหยหวน

ฟ้าผ่าได้เกิดขึ้นไปทั่วโลกทั้งยังทำลายสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเช่นเครื่องใช้ไฟฟ้าไปมากมาย คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องมือสื่อสารเกือบทั้งหมดก็ถูกทำลายเช่นกัน เมื่อฟ้าผ่าหยุดลง ยุคแห่งความมืดก็มาถึง

ผู้กองหวังพูดถูก นี่คือแพนดอรา จุดเริ่มต้นของวันสิ้นโลก

กฎหมายและร่องรอยอารยธรรมของมนุษย์ถูกล้มล้างโดยสิ้นเชิงในเวลานี้

ละอองฝนยังคงโปรยปรายลงมาตลอดทั้งคืน

ดวงอาทิตย์โผล่ทะลุท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆดำ แสงสว่างส่องลงมายังเมืองที่ฉาบทาด้วยเลือด เหนือท้องฟ้ายังคงมีสีเทาอึมครึม กลิ่นเหม็นน่าขยะแขยงอบอวลอยู่ทั่วชั้นบรรยากาศอันขมุกขมัว

แม้ว่าฝนที่ก่อมลพิษนี้จะหยุดลงแล้ว แต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสยังคงเกิดขึ้นไปทุกที่

เพียงชั่วข้ามคืน โลกพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงจนสั่นสะเทือนไปถ้วนทั่ว

กฎเกณฑ์สูญสลาย มนุษยชาติถูกกำจัด ซอมบี้ออกอาละวาด อารยธรรมของมนุษย์ได้รับผลกระทบรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทุกการพัฒนา เทคโนโลยี รวมถึงรากฐานทางเศรษฐกิจที่สานต่อมานับพันปีหายไปภายในชั่วข้ามคืน

ตอนนี้เฉินเทียนเซิงรอดชีวิตจากการช่วงแพร่ระบาดที่นับว่าอันตรายที่สุดเป็นเวลาหนึ่งวันสองคืน

เช้าวันรุ่งขึ้น เขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้สวมหน้ากากป้องกันแก๊สพิษ ก่อนหยิบโล่ขึ้นมา อีกมือหนึ่งถือพลั่ว เขาพร้อมแล้วที่จะออกไปรับมือกับการต่อสู้ที่ดุเดือด

ประตูกันขโมยยังคงปิดสนิท เขาไม่ได้ตั้งใจจะออกไปทางประตู แต่เลือกที่จะเปิดหน้าต่างตรงระเบียงออก ถัดจากนั้นคือหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานในโถงทางเดิน นี่คือเส้นทางเข้าออกที่เขาคำนวณล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว

ก่อนอื่นเขาผูกเชือกเข้ากับปลายพลั่ว แล้วโยนมันออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี เพื่อกระแทกให้หน้าต่างแตก

“เพล้ง เพล้ง”

กระจกแตกละเอียด เศษทั้งหมดร่วงตกไปเบื้องล่าง

เฉินเทียนเซิงไม่กังวลอะไร เขารีบปีนออกไปแล้วเหยียบขอบระเบียง

ลมหนาวพัดโชยส่งเสียงหวีดหวิว รู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น

เฉินเทียนเซิงไม่มีความประหม่าหรือกลัวเลย เขาเคยชินกับเรื่องแบบนี้มามากแล้วในชาติก่อน เพราะเขามีประสบการณ์มากมาย ถึงมีความกล้าได้ขนาดนี้

เขาอดใจรอต่อไปอีกพักใหญ่ ทันใดนั้น...

ซอมบี้ที่อยู่ตรงโถงทางเดินรีบวิ่งมาที่หน้าต่างเมื่อได้ยินเสียงกระจกแตก มือ แขน และลำตัวของพวกมันโน้มยื่นออกไปนอกหน้าต่างทีละตัว

ระหว่างนั้นก็เปล่งเสียงคำรามดุร้าย

พวกซอมบี้ไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ พวกมันแทบไม่สนใจด้วยว่าผิวหนังของมันเองจะถูกบาดด้วยเศษแก้วมากมาย มันยังคงวิ่งกรูกันเข้าไปแออัดอยู่ตรงหน้าต่าง

ทันทีที่เขาเห็นหัวซอมบี้ยื่นออกมา เฉินเทียนเซิงไม่สามารถระงับความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นในใจได้อีกต่อไป

“มานี่เลยไอ้พวกเวร!”

สิ้นคำพูด เขาเงื้อมือขึ้นสูง แทงพลั่วปลายแหลมลงไปสุดแรง

“ได้รับ 1 คะแนน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด