ตอนที่แล้วบทที่ 19 เทพีแห่งสงครามในอนาคต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 ลูกศิษย์

บทที่ 20 ระบบบังคับให้รับศิษย์


บทที่ 20

ระบบบังคับให้รับศิษย์

บนถนนที่ทรุดโทรมและรกร้าง ซอมบี้พุ่งเข้ามาโจมตีด้วยกรงเล็บอย่างหิวกระหาย

รถบรรทุกสินค้าที่เดิมทีต้องส่งสินค้าไปยังทางตะวันออก ตอนนี้ต้องมาวิ่งชนซอมบี้ในวันสิ้นโลก

“หึ ฮ่าๆๆ รถคันนี้เจ๋งชะมัด!”

ลัวหมิงพึมพำคนเดียวขณะขับรถ แม้ว่าปีนี้เขาจะอายุสี่สิบแล้ว แต่ก็สามารถผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาได้ รวมถึงได้ทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน

เฉินเทียนเซิงเห็นดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า

“รีบไปต่อกันเถอะ เราต้องหาที่ปลอดภัยข้างหน้าแล้วหยุดพัก”

ลัวหมิงตอบกลับอย่างตื่นเต้น

“ไม่มีปัญหา คุณอยากให้หยุดพักตรงไหนก็บอกได้เลย”

ขณะเดียวกัน

“ทำไมพวกคุณถึงช่วยฉันล่ะ?” หยางเซวี่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้างุนงง

“รถคันนี้เป็นของคุณ ที่บอกว่าจะยกให้มันเป็นแค่สัญญาปากเปล่า คุณต้องให้สัญญากับผมอย่างเป็นทางการ”

สิ่งที่เฉินเทียนเซิงขอก็ไม่ต่างจากเรื่องไร้สาระ นี่คือวันสิ้นโลก สัญญาอย่างเป็นทางการเป็นแค่สิ่งไร้ประโยชน์

แต่คำตอบนี้กลับสร้างความมั่นใจให้กับหยางเซวี่ยเป็น อย่างมาก นอกจากจะผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายมาได้ ยังได้รับการคุ้มครองอีก

“สัญญาที่ว่า คุณจะให้ฉันทำอะไรเหรอ?”

เฉินเทียนเซิงตอบกลับว่า

“คือว่า ถ้าคุณจะมากับผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น เอาจริงผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะ แต่ถ้าไม่สบายใจ อีกไม่กี่วันทีมกู้ภัยของรัฐจะเริ่มออกไปให้ความช่วยเหลือแล้ว ถ้าเจอทีมกู้ภัยเมื่อไหร่ เราจะส่งตัวคุณให้เขาพาไปที่ปลอดภัยทันที”

“ก็ดี”

หยางเซี่ยตอบอย่างไม่ลังเล เนื่องจากเธอไม่มั่นใจว่าเจตนาที่แท้จริงของคนกลุ่มนี้คืออะไร

ถึงอย่างนั้น ลัวหมิงและหลาน ๆ ของเขาก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้เหมือนเดิม

การไปที่คลังสินค้าคือความคิดของเฉินเทียนเซิงทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงอีก 4 คนติดอยู่ที่นั่น แต่เขากลับช่วยเธอเพียงคนเดียว โดยไม่สนว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ จะเป็นหรือตาย ซึ่งไม่สมเหตุสมผลเลย

ขณะที่ตั้งสมาธิขับรถอยู่นั้น ลัวหมิงคาดเดาว่าเฉินเทียนเซิงต้องรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อนแน่ ๆ ถึงได้ไปที่คลังสินค้าเพื่อช่วยเธอโดยเฉพาะ

ไม่นานเฉินเทียนเซิงก็พูดขึ้นมาว่า

“จอดรถ”

“โอเค”

ด้วยน้ำหนักของรถบรรทุก จึงเบรกเลยจากจุดที่ต้องการหยุดไปเล็กน้อย

เฉินเทียนเซิงเปิดประตูแล้วลงจากรถ ก่อนใช้ขวานดับเพลิงชี้ไปที่จุดพักรถริมถนนเจียงซาน

“คุณลัวหมิง รีบเข้าไปที่นั่นกันเถอะ”

ลัวหมิงลงจากรถแล้วถามด้วยสีหน้างุนงงว่า

“จะไปไหน?”

เฉินเทียนเซิงใช้ขวานดับเพลิงชี้ไปข้างหน้าอีกครั้ง

“ร้านเสื้อผ้านั่นไง คุณจะไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้าหน่อยเหรอ หรือว่าชอบที่เธอเปลือยกาย?”

“อา เข้าใจแล้วน่า”

ลัวหมิงช่วยพยุงหยางเซวี่ยลงจากรถ ก่อนคอยคุ้มกันเธอระหว่างวิ่งเข้าไปในร้านเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว

“คุณต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว ๆ นะ เอาล่ะ!”

เฉินเทียนเซิงถือขวานดับเพลิงขึ้นมา ก่อนตะโกนล่อ   ซอมบี้ไปทางอื่น

เมื่อลัวหมิงและหยางเซวี่ยเข้ามาในร้านเสื้อผ้า หลังจากเช็กให้แน่ใจแล้วว่าข้างในปลอดภัย ก็เริ่มหาเสื้อผ้าเปลี่ยนทันที

“รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวเราคอยคุ้มกันให้”

ลัวหมิงเดินไปนั่งยอง ๆ ที่หน้าประตูพร้อมถือพลั่วไว้ คอยนั่งสังเกตสถานการณ์ผ่านช่องกระจกที่แตก

ที่นี่คือร้านขายเสื้อผ้าริมถนนธรรมดา เธอจึงหาอะไรที่พอหาได้มาใส่ก่อน

ตอนนี้หยางเซวี่ยมีเพียงเสื้อกั๊กตัวเดียว ซึ่งปกปิดร่างกายไม่ได้ทั้งหมด เธอจึงรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมทันที เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ก็วิ่งไปหารองเท้าผ้าใบมาสวม หลังจากนั้นเธอเผอิญเหลือบไปเห็นกรรไกรตกอยู่บนพื้น

เธอเลยนึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมา

อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิง!

เมื่อนึกถึงประโยคนี้อีกครั้ง เธอหยิบกรรไกรขึ้นมาแล้วตัดเส้นผมที่ยาวสลวยอย่างไม่ลังเล

ลาก่อนนะตัวฉันเมื่อก่อน หลังจากนี้จะไม่อ่อนแออีกแล้ว!

...

เฉินเทียนเซิงใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถจัดการซอมบี้ทุกตัวในละแวกนี้จนหมด

หลังจากนั้น ขณะที่เขากำลังขุดหาเอาผลึกกลายพันธุ์

ลัวหมิงก็เดินเข้ามาเพื่อถามอะไรบางอย่าง

“นี่คุณเฉิน ฉันขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม?”

เฉินเทียนเซิงไม่ได้ใส่ใจอะไร จึงตอบอย่างติดตลกกลับไปว่า

“ถ้าจะพูด ไปยืนตดดีกว่า!”

ลัวหมิงถูมือไปมา ก่อนกัดฟันแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว คุณเก่งมากจริง ๆ แถมยังใจดี แล้วก็รอบรู้ด้วย!”

เฉินเทียนเซิงเงยหน้าขึ้นก่อนมองตาลัวหมิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“อย่าพูดประจบประแจงผมเลย พูดมาตรง ๆ”

“หึหึหึ”

ลัวหมิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนตัดสินใจพูดออกมาว่า

“ฉันแค่คิดว่า ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีอยู่จริง หรือสักวันหนึ่งฉันตายขึ้นมา แถมหลานทั้งสองคนยังก็เด็กมาก คุณพอจะรับพวกเขาเป็นศิษย์ได้ไหม ถึงฉันไม่อยู่ แต่พวกเขายังได้อยู่กับคุณและได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ถ้าคุณรับปากฉันก็ตายตาหลับแล้ว”

“ศิษย์!”

เฉินเทียนเซิงตกตะลึงทันที

ไม่ใช่คำขอของลัวหมิงที่ทำให้ตกใจ แต่เป็นสิ่งใหม่ที่ปรากฏขึ้นในระบบ

เมื่อได้ยินประโยคของเขา ระบบจึงมีการแจ้งเตือนขึ้นมา พร้อมกับหน้าสถานะใหม่

“หน้าสถานะลูกศิษย์เปิดแล้ว!”

ล้อเล่นน่า!

เฉินเทียนเซิงรู้สึกงุนงง เนื่องจากไม่เคยเห็นหน้าสถานะลูกศิษย์มาก่อน และระบบก็เด้งหน้านี้ขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินคำว่าศิษย์

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมระบบถึงมีหน้าสถานะที่ยังไม่ปลดล็อกอีกมากมาย

แค่คำคำเดียวก็เด้งขึ้นมาเฉยเลย!

ระบบ นี่นายซ่อนฟังก์ชันนี้มาตลอดเลยเหรอ?

เฉินเทียนเซิงบ่นในใจ

เมื่อเห็นว่าเฉินเทียนเซิงเงียบไป ลัวหมิงจึงพูดอย่างประหม่าว่า “คุณเฉิน?”

“อืม รอเดี๋ยวนะ ขอเวลาผมตัดสินใจก่อน!”

หน้าสถานะลูกศิษย์เพิ่งเปิดขึ้นมา และเขายังไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลย จึงด่วนตัดสินใจไม่ได้

เขาจึงอ่านคำอธิบายในหน้าสถานะอย่างละเอียด

คำอธิบายจากระบบมีอยู่ว่า

หลังจากเปิดหน้านี้ แล้วผู้ใช้มีการรับคนเข้ามาเป็นศิษย์ ผู้ใช้จะมีสถานะเป็นอาจารย์ และอาจารย์จะได้รับคะแนนครึ่งหนึ่งจากซอมบี้ที่ศิษย์ฆ่า

“กว่าจะรู้เรื่องนี้!”

เฉินเทียนเซิงรู้สึกหงุดหงิดกับระบบจริง ๆ ปรากฏว่าระบบได้คิดแทนเขาทุกอย่างแล้ว จึงทำให้เขาแลกแพ็กของขวัญจนรับยาปรับเปลี่ยนลำดับยีนมาสองขวด อย่างน้อยศิษย์ในอนาคตของเขาก็ไม่ได้รับผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว

โชคดีที่ระบบยังมีจิตสำนึก ถ้าศิษย์ฆ่าซอมบี้ได้ อาจารย์ก็ได้คะแนนด้วย อย่างน้อยก็ไม่สูญเปล่า

ก่อนหน้านี้ เขากังวลมากที่จะให้ยาปรับเปลี่ยนลำดับยีนแก่สองพี่น้องตระกูลลัว และตัดสินใจจะเก็บไว้ใช้เอง แต่ตอนนี้เขาไม่กังวลและไม่คิดแบบนั้นแล้ว

หลังจากไตร่ตรองทุกอย่าง เฉินเทียนเซิงก็วางท่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทันที

“ศิษย์เหรอ จะรับหรือไม่รับดี!”

ลัวหมิงตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ทันที่เขาจะได้พูดเสริม เฉินเทียนเซิงก็ชิงพูดก่อนว่า

“ผมคิดเรื่องนี้อยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”

ขณะเดียวกันหยางเซวี่ยเดินออกมาจากร้านพอดี แล้วเดินเข้ามาพูดว่า

“เรียบร้อยแล้ว ไปกันเถอะ”

ทั้งสองตกใจจนตาค้าง เมื่อเห็นลุคล่าสุดของเธอ จากที่ไว้ผมยาวพลิ้วไสว ตอนนี้เหลือเพียงผมสั้นที่ยุ่งเหยิง แถมผมหน้าม้ายังดูกระเซอะกระเซิงบดบังวิสัยทัศน์ไปหมด

แต่เฉินเทียนเซิงกลับรู้สึกว่าแบบนี้น่ามองกว่ามาก เพราะลุคของเธอในตอนนี้ใกล้เคียงกับเทพีแห่งสงครามในชาติก่อนไม่มีผิด

“มีอะไรแปลกรึเปล่า?”

หยางเซวี่ยถามพร้อมกับแสดงแววตาแน่วแน่

“ไม่มี ผมสั้นเหมาะกับคุณมาก”

เฉินเทียนเซิงตอบกลับแล้วสั่งทุกคนว่า

“งั้นเดินทางต่อกันเถอะ ใกล้มืดแล้ว ต้องรีบหน่อย!”

ทุกคนกระโดดขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ก่อนสตาร์ทรถแล้วไปตามทางที่เฉินเทียนเซิงบอก หลังจากนั้นพวกเขาก็มาถึงเขตพัฒนาก่อนค่ำพอดี

ตอนนี้สภาพแวดล้อมภายในสวนและชุมชน ต่างจากตอนที่เฉินเทียนเซิงจากมาอย่างลิบลับ

เมื่อเข้ามาถึง เขาก็ลงจากรถไปจัดการซอมบี้ในละแวกนี้ เนื่องจากเวลาเหลือน้อย ทำให้ฆ่าซอมบี้ไม่ได้ทั้งหมด จึงเหลือซอมบี้เดินเพ่นพ่านอยู่ข้างนอกและตามบริเวณใกล้เคียงอยู่อีกจำนวนหนึ่ง

“ไม่ทันแฮะ จะทำยังไงต่อดี?”

เฉินเทียนเซิงหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง

ถ้าฝืนขับรถไปต่อข้างหน้าตอนนี้ก็มีแต่ผลาญเสบียงไปวัน ๆ สู้รอให้ทีมกู้ภัยมาเจอเราในวันพรุ่งนี้ แล้วตามกลับไปที่กองกำลังคงดีกว่า

ในสถานการณ์แบบนี้ หรือจะสละเสบียงบางส่วนกับคนอื่นทิ้งไว้ที่นี่ดี

จริงด้วย...

เมื่อคิดแผนดี ๆ ออก เขาก็หันไปมองลัวหมิงด้วยสีหน้าแปลก ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด