ตอนที่แล้วบทที่ 33 ชะตากรรมของผู้ทรยศ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 35 ฟาร์มสะสมแต้ม

บทที่ 34 ออกไปทำธุระ


บทที่ 34

ออกไปทำธุระ

ช่วงนี้หยางเซวี่ยยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองได้ ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นเธอจะเห็นทุกอย่างแบบสโลว์โมชันไปหมด เพียงเดินไม่กี่ก้าวก็เดินไปไกลกว่าสิบเมตร เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ปรับตัวได้ยากจริง ๆ

“ขึ้นรถเถอะ กลางดึกแบบนี้อย่าทำให้คนอื่นกลัว”

ทันทีที่เฉินเทียนเซิงพูดจบ หยางเซวี่ยก็ขึ้นไปนั่งที่นั่งผู้โดยสารทันที

“แต่ว่า ความสามารถของคุณนั้นดีมาก ควรทำความคุ้นเคยกับมันเร็ว ๆ ไม่อย่างนั้นจะเป็นอุปสรรคในการใช้พลัง”

“อืม”

หยางเซวี่ยคิดว่าจะต้องรีบปรับตัวโดยเร็วที่สุด

จากนั้นเฉินเทียนเซิงที่กำลังทำงานอยู่ ก็ถามอย่างเป็นกันเองว่า “แล้วคุณตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นด่าคุณ”

“เธอเป็นแฟนเก่าของฉันเอง ก่อนวันสิ้นโลก ฉันกลับบ้านแล้วเห็นเธอกำลังมีเซ็กส์กับผู้ชายอื่น”

เฉินเทียนเซิงเปิดใจเล่าเรื่องนี้เป็นครั้งแรกหลังเกิดวันสิ้นโลก

“ในฐานะคนคนหนึ่ง ฉันเกลียดการหักหลังเป็นที่สุด”

หยางเซวี่ยพูดอย่างเคร่งขรึมต่อว่า “ฉันสาบาน ว่าจะไม่มีวันทรยศคุณเด็ดขาด”

หลังจากนั้นก็เกิดความเงียบเป็นเวลานาน จนกระทั่ง หยางเซวี่ยพูดขึ้นอีกครั้ง

“ถึงฉันจะไม่บริสุทธิ์แล้ว ถ้าคุณมีความต้องการเรื่องอย่างว่า ฉันพร้อมมอบให้เสมอ”

เฉินเทียนเซิงค่อย ๆ หันหน้ามาอย่างน่ากลัว จ้องเขม็งไปที่หยางเซวี่ยแล้วพูดแค่คำเดียวว่า

“ไป๊!”

เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาที หยางเซวี่ยก็หายตัวไป

ผ่านไปอีกคืน

เช้าวันรุ่งขึ้น

แสงแดดส่องผ่านกระจกหน้ารถมายังใบหน้าของ         เฉินเทียนเซิง

เขาหาวแล้วปิดแล็ปท็อปลง หลังจากผ่านคืนที่วุ่นวาย เขาได้เขียนความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับวันสิ้นโลกลงในรายงาน รวมถึงบทความเกี่ยวกับทฤษฎีของลำดับยีน การวิวัฒนาการ และวิธีการทำสงครามแบบใหม่ในวันสิ้นโลก

แม้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกคิดค้นโดยเขาตั้งแต่แรก แต่ถ้าเขาสามารถเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณชนได้ในช่วงแรกหลังเกิดวันสิ้นโลก เฉินเทียนเซิงคิดว่าชีวิตใหม่นี้จะต้องดีกว่าชีวิตที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

พวกทหารตื่นแต่เช้าตรู่ และเริ่มรวมพลหลังจากรุ่งสาง พร้อมออกไปลาดตระเวนพร้อมอาวุธครบมือ เตรียมตัวออกไปเผชิญกับความตายที่กำลังจะเกิดขึ้น

ปกติแล้วเจิ้งเหว่ยต้องกล่าวคำปลุกใจก่อนออกลาดตระเวน และออกทำศึกสงครามทุกครั้ง

“คิดเล็กคิดน้อยให้เบาลง อย่าลืมว่าเราคือทหารของประชาชน เราคือความหวังสุดท้ายของประชาชน เราต้องพร้อมเผชิญกับหายนะ แม้เวลาไม่เคยรอใคร ทุกอย่างก็ไม่แน่นอน อาหารก็เหลือน้อย แทบไม่พอประทังชีวิต แต่ความตายของประชาชนขึ้นอยู่กับพวกคุณ ไม่ว่าจะเหนื่อยล้าแค่ไหน จงกัดฟันเอาชีวิตรอด รู้นะว่าเจอซอมบี้ต้องทำยังไง ถ้ามันจำเป็นก็ลงมือเลย!”

“สุดท้ายอย่าได้ลืมคำมั่นของเรา!”

“ภารกิจต้องสำเร็จ ต้องรอดกลับมา และต้องชนะพวกมันให้ได้!”

“ออกเดินทาง!”

เหล่าทหารรีบขึ้นรถแล้วออกไป

เจิ้งเหว่ยปรับปกคอเสื้อให้ตั้งตรง ก่อนยืดหลัง แล้วทำความเคารพด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ให้กับเหล่าทหารและทีมกู้ภัย

คำสดุดีนี้มีไว้สำหรับวีรบุรุษ แต่คำสดุดีก็มีไว้สำหรับชีวิตเช่นกัน!

“บางที วันนี้อาจมีคนบาดเจ็บล้มตายมากก็ได้ ใครจะไปรู้”

เฉินเทียนเซิงถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ

บนทางหลวง

ก่อนเจิ้งเหว่ยส่งทหารออกไป ทันทีที่หันกลับมา เขาก็พบลัวหมิงที่มารอรับรายงาน เจิ้งเหว่ยเห็นก็รีบทำความเคารพ

“สวัสดีครับ”

“อืม”

ลัวหมิงคำนับ ก่อนที่รถจะวิ่งออกไปไกล คนหนึ่งเดินเข้าไปที่เขตกักกัน อีกคนหนึ่งต้องออกไปเสี่ยงชีวิต

เดิมทีเฉินเทียนเซิงตั้งใจเก็บแล็ปท็อปเอาไว้ เพราะมันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก เขาไม่ได้ตั้งใจจะคืนให้หลังจากยืมมาอยู่แล้ว

เขาคว้าไดรฟ์ USB และเปิดประตู ขณะเดียวกันลัวหมิงเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม

“ไงพี่เฉิน ไม่ได้นอนทั้งคืนเลยใช่ไหมเนี่ย?”

“รายงานอยู่ในนั้นหมดแล้ว คุณเอาไปสิ”

“เยี่ยมมาก ทันเวลาพอดี เดี๋ยวฉันจะกลับไปที่กองกำลังเร็ว ๆ นี้ พี่เฉิน ฝากดูแลหลานทั้งสองคนของฉันด้วยนะ”

หลังจากพูดคุยกัน ลัวหมิงกล่าวอำลาและจากไป

หลายคนตื่นนอนแต่เช้า แม้แต่คนที่ยังไม่อยากตื่นนอนก็ถูกปลุกด้วยกลิ่นหอมบางอย่าง

ทุกคนกลืนน้ำลายดังเอื้อก เดินออกจากเต็นท์ของตัวเองด้วยความงุนงง แน่นอนว่ากลิ่นหอมโชยมาจากรถบรรทุกคันนั้น พวกเขากำลังทำอาหารแสนอร่อย กลิ่นหอมของมันทำให้ทุกคนน้ำลายไหลย้อย

ในขณะที่เฉินเทียนเซิงและคนอื่น ๆ กำลังกินมื้อเช้า     เจิ้งเหว่ยก็เดินมาพร้อมกับทหารอีกคนที่แบกถุงเปื้อนเลือดไว้ในมือ

“กินข้าวกันอยู่เหรอ?”

เขาเป็นฝ่ายริเริ่มบทสนทนาก่อน จากนั้นก็โยนถุงบรรจุผลึกกลายพันธุ์ลงกับพื้น

“ต่อมไพเนียล 158 ก้อน แลกกับเสบียง 158 กล่องตามที่ตกลง”

เฉินเทียนเซิงผงะทันที เขาคาดไม่ถึงว่าทหารจะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ เขาเปิดปากถุงและเริ่มเช็กจำนวนผลึกกลายพันธุ์ ต้องก่อนบอกว่าผลึกกลายพันธุ์ในถุงนี้มีผลึกกลายพันธุ์ระดับสูงปนอยู่ด้วย ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าจริง ๆ

“ใช่แล้ว เชิญเลย เชิญขนเสบียงไปจากรถบรรทุกได้ตามสบาย”

นี่ถือเป็นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้บังคับบัญชารับรู้ถึงความสำคัญของผลึกกลายพันธุ์ ความมั่นใจของพวกเขาจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจและเสียดายอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้ร้องไห้ก็ไม่ทันซะแล้ว

เจิ้งเหว่ยพยักหน้าให้กับทหารที่อยู่ข้างหลัง บอกให้รีบเข้าไปในรถเพื่อขนเสบียงออกมา ขณะที่วางท่าออกคำสั่ง ก็พูดขึ้นว่า

“เดี๋ยวตอนเที่ยงอาจจะมีมาเพิ่มอีก แต่ผมเดาว่าเสบียงในรถบรรทุกของคุณคงไม่พอให้เราแลกเปลี่ยนหรอกมั้ง”

มุมปากของเฉินเทียนเซิงยกขึ้นเล็กน้อย

“พอน่ะพอแน่ ตราบใดที่คุณหาของพวกนี้มาแลกเปลี่ยนได้ ผมมีเสบียงไว้ให้คุณอย่างเพียงพอเสมอ”

เจิ้งเหว่ยอ้าปากค้าง เพราะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไม      เฉินเทียนเซิงถึงต้องการให้พวกเขาทำสิ่งที่น่าขยะแขยงแบบนี้

“พอจะบอกได้ไหม ว่าคุณอยากได้ของพวกนี้ไปทำไม?”

“ไม่สะดวกบอก” เฉินเทียนเซิงยื่นมือไปรับถุงบรรจุผลึกกลายพันธุ์มาอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจในภายหลัง

“โอเค ไว้เจอกันตอนเที่ยง”

เจิ้งเหว่ยเดินนำทหารที่ขนเสบียงแลกเปลี่ยนตามข้อตกลงจากไป

เฉินเทียนเซิงมองตามหลังพวกเขา ก่อนพูดด้วยเสียงต่ำว่า

“รีบกินข้าวกันเถอะ กินเสร็จแล้วเราต้องหาโอกาสออกไปข้างนอกสักหน่อย”

“ออกไปเหรอ ไปไหนล่ะ?”

“ออกไปจำกัดเสี้ยนหนามในอนาคตของเรา”

ทั้งสามคนอ้าปากค้าง หลังจากกลับมาได้สติ พวกเขาก็รีบกินอาหารตรงหน้าให้หมด แล้วจัดการทำความสะอาดจานชามให้เรียบร้อย

ทุกคนกระโดดขึ้นรถอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่างมีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง

เฉินเทียนเซิงสตาร์ทรถบรรทุกแล้วพูดว่า

“เมื่อวานนี้ฉันตรวจสอบแผนที่แล้ว เจอภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นใกล้กับปั๊มน้ำมัน อยู่ห่างออกไปจากค่ายประมาณ 10 กิโลเมตร”

ลัวหลงและลัวเฟิงพูดด้วยความลำบากใจ “เราคุ้นเคยกับพื้นที่แถวปั๊มน้ำมันดี ทำไมเราไม่เห็นรู้สึกเลยว่ามีอันตรายกำลังจะเกิดขึ้น?”

เฉินเทียนเซิงเตือน “อย่าลืมนะว่าทิศตะวันออกเฉียงใต้ของปั๊มน้ำมันมีฟาร์มเพาะพันธุ์ตั้งอยู่”

“จริงด้วย มีฟาร์มแห่งหนึ่งที่เลี้ยงไก่ เป็ด วัว และหมูส่งให้กับโรงฆ่าสัตว์ในเขตเจียงเฉิง ว่าแต่ สถานที่แบบนั้นจะมีอันตรายยังไงกัน?”

เฉินเทียนเซิงหมุนตัวกลับมาพร้อมกับสบถ

“คิดจะเมินเฉยทุกอย่างที่ฉันเคยสอนไปเลยหรือไง ลืมแล้วเหรอว่าหลังจากฝนกรดตกลงมา มนุษย์กลายเป็นซอมบี้ แล้วสัตว์จะกลายเป็นอะไรล่ะ?”

“สัตว์กลายพันธุ์!”

ลัวเฟิงตอบอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แสดงท่าทางตกใจระคนหวาดกลัว

“พระเจ้าช่วย ในฟาร์มนั้นมีสัตว์ปีกและปศุสัตว์อื่น ๆ อย่างน้อยหลายหมื่นตัว ถ้าพวกมันกลายเป็นสัตว์กลายพันธุ์ไปทั้งหมดแล้วล่ะ”

เฉินเทียนเซิงหันมาตอบอย่างมั่นใจว่า “ไม่ต้องกังวลไป ถ้าสัตว์กลายพันธุ์ต้องการวิวัฒนาการให้มีระดับสูงขึ้น พวกมันต้องกินผลึกกลายพันธุ์ในหัวมนุษย์หรือหัวของพวกซอมบี้ ปกติแล้ว สัตว์ชนิดเดียวกันจะไม่ฆ่ากันเอง ถ้าจะน่ากลัวก็น่ากลัวแค่จำนวนเท่านั้น สรุปก็คือฟาร์มแห่งนั้นไม่น่ามีสัตว์กลายพันธุ์ระดับสูง

“ฆ่าพวกมันซะตั้งแต่ตอนนี้ ยังดีกว่าฆ่าตอนที่พวกมันแข็งแกร่งขึ้น”

สิ่งที่เฉินเทียนเซิงพูดนั้นเป็นความจริง สามปีหลังจากเกิดวันสิ้นโลกเมื่อชาติที่แล้ว คลื่นสัตว์กลายพันธุ์ก็บุกเข้าโจมตีพื้นที่อาศัยของผู้รอดชีวิต และนั่นคือเหตุการณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับหยางเซวี่ย แน่นอนว่าสัตว์กลายพันธุ์พวกนั้นก็มาจากฟาร์มเพาะพันธุ์เดียวกันนี้แหละ

นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากในการต่อสู้ครั้งนั้น ไม่มีทหารคนไหนเลยในเขตกักกันที่รอดชีวิตกลับมา แสดงให้เห็นว่าภัยคุกคามนี้น่ากลัวมากแค่ไหน อีกทั้งโศกนาฏกรรมนี้ยังสร้างความสยดสยองให้กับความทรงจำเมื่อชาติที่แล้วของเขา

ถ้ายังปล่อยให้เหตุการณ์หายนะครั้งนั้นคงอยู่ในชาตินี้ เฉินเทียนเซิงไม่มีวันสบายใจแน่

แต่ในขณะที่รถบรรทุกกำลังจะออกจากเขตกักกัน พวกเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ขวางไว้

“นั่นพวกคุณจะไปไหน?”

“ออกไปทำธุระนิดหน่อย”

“ลืมหรือไง พวกคุณยังต้องกักตัวนะ”

“เดี๋ยวค่อยกลับมากักตัวใหม่ก็ได้ วันนี้ผมจำเป็นต้องออกไปจริง ๆ มีธุระด่วนเข้ามาพอดี”

เฉินเทียนเซิงพยายามเจรจากับผู้คุม แต่ผู้คุมของเขตกักกันก็ยังยืนกรานไม่ปล่อยพวกเขาออกไป ทำให้มีปากเสียงกัน และยังทำให้เจิ้งเหว่ยตื่นตระหนก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด